ไม่ว่าการทำงานแบบไหนจะเป็นการทำงานเป็นลูกจ้าง หรือทำงานเป็นนายตัวเองทั้งสองอย่างก็เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับเราทั้งนั้น อันนี้ก็แล้วแต่ความสามารถของคนเราแต่ละคน ดังนั้นสำหรับบางคนก็เคยมีประสบการณ์จากการทำงานทั้งสองแบบมาแล้ว แต่บางคนก็ไม่เคยเป็นนายตัวเองเป็นลูกจ้างมาตลอดกับอีกมุมนึงคือเป็นนายตัวเองมาตลอดไม่เคยจะไปเป็นลูกจ้างของใคร ส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าคนที่เคบมีประสบการณ์การทำงานทั้งสองอย่างได้เปรียบที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วคนคนนั้นจะสามารถเลือกงานที่เหมาะสมกับตัวเองได้ที่สุด เพราะได้ทดลองทำมาแล้วทั้งสองอย่าง ซึ่งความแตกต่างของงานทั้งสองอย่างนี้ก๋จะแตกต่างกันในรายละเอียดของการทำงานมากอยู่เหมือนกัน ทั้งรูปแบบ ขั้นตอน การใช้เวลา การใช้แรงกาย แรงใจ แตกต่างกันทั้งหมด แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ งานทั้งสองอย่างก็สามารถทำเงินทำรายได้ให้กับเราได้นี่คือสิ่งที่เหมือนกันอยู่บ้าง บทความนี้จะมาทำให้คุณคนทำงานไม่ว่าจะเคยทำงานมาในรูปแบบใดบ้างลองกลับมาดูความสามารถและความต้องการของตัวเองอีกสักครั้งว่าคุณเองเหมาะจะทำงานแบบไหนมากกว่าเพื่อการเติบโตทางด้านการเงินของคุณ แบบไหนที่คุณคิดว่าจำให้ความมั่นคงกับคุณมากกว่ากัน จึงเอาข้อดีและข้อเสียของการเป็นนายตัวเองและการเป็นลูกจ้างมาให้คุณได้อ่านหาข้อมูลกันค่ะ
การเป็นลูกจ้างกับเรื่องเงิน
salary thailand
การที่คุณทำงานเป็นลูกจ้างคุณอาจจะไม่ต้องใช้พื้นที่ในสมองมากเกินไปนัก เพราะคุณจะมีรายได้ที่สม่ำเสมออาจจะมีบ้างที่รายได้นั้นจะได้มากขึ้น หรือน้อยลงก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของคุณและสถานการณ์ของบริษัท ซึ่งอาจจะส่งผลต่องเงินของคุณไปบ้างหรือส่งผลต่อรายจ่ายของคุณด้วยแต่คงไม่ใช่วงกว้างสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบของงานและเงินของคนที่มีฐานะเป็นเจ้าของบริษัทหรือเจ้าของธุรกิจนั้นๆเรามาดูข้อดีและข้อเสียโดยละเอียดของการทำงานเป็นลูกจ้างกันค่ะ
ข้อดี : วันนี้จะนำข้อดีของการทำงานเป็นลูกจ้างมาให้ดูกัน 5 ดังนี้ค่ะ
รายได้ที่มั่นคงแน่นอนสม่ำเสมอ
นี่อาจจะเป็นข้อดีที่เด่นๆของการทำงานประจำเลยก็ว่าได้ที่ชนะทุกรูปแบบของการทำงานอื่นเลย ใครๆก็อยากได้รับความมั่นคงและความแน่นอนในชีวิตกันอยู่แล้ว การทำงานแบบนี้จะทำให้ทุกๆเดือน คุณจะได้รับเงินในจำนวนที่แน่นอนทำให้คุณสามารถวางแผนจัดการกับเงินของคุณได้ดี ไม่ต้องปรับเปลี่ยนแผนบ่อยๆซึ่งก็อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้างแต่ไม่บ่อยนัก และรายได้ที่คุณจะได้มานั้นคุณไม่ต้องเครียดเลยไม่ว่าบริษัทที่คุณทำงานอยู่นั้นจะต้องเจอกัยสถานการณ์ที่ได้กำไรหรือขาดทุน ส่วนมากแล้วปัญหาเหล่านี้ก็มักไม่กระทบต่อรายได้ของคุณสักเท่าไหร่นอกจากเรื่องใหญ่จริงๆ เช่น บริษัทจะล้มละลายอะไรแบบนั้น
มีตารางการทำงานต่อสัปดาห์ที่แน่นอนรวมถึงวันหยุดด้วย
โดยส่วนมากแล้วการทำงานเป็นลูกจ้าง หรือการทำงานประจำนั้นก็มักจะทำงาน 5-6 วันต่อสัปดาห์ และมีวันหยุดให้ 1-2 วัน และวันหยุดก็มักจะเป็นวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ และทำงานต่อวันใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงหรืออาจจะมากกว่านั้นแต่ถ้านานกว่านั้นคุณก็จะได้เงินพิเศษที่เรียกว่าการทำงานโอทีนั่นเอง การที่มีตารางการทำงานที่แน่นอนแบบนี้ช่วยให้คุณวางแผนการใช้เวลาได้ดีด้วย ไม่ว่าจะวางแผนไปเที่ยวในวันหยุด วางแผนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หรือทำอะไรอย่างอื่นๆ เพราะวันทำงานและวันหยุดเป็นที่แน่นอน
มีสวัสดิการที่ดี
ถ้าการเป็นลูกจ้างของคุณ คุณได้ทำงานในบริษัที่ใหญ่ๆก็มักจะมีสวัสดิการในการดูแลพนักงานเป็นอย่างดี เช่น ค่าประกันสังคม ค่ารักษาพยาบาล ค่าอาหารมื้อกลางวัน ค่าโบนัส หรือเงินพิเศษจากผลงานการทำงานที่ดี และยังมีสวัสดิการอื่นๆอีก เช่น ค่าการศึกษาของลูกๆ ค่าทำคลอกบุตร และวันหยุดวันลาสำหรับใครที่คลอดบุตรก็มีนะคะ ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้เป็นการทำให้พนักงานนั้นรักสถานที่ที่ตนทำงานอยู่มากขึ้นและเมื่อถึงเวลาทำงานก็จะทุ่มเทมากขึ้น ซึ่งได้ประโยชน์กันไปทั้งสองฝ่าย
ไม่ต้องรับผิดชอบมาก
คุณก็แค่รับผิดชอบงานในส่วนที่คุณรับผิดชอบเท่านั้น งานอื่นๆนอกเหนือจากนั้นถ้าเจ้านายไม่สั่งก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ช่วยให้เรามีพื้นที่ในสมองให้คิดเรื่องอื่นได้อีกเยอะ คือเราจะไม่มีความเครียดมากเหมือนกับคนที่เป็นเจ้าของกิจการหรือเจ้าของบริษัทเอง และเมือ่เกิดความผิดพลาดในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช่ส่วนงานของคุณคุณก็ไม่ต้องมาแบกรับความผิดพลาดนั้น ส่วนมากบริษัทก็จะมีการมอบหมายหน้าที่การทำงานที่ชัดเจนแน่นอนว่าใครทำอะไรอยู้แผนกไหนค่ะ
มีสังคมที่เหมือนครอบครัว
การทำงานเป็นลูกจ้างเราจะมีเพื่อนร่วมงานที่ต้องทำงานร่วมกันเอยะอยู่เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานหน้าที่เดียวกัน หรือต่ำแหน่งที่ต่ำกว่า หรือมากกว่าเราที่เราต้องให้ความเคารพนับถือ ดังนั้นการทำงานเป็นลูกจ้างก็ฝึกฝนเราให้เข้ากับคนอื่นได้ดีไม่ว่าอยู่ในฐานะแบบไหนเพราะมีความหลากหลายมาก ต่างคนต่างที่มามากกว่าการที่เราทำงานเป็นนายตัวเองค่ะ ยิ่งถ้าเป็นการทำงานในโรงงานใหญ่ๆที่มีพนักงานเป็นร้อยเป็นพันคนและต้องเจอกันเกือบทุกวันส่งผลให้มีความสนิทสนมกันมากๆ นี่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้เราเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากขึ้น
ข้อเสีย: ข้อเสียจะมีด้วยกัน 2 ข้อดังนี้ค่ะ
มีอิสระที่น้อยกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงาน หรือการใช้เวลา เราไม่สามรถยืดหยุ่นอะไรได้ต้องทำตามตารางที่แน่นอนอย่างสม่ำเสมอ เพราะวันเวลาการทำงานได้ถูกกำหนดไว้แล้วตามกฏระเบียบเปลี่ยนแปลงตามสภาพการณ์ของคุณไม่ได้ การเป็นลูกจ้างก็ต้องเคารพกฏของบริษัทจะเริ่มทำงานกี่โมงจบงานกี่โมงก็ต้องทำตาม แต่ถ้าในกรณีฉุกเฉินจริงๆก็มีวันลาที่คุณก็ต้องสะสมกักตุนไว้ ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกหักรายได้ถ้าคุณหยุดงานพร่ำเพรื่อ
โอกาสก้าวหน้าทางการเงินน้อยกว่า
ถึงแม้ว่าจะมีรายได้ที่ได้รับในแต่ะเดือนที่แน่นอน แต่ก็เป็นรายได้ที่ไม่มากถ้าไม่มีการวางแผนการใช้จ่ายที่ดีการเก็บเงินได้ก้อนใหญ่ก็ยากมาก แต่ถ้าคุณมีการวางแผนที่ดีก็สามารถรวยได้ถ้ารู้จักเก็บและลงทุนยอมรับความเสี่ยง แต่น้อยคนนักที่เป็นลูกจ้างจะมีโอกาสแบบนั้นได้ จากข้อมูลตรงนี้ก็เห็นว่าการทำงานเป็นลูกจ้างนั้นก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ข้อเสียก็มีถ้าใครไม่คิดมากเรื่องข้อเสียและไม่คิดจะมีแผนการเงินยุ่งยากก็เหมาะกับการทำงานแบบนี้นะคะ
การเป็นนายตัวเองกับเรื่องเงิน
การทำงานเป็นนายตัวเองหลายคนอาจจะเริ่มมาจากการทำงานเป็นลูกจ้างมาก่อน แต่มีความฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองและพยายามหาโอกาสที่จะทำให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งการทำงานเป็นนายตัวเองนั้นจะช่วยให้คุณมีโอกาสร่ำรวยได้มากกว่าการทำงานเป็นลูกจ้างไปตลอดชีวิตและมีเงินเก็บก้อนใหญ่ได้เร็วกว่าด้วยถ้าคุณเกิดโชคดีในการลงทุนขึ้นมา เรมาดูข้อดีข้อเสียกันก่อนตัดสินใจเลือกการทำงานแบบนี้กันค่ะ
ข้อดี : ข้อดีที่จะยกมาให้มี 3 ข้อดังนี้ค่ะ
self-employed
มีอิสระในการทำงานและเวลา
เพราะตัวคุณเองที่เป็นเจ้านายตัวเองจึงไม่มีใครมากำหนดอะไรต่อมิอะไรให้คุณ คุณสามารถกำหนดทุกสิ่งทุกอย่างเองได้ว่าจะทำงานเวลาไหนพักตอนไหนหยุดตอนไหน แล้วแต่ความสะดวกของคุณได้เลยค่ะ และเลือกสถานที่ในการทำงานของตัวเองได้ตามสบายใจได้เลยด้วย การทำงานเป็นนายตัวเองนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการลงทุนเปิดธุรกิจหรือกิจการที่ใหญ่โตอะไรเท่านั้น แต่การใช้ความสามารถทำงานเล็กน้อยที่บ้านแต่สร้างรายได้ให้กับคุณได้มากเท่ากับการเป็นลูกจ้างถือว่านั่นเป็นการทำงานที่ดีได้ด้วยค่ะ
มีการตัดสินใจและออกความคิดเห็นมากกว่า
ไม่ว่าคุณจะมีไอเดียแบบไหนก็สามารถเอาออกมาใช้ได้ทั้งหมด เพราะนี่คืองานของคุณถึงแม้อาจจะต้องขอความคิดเห็นจากคนอื่นๆเพิ่มเติมด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นความคิดของคุณมากที่สุด ทำให้คุณมีความรักงานนั้นมากกว่า ไม่ต้องคอยมีใครมาสั่งว่าคุณต้องคิดแบบนั้นแบบนี้ คุณจะไม่มีความอึดอัดใจใดใดเลย คุณสามารถลงไอเดียของคุณกับงานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นคนที่มีความฝันและอยากจะแสดงออกมาทางผลงานก็มักจะชอบการทำงานเป็นนายตัวเองซะมากกว่า
มีอิสรภาพทางการเงินได้เร็วกว่า
เมื่อธุรกิจที่คุณทำมันได้ผลดีก็ทำให้คุณได้กำไรที่มาก คือมีรายรับต่อเดือนต่อปีที่มากกว่าคนที่ทำงานเป็นลูกจ้าง จึงทำให้คุณมีอิสระทางการเงินได้มากกว่า คุณจะมีโอกาสทางการเงินในการลงทุนอื่ๆเพิ่มขึ้น หรือทำงานที่คุณลงทุนไปด้วยความรักในระยะเวลานานก็สามารถเป็นคนร่ำรวยได้ไม่ยากค่ะ
ข้อเสีย: ข้อเสียก็นำมาฝากสองข้อค่ะ คือ
รายได้ที่ไม่เท่ากันในทุกเดือน
การมีธุรกิจของตัวเองต้องมีทั้งช่วงที่ได้กำไรและขาดทุน หรือเสมอตัวบ้าง ดังนั้นรายได้ที่เข้ามาก็จะไม่แน่นอนหรือสม่ำเสมอ แต่ถ้าธุรกิจของคุณไปได้รุ่ง รายได้ที่ไม่แน่นอนแต่ได้มากขึ้นเรื่อยก็ดีกว่าแน่นอน และในช่วงที่ธุระกิจได้กำไรก็ควรเก็บเงินอย่างดีเพื่อชดเชยในล่วงที่เกิดสถานการณืเศรษฐกิจแย่ๆได้ ทำให้ธุระกิจของคุณไม่เผชิญช่วงวิกฤตแต่สามารถทรงตัวอยู่ได้ การที่รายได้ไม่เท่ากันนี้ก็ไม่ใช่ข้อเสียที่แก้ไม่ได้ แต่คุณอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการเงินอยู่เรื่อยๆนั่นเองค่ะ
ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง
แม้จะไม่ใช่การลงทุนเล่นหุ้นหรืออะไร แต่เป็นการลงทุนเพื่อทำสิ่งที่เรารักก็มีความเสี่ยงถ้าคุณไม่มีการวางแผน ทั้งเรื่องเงินทุน สถานที่ และเรื่องระบบการทำงานของคุณและพนักงาน ดังนั้นการจะเป็นนายตัวเองอย่างประสบความสำเร็จด้านการเงินก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ต้องมีความพยายามอย่างมาก และต้องพร้อมยอมรับการขาดทุนและสู้ต่อไปค่ะ
สรุป: เป็นลูกจ้างหรือเป็นนายตัวเองแบบไหนที่ทำให้การเงินอยู่ในสภาพคล่องมากกว่ากัน?
ทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นลูกจ้าง หรือเป็นนายตัวเองก็ตาม ถ้าคุณมีการวางแผนการใช้จ่าย การออมเงินอย่างดี รับรองได้ว่าคุณจีสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุดแน่นอนค่ะ และไม่ว่าจะทำงานแบบไหนก็ขอให้เป็นสิ่งที่คุณทำแล้วมีความสุขมีรายได้เพียงต่อการใช้ชีวิตก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีนะคะ แต่ใครที่มีความสามารถพิเศษอาจจะเลือกทำทั้งสองอยางก็ได้นะคะ เดี๋ยวนี้มีถมเถไป ที่ทำงานเป็นลูกจ้างด้วยและหาโอกาสสร้างธุรกิจเองไปด้วย
ฤทัย
ผมว่ามันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่านะครับ....ถ้าเป็นลูกจ้างถึงแม้จะมีรายได้ทุกเดือนเป็นประจำแต่ถ้าขี้เกียจใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย สภาพการเงินก็คงแย่ แต่ถ้าเราทำงานเป็นนายตัวเอง เเล้วเราไม่เลือกงาน ขยัน อดทนใช้จ่ายอย่างระวัง ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ครับ อันนี้ผมว่าไม่มีอะไรที่เป็นสูตรตายตัวแน่นอนหรอกครับ
Natchaya
ขอบคุณค่ะที่ช่วยให้เห็นถึง บทบาทของนายจ้างและลูกจ้าง ไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะไหนชอบแบบไหน เราก็สามารถประสบความสำเร็จเกี่ยวกับการทำงานได้ ขึ้นอยู่กับนิสัยการทำงานของตัวเองมากกว่าค่ะ ถ้าเรามีรูปแบบชีวิตหรือนิสัยที่ดีในการทํางาน ไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งไหน เราก็จะสามารถได้รับผลประโยชน์ จากการทำงานแน่นอนค่ะ ไม่ต้องเป็นถึงขนาดเจ้าของกิจการเองก็ประสบความสำเร็จได้ค่ะ
สมมาตร
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าเราจะทำงานเป็นลูกจ้างหรือเป็นนายจ้างตัวเองก็ตาม เราจำเป็นต้องคิดถึงผลกระทบที่ตามมาด้วยว่าทำให้เรามีสุขภาพที่ดีไหม เราได้รับผลตอบแทนที่ดีหรือเปล่า เพราะว่าการที่เราเสียสุขภาพ เราจำเป็นต้องทบทวนเกี่ยวกับงานที่เราทำแล้วล่ะครับ บทความนี้ทำให้เราเห็นว่าตัวเราเองเหมาะสำหรับบทบาทไหนในการทำงาน
**พรรณี**
ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างหรือเป็นนายตัวเองมีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยู่ที่ว่าใครรับแบบไหนได้มากกว่ากัน แต่มีอย่างนึงที่ทั้งคนที่เป็นลูกจ้างหรือเป็นนายตัวเองต้องทำถ้าอยากมีสภาพทางการเงินที่ดี ก็คือ การวางแผนค่าใช้จ่าย ต่างๆพร้อมกับการออมเงินอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ ทุกอาชีพมีความเสี่ยงทั้งนั้นแหละ ต้องวางแผนทางการเงินให้ดีค่ะ
ภูมิใจ
เราว่า เอาสอง อย่างนี้มาเทียบกันคงไม่ได้หลอกคะ คนที่เป็นลูกจ้าง อาจประสบความสำเร็จกว่าคนที่เป็นนายจ้างก็มีนะคะ เราว่าของแบบนี้มันอยู่แค่จังหวะและโอกาสมากกว่าคะ แต่ความท้าทายของคนที่เป็นเจ้านายมันน่าจะมากกว่าเท่านั้นเอง เพราะต้องรับผิดชอบอนาคตของลูกน้องทั้งหมด ที่ทำงานร่วมกับเขา ซึ่งอันนี้คิดว่าเจ้านายทุกคนคงเข้าใจดี
ชาญ
ครับเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่การเปรียบเทียบในที่นี้ผมว่าดีนะ จะได้ให้หลายๆคนเข้ามาตรวจสอบตัวเองว่าเหมาะจะเป็นลูกจ้าง หรือนายตัวเอง หรือว่าถ้าอยากจะเปลี่ยนจากลูกจ้างมาเป็นนายตัวเองต้องทำอะไรบ้าง ผมว่าการเกปรียบเทียบและอธิบายแบบนี้มันชัดเจนดีครับ ช่วยให้คนได้เห็นมุมมองของการทำงานที่แตกต่างชัดเจนมากขึ้น
กาลครั้งหนึ่ง
ข้อดีของการทำงานเป็นลูกจ้าง=รายได้ที่มั่นคงแน่นอนสม่ำเสมอ ???? ตั้งแต่มีโควิดเป็นต้นมา.... ลูกจ้างมีรายได้ที่มั่นคงสม่ำเสมอและมีชีวิตที่แน่นอนจริงๆไหม ??? มีตารางการทำงานต่อสัปดาห์ที่แน่นอนรวมถึงวันหยุดด้วย = ใช่ไง...หยุดไปเลยไม่ต้องมาทำงานอีก หรือถ้าให้ดีนิดนึงให้มาทำงานสัปดาห์ละสามวัน มีสวัสดิการที่ดี= ตั้งแต่โควิดให้ออกจากงานเลยไม่มีเเม้เงินชดเชย ไม่ต้องรับผิดชอบมาก=เศรษฐกิจตอนนี้ไม่ดี...จ้างคนเดียวทำทุกงานทุกหน้าที่...... อ่านแล้วต้องคิดถึงความเป็นจริงด้วยนะครับ
มดตะนอย
ถ้าถามใครๆก็อยากจะเป็นนายตัวเองทั้งนั้นแหละ แต่ว่าเราคิดว่าการเป็นเจ้านายหรือการเป็นนายตัวเองน่ะต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงจริงๆนะ อย่างลูกจ้างก็มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ว่าไม่ต้องรับผิดชอบความเสี่ยงของร้านใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าจะเป็นนายตัวเองจะเป็นเจ้านายมีความเสี่ยงเรื่องพวกนี้อยู่ ต้องบริหารเป็นด้วย สำหรับเรารู้สึกว่าการเป็นลูกจ้างสบายกว่า แต่แน่นอนว่าอิสระที่ได้มันก็น้อยกว่าด้วย
สิทธินันท์
อ่านที่พี่ กาลครั้งหนึ่ง คอมเม้นไว้ มันช่างบาดใจจริงครับ ว่างงาน เงินเดือนหาย รายรับไม่พอรายจ่าย ไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ นี่จะอดตายกันอยู่แล้ว นี่แค่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงตอนโควิด-19นะ เดือนหน้าจะเป็นยังไงอีก ทั้งโควิด ทั้งประท้วง ยาวไปเลยละครับแบบนี้ เหนื่อยใจครับไม่มีใครจะช่วยหาทางออกได้เลย
กระต่าย
ความสำเร็จของการทำงานหรือการหาเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเป็นนายจ้างหรือลูกจ้างนะคะ ความสำเร็จทางการเงินขึ้นอยู่กับการวางแผนทางการเงินและทำตามสิ่งที่ตัวเองได้วางแผนไว้แล้วค่ะ ที่พูดแบบนี้เพราะว่าสภาพการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีกิจการเป็นของตัวเองหรือมรดกจากครอบครัว แต่บางคนต้องสู้ชีวิตด้วยกำลังของตัวเองมาตั้งแต่แรกโดยมีทุนน้อย