ในปัจจุบันร้านสะดวกซื้อง่ายต่อการเข้าถึงเพราะมีอยู่แทบจะทุกที่ของถนน รวมทั้งยังมีวิธีจ่ายที่สะดวกสบายมากขึ้นด้วยทั้งจ่ายโดยใช้คิวอาร์โค้ด หรือผ่านแอพต่างๆของธนาคารหรือสถาบันการเงิน ในวันนี้เราจะพูดถึงการใช้บัตรเครดิต และขั้นตอนของการใช้บัตรเครดิตพร้อมทั้งตัวอย่าง และข้อดีข้อเสีย รวมไปถึงการชำระเงินด้วยวิธีอื่น

ขั้นตอนการใช้บัตรเครดิต ซึ่งทางเราขอยกตัวอย่าง การชำระเงินของ MasterCard

credit card procedure

Makistock/shutterstock.com

Mastercard คืออะไร Mastercard Incorporated คือ บริษัท ข้ามชาติที่ให้บริการทางการเงินของอเมริกาซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สำนักงานใหญ่สากลสากลมาสเตอร์การ์ดในเมืองนิวยอร์กสหรัฐอเมริกา การชำระเงินของ Mastercard มีกระบวนการอย่างไร?

ผู้รับบัตร คือ สถาบันทางการเงิน ที่ได้รับอนุญาตจาก Mastercard ในการช่วย ร้านค้า ปฏิบัติตามข้อกำหนด ในการรับบัตร Mastercard ผู้ออกบัตร คือธนาคาร สหกรณ์ออมทรัพย์ สถาบันการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย หน่วยงานรัฐบาลหรือผู้ค้าปลีกที่มอบวงเงินเครดิตหรือบัตรเดบิตให้แก่ลูกค้าหรือธุรกิจ Mastercard ไม่ใช่ทั้ง ผู้ออกบัตร และผู้รับบัตร แต่มีหน้าที่จัดหาเทคโนโลยี และเครือข่ายที่ขับเคลื่อนธุรกรรมต่างๆให้เกิดขึ้น ขั้นตอนการจ่ายด้วยบัตร Mastercard มีดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ลูกค้าจ่าย ชำระด้วย Mastercardลูกค้า ซื้อสินค้า/ บริการ จากร้านค้า

ขั้นตอนที่ 2 พิสูจน์ ตัวตน ในการชำระเงินระบบ การชำระเงิน ณ จุดขาย ของร้านค้า รับข้อมูลของบัญชีลูกค้า และส่งต่อไปยังผู้รับบัตร

ขั้นตอนที่ 3 ส่งเรื่องธุรกรรมผู้รับบัตรของร้านค้าขอให้ Mastercard ขอคำอนุมัติจากธนาคารผู้ออกบัตรของลูกค้า

ขั้นตอนที่ 4 ขอรับ การอนุมัติ Mastercard ส่งคำขอ ทำธุรกรรม ไปยัง ผู้ออกบัตร เพื่อขออนุมัติ

ขั้นตอนที่ 5 ตอบกลับเรื่องการขออนุมัติ ธนาคาร ผู้ออกบัตร อนุมัติ ธุรกรรมนั้นๆ และส่ง การตอบรับ กลับไปที่ ร้านค้า

ขั้นตอนที่ 6 การชำระเงิน ให้ร้านค้า ธนาคาร ผู้ออกบัตร ส่งเรื่องการชำระเงินไปที่ผู้รับบัตรของร้านค้าซึ่งเป็นผู้นำเงินค่าสินค้าหรือบริการ เข้าบัญชีของร้านค้า

ข้อดีของการใช้บัตรเครดิต

seveneleven thailand

chonticha stocker/shutterstock.com

  • พกพาได้ง่ายกว่าการพกเงินสด
  • สามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันทีแม้เรามีเงินสดไม่พอ หรือกรณีที่ไม่ต้องการจ่ายเงินสด เพื่อนำเงินไปลงทุนหรือใช้ในสิ่งจำเป็นก่อน
  • ได้รับส่วนลดพิเศษจากการซื้อสินค้าหรือบริการ ณ ร้านที่เข้าร่วมรายการกับบัตรเครดิตที่เราถืออยู่ ซึ่งในปัจจุบันมีร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อ ที่จัดโปรโมชั่นกับบัตรเครดิตของสถาบันทางการเงินต่างๆ ทำให้เราได้รับส่วนลดมากขึ้น
  • สามารถสะสมคะแนนจากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของเรา เพื่อนำไปซื้อสินค้าหรือแลกของรางวัลต่างๆ

ข้อเสีย

ข้อเสีย

  • อาจจะทำให้วินัยการเงินเราเสียได้ง่าย จากการที่ใช้จ่ายไม่คิด และ ใช้จ่ายเกินตัว เพราะความสะดวกสบายที่บัตรเครดิตมอบให้ โดยเฉพาะเมื่อเราใช้จ่ายในร้านสะดวกซื้อหรือห้างสรรพสินค้า อาจจะทำให้เราซื้อของมากเกินความจำเป็น

  • ถ้าเราไม่สามารถจ่ายเงินคืนได้ตามกำหนดเวลา หรือจ่ายไม่เต็มจำนวน ก็จะทำให้เราโดยปรับเป็นดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

วิธีชำระเงิน รูปแบบการรับชำระเงิน (Payment Method) ชำระเต็มผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต (Visa Card, Master Card, JCB, CUP)

payment method thailand

ADragan/shutterstock.com

บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ทั้งบัตร Visa Card บัตร Master Card บัตร JCB และบัตร CUP ทางอินเทอร์เน็ตสำหรับการชำระเงินออนไลน์ ช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลกทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เป็นช่องทางรับชำระเงินที่มีประสิทธิภาพมาก และใช้งานง่าย มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตราฐาน Verified by Visa และ MasterCard SecureCode ร้านค้าสามารถรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิตและเดบิตเต็มจำนวน โดยทำธุรกรรมรับชำระเงินผ่านหน้าเว็ปไซต์ของร้านค้า ซึ่งช่วยลดปัญหาจากการเปลี่ยนหน้าเว็บไซต์ และเป็นระบบการชำระเงินแบบเรียลไทม์ หรือหน้าเว็ปไซต์ของ Payment Provider เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต (Visa Card, Master Card, JCB) ร้านค้าสามารถให้บริการผ่อนชำระค่าสินค้าและบริการผ่านธนาคารฯ ผู้ออกบัตรที่ร่วมรายการ แบ่ง ชำระผ่านบัตรเครดิต (Visa Card, Master Card, JCB) ร้านค้าสามารถแบ่งการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านธนาคารฯ ผู้ออกบัตรที่ร่วมรายการ

หักเงินอัตโนมัติ ผ่านบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง (Visa Card, Master Card, JCB) ร้านค้าสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่านธนาคารฯ ได้โดยการกรอกรายละเอียดบัญชีของลูกค้าเพียงครั้งเดียวผ่านระบบ และระบบจะทำการหักเงินโดยอัตโนมัติในรอบต่อไป ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ระบบทำการหักเงินเป็นราย 1 อาทิตย์ 2 อาทิตย์ หรือ เป็นรายเดือน เพื่อความสะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทาง หรือการทำรายการของลูกค้า เช่น การจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ

ชำระเต็มผ่านธนาคารผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ( Internet Banking ) บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยระบบอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการจ่ายเงินสำหรับลูกค้าที่ไม่มีบัตรเครดิต แต่มี Internet Banking ของธนาคาร เพิ่มช่องทางการรับชำระเงิน เพื่อเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก รองรับการชำระเงินผ่านธนาคารชั้นนำ 5 แห่งดังนี้ ธนาคารกรุงเทพ (Bualuang iBanking) ธนาคารกรุงไทย (KTB Netbank) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEasy) ธนาคารยูโอบี (UOB PIB) ธนาคารซีไอเอ็มบี (CIMB Clicks)

แบ่งชำระแบบหักบัญชีอัตโนมัติ ผ่านธนาคารผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ( Internet Banking ) ชำระผ่านธนาคารผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง โดยไม่จำเป็นต้องกรอกรหัสหรือยอดเงินใดๆ

ชำระเต็มจำนวน ผ่านธนาคาร (Online Direct Debit) ชำระค่าสินค้าและบริการ ด้วยการหักบัญชีอัตโนมัติทางออนไลน์ รองรับการชำระเงินผ่านธนาคารชั้นนำ 3 แห่งดังนี้ ธนาคารกสิกร (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ชำระผ่านตู้เอทีเอ็มและเคาน์เตอร์บริการ (Bill Payment) ร้านค้าสามารถเพิ่มช่องทางการชำระเงินด้วยเงินสดในรูปแบบการพิมพ์ใบรับชำระ (Bill Payment) เพื่อให้ลูกค้านำไปชำระผ่านตู้เอทีเอ็มของธนาคารต่างๆ รวมถึงการชำระผ่านเคาน์เตอร์ผู้ให้บริการ เช่น การชำระเงินเต็มจำนวนผ่าน

และทั้งหมดนี้ก็คือขั้นตอนและวิธีการต่างๆในการชำระค่าสินค้าและบริการในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความสะดวก รวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งข้อดีข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตในการจ่ายค่าสินค้าหรือบริการ อย่างไรก็ตามขอให้ให้ทุกคนใช้ประโยชน์จากความสะดวกรวดเร็วนี้อย่างระมัดระวังด้วย