"บิทคอยน์" ช่วงที่ผ่านมา หลายคนคงได้ยินคำนี้กันมากขึ้น เพราะได้ตกเป็นกระแสจริงๆ ในโลกคริปโต ที่มีคนจำนวนมากแห่กันไป ขุดบิทคอยน์ จนราคาสูงขึ้นและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดทำให้การ์ดจอคอมพิวเตอร์ขาดตลาดกันเลยทีเดียว!

และในส่วนของหลายธุรกิจในต่างประเทศก็ได้ให้การยอมรับบิทคอยน์กันมากขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นที่อยากรู้มากขึ้นไปด้วยว่า ธุรกิจแบบนี้เชื่อถือได้หรือไม่ เงินที่ได้เอามาจากไหน แล้วการขุดที่ว่านี้คืออะไรกันแน่ เราจึงควรจะหาคำตอบกับเรื่องนี้ การขุดบิทคอยน์ บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัลชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับเงินดิจิทัลตัวอื่น ๆ เช่น Ripple, Litecoin, Ethereum เป็นต้น

การขุดเหรียญ เป็นเหมือนการแก้โจทย์สมการของระบบ บล็อกเชน ไปเรื่อย ๆ และจะมีความยากของการเข้ารหัสมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ทำให้ต้องมีคอมพิวเตอร์ที่มีหน่วยประมวลผลแรงมาก ๆ มาช่วยแก้รหัส ซึ่งแต่ละเหรียญดิจิทัลยังออกแบบการทำงานของอัลกอริทึมไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องมีการประมวลผล และเลือกใช้อุปกรณ์ในการขุดที่เหมาะสมแตกต่างกันไป. ซึ่งการขุดบิทคอยน์ ทำเงินให้นักลงทุนได้จริง เพราะเมื่อเราแก้รหัสได้สำเร็จ ก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นเหรียญดิจิทัล สามารถนำไปแลกเป็นสกุลเงินหลักได้ ไม่ว่าจะเป็น ดอลลาร์ เยน หรือเงินบาท เพื่อใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวัน หรือใครจะนำเหรียญที่ขุดได้ ไปใช้กับร้านค้าที่รับชำระด้วยเหรียญดิจิทัลชนิดนั้น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน. ส่วนผลตอบแทนจะมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญที่ขุดออกมาได้ ยิ่งเครื่องขุดมีกำลังแรงมากพอ ก็ยิ่งทำให้ขุดเหรียญออกมาจำนวนเยอะ ๆ ได้ในเวลาอันสั้น. แต่ก็มีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในช่วงนั้น ๆ เป็นปัจจัยที่กำหนดผลตอบแทนด้วยเช่นกัน. มีขั้นตอนอย่างไร

bitcoin mining

Morrowind/shutterstock.com

วิธีการขุดบิทคอยน์ สามารถแบ่ง ได้เป็น 2 แบบ คือ

วิธีการขุดบิทคอยน์ สามารถแบ่ง ได้เป็น 2 แบบ คือ

ทำความเข้าใจในวิธีการขุดบิทคอยน์ ทั้ง 2 รูปแบบ พร้อมตอบคำถามว่าสิ่งนี้จะช่วยสร้างโอกาสในการลงทุนให้คุณได้มากแค่ไหน

ขุดด้วยตัวเอง

เป็นวิธีที่นักลงทุนซื้ออุปกรณ์มาขุดด้วยตัวเอง คือการนำคอมพิวเตอร์ เข้าไปช่วยระบบบิทคอยน์ทำงาน หรือที่เรียกกันว่า การขุดบิทคอยน์ ที่มีกระแสความนิยมในประเทศไทยขณะนี้. โดยเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องแข่งประมวลผลการทำรายการให้ได้เร็วที่สุด ผู้ชนะจะได้รับบิทคอยน์เป็นค่าตอบแทน จนกว่าเหรียญที่ถูกกำหนดไว้ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญจะถูกสร้างขึ้นจนหมด

ซึ่งปัจจุบันได้ถูกขุดออกมาแล้วกว่า 16 ล้านเหรียญ. ลักษณะนี้คล้าย ๆ กับการที่เราเข้าไปขุดทองในเหมือง แต่แค่เปลี่ยนรูปแบบมาทำในระบบคอมพิวเตอร์แทน โดยจะต้องนำคอมพิวเตอร์ของเราไปเป็นเซิร์ฟเวอร์ให้ระบบบิทคอยน์ใช้ในการเก็บธุรกรรมต่าง ๆ จึงจะได้รับค่าตอบแทนคือเงินบิทคอยน์ แต่การจะได้ค่าตอบแทนนั้นจะต้องแก้ไขสมการทางคณิตศาสตร์ให้ได้ ซึ่งต้องแข่งกับคนอื่น ถ้าทำสำเร็จเราก็จะเป็นเจ้าของบิทคอยน์ที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการขุดนั่นเอง. คอมพิวเตอร์ของใครแรงกว่าก็จะมีโอกาสแก้สมการได้เร็วกว่า ส่วนจำนวนเงินที่ได้จากการขุดถูกกำหนดไว้ชัดเจน ซึ่งช่วงแรกจะได้ครั้งละ 50 BTC โดยจำนวนเงินที่ได้จะค่อย ๆ ลดลงทุก 4 ปี ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ครั้งละ 25 BTC เท่านั้น. โดยมีขั้นตอนการขุดคือ

  • จัดสเปคคอมพิวเตอร์ให้พร้อมสำหรับการขุด ควรมี RAM ที่หน่วยความจำเกิน 4 GB ขึ้นไป, Mainboard รุ่นที่ใส่การ์ดจอได้เยอะ ๆ ตั้งแต่ 6 GPU ขึ้นไป, การ์ดจอ ยิ่งรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูง ยิ่งคุ้มค่าไฟเท่านั้น
  • สมัครกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ (Wallet) ที่เป็นตัวกลางในการเก็บเงินดิจิทัลเอาไว้ หน้าที่เหมือนบัญชีธนาคารที่คอยเก็บเงินเอาไว้ให้ สำหรับเว็บไซต์สมัคร. Wallet ที่คนนิยมกัน ก็อย่างเช่น bx.in.th และ coins.co.th สิ่งที่ต้องระวังคือเก็บรักษารหัสผ่านไว้ให้ดี เพราะถ้าหายจะไม่สามารถกู้คืนได้
  • ติดตั้งซอฟต์แวร์สำหรับขุด โดยโปรแกรมที่นิยมใช้ในการขุดบิทคอยน์ เช่น NiceHash Miner, BFGMiner, EasyMiner, RPC Miner ก็มีวิธีการใช้งานและความสามารถที่แตกต่างกันไป
  • สามารถรันระบบในโปรแกรมที่ติดตั้งไว้ เพื่อทำการขุดบิทคอยน์ได้เลย และหากแก้รหัสสำเร็จระบบจะโอนบิทคอยน์เข้า Wallet ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งบางที่จะมีการกำหนดขั้นต่ำไว้ด้วย

ข้อดีของวิธีนี้คือ ได้เงินจากการขุดเต็มจำนวนไม่ต้องแบ่งใคร และเป็นเจ้าของเครื่องขุดด้วยตัวเอง แต่ก็มีข้อเสีย เรื่องเงินลงทุน ที่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการซื้ออุปกรณ์,ค่าซ่อมบำรุง ค่าไฟ (เพราะต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอด 24 ชั่วโมง) รวมถึงจำเป็นต้องมีความรู้เชิงเทคนิคที่ดีด้วย ถึงจะเหมาะกับการขุดด้วยวิธีนี้

ขุดแบบ Cloud Mining

เป็นวิธีที่กำลังได้รับความนิยมมากในการเช่าบริการขุดจากเหมืองขุดเหรียญต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งช่วยให้คนที่สนใจขุดบิทคอยน์ สามารถเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมากังวลกับเรื่องอุปกรณ์ หรือบริหารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟฟ้า ที่เป็นปัญหาสำคัญสำหรับหลายคน และยังสามารถเปลี่ยนไปขุดเหรียญสกุลอื่นได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ยกชุด

อีกทั้งการขุดบิทคอยน์แบบ Cloud Mining ยังง่ายกว่าการขุดด้วยตัวเองมาก เพียงแค่มีบัญชี Wallet เป็นของตัวเอง แล้วทำการสมัครสมาชิกกับเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ เราก็สามารถเลือกซื้อกำลังขุดและชนิดเหรียญที่ต้องการขุดได้เลย อย่างไรก็ตาม การเช่าบริการขุดแบบ Cloud Mining ก็มีความเสี่ยงเหมือนกัน ถ้าเลือกเหมืองที่ไม่ได้คุณภาพ ก็มีโอกาสที่จะโดนหลอก เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจลงทุน ควรจะเลือกเหมืองที่น่าไว้ใจ เชื่อถือได้ อาจจะลองหาผู้บริการในประเทศใช้ก่อน เพราะอย่างน้อยก็สามารถลดความเสี่ยงเรื่องการถูกโกงไปได้ระดับหนึ่ง และปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการหลายรายเลยที่น่าสนใจ

การแลกเปลี่ยนและอัตรา

การแลกเปลี่ยนและอัตรา

เมื่อขุดบิทคอยน์ออกมาได้แล้ว คราวนี้ก็มาถึงการแลกเปลี่ยน สามารถนำไปแลกเป็นเงินบาทได้กับเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการซื้อ-ขายเหรียญดิจิทัล เช่น bx.in.th, coins.co.th และ localbitcoins.com เป็นต้น โดยแต่ละแห่งมีค่าธรรมเนียมและอัตรารับซื้อที่ต่างกันไป อย่าง bx.in.th คิดค่าธรรมเนียม 1% ของการซื้อ-ขาย และไม่จำกัดปริมาณรับซื้อในแต่ละวัน หรือ coin.co.th มีค่าธรรมเนียม 1% ของการฝาก-ถอน และรับซื้อไม่เกิน 10 BTC/วัน สำหรับราคาที่ได้รับจะเปลี่ยนแปลงตามกลไกตลาด ช่วงไหนมีความต้องการสูง มูลค่าของเหรียญก็ยิ่งมาก โดยเมื่อปลายปี 2560 ราคาบิทคอยน์เคยพุ่งไปถึง 20,000 เหรียญสหรัฐ หรือราว 680,000 บาท. ถึงตอนนี้หลายฝ่ายจะมองคล้าย ๆ กันว่าบิทคอยน์ไม่ใช่เหรียญดิจิทัลที่น่าลงทุนขุดอีกต่อไปแล้ว ด้วยความยากของรหัสที่มากขึ้นทุกวัน รวมถึงจำนวนเหรียญที่จำกัดไว้ 21 ล้านหน่วย ที่ตอนนี้เหลือให้เราขุดกันไม่ถึง 5 ล้านหน่วยแล้ว แต่ยังมีเหรียญดิจิทัลอีกมากมายที่น่าสนใจ เช่น Zcash, BitcoinGold, Sia และ BTC Cash ที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต และราคายังไม่สูงมาก นักลงทุนสามารถขุดเก็บไว้ แล้วค่อยขายในช่วงที่ราคาขึ้นได้ต่อนั่นเอง.

8 เทคนิคในการเริ่มต้นขุดบิทคอยน์

8 เทคนิคในการเริ่มต้นขุดบิทคอยน์

  1. เชื่อในศักยภาพและการพัฒนาของตัวเราเองว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงความเฉลียวฉลาดและความสามารถของตัวเองโดยการเรียนรู้และฝึกฝน เปิดใจและรับความคิดเห็นพัฒนาตนเองจากความพลาดพลั้ง

  2. เลือกวิธีการได้ และตัดสินใจ สามารถแบ่งออกมาได้เป็น 3 แบบ ดังนี้คือ

  • การขุด
  • โดยการเทรด
  • รูปแบบอื่นๆเช่น เล่นเกมส์

ซึ่งทั้ง 3 วิธีนั้นมีความคุ้มค่าแตกต่างกันออกไปสามารถทำกำไรระยะสั้นหรือลงทุนระยะยาว

  1. ซื้อบิทคอยน์และเก็บบิทคอยน์กับโบรกเกอร์เทรดบิทคอยน์
  • โบรกเกอร์ที่รองรับภาษาไทย
  • โบรกเกอร์ที่มี Support บริการดี แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
  • โบรกเกอร์ที่สามารถฝาก ถอนเงินผ่าน ธนาคารไทยได้
  • มีระบบการรักษาความปลอดภัยบัญชีลูกค้า และ น่าเชื่อถือ
  1. เตรียมเงินลงทุนให้พร้อม ความหมายคือ เป็นเงินที่ถ้าคุณต้องเสียไปหมด คุณจะต้องไม่เสียดาย คุณต้องพร้อมรับความเสี่ยงทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้เสมอ

5.มีกลยุทธ์ในการเทรดบิทคอยน์

  • มีเครื่องมือช่วยตัดสินใจที่ดี เลือกคู่สกุลเงินดิจิตอลที่ตนเองถนัดก่อน หรือ เหรียญที่ดีมีอนาคต – เช่น BTC/USD , BTC/USDT , BTC/ Altcoin ,THB/OMG , THB/ETH,ตอบให้ได้ก่อนว่ามันมีเทรนด์ใน 1 Day อย่างไร – ขึ้น หรือลง มีข่าวอะไรมาประกอบมั้ย สามารถเช็คได้ทาง Bitcointalk หรือ Twitter ,เลือกใช้ Indicator เข้ามาช่วยประกอบการตัดสินใจ เช่น Stochastic, MACD , RSI
  • มีหลักการบริหารจัดการเงินที่ดี
  • มีหลักจิตวิทยาที่ดี
  1. การอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องการเทรด
  • ช่วยให้เราอยู่ในบรรยากาศของการเทรดบิทคอยน์
  • ได้พบปะเพื่อนในวงการเทรดบิทคอยน์
  • ได้เรียนรู้เทคนิคใหม่ๆในการเทรด ให้ชนะตลาด 100%
  1. จดบันทึกผลของการเทรด ทุกๆวัน ช่วยให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางบวกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยลบข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้

  2. หากผิดพลาดอย่าท้อ หันกลับมาทบทวนตัวเองว่าเราทำผิดที่ตรงไหน เรียนรู้จากความผิดพลาด และหาแนวทางปรับปรุงเพื่อทำให้การลงทุนครั้งใหม่ให้ดีขึ้นหากเราหมั่นทบทวนตัวเอง และทบทวนการลงทุนของเราอย่างสม่ำเสมอ เราจะประสบความสำเร็จจากการลงทุนอย่างแน่นอน

จากที่กล่าวมา เชื่อว่าการทำกำไรจากตลาด Cryptocurrency ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำนั้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้คงต้องอยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน ว่าจะมองธุรกิจนี้เป็นอย่างไร และคงไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอนาคตของเหรียญดิจิทัลแต่ละชนิดจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าพูดตามตรง หากย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีก่อนที่มีการสร้างบิทคอยน์ขึ้นมา ก็คงไม่มีใครคิดหรอกว่ามูลค่าของมันจะโตมหาศาลได้แบบทุกวันนี้ ดังนั้น ทั้งหมดทั้งมวลก็กลับมายังจุดที่เราควรศึกษาและหาข้อมูล รวมถึงพัฒนาการลงทุนของตน เพราะความเสี่ยงนั้นไม่สนุกเลยทีเดียว หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรีที่ลิงก์ ด้านล่าง