ถ้าให้พูดถึง 2 อย่างนี้อาจจะดูเหมือนว่าหลายๆคนจะรู้จักและคุ้นเคยกับคำว่าหุ้นมากกว่ากองทุนรวมใช่มั้ยคะ? แต่รู้หรือไม่ว่าทั้งสองอย่างนี้ก็มีความเหมือนที่แตกต่างกันอยู่ค่ะ วันนี้จึงอยากเอาข้อมูลและรายละเอียดมาให้ได้อ่านเป็นเกร็ดความรู้และเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคนที่สนใจเรื่องการลงทุนกันอยู่บ้างนะคะ เรื่องหลักๆที่จะเอาฝากกันก็คือ เรื่องของกองทุนรวมคืออะไร และหุ้นคืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างกับการลงทุนในสองอย่างนี้ ทุกคนก็จะได้เห็นถึงความแตกต่างของสองอย่างนี้น่าจะชัดเจนมากขึ้นค่ะ
กองทุนรวมคืออะไร?
designer491/shutterstock.com
กองทุนรวม (Mutual Fund) เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ลดความเสี่ยงและเป็นการลงทุนอันดับต้นๆแรกๆที่จะช่วยต่อยอดความมั่นคงทางการเงินของคุณได้ เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ใช้เงินลงทุนไม่มากถ้าคุณมีเงินน้อยแต่อยากที่จะลงทุน ช่วยลดความเสี่ยงที่งเนน้อยๆของคุณจะไม่หายไปจากการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ และมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการเงินของคุณ ประเภทของกองทุนรวมก็จะมีดังนี้ค่ะ
- กองทุนรวมตลาด
- กองทุนรวมตราสารหนี้
- กองทุนรวมผสม
- กองทุนรวมตราสารทุน
- กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ
ข้อดีของการลงทุนแบบกองทุนรวม
การลงทุนกองทุนรวมมีมืออาชีพ
นี่เป็นข้อดีที่ดีมากเพราะกองทุนรวมนั้นมีมืออาชีพคอยให้การดูแลการลงทุนของคุณ คุณเองไม่ต้องไปใช้เวลา หรือเสียเวลากับการไปติดต่อ หรือทำธุรกรรมอะไรใดๆก็ตามทั้งสิ้นหลังจากที่ได้ลงทุนไปแล้ว แค่รอติดตามผลอยู่ที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็มักจะตรวจอบผลประโยชน์หรือกำไรที่คุณจะได้รับนั้นผ่านทางแอปพลิเคชั่นต่างๆผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้ด้วย เป็นกาลงทุนที่สะดวกมากจริงๆค่ะ
การลงทุนกองทุนรวมใช้เงินลงทุนไม่มาก
คุณสามารถเริ่มต้นการลงทุนตั้งแต่หลักพันขึ้นไป ก็แล้วแต่ว่าคุณไปใช้บริการของสถาบันการเงิน หรือธนาคารไหนก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่เงือ่นไขและสัญญาของที่นั้นๆ และแต่ละที่ก็มีกองทุนรวมหลายๆประเภทให้คุณได้เลือกให้เหมาะสมกับตัวคุณและเงินของคุณค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมในแบบ พันธบัตร ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หรือจะเป็น Go Inter หรือจะเลือกแบบการลงทุนเพื่อประหยัดภาษี ทั้งหมดนี้นั้นมีให้เลือกในการลงทุนกับกองทุนรวมทั้งสิ้น และยังมีให้เลือกระยะเวลาด้วยนะคะ ก็จะมีการลงทุนในระยะสั้นและในระยะยาวให้เลือกกันด้วยค่ะ ตามความสะดวกใจของคุณแต่ละคนไปค่ะ
การลงทุนกองทุนรวมช่วยลดความเสี่ยง
อย่างที่บอกไปว่าการลงทุนในกองทุนรวมนั้นใช้เงินไม่มาก เมื่อใชเงินไม่มกแล้วก็ยังลดความเสี่ยงที่คุณจะสูยเสียเงินจำนวนน้อยนั้นไปอีกด้วยค่ะ เพราะว่าตามชือ่นะคะ บอกว่ากองทุนรวมดังนั้นกองทุนรวมจะนำเงินของผู้ที่ลงทุนมารวมกันเพื่อให้เป็นเงินลงทุนก้อนใหญ่ แล้ะวจึงค่อยนำเงินนั้นไปลงทุนในหลักทรัพย์ หรือในรายการทรัพย์สินประเภทอื่นต่อไป ซึ่งช่วยในการกระจายการลงทุนเพิ่มผลประโยชน์และช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้นค่ะ นี่ก็คือข้อดีฉบับคร่าวๆที่เอามาฝากให้คุณได้อ่านกันนะคะ ซึ่งดูแล้วก็มีข้อดีที่ง่ายๆสะดวกต่อการลงทุนและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดมากกว่าการลงทุนในแบบอื่นๆ และทำให้คุณไม่ค่อยจะต้องมาเสียเวลา หรือเงินก้อนใหญ่เลยแม้แต่น้อย แต่กลับจะเป็นการเพิ่มเงินน้อยๆที่คุณมีให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถึงแม้จะทีละเล็กทีละน้อยแต่ก็ดีกว่าไม่มีการเพิ่มมีแต่จะลดว่ามั้ยคะ? คิดว่าทุกคนคงจะเห็นด้วยนะคะ แต่ข้อเสียหล่ะจะมีบ้างหรือเปล่า ขอบอกเลยค่ะว่ามีเช่นกัน เรามาดูข้อเสียของกองทุนรวกันค่ะ
ข้อเสียของการลงทุนแบบกองทุนรวม
การลงทุนกองทุนรวมเราไม่มีสิทธิ์จัดการเงินลงทุนเอง
มันก็เหมือนกับว่าคุณส่ง้งินไปให้อยู่ในความดูแลของคนอื่น เหมือนการส่งลูกไปโรงเยนในระหว่างอยู่ที่โรงเรียนทางโรงเรียนก็เป็นคนดูแลลูกๆของคุณ ดังนั้นการลงทุนในกองทุนรวมก็เหมือนเอาเงินที่เป็นเหมือนลูกไปให้ทางธนาคารหรือสถาบันทางการเงินดูแลนั่นเอง ซึ่งถ้าการดูแลเงินขิงเขานั้นไม่ค่อยถูกใจคุณสักเท่าไหร่หรือไปลงทุนในส่วนของทรัพย์ที่เราไม่เห็นด้วยเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เยอะค่ะ
การลงทุนกองทุนรวมเก็บค่าธรรมเนียมแพง
คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหมคะ? กองทุนรวมในแบบ Active ตัวนี้ก็จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่แพงอยู่ เพราะว่าอะราถึงเก็บแพง ก็เพราะว่ากองทุนตัวนี้ต้องการเอาชนะเกณฑ์มาตรฐาน จึงจะต้องใช้ความรู้ความสามารถในการลงทุน กองทุนรวมแบบ Active นั้นคือ กองทุนที่ผู้ถือหุ้นจะต้อพยายามเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ได้ตั้งไว้ เช่น เซ็ต 100 , เซ็ต 50 เป็นต้น คือต้องพยายามเล่นหุ้นในกองทุนรวมนี้ให้ได้ผลกำไรมากๆมากกว่าตลาดเท่าไหร่ได้ยิ่งจะได้ผลตอบแทนมากเท่านั้นจึงจะเป็นกองทุนรวม Active ที่ดีค่ะ
การลงทุนกองทุนรวมราคาของกองทุนรวม ( NAV ) ไม่อัพเดตแบบ Real-time
ซึ่งจะไม่เหมือนการลงทุนแบบอื่นๆเช่นการลงทุนในหุ้น ที่เราจะสามารถเห็นตัวเลขอยู่เสมอๆ เราสามารถดูและเช็คตัวเลขขึ้นลงได้ในการลงทุนกับหุ้น แต่กงทุนรวมนั้นเราไม่ค่อยจะเห็นตัวเลขแบบละเอียดสักเท่าไหร่ แต่ที่เราจะสามารถเห็นได้ คือ ราคาของ ( NAV ) ที่จะเปลี่ยนไปวันละหนึ่งครั้งเท่านั้นค่ะ
การลงทุนกองทุนรวมมีการซื้อ/การขาย ที่ทำได้ช้ากว่าการที่คุณลงทุนเองในตลาดหุ้น
อันเนื่องมาจาก ราคา (NAV) จะมีการอัพเดตตอยหมดวันนั้นๆ ดังนั้นเราสามารถซื้อหรือทำการลงทุนต่อได้ก็ต่อเมื่อหมดวันนั้นแล้วเท่านั้น และในแต่ละกองทุนก็จะมีเวลาปิด/เปิดการซื้อขายที่ไม่เท่ากันอาจจะทำให้คุณเช็คได้ยากหน่อย จึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีๆค่ะ สรุปว่าการลงทุนในกองทุนรวมนั้นก็ถือเป็นการลงทุนที่เป็นทางเลือกที่ดี สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่รายได้น้อยงบน้อย ไม่มีความสามารถและประสบการณ์แต่ก็อยากประสบความสำเร็จก็ควรจะเลือกทางนี้ แต่อย่างว่ามีข้อดีก็มีข้อเสีย แต่เพื่อเราจะไม่ให้ข้อเสียนี้มาทำร้ายเงินของเรามากเกินไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะศึกษาหาข้อมูลอย่างดี และคอยติดตามผลของเงินลงทุนที่ลงไปด้วยนะคะ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยไปเลยแบบนั้นก็แย่หน่อยนะคะ
หุ้นคืออะไร?
Jirapong Manustrong/shutterstock.com
สั้นๆง่ายๆเลยนะคะ หุ้น คือความเป็นเจ้าของกิจการที่ถูกแบ่งขายออกมาเพื่อให้มีการร่วมลงเงินร่วมกันเพื่อส่งเสริมกิจการร้านค้า หรือธุรกิจประเภทอื่นๆนั่งเองค่ะ และบทความนี้ที่เอามาฝากให้ได้อ่านกันก็จะมีข้อมูลที่ดีสำหรับนักลงทุนไม่ว่าหน้าใหม่หน้าเก่าเพื่อเลือกอย่างดีมีข้อมูลที่ดีในการลงทุน เรามาดูถึงทั้งข้อดีและข้อเสียของการเล่นหุ้นกันค่ะ
ข้อดีของการลงทุนแบบหุ้น
การลงทุนแบบหุ้นเริ่มต้นด้วยเงินไม่มาก
สามารถเริ่มการลงทุนด้วยเงินในหลักร้อยหลักพันได้นี่ก็คล้ายๆกับการลงทุนแบบกองทุนรวมค่ะ ซึ่งการลงทุนในหุ้นนั้นก็ไม่ใช่การทำธุรกิจของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องไปใช้เงินสำหรับเปิดธุรกิจในหลักแสนหลักล้าน ดังนั้นการลงทุนในแบบหุ้นก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
การลงทุนแบบหุ้นมีสภาพทางการงเนคล่องกว่าการทำธุรกิจด้วยตัวเอง
การลงทุนในหุ้นนั้นเปิดโอกาสให้เราในหลายๆด้านและเราสามารถเลือกการลงทุนได้ในหลายๆแบบได้แทบจะตลอดเวลา ถือได้ว่ามีสภาพคล่องตัวที่สูงมาก ถ้าในฐานะที่คุณเป็นนักลงทุนการลงทุนในหุ้นนั้นทำให้คุณสามารุเลือกได้ว่าจะลงทุนในธุรกิจอะไรแบบไหนตามความชอบได้ และสามารุที่จะขายหุ้นที่ซื้อหรือลงทุนไปได้ด้วยเมื่อไม่ต้องการแล้วซึ่งง่ายกว่าการที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจเองและอยากจะจบหรือปิดกิจการในแบบที่จะได้ทุนคืนนั้นค่อนข้างจะทำได้ยากกว่าการซื้อขายหุ้น จึงค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่นมากกว่าค่ะ
การลงทุนหุ้นเราไม่ต้องบริหารธุรกิจเอง
เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของกิจการร้านค้า หรือบริษัทได้โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเวลาในการทำงานลงมือลงแรงเอง เราแค่ลงเงินเท่านั้นการบริหารจัดการก็ยังเป็นหน้าที่ของเจ้าของกิจการตัวหลักอยู่เพียงแต่เราได้เป็นส่วนหนึ่งเพราะเราเอาเงินขิงเรานั้นไปช่วยสมทบสนับสนุนกิจการของคนอื่นให้เติบโตมากขึ้นเท่านั้น และเราก็ยังไปผลกำไรตอบแทนด้วยซึ่งผลกำไรตัวนี้จะมาจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับสัญญาข้อตกลงที่เราทำในตอนแรกค่ะ
การลงทุนหุ้นสร้างผลตอบแทนได้ค่อนข้างดี
ถ้าคุณได้เลือกหุ้นที่คุณจะลงทุนไว้อย่างดีแล้วและเป็นธุรกิจที่เติบโตมั่นคง ก็จสร้างผลกำไรผลประโยชน์ให้คุณอย่างต่อเนื่องคุณสามารถรับผลตอบแทนในระยะยาวได้เลย โดยหลักการของหุ้นนั้นจะมีการให้ผลตอบแทนใน 2 แบบด้วยกัน คือ ผลกำไรจากส่วนต่างราคา ผลกำไรจากเงินปันผล นี่ก็คือข้อดีต่างที่คุณจะได้เมื่อลงทุนในหุ้นค่ะ
ข้อเสียของการลงทุนแบบหุ้น
ข้อเสียของการลงทุนไม่ว่าแบบใดก็ตามรวมถึงการลงทุนในหุ้นด้วยนั่นก็คือ ความเสี่ยง ดังนั้นการเล่นหุ้นจะมีความเสี่ยงในหลายๆทางหลายๆแบบ วันนี้จะเอาความเสี่ยงมาให้อ่านกัน 2 แบบด้วยกันค่ะ คือ ความเสี่ยงทางธุรกิจ และความเสี่ยงทางการเงินค่ะ
ความเสี่ยงทางธุรกิจ
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นความเสี่ยงที่เกิดจากลักษณะของธุรกิจนั้นๆ เช่นก็คือ โครงสร้างของธุรกิจ และรายได้รายรับของธุรกิจ ซึ่งสิ่งที่จะมาทำให้ธุรกิจเกิดความไม่มั่นคงนั่นก็คือ การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงงาน สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อธุรกิจได้ทั้งนั้น และสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีก คือ การเปลลี่ยนแปลงทางสังคม เทคโนโลยี การเมือง กฏระเบียบต่าง สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้การลงทุนในหุ้นเกิดดความเสี่ยงขึ้นได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ธุรกิจที่คุณได้ลงทุนไปนั้นจะได้รับกระทบมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่ที่ว่า ภายในตัวของกิจการธุรกิจเองเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ค่อนข้างยากที่เราจะตรวจสอบหรือหาข้อมูลได้อย่างละเอียด
ความเสี่ยงทางการเงิน
เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วๆไป เพราะในหลายๆกิจการธุรกิจย่อมมีการกู้หนี้ยืมสิ้นไม่ว่าจะเป็นจากธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินอื่นๆ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่ากิจการธุรกิจนั้นๆมีการก่อหนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้ามีหนี้มากก็มีความเสี่ยงมากเพราะกิจการนั้นต้องมีภาระหนี้สิ้นที่ต้องชำระในจำนวนมาก และอีกความเสี่ยงทางการเงินหนึ่งก็คือ การที่กิจการได้ผลกำไรไม่เพียงพอต่อรายจ่ายหรือต้นทุนการดำเนินงานค่ะ นี่ก็คือข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในแบบหุ้นนะคะ
ข้อแตกต่างระหว่างกองทุนรวมกับหุ้น
your/shutterstock.com
หลักเกณฑ์หลักการก็ไม่ค่อยจะต่างสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าคุณเป็นใครก็สามารถที่จะลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมได้ทั้งนั้น แต่กองทุนรวมนั้นมักจะอยู่ในระบบซะมากกว่า เช่นในสถาบันทางการเงินหรือธนาคารที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียง แต่การลงทุนในหุ้นนั้นก็มีทั้งในและนอกระบบ อาจจะเป็นการลงทุนหุ้นกับสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงในตลาดหุ้น หรืออาจจะลงทุนหุ้นกับธุรกิจขนาดย่อมอื่นๆก็เป็นได้ค่ะ
Kunnthorn
ก็เหมือนกันตรงที่ว่า " มีความเสี่ยงพอๆกัน " แต่แตกต่างกันตรงวิธี ถ้าไม่ศึกษาให้ดีเหมือนกันคือ "ขาดทุน" ไม่ชอบกองทุนรวมตรงที่เราไม่สามารถเลือกแผนการลงทุนเองได้ เหมือนกับว่าเงินไปให้อยู่ในความดูแลของคนอื่น (รู้สึกไม่ค่อยok) ส่วนหุ้นถ้าจะลงทุนไม่ชอบตรงที่ไม่รู้ว่าจะตกจะขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้นเราไม่เคยลงทุนกับสองเรื่องนี้เลย
ขิม
เราก็ไม่เคยลงทุนกับทั้งกองทุนรวมหรือหุ้นเหมือนกันค่ะ ถึงแม้กองทุนรวมจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนหุ้น แต่ด้วยความที่เราไม่มีความรู้และความถนัดเรื่องการลงทุน เลยไม่มั่นใจในการลงทุนอะไรสักอย่าง แต่เห็นมีการลงทุนเยอะแยะเลยนะคะเดี๋ยวนี้ รูปแบบใหม่ๆเยอะเลย บางอย่างใช้เงินลงทุนน้อยด้วย จนบางทีเราก็เริ่มเขวเหมือนกันค่ะ
แวนด้า
สำหรับมนุษย์เงินเดือนการมีเงินแต่ละเดือนก็ดีเหมือนกันนะคะมีประโยชน์สำหรับการเก็บออม แล้วยังสามารถที่จะเอาไปลงทุนเพื่อให้ได้รับเงินจำนวนเพิ่มเติมได้ด้วย โดยการหมายพึ่งการเล่นหุ้นหรือกองทุนรวม บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับหุ้นและกองทุนรวมว่าแตกต่างกันยังไงดีสำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว ควรที่จะเลือกใช้บริการอันไหนมากกว่า
พัทธวรรณ
เคยได้ยินบ่อยๆว่าเราต้องเอาเงินออกมาลงทุนบ้าง การเก็บเงินไว้ในบัญชีอยางเดียวมันไม่ทำให้เงินงอกเงยขึ้นมานัก ปลอดภัยแต่ไม่รวยค่ะ ถ้าเอาเงินที่เก็บออมไว้ออกมาลงทุนจะเป็นหุ้นหรือกองทุนอะไรก็แล้วแต่โอกาสที่จะทำเงินได้เพิ่มขึ้นนั้นมีมากกว่า เราจะได้มีเงินมากขึ้นซึงมันก็คงจริงอยู่บ้าง แต่ที่จริงกว่าคือสภาพเศรษฐกิจตอนนี้จะให้เราไปลงทุนกับอะไรล่ะค่ะ
นิธิศักดิ์
แสดงว่า ไม่ว่าเราจะเล่นกองทุนรวม หรือว่า จะเล่นหุ้น เรา ก็ไม่ต้องจำเป็นที่จะต้องลงไปบริหารเงินเราเองสิ แบบนี้ดีจัง เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ด้วย เพราะเคยเห็นคนที่ทำแบบนี้นะ วันๆดูแต่หน้าคอม ฯ แต่ถ้า มีคนคอยดูแลให้ก็น่าสนใจเลยนะ แต่เล่นกองทุนรวม ความเสี่ยงต่ำกว่า การเล่นหุ้น จริงๆไหม ถ้าอย่างนั้นเล่นแบบนีน่าจะดีกว่าใช่ปะ
นิล
เราเองตอนนี้สนใจในกองทุนรวมมากกว่า เพราะว่าความเสี่ยงมันต่ำยิ่งในสภาพเศรษฐกิจขาลงไม่ค่อยดีแบบนี้ ใครจะกล้าไปลงทุนในหุ้น ลองไปดูเลขเด็ดชะนีหุ้น 4 ลดฮวบเลยมีหุ้นไม่กี่ตัวที่ยังคงสภาพอยู่ได้แล้วว่าเศรษฐกิจแบบนี้กองทุนรวมน่าสนใจยังไงก็ดีกว่าไปฝากเงินไว้ในธนาคารเฉยๆ ยางหุ้มที่เป็นของรัฐบาลก็ดีนะอันนั้นความเสี่ยงต่ำจริงๆ ถ้าจะลงทุนอาจจะต้องรอให้เศรษฐกิจดีกว่านี้อีกนิดนึง
สมบัติ
บางคนไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนมาก่อน กลัวว่าถ้าลงทุนเองแล้วจะเกิดปัญหาเลยคิดว่าลงทุนตามเพื่อนดีกว่า โดยเฉพาะกับการลงทุนกองทุนรวมยิ่งไม่ควรทำตามเพื่อนเพราะเราอาจได้กองทุนรวมไม่ตรงตามความต้องการ ถ้าเพื่อนคิดจะลงทุนยาวๆจนเกษียณเลยลงทุนแบบRMF แต่เราดันมีเหตุสุดวิสัยก่อน ต้องใช้เงิน แล้วไปลงทุนRMF เมื่อถึงเวลาต้องขายก็อาจต้องโดนเบี้ยปรับและเสียดอกเบี้ยด้วยนะครับ
พอร์ช
เห็นด้วยเลยครับที่ว่าเราต้องเอาเงินออกมาลงทุนบ้างและในสภาพแบบนี้การจะให้เราไปลงทุนคงจะเสี่ยงมากจริงๆ ผมว่าช่วงนี้คงต้องคิดแล้วละครับว่าแทนที่จะเอาเงินไปลงทุนเอาเงินไปออมไว้คงจะดีกว่าครับ แต่ถ้าสภาพเศรษฐกิจดีขึ้นผมก็อยากแนะนำให้เข้ามาอ่านบทความนี้นะครับ เพราะเป็นความรู้พื้นฐานที่จะทำให้เราตัดสินใจง่ายมากขึ้นครับ
นก
คนที่มีเงินเดือนใช้เป็นประจำก็จำเป็นต้องคิดถึงวิธีการลงทุนเพื่อที่จะ ทำเงินของตัวเองนั้นเป็นคนรอบข้างโดยที่ไม่ต้องลงแรง และวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ก็คือการเล่นหุ้นหรือว่าการซื้อกองทุนรวม เราจะสามารถที่จะทำแบบนั้นได้ก็ต้อง หาความรู้และต้องดูดีๆนะคะว่า จะเลือกเป็นกองทุนรวมถือว่าหุ้นเราทั้ง 2 แบบก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน
ขุนทศ
ใครอยากลงทุน ก็ลงทุน ใครไม่อยากลงก็ไม่ต้องลง แค่นั้นจบ แต่ลงทุนแล้วต้องเข้าใจก่อนว่าไม่ว่าจะเป็นกองทุน หรือการเล่นหุ้น ช่วงนี้มีโอกาสมากที่จะไม่ได้รับผลตอบแทนแบบที่เราตั้งใจไว้ ดังนั้น ถ้าใครอยากเล่นตอนนี้ ต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี ยิ่งตอนนี้มีการประท้วงด้วยแล้ว มั่นใจได้เลยว่า กองทุนหรือหุ้นในบ้านเรา จะได้รับผลกระทบแน่นอน
-จัสมิน-
ดีค่ะที่มีบทความเปรียบเทียบเรื่องหุ้นกับกองทุนรวมมาให้อ่านกัน หลายคนอยากลงทุนเพื่อจะได้มีเงินเพิ่มขึ้นหรือว่ามีเงินเก็บเอาไว้ใช้ในอนาคต แต่ยังไงคงหนีไม่พ้นเรื่องความเสี่ยงเมื่อลงทุน มีบทความนี้มา ช่วยให้คนที่คิดจะลงทุนได้ข้อมูลและพิจารณามากขึ้นก่อนจะตัดสินใจว่าจะเลือกลงทุนกับหุ้นหรือกองทุนรวม เขียนมาอีกนะคะ