เมื่อคุณจะซื้อรถสักคันหลายคนมักซื้อแบบเป็นสินเชื่อหรือที่เรียกกันว่าซื้อแบบเงินผ่อนนั้นเองดังนั้นความจำเป็นที่จะซื้อรถควรสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าและเงินที่เราจะได้รับในอนาคตด้วย เพราะรถยนต์ไม่ได้มีแค่ค่าผ่อนรายเดือนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกมากมายที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป รวมถึงความกังวลว่า เราจะผ่อนรถไหวไหม เรามีรายจ่ายอะไรบ้างและจะแก้ไขความกังวลได้อย่างไร ลองติดตามได้จากบทความนี้เลยคะ

car loan

jack8/shutterstock.com

ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับรถยนต์มาจากอะไรบ้าง

ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับรถยนต์มาจากอะไรบ้าง

ค่าเบี้ยประกันภัย

รถยนต์บางยี่ห้อไม่มีประกันภัยชั้น 1 แถมให้ลูกค้า หรืออาจมีเงื่อนไขดอกเบี้ยพิเศษที่บังคับให้ลูกค้าต้องจ่ายค่าประกันภัยเอง ซึ่งส่วนใหญ่รถป้ายแดงทุกคันจะต้องทำประกันภัยชั้น 1 ตามข้อบังคับของบริษัทไฟแนนซ์ (เว้นแต่ซื้อเงินสดก็ขึ้นอยู่กับลูกค้า) ดังนั้น คุณจะต้องกำเงินราว 2-3 หมื่นบาท สำหรับรถขนาด 1.5 ลิตร (ยิ่งรถราคาสูง เบี้ยประกันยิ่งแพง) เพื่อจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันในวันรับรถ

ค่าจดทะเบียน

ค่าจดทะเบียนรถยนต์แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน แต่ปกติศูนย์จะบวกค่าบริการเพิ่มไปนิดหน่อยให้กลายเป็นเลขกลมๆ เช่น 3,500 บาท หรือ 5,000 บาท เป็นต้น หากศูนย์ไม่ซัพพอร์ตค่าจดทะเบียนให้แล้วล่ะก็ คุณก็จำเป็นต้องเตรียมเงินจำนวนนี้ไปจ่ายด้วยเช่นกัน แต่หากใครต้องการประหยัดเงินก็สามารถนำรถไปจดทะเบียนเองได้ แต่ขั้นตอนอาจยุ่งยากสักนิด ทางที่ดียอมจ่ายเพิ่มเพื่อให้ศูนย์จัดการให้จะดีกว่า

ค่ามัดจำป้ายแดง

ปกติแล้วศูนย์บริการจะคิดค่ามัดจำป้ายแดงราว 2-3 พันบาท และจะจ่ายคืนให้กับลูกค้าเมื่อนำรถกลับมาเปลี่ยนเป็นป้ายดำ ทางที่ดีควรเช็คว่าป้ายแดงที่ได้รับเป็นป้ายแดงที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะได้ไม่มีปัญหากับตำรวจเมื่อถูกตรวจสอบ

ค่าน้ำมัน

รถใหม่ส่วนใหญ่จะเติมน้ำมันจากโรงงานมาให้เล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งน้อยมากที่ศูนย์บริการจะเติมเพิ่มให้ลูกค้า ดังนั้น เมื่อขับรถออกจากศูนย์แล้ว คุณจำเป็นต้องนำรถไปเติมน้ำมันในวันที่ออกรถด้วย

ค่าอุปกรณ์อื่นๆ

หากใครสั่งอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมที่ไม่รวมอยู่ในของแถม ก็จำเป็นต้องนำมาจ่ายในวันรับรถด้วย บางกรณีหากเป็นการติดตั้งเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการ คุณจำเป็นต้องจ่ายค่าอุปกรณ์นั้นเต็มจำนวนในวันรับรถ ไม่สามารถนำมารวมกับค่างวดที่ต้องชำระในแต่ละเดือนได้

สูตรการคำนวณเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละงวด

สูตรการคำนวณเงินที่ต้องผ่อนชำระในแต่ละงวด

ค่าผ่อนรถรายเดือน เป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ที่เราจะต้องจ่ายทุกเดือน จำนวนเงินผ่อนในแต่ละเดือนนั้นจะคิดแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ คือ เงินต้นรวมกับดอกเบี้ยแล้วหารจำนวนเดือนที่จะผ่อน 
ตัวอย่าง เราต้องการซื้อรถคันใหม่ราคา 600,000 บาท มีเงินดาวน์ 300,000 บาท ผ่อน 60 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5% วิธีคำนวณ เงินที่ต้องจ่ายจริง (600,000 – 300,000) = 300,000 บาท ดอกเบี้ยต่อปี (300,000 x 5) /100 = 15,000 บาท ดอกเบี้ยทั้งหมด (15,000 x 5) = 75,000 บาท เงินที่ต้องจ่ายทั้งหมด (300,000 + 75,000) = 375,000 บาท จำนวนเงินที่ต้องจ่ายต่องวด (375,000 /60) = 6,250 บาท สรุปยอดที่คุณต้องชำระทุกเดือนเป็นจำนวนเงิน 6,250 บาท หากรวมภาษีอีก 7% จะเป็นเงินทั้งสิ้น 6,688 บาท

การทำบัญชีค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์

การทำบัญชีค่าใช้จ่ายสำหรับรถยนต์

  1. น้ำมัน เราสามารถคำนวณได้โดยประมาณ เมื่อเรารู้ว่าเราขับไปไหนในแต่ละวันแน่นอนถ้าคนทำงานประจำก็ยิ่งคำนวณออกได้ใกล้เคียงมากเพราะแค่ขับรถไปและขับกลับมาเท่านั้นระยะทางก็ตายตัว ยกเว้นคนที่ต้องออกงานนอกสถานที่
 2. ทางด่วน คนทำงานประสารถคำนวณได้ตรงแน่นอนเพราะจะรู้ว่าเราต้องผ่านกี่ด่านถึงไปถึงที่ทำงาน
 3. แต่งรถ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน บางคนไม่ชอบแต่งรถก็จะไม่เสียในส่วนนี้เลย แต่ถ้าใครชอบแต่งรถก็ต้องคำนวณในส่วนนี้ด้วยคะ อาจจะไม่ใช้ค่าใช้จ่ายที่ตายตัวในแต่ละเดือนแต่ถ้าคุณเป็นคนชอบแต่งรถก็ต้องจ่ายเงินในส่วนนี้ด้วยนะคะอย่าลืม
 4. บำรุงรักษา ส่วนนี้จะรวมถึงเช็คระยะทุก ๆ 6เดือน น้ำยาล้าง ขัด เคลือบ ล้างรถคาร์แคร์ทุกอย่างรวมหมด
5.ประกันภัย+ต่อพรบ ตายตัวปีต่อปีคะ 6. อื่นๆ เช่น อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เล็กน้อยที่ไม่ได้นำมารวม เช่น ค่าจอดรถตามห้าง อุปกรณ์ที่ใช้ในรถยนต์

เอกสารเบื้องต้นที่ต้องเตรียม

เอกสารเบื้องต้นที่ต้องเตรียม

กรณีเป็นบุคคลธรรมดา สิ่งที่จะต้องเตรียมคือ -สำเนาบัตรประชาชน -สำเนาทะเบียนบ้าน -สเตทเม้นท์ย้อนหลังหกเดือน -หากเป็นพนักงานบริษัทต้องเตรียม หนังสือรับรองเงินเดือนด้วย -คนค้ำประกันก็เตรียมเอกสารเหมือนกัน กรณีเป็นบริษัท / นิติบุคคล สิ่งที่จะต้องเตรียมคือ -สำเนาบัตรประชาชนที่มีกรรมการบริษัทหรือผู้มีอำนาจเซ็นสำเนาถูกต้อง, -สำเนาทะเบียนบ้านที่มีกรรมการบริษัทหรือผู้มีอำนาจเซ็นสำเนาถูกต้อง, -สเตทเม้นท์ย้อนหลังหกเดือน -หนังสือรับรองบริษัท กรณีคนต่างชาติ -พาสปอร์ต -วีซ่าประเภท Non-Immigrant (วีซ่าแบบนักท่องเที่ยวใช้ซื้อรถไม่ได้) -ใบอนุญาตให้ทำงานหรือหนังสือรับรองการมีถิ่นที่อยู่ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือใบรับรองของที่อยู่อาศัยจากสถานเอกอัครราชทูต ซึ่งส่วนนี้อาจต้องใช้เอกสารเพิ่มเติมในการขอ เช่น ใบรับรองการเช่าบ้านหรือคอนโด สำเนาพาสปอร์ต หรือสำเนาวีซ่า เป็นต้น -กรอกแบบฟอร์มแจ้งโอนจากกรมการขนส่งทางบกให้เรียบร้อย หากคุณจะผ่อนรถสักคัน ถ้าคำนึงถึงค่าใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดแล้วสามรถจ่ายได้คุณก็สามารถเป็นเจ้าของรถได้เลยซึ่งไม่ยากเลยถ้าคุณเป็นคนทำตามแผนการจ่ายเงินของคุณอย่างมีวินัย