ตอนนี้เศรษฐกิจก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวจนหลายคนมีสถานภาพทางการเงินที่ดีกว่าเดิม และแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาการเงินที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอีกแน่นอน เพื่อนๆ หลายคนจึงเริ่มหันมาสนใจในการลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม แต่การจะลงทุนในหุ้น หรือบิทคอยล์ก็รู้สึกว่ารายละเอียดเยอะเกินไปจนทำให้ปวดหัว คำถามสุดท้ายจึงเป็นซื้อทอง หรือที่ดิน ดีกว่า เพราะการลงทุนทั้ง 2 รูปแบบนี้ค่อนข้างง่ายสำหรับมือใหม่ สำหรับใครที่สนใจ เราจะพาทุกคนไปไขคำตอบกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข้อควรรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ไขข้อสงสัย สำหรับนักลงทุนมือใหม่ซื้อทอง หรือที่ดิน ดีกว่ากัน

ไขข้อสงสัย สำหรับนักลงทุนมือใหม่ซื้อทอง หรือที่ดิน ดีกว่ากัน

ซื้อทอง หรือที่ดิน ดีกว่าเป็นคำถามที่นักลงทุนมือใหม่หลายคนสงสัย นั่นก็เป็นเพราะว่าการลงทุนทั้งสองอย่างนี้ค่อนข้างง่าย ไม่ต้องดูกราฟเป็น ไม่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถเรื่องการลงทุนอะไรมากมาย อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีได้อย่างแน่นอน ถึงอย่างนั้น ต้องยอมรับเหมือนกันว่าทุกการลงทุนบนโลกใบนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง และมันยังมีอุปสรรคมากมายที่จะขัดขวางการสร้างกำไรในการลงทุนของเรา

ที่สำคัญคือ การลงทุนทั้ง 2 ประเภทนี้ล้วนแล้วแต่ใช้เงินทุนมหาศาลเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น เราจึงต้องมั่นใจก่อนว่าการลงทุนในครั้งนี้จะทำกำไรได้อย่างแน่นอน แล้วค่อยลงเงินไปกับมัน เราเลยจะพาทุกคนไปดูกันว่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนในทองคำมีความแตกต่างกันอย่างไร มีอะไรที่เราควรรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนกันบ้าง

ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

สำหรับนักลงทุนรายย่อย การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะมี 5 + 1 ประเภท ประกอบไปด้วย บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด คอนโดมิเนียม และอาคารพาณิชย์ เวลาลงทุนเราต้องศึกษาให้ดีว่าสิ่งก่อสร้างที่เราซื้อไป เวลาจดทะเบียนกับกรมที่ดินจะอยู่ใน 5 ประเภทนี้หรือไม่ ส่วนอีกหนึ่งประเภทที่เหลือคือที่ดินเปล่า กว่าในอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ใคร ไม่มีค่าเสื่อมสภาพ ยิ่งตรงไหนทำเลดี บอกเลยว่าทำกำไรงามสุดๆ

สำหรับการทำกำไรในอสังหาริมทรัพย์จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประกอบไปด้วยการขายต่อ และการให้เช่า แต่ละประเภทจะแตกต่างกัน ดังนี้

การขายต่อ

ในปัจจุบันทั้งคอนโดมิเนียม และบ้านมือใหม่ที่อยู่ในตัวเมือง มีความสะดวกสบายทั้งในการเดินทาง และการใช้ชีวิต ราคาได้ถีบตัวสูงขึ้นไปอย่างหน้าเหลือเชื่อ บ้าน หรือคอนโดมิเนียมเก่ามือสอง โอกาสที่จะขายได้เทียบเท่ากับของใหม่ค่อนข้างน้อย ยกเว้นว่าเราจะมีความสามารถในการออกแบบและปรับปรุงบ้าน เพราะมีหลายคนที่ลงทุนด้วยการซื้อบ้านเก่ามารีโนเวทใหม่แล้วขายในราคาที่สูงขึ้นเหมือนกัน

แต่ปัญหาก็คือ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่เราซื้ออสังหาริมทรัพย์มาแล้วจะสามารถขายได้เลยในทันที บางครั้งขายไม่ออก บ้านติดอยู่ในมือเรานานจนเกินไป มันก็ส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้นเหมือนกัน เพราะเราต้องเสียทั้งค่าส่วนกลาง ค่าดูแลรักษา ค่าธรรมเนียมการโอนอีก 2% ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% มันจึงเป็นการลงทุนที่เมื่อซื้อแล้วต้องมั่นใจว่าจะสามารถปล่อยออกได้โดยเร็วที่สุด

การให้เช่า

เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม เพราะเราไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ให้ได้มาครอบครอง ขอเพียงแค่มีเงินดาวน์ จากนั้นก็ปล่อยให้คนอื่นมาเช่าอสังหาริมทรัพย์ เก็บค่าเช่าที่ได้รับไปผ่อนกับธนาคาร พอครบเวลาเราก็จะได้สินทรัพย์นั้นมาเป็นของตัวเอง วิธีการลงทุนแบบนี้จะได้ผลกำไรดี และน่าลงทุน ก็ต่อเมื่อเรามีเงินเย็นเอาไว้ดาวน์จำนวนมากพอที่จะมียอดผ่อนชำระต่ำกว่าค่าเช่ารายเดือน ไม่อย่างนั้นมันก็เท่ากับว่าเราซื้อคอนโดมาให้คนอื่นอยู่ ให้คนอื่นผ่อน ถึงแม้ว่าสุดท้ายมันจะเป็นของเรา แต่ต้องไม่ลืมเรื่องค่าเสื่อมสภาพของตัวห้องด้วยเหมือนกัน

อีกหนึ่งปัญหาที่คนลงทุนต้องเผชิญกับการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ก็คือ มันเป็นรูปแบบการลงทุนที่ง่าย ได้รับความนิยม คู่แข่งในตลาดจึงค่อนข้างเยอะ มีบางคนตัดราคาค่าเช่ากันแบบโหดร้าย เงินที่ได้มาอาจไม่เพียงพอสำหรับการผ่อนธนาคารในแต่ละงวดด้วยซ้ำไป แบบนั้นก็ไม่แตกต่างอะไรจากการขาดทุน นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการขึ้นค่าเช่าด้วย หากเราปล่อยเช่าราคาเท่าเดิมหลักสิบปี ในแต่ละปีก็มีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นประจำ มันก็ไม่แตกต่างอะไรจากการที่เราต้องขาดทุนไปทุกปี แถมยังเพิ่มขึ้นตามเวลาที่เราปล่อยเช่าในราคาเดิมอีกต่างหาก

ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามา การลงทุนด้วยการซื้อที่ดินจึงกลายเป็นวิธีการลงทุนที่ต้องอาศัยความอดทนค่อนข้างสูง เพราะสภาพคล่องของมันค่อนข้างต่ำ ค่าใช้จ่ายในการขายต่อถือว่าไม่น้อยเลย ทั้งค่าโอน ภาษีธุรกิจเฉพาะ แต่ข้อดีของมันก็คือสามารถเก็บได้นาน ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่กำไรก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น หรือถ้าใครไม่อยากแบกรับความเสี่ยงเรื่องค่าเสื่อมของตัวอาคาร จะหันไปลงทุนในที่ดินเปล่าก็ได้เหมือนกัน

ลงทุนในทองคำ

การลงทุนในทองคำถือว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการลงทุนที่ง่าย และน่าสนใจ เพราะเราไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เบื้องลึกเบื้องหลังด้านการลงทุนถึงขนาดนั้น เราก็สามารถซื้อมาเก็บไว้ในช่วงที่ราคากำลังลง และขายออกไปในช่วงที่ราคาขึ้นได้ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ราคาขึ้นโดยตลอด นับตั้งแต่เดือนมกราคมในปี 2514 มาจนถึงในปัจจุบัน มีผลสำรวจพบว่าราคาทองคำสามารถมอบผลตอบแทนให้กับเหล่านักลงทุนได้ถึง 7.78% ต่อปีเลยทีเดียว เอาชนะอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาได้กว่า 4.08% ยิ่งช่วงวิกฤต ผลตอบแทนยิ่งเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

ที่สำคัญ มันเป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างปลอดภัย แม้แต่ในช่วงเวลาวิกฤตที่สุด ค่าเงินจะผันผวนมากแค่ไหน แต่ค่าของทองคำกลับแทบไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากๆ เพราะมันคือแร่หายากที่สามารถจับต้องได้จริง เคยใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนไปทั่วทั้งโลก และในบางประเทศยังใช้มันเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศอีกต่างหาก สภาพคล่องก็สูง เดินไปไหนมาไหนก็มีร้านทองที่รับซื้อขายทองอยู่เต็มไปหมด เมื่อไหร่ที่เราขาดสภาพคล่องทางการเงิน เราสามารถเอาท้องไปขายได้เลยในทันที

แต่ปัญหาก็คือ หากเปรียบเทียบระหว่างที่ดิน และทองคำ ทองคำกลับเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงราคาตกมากกว่าที่ดินเสียอย่างนั้น เพราะราคาของทองคำจะมีความผันผวนจากหลากหลายปัจจัย ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้สามารถส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ทั้งนั้น ในขณะที่อสังหาริมทรัพย์กลับมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดความผันผวนของราคาน้อยกว่า ถึงจะเป็นสินทรัพย์ที่ยิ่งเก็บไว้นาน ยิ่งราคาสูง แต่ทองคำยังมีบางช่วงเวลาที่ราคาตกเหมือนกัน

เลือกการลงทุนในที่ดิน หรือทองคำอย่างไร ให้เหมาะกับเรา

เลือกการลงทุนในที่ดิน หรือทองคำอย่างไร ให้เหมาะกับเรา

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อที่ดิน หรือซื้อทองคำเก็บไว้ดี เพราะการลงทุนทั้ง 2 รูปแบบก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเช่นกัน เราเลยจะพาทุกคนไปดูกันว่าการลงทุนแต่ละรูปแบบเหมาะสำหรับใครกันบ้าง

ลงทุนในที่ดิน

เหมาะสำหรับคนที่มีเงินเย็น หรือสามารถวางแผนจัดการค่าเช่าอย่างเป็นระบบเพื่อไม่ให้ตนเองขาดทุนในแต่ละปี เพราะที่ดินเป็นสินทรัพย์ที่สภาพคล่องค่อนข้างต่ำ ถึงจะราคาไม่ตกแม้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่ปัญหาก็คือยิ่งราคาสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งขายออกยากขึ้นเท่านั้นด้วย หากจะปล่อยให้เช่าก็ต้องระบุในสัญญาเช่าอย่างตรงไปตรงมาว่าจะมีการขึ้นค่าเช่าตามสภาพเศรษฐกิจเช่นกัน และต้องเป็นคนที่พร้อมยอมรับความเสี่ยงทั้งค่าเสื่อมสภาพ หรือผู้เช่าทำลายทรัพย์สินในห้องพัก

ลงทุนในทองคำ

เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาก็สามารถขายออกได้เลยในทันที ยอมรับความผันผวนของราคาได้บ้าง สามารถอดทนรอวันที่ราคาจะกลับมาขึ้นจนได้รับกำไรตามความต้องการจึงจะขายออกไป อยากได้สินทรัพย์ที่ความเสี่ยงต่ำ เน้นทำกำไรในช่วงสั้นๆ อย่างเช่นซื้อในช่วงที่ราคาลง หลังจากนั้นก็รีบขายทันทีเมื่อราคาขึ้นถึงจุดที่ต้องการ

สรุปแล้ว ซื้อทอง หรือที่ดิน ดีกว่า คำตอบก็คือขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการที่จะลงทุนแบบไหน หากต้องการลงทุนในระยะยาว มั่นใจว่าที่ดินของตนเองจะเป็นที่ต้องการในอนาคตอย่างแน่นอนลงทุนในที่ดินจะได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง และเอาชนะเงินเฟ้อได้ง่าย แต่ถ้าเป็นการปล่อยเช่าก็ต้องคำนวณเรื่องรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเรียบร้อยแล้วให้ดี เพราะมีโอกาสสูงที่ทำไปทำมาแล้วจะเข้าเนื้อ หากต้องการลงทุนในระยะสั้น สภาพคล่องสูง ความเสี่ยงต่ำ ก็ต้องทองคำเลย เพราะซื้อง่ายขายคล่อง สามารถอาศัยการผันผวนของราคาในการทำกำไรได้ หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง