ไม่ว่าการทำงานแบบไหนจะเป็นการทำงานเป็นลูกจ้าง หรือทำงานเป็นนายตัวเองทั้งสองอย่างก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับเราทั้งนั้น อันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถของคนเราแต่ละคน ดังนั้นสำหรับบางคนก็เคยมีประสบการณ์จากการทำงานทั้งสองแบบมาแล้ว แต่บางคนก็ไม่เคยเป็นนายตัวเองเป็นลูกจ้างมาตลอดกับอีกมุมนึงคือเป็นนายตัวเองมาตลอดไม่เคยจะไปเป็นลูกจ้างของใคร ส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าคนที่เคบมีประสบการณ์การทำงานทั้งสองอย่างได้เปรียบที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วคนคนนั้นจะสามารถเลือกงานที่เหมาะสมกับตัวเองได้ที่สุด เพราะได้ทดลองทำมาแล้วทั้งสองอย่าง ซึ่งความแตกต่างของงานทั้งสองอย่างนี้ก๋จะแตกต่างกันในรายละเอียดของการทำงานมากอยู่เหมือนกัน ทั้งรูปแบบ ขั้นตอน การใช้เวลา การใช้แรงกาย แรงใจ แตกต่างกันทั้งหมด แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ งานทั้งสองอย่างก็สามารถทำเงินทำรายได้ให้กับเราได้นี่คือสิ่งที่เหมือนกันอยู่บ้าง บทความนี้จะมาทำให้คุณคนทำงานไม่ว่าจะเคยทำงานมาในรูปแบบใดบ้างลองกลับมาดูความสามารถและความต้องการของตัวเองอีกสักครั้งว่าคุณเองเหมาะจะทำงานแบบไหนมากกว่าเพื่อการเติบโตทางด้านการเงินของคุณ แบบไหนที่คุณคิดว่าจำให้ความมั่นคงกับคุณมากกว่ากัน จึงเอาข้อดีและข้อเสียของการเป็นนายตัวเองและการเป็นลูกจ้างมาให้คุณได้อ่านหาข้อมูลกันค่ะ

การเป็นลูกจ้างกับเรื่องเงิน

salary thailand

salary thailand

การที่คุณทำงานเป็นลูกจ้างคุณอาจจะไม่ต้องใช้พื้นที่ในสมองมากเกินไปนัก เพราะคุณจะมีรายได้ที่สม่ำเสมออาจจะมีบ้างที่รายได้นั้นจะได้มากขึ้น หรือน้อยลงก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของคุณและสถานการณ์ของบริษัท ซึ่งอาจจะส่งผลต่องเงินของคุณไปบ้างหรือส่งผลต่อรายจ่ายของคุณด้วยแต่คงไม่ใช่วงกว้างสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบของงานและเงินของคนที่มีฐานะเป็นเจ้าของบริษัทหรือเจ้าของธุรกิจนั้นๆเรามาดูข้อดีและข้อเสียโดยละเอียดของการทำงานเป็นลูกจ้างกันค่ะ

ข้อดี : วันนี้จะนำข้อดีของการทำงานเป็นลูกจ้างมาให้ดูกัน 5 ดังนี้ค่ะ

ข้อดี : วันนี้จะนำข้อดีของการทำงานเป็นลูกจ้างมาให้ดูกัน 5 ดังนี้ค่ะ

รายได้ที่มั่นคงแน่นอนสม่ำเสมอ

นี่อาจจะเป็นข้อดีที่เด่นๆของการทำงานประจำเลยก็ว่าได้ที่ชนะทุกรูปแบบของการทำงานอื่นเลย ใครๆก็อยากได้รับความมั่นคงและความแน่นอนในชีวิตกันอยู่แล้ว การทำงานแบบนี้จะทำให้ทุกๆเดือน คุณจะได้รับเงินในจำนวนที่แน่นอนทำให้คุณสามารถวางแผนจัดการกับเงินของคุณได้ดี ไม่ต้องปรับเปลี่ยนแผนบ่อยๆซึ่งก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างแต่ไม่บ่อยนัก และรายได้ที่คุณจะได้มานั้นคุณไม่ต้องเครียดเลยไม่ว่าบริษัทที่คุณทำงานอยู่นั้นจะต้องเจอกัยสถานการณ์ที่ได้กำไรหรือขาดทุน ส่วนมากแล้วปัญหาเหล่านี้ก็มักไม่กระทบต่อรายได้ของคุณสักเท่าไหร่นอกจากเรื่องใหญ่จริงๆ เช่น บริษัทจะล้มละลายอะไรแบบนั้น

มีตารางการทำงานต่อสัปดาห์ที่แน่นอนรวมถึงวันหยุดด้วย

โดยส่วนมากแล้วการทำงานเป็นลูกจ้าง หรือการทำงานประจำนั้นก็มักจะทำงาน 5-6 วันต่อสัปดาห์ และมีวันหยุดให้ 1-2 วัน และวันหยุดก็มักจะเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ และทำงานต่อวันใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้นแต่ถ้านานกว่านั้นคุณก็จะได้เงินพิเศษที่เรียกว่าการทำงานโอทีนั่นเอง การที่มีตารางการทำงานที่แน่นอนแบบนี้ช่วยให้คุณวางแผนการใช้เวลาได้ดีด้วย ไม่ว่าจะวางแผนไปเที่ยวในวันหยุด วางแผนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือทำอะไรอย่างอื่นๆ เพราะวันทำงานและวันหยุดเป็นที่แน่นอน

มีสวัสดิการที่ดี

ถ้าการเป็นลูกจ้างของคุณ คุณได้ทำงานในบริษัที่ใหญ่ๆก็มักจะมีสวัสดิการในการดูแลพนักงานเป็นอย่างดี เช่น ค่าประกันสังคม ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหารมื้อกลางวัน ค่าโบนัส หรือเงินพิเศษจากผลงานการทำงานที่ดี และยังมีสวัสดิการอื่นๆอีก เช่น ค่าการศึกษาของลูกๆ ค่าทำคลอกบุตร และวันหยุดวันลาสำหรับใครที่คลอดบุตรก็มีนะคะ ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้เป็นการทำให้พนักงานนั้นรักสถานที่ที่ตนทำงานอยู่มากขึ้นและเมื่อถึงเวลาทำงานก็จะทุ่มเทมากขึ้น ซึ่งได้ประโยชน์กันไปทั้งสองฝ่าย

ไม่ต้องรับผิดชอบมาก

คุณก็แค่รับผิดชอบงานในส่วนที่คุณรับผิดชอบเท่านั้น งานอื่นๆนอกเหนือจากนั้นถ้าเจ้านายไม่สั่งก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ช่วยให้เรามีพื้นที่ในสมองให้คิดเรื่องอื่นได้อีกเยอะ คือเราจะไม่มีความเครียดมากเหมือนกับคนที่เป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของบริษัทเอง และเมือ่เกิดความผิดพลาดในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ส่วนงานของคุณคุณก็ไม่ต้องมาแบกรับความผิดพลาดนั้น ส่วนมากบริษัทก็จะมีการมอบหมายหน้าที่การทำงานที่ชัดเจนแน่นอนว่าใครทำอะไรอยู้แผนกไหนค่ะ

มีสังคมที่เหมือนครอบครัว

การทำงานเป็นลูกจ้างเราจะมีเพื่อนร่วมงานที่ต้องทำงานร่วมกันเอยะอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานหน้าที่เดียวกัน หรือต่ำแหน่งที่ต่ำกว่า หรือมากกว่าเราที่เราต้องให้ความเคารพนับถือ ดังนั้นการทำงานเป็นลูกจ้างก็ฝึกฝนเราให้เข้ากับคนอื่นได้ดีไม่ว่าอยู่ในฐานะแบบไหนเพราะมีความหลากหลายมาก ต่างคนต่างที่มามากกว่าการที่เราทำงานเป็นนายตัวเองค่ะ ยิ่งถ้าเป็นการทำงานในโรงงานใหญ่ๆที่มีพนักงานเป็นร้อยเป็นพันคนและต้องเจอกันเกือบทุกวันส่งผลให้มีความสนิทสนมกันมากๆ นี่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากขึ้น

ข้อเสีย: ข้อเสียจะมีด้วยกัน 2 ข้อดังนี้ค่ะ

ข้อเสีย: ข้อเสียจะมีด้วยกัน 2 ข้อดังนี้ค่ะ

มีอิสระที่น้อยกว่า

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงาน หรือการใช้เวลา เราไม่สามรถยืดหยุ่นอะไรได้ต้องทำตามตารางที่แน่นอนอย่างสม่ำเสมอ เพราะวันเวลาการทำงานได้ถูกกำหนดไว้แล้วตามกฏระเบียบเปลี่ยนแปลงตามสภาพการณ์ของคุณไม่ได้ การเป็นลูกจ้างก็ต้องเคารพกฏของบริษัทจะเริ่มทำงานกี่โมงจบงานกี่โมงก็ต้องทำตาม แต่ถ้าในกรณีฉุกเฉินจริงๆก็มีวันลาที่คุณก็ต้องสะสมกักตุนไว้ ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกหักรายได้ถ้าคุณหยุดงานพร่ำเพรื่อ

โอกาสก้าวหน้าทางการเงินน้อยกว่า

ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ที่ได้รับในแต่ะเดือนที่แน่นอน แต่ก็เป็นรายได้ที่ไม่มากถ้าไม่มีการวางแผนการใช้จ่ายที่ดีการเก็บเงินได้ก้อนใหญ่ก็ยากมาก แต่ถ้าคุณมีการวางแผนที่ดีก็สามารถรวยได้ถ้ารู้จักเก็บและลงทุนยอมรับความเสี่ยง แต่น้อยคนนักที่เป็นลูกจ้างจะมีโอกาสแบบนั้นได้ จากข้อมูลตรงนี้ก็เห็นว่าการทำงานเป็นลูกจ้างนั้นก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ข้อเสียก็มีถ้าใครไม่คิดมากเรื่องข้อเสียและไม่คิดจะมีแผนการเงินยุ่งยากก็เหมาะกับการทำงานแบบนี้นะคะ

การเป็นนายตัวเองกับเรื่องเงิน

การเป็นนายตัวเองกับเรื่องเงิน

การทำงานเป็นนายตัวเองหลายคนอาจจะเริ่มมาจากการทำงานเป็นลูกจ้างมาก่อน แต่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองและพยายามหาโอกาสที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งการทำงานเป็นนายตัวเองนั้นจะช่วยให้คุณมีโอกาสร่ำรวยได้มากกว่าการทำงานเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิตและมีเงินเก็บก้อนใหญ่ได้เร็วกว่าด้วยถ้าคุณเกิดโชคดีในการลงทุนขึ้นมา เรมาดูข้อดีข้อเสียกันก่อนตัดสินใจเลือกการทำงานแบบนี้กันค่ะ

ข้อดี : ข้อดีที่จะยกมาให้มี 3 ข้อดังนี้ค่ะ

self-employed

self-employed

มีอิสระในการทำงานและเวลา

เพราะตัวคุณเองที่เป็นเจ้านายตัวเองจึงไม่มีใครมากำหนดอะไรต่อมิอะไรให้คุณ คุณสามารถกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างเองได้ว่าจะทำงานเวลาไหนพักตอนไหนหยุดตอนไหน แล้วแต่ความสะดวกของคุณได้เลยค่ะ และเลือกสถานที่ในการทำงานของตัวเองได้ตามสบายใจได้เลยด้วย การทำงานเป็นนายตัวเองนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการลงทุนเปิดธุรกิจหรือกิจการที่ใหญ่โตอะไรเท่านั้น แต่การใช้ความสามารถทำงานเล็กน้อยที่บ้านแต่สร้างรายได้ให้กับคุณได้มากเท่ากับการเป็นลูกจ้างถือว่านั่นเป็นการทำงานที่ดีได้ด้วยค่ะ

มีการตัดสินใจและออกความคิดเห็นมากกว่า

ไม่ว่าคุณจะมีไอเดียแบบไหนก็สามารถเอาออกมาใช้ได้ทั้งหมด เพราะนี่คืองานของคุณถึงแม้อาจจะต้องขอความคิดเห็นจากคนอื่นๆเพิ่มเติมด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นความคิดของคุณมากที่สุด ทำให้คุณมีความรักงานนั้นมากกว่า ไม่ต้องคอยมีใครมาสั่งว่าคุณต้องคิดแบบนั้นแบบนี้ คุณจะไม่มีความอึดอัดใจใดใดเลย คุณสามารถลงไอเดียของคุณกับงานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นคนที่มีความฝันและอยากจะแสดงออกมาทางผลงานก็มักจะชอบการทำงานเป็นนายตัวเองซะมากกว่า

มีอิสรภาพทางการเงินได้เร็วกว่า

เมื่อธุรกิจที่คุณทำมันได้ผลดีก็ทำให้คุณได้กำไรที่มาก คือมีรายรับต่อเดือนต่อปีที่มากกว่าคนที่ทำงานเป็นลูกจ้าง จึงทำให้คุณมีอิสระทางการเงินได้มากกว่า คุณจะมีโอกาสทางการเงินในการลงทุนอื่ๆเพิ่มขึ้น หรือทำงานที่คุณลงทุนไปด้วยความรักในระยะเวลานานก็สามารถเป็นคนร่ำรวยได้ไม่ยากค่ะ

ข้อเสีย: ข้อเสียก็นำมาฝากสองข้อค่ะ คือ

ข้อเสีย: ข้อเสียก็นำมาฝากสองข้อค่ะ คือ

รายได้ที่ไม่เท่ากันในทุกเดือน

การมีธุรกิจของตัวเองต้องมีทั้งช่วงที่ได้กำไรและขาดทุน หรือเสมอตัวบ้าง ดังนั้นรายได้ที่เข้ามาก็จะไม่แน่นอนหรือสม่ำเสมอ แต่ถ้าธุรกิจของคุณไปได้รุ่ง รายได้ที่ไม่แน่นอนแต่ได้มากขึ้นเรื่อยก็ดีกว่าแน่นอน และในช่วงที่ธุระกิจได้กำไรก็ควรเก็บเงินอย่างดีเพื่อชดเชยในล่วงที่เกิดสถานการณืเศรษฐกิจแย่ๆได้ ทำให้ธุระกิจของคุณไม่เผชิญช่วงวิกฤตแต่สามารถทรงตัวอยู่ได้ การที่รายได้ไม่เท่ากันนี้ก็ไม่ใช่ข้อเสียที่แก้ไม่ได้ แต่คุณอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการเงินอยู่เรื่อยๆนั่นเองค่ะ

ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง

แม้จะไม่ใช่การลงทุนเล่นหุ้นหรืออะไร แต่เป็นการลงทุนเพื่อทำสิ่งที่เรารักก็มีความเสี่ยงถ้าคุณไม่มีการวางแผน ทั้งเรื่องเงินทุน สถานที่ และเรื่องระบบการทำงานของคุณและพนักงาน ดังนั้นการจะเป็นนายตัวเองอย่างประสบความสำเร็จด้านการเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ต้องมีความพยายามอย่างมาก และต้องพร้อมยอมรับการขาดทุนและสู้ต่อไปค่ะ

สรุป: เป็นลูกจ้างหรือเป็นนายตัวเองแบบไหนที่ทำให้การเงินอยู่ในสภาพคล่องมากกว่ากัน?

สรุป: เป็นลูกจ้างหรือเป็นนายตัวเองแบบไหนที่ทำให้การเงินอยู่ในสภาพคล่องมากกว่ากัน?

ทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นลูกจ้าง หรือเป็นนายตัวเองก็ตาม ถ้าคุณมีการวางแผนการใช้จ่าย การออมเงินอย่างดี รับรองได้ว่าคุณจีสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุดแน่นอนค่ะ และไม่ว่าจะทำงานแบบไหนก็ขอให้เป็นสิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุขมีรายได้เพียงต่อการใช้ชีวิตก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีนะคะ แต่ใครที่มีความสามารถพิเศษอาจจะเลือกทำทั้งสองอยางก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้มีถมเถไป ที่ทำงานเป็นลูกจ้างด้วยและหาโอกาสสร้างธุรกิจเองไปด้วย