บัตรเครดิตหาย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาใกล้ตัวของการใช้บัตรเครดิต ซึ่งทำให้เราปวดหัวไม่ใช่น้อย เพราะว่าหากมีคนนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าหรือบริการขึ้นมา เราได้เป็นหนี้หนักแน่ และถึงแม้ว่าหลังบัตรเครดิตจะมีลายเซ็นของเจ้าของบัตรเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงตัวตนผู้ถือบัตร รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของเจ้าของบัตรเอง แต่เมื่อบัตรเครดิตหายขึ้นมาและปัญหาที่เจ้าของบัตรเครดิตต้องมาชำระหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อจากการทำบัตรหายและมีคนเก็บไปรูดชำระค่าสินค้าและบริการแทนตกัวเองนั้นก็เกิดขึ้นบ่อยอยู่พอสมควร ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น เราก็ควรที่จะระมัดระวังให้มากขึ้น และเก็บรักษาบัตรเครดิตของเราให้ดี มีที่เก็บที่สามารถตรวจดูได้ง่ายและปลอดภัยจากสายตาของผู้อื่น แต่ถึงอย่างนั้น เหตุไม่คาดฝันก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้น เราก็ควรรู้จักวิธีหรือข้อควรปฏิบัติเมื่อรู้ว่าบัตรเครดิตขอวเราหายไป เพื่อเราจะไม่ตื่นตระหนกตกใจจนเกินไป แต่ยังมีสติรีบแก้ไขได้ทัน

lost credit card

photo one/shutterstock.com

บัตรเครดิตหาย จะต้องทำอย่างไรบ้าง?

บัตรเครดิตหาย จะต้องทำอย่างไรบ้าง?

รีบโทรแจ้งธนาคารเจ้าของบัตรเพื่ออายัดบัตรเครดิต

เมื่อรู้ตัวว่าทำบัตรเครดิตหาย ก่อนอื่นต้องรีบโทรแจ้งทางธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตให้รับทราบ และทำการแจ้งอายัดบัตรเครดิตโดยเร็วที่สุด ซึ่งในขั้นตอนนี้ ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารอาจจะสอบถามถึงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเหตุการณ์การทำบัตรเครดิตหาย เช่น สถานที่ที่ทำบัตรเครดิตหาย รายการล่าสุดที่คุณรูดใช้บัตรเครดิต พร้อมทั้งวันที่และเวลาที่บัตรเครดิตหาย เป็นต้น นอกจากนี้ เรามีเบอร์โทรศัพท์ของสถาบันการเงินต่างๆ ในกรณีที่ทำบัตรเครดิตหายและต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการอายัดบัตร ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ: 1333
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา: 1572
  • ธนาคารไทยพาณิชย์:0
  • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย: 0
  • ธนาคารธนชาต: 1770
  • ธนาคารออมสิน: 0
  • ธนาคารซิตี้แบงก์: 1588
  • ธนาคาร HSBC: 0
  • ธนาคารกรุงไทย: 0
  • ธนาคารกสิกรไทย: 0
  • ธนาคารทหารไทย: 1558
  • ธนาคาร UOB จำกัด (มหาชน): 0
  • ธนาคาร Standard Chartered: 1595
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์: 0
  • ธนาคารทิสโก้: 0
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย: 1302
  • ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (L&H): 0
  • บัตรเครดิตไทยแอร์เอเชีย: 0
  • บัตรเซ็นทรัลการ์ด: 0
  • บัตร American Express: 0
  • บัตร Aeon: 0
  • บัตร Power Buy: 0
  • บัตร Easy Buy: 0
  • บัตร U may plus: 0

รีบไปแจ้งความ

เมื่อทำการแจ้งอายัดบัตรเครดิตกับเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์แล้ว สิ่งต่อมาที่ต้องรีบทำก็คือ ควรรีบไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าบัตรเครดิตของเราได้หายไปจริง และเราไม่ได้เป็นผู้ใช้บัตรเครดิตใบนั้นหลังจากที่ได้แจ้งความไว้แล้ว หรือหากเป็นกรณีที่เราทราบว่าบัตรได้ถูกแอบอ้างนำไปใช้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางธนาคารจะได้ประสานงานกันเพื่อจับตัวคนร้ายได้ทันท่วงที

ทำการตรวจเช็คการอายัดบัตรเครดิตกับทางธนาคารอีกครั้ง

เมื่อเราได้ใบแจ้งความมาแล้ว ก็ให้นำไปใช้เป็นหลักฐานในการขออายัดบัตรเครดิตของเรากับทางธนาคารหรือสถานที่ทำการที่ใกล้ที่สุด

ติดต่อขอทำบัตรใหม่

เราควรติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรเครดิต เพื่อขอทำบัตรเครดิตใบใหม่ โดยควรเปลี่ยนรหัสส่วนตัวของบัตรใบใหม่ไม่ให้มีส่วนเกี่ยวข้องกับรหัสเดิม และควรปกปิดตัวเลข 3 หลักด้านหลังทันทีที่ได้รับบัตรมา ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูลบัตรแล้วนำไปแอบอ้างใช้งานนั่นเอง (แต่สำหรับใครที่ยังไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตในทันที ก็สามารถข้ามข้อข้อนี้ไปก่อนได้)

รวบรวมหลักฐานเพื่อแสดงตัวตน

สิ่งที่จะยืนยันว่าเราไม่ได้เป็นผู้ใช้บัตรเครดิตใบนั้นจริงๆ ได้แก่ พยาน หลักฐานจากกล้องวงจรปิดของร้านค้า/สถานที่ต่างๆ และหากใครเดินทางไปยังต่างประเทศก็อาจใช้ Passport ที่มีบันทึกวัน-เวลาการเข้า-ออกประเทศมายืนยันว่า ณ เวลานั้นเราอยู่ที่ไหน เราทำอะไร กับใคร เป็นต้น นอกจากนี้ บางคนอาจเคยทำสำเนาหรือถ่ายรูปลายเซ็นหลังบัตรเครดิตของตัวเองเอาไว้ ตรงนี้ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานเปรียบเทียบได้ว่าลายเซ็นของเรากับผู้แอบอ้างใช้บัตรเครดิตนั้นเป็นคนละคนกัน ซึ่งเราอาจรวบรวมไว้ก่อนเบื้องต้น หากเกิดกรณีถูกแอบอ้างนำบัตรเครดิตไปใช้ เราจะได้นำหลักฐานเหล่านี้ส่งให้เจ้าหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว

ตรวจสอบใบแจ้งหนี้

เราตรวจสอบใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตเป็นประจำ เพื่อสรุปยอดการใช้จ่ายแต่ละเดือน โดยเฉพาะในกรณีที่บัตรเครดิตหาย เจ้าของบัตรควรตรวจสอบให้ดีเป็นพิเศษว่ามีใครแอบอ้างนำบัตรเครดิตไปใช้ ทำให้มียอดเรียกเก็บเพิ่มนอกเหนือจากที่เราใช้ไปหรือไม่ หากมีก็ควรติด่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยกรอกแบบฟอร์มทักท้วงการใช้บัตรเครดิต ปฏิเสธการใช้ในยอดดังกล่าว พร้อมกับนำหลักฐานไปแสดงว่า เราไม่ได้เป็นผู้ใช้บัตรเครดิตรายการนั้น แล้วขอคำแนะนำเพื่อจัดการปัญหาหนี้ที่เราไม่ได้ก่อที่เกิดขึ้นต่อ

ทั้งหมดนี้ คือ 5 ขั้นตอนที่เมื่อรู้ตัวว่าบัตรเครดิตหายไปต้องรีบดำเนินการทันที เพื่อเป็นการป้องกันการแอบอ้างใช้บัตรเครดิตของคุณและป้องกันสิทธิประโยชน์ของตัวเองจากเหล่ามิจฉาชีพ เนื่องจากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอกับเจ้าของบัตรเครดิต ดังนั้น เพื่อเป็นการใช้งานบัตรเครดิตให้ปลอดภัยและป้องกันการใช้บัตรเครดิตโดยผู้อื่นซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายนั้น เจ้าของบัตรควรปฏิบัติดังนี้ • ให้เซ็นลายเซ็นต์กำกับหลังบัตรด้วยปากกาเส้นหนา ๆ เพี่อที่ว่าหากมีการสูญหายเกิดขึ้นและมีคนนำบัตรของเราไปใช้ เมื่อพนักงานผู้รับบัตรเครดิตตรวจเช็คลายเซ็นซึ่งคงไม่เหมือนกัน บัตรจะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะไม่ผ่านการเช็คของพนักงานขาย • เมื่อใช้งานบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้วควรเก็บบัตรเครดิตไว้ที่เดิม ฝึกหัดให้ชินเป็นนิสัย เพื่อป้องกันปัญหาการลืมบัตรไว้ที่ร้านค้า หรือทำหาย • ควรเก็บบัตรเครดิตให้เป็นที่ โดยควรเก็บบัตรไว้ในกระเป๋าสตางค์และควรเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้กับตัวเองเสมอ ไม่วางกระเป๋าสตางค์ไว้ตามโต๊ะ หรือสถานที่ต่างๆ เพราะจะเสี่ยงต่อการสูญหายและการถูกขโมย

ประเภทหนี้ของบัตรเครดิตที่เกิดขึ้นจากมิจฉาชีพ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กรณี ดังต่อไปนี้

ประเภทหนี้ของบัตรเครดิตที่เกิดขึ้นจากมิจฉาชีพ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กรณี ดังต่อไปนี้

1.กรณีถูกขโมยบัตรเครดิต

ใครที่รู้ตัวเร็วว่าบัตรเครดิตถูกขโมยไปก็อาจโทร.แจ้งอายัดบัตรได้ทัน ทำให้เราไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ใดๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากแจ้งแล้วทันที (หรือภายในเวลา 5 นาทีตามเงื่อนไขที่กำหนด) แต่หากโชคร้ายถูกขโมยบัตรเครดิตไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก็เป็นโอกาสให้เหล่ามิจฉาชีพสวมรอยนำบัตรเครดิตไปใช้ ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องรีบแจ้งอายัดบัตรทันทีที่รู้ตัว แจ้งความ และหากมีรายการที่มิจฉาชีพนำบัตรไปใช้เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องกรอกแบบฟอร์มทักท้วงการใช้บัตรยื่นให้แก่เจ้าหน้าที่ธนาคาร/บริษัทผู้ออกบัตรฯ ด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและทางธนาคาร/บริษัทผู้ออกบัตรฯ จะตรวจสอบและตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

หากตามจับตัวคนร้ายไม่ได้ และเราไม่สามารถไกล่เกลี่ยยอดหนี้ที่ธนาคาร/บริษัทผู้ออกบัตรฯ เรียกเก็บได้ ผู้ใช้บัตรเครดิตบางรายอาจถูกฟ้องร้องให้ต้องชำระหนี้ดังกล่าว ตรงนี้ก็อย่าเพิ่งตระหนกตกใจกันไปนะคะ ถ้าเรามีหลักฐานชัดเจนว่าเราไม่ได้ใช้บัตรเครดิตในรายการดังกล่าว เช่น มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่าเราไม่ได้เป็นผู้รูดบัตรในร้านค้าแห่งนั้น ช่วงเวลานั้นเราอยู่ต่างประเทศ หรือลายเซ็นในเซลล์สลิปไม่ตรงกับลายเซ็นหลังบัตรเครดิตที่เราเคยเซ็นไว้ ก็สามารถนำหลักฐานต่างๆ นี้ไปยื่นต่อศาลเพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นผู้ใช้บัตรจริงๆ และศาลอาจตัดสินให้เราไม่ต้องชดใช้ในหนี้นั้นได้ค่ะ

2.กรณีถูกคัดลอกข้อมูลบัตรเครดิต

เหล่ามิจฉาชีพสามารถคัดลอกข้อมูลบัตรเครดิตของเราได้ ทั้งจากเครื่อง Skimmer ที่ติดอยู่ตามตู้ ATM และเครื่อง Skimmer แบบพกพา รวมทั้งการแอบถ่ายข้อมูลตัวเลขหน้าและหลังบัตรเครดิต แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ ซึ่งในกรณีนี้เจ้าของบัตรเครดิตจะไม่มีทางรู้ตัวก่อนเลย เพราะบัตรเครดิตนั้นจะยังอยู่กับตัว ไม่ได้หายไปไหน ดังนั้น ทันทีที่ทราบว่ามีคนแอบใช้บัตรเครดิตของเรา (หากสมัครบริการ SMS แจ้งเตือนการใช้จ่ายไว้ก็จะรู้ตัวได้เร็วกว่า) ก็ให้รีบโทร.แจ้งอายัดบัตรเครดิต พร้อมแจ้งให้ทางธนาคาร/บริษัทผู้ออกบัตรเครดิตทราบว่า บัตรเครดิตของเราถูกลักลอบนำไปใช้และขอให้รีบตรวจสอบโดยด่วน หลังจากนั้นเราก็ต้องแจ้งความ กรอกแบบฟอร์มทักท้วงการใช้บัตร แล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตตรวจสอบและตามจับตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไปเช่นเดียวกัน

หลังจากที่ได้ตรวจสอบแล้ว โดยส่วนใหญ่ผู้ใช้งานบัตรเครดิตอย่างเราก็จะไม่ต้องรับผิดชอบกับหนี้สินที่เกิดขึ้นค่ะ เพียงแต่ต้องรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจน และปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำแก่เรานะคะ

3.กรณีถูกปลอมแปลงเอกสารสมัครบัตรเครดิต

ทั้งๆ ที่ไม่เคยสมัครบัตรเครดิตดังกล่าว แต่ชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ในใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตที่ส่งมาถึงบ้าน กลับเป็นข้อมูลของเราทุกประการ ดังนี้เราควรรีบติดต่ออายัดบัตร แล้วไปแจ้งความทันที พร้อมนำเอกสารทั้งหมดที่ได้รับไปด้วย ซึ่งกรณีนี้เรามีหน้าที่ต้องยืนยันกับทางเจ้าหน้าที่ว่าเราไม่ใช่ผู้สมัครบัตรดังกล่าว รวมถึงพิสูจน์ว่าเอกสารการสมัครบัตรฯ นั้นเป็นเอกสารปลอม ลายเซ็นที่เซ็นไปนั้นไม่ใช่ของเรา และผู้ใช้บัตรตามรายการดังกล่าวก็เป็นคนละคนกับเราด้วย

ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกปลอมแปลงเอกสารนั้นจะไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้บัตรเครดิตที่เกิดขึ้น เพราะถือได้ว่าเป็นความประมาทของทางธนาคาร/บริษัทผู้ออกบัตรเครดิต ที่ไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน และอนุมัติบัตรเครดิตไปให้แก่มิจฉาชีพรายนั้นค่ะ

สรุป

สรุป

แม้ว่าบัตรเครดิตจะช่วยอำนวยความสะดวกให้การใช้จ่ายของเราง่ายขึ้นสัดเพียงใด แต่ผู้ใช้บัตรเครดิตก็ควรระมัดระวังและรอบคอบในการใช้บัตรเครดิตอยู่เสมอ เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้บัตรเครดิต และทันที่ที่รู้ตัวว่าบัตรเครดิตหาย ก็ให้รีบแจ้งอายัดบัตรเครดิตให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะป้องกันหนี้ที่เราไม่ได้ก่อขึ้นเอง พร้อมทั้งให้รีบแจ้งความ แต่จะดีกว่าถ้าเราเก็บและรักษาบัตรเครดิตของเราให้ดี อย่าให้สูญหาย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาปวดหัว ปวดใจ เสียเวลา และเสียทรัพย์สินของเรา