ทำไมต้องตรวจสอบตัวคุณเองเรื่องนี้นั่นก็เพราะว่าคุณจะได้มีปัญหาทางการเงินที่รัดตัวและสายเกินจะแก้ไขได้ หรือถึงทางตันทางการเงินเพราะถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ดีแน่ๆ บทความนี้จึงอยากให้คุณเริ่มตรวจสอบเส้นทางแนวทางการเงินของคุณแต่ละคนกันว่าพ้นขีดอันตรายแล้วหรือไม่ หรือว่ากำลังอยู่ในอาการขั้นโคม่าต้องรีบรักษาด่วนๆ เพราะความล้มเหลวหรือกลายเป็นคนล้มละลายทางการเงินนั้นน่ากลัวกว่าที่คุณคิด
ดังนั้นการรีบจัดการเช็คและตรวจสอบตัวเองให้เร็วที่สุดก็จะแก้ปัญหาได้ทันการ สำหรับใครที่ไม่อยากล้มเหลวก็มาตรวจเช็คสัญญาณอันตรายทางการเงินที่จะนำมาฝากกัน 6 สัญญาณนี้กันค่ะ ถ้าคุณพบว่าตัวเองมีสัญญาณเหล่านี้มากกว่าสองข้อก็ถือว่าต้องรีบแก้ไขแล้วนะคะ ซึ่งก็จะมีสัญญาณดังต่อไปนี้ คือ
มีรายรับไม่พอรายจ่าย/ไม่มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีเลย/มีหนี้สินที่ค้างชำระ/มีการใช้จ่ายเงินโดยที่ไม่การวางแผน/ไม่ค่อยมีเงินสดติดกระเป๋าใช้บัตรเครดิตมากกว่า/ไม่สามารถชำระบัตรเครดิตได้เต็มวงเงิน
มีรายรับไม่พอรายจ่าย
อาจจะใช้คำเรียกสถานะแบบนี้ได้ว่า ชักหน้าไม่ถึงหลัง คือรายรับที่ได้มาไม่เพียงพอต่อรายจ่ายทั้งเดือนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ เงินเดือนที่พึ่งจะได้รับมาเนี่ยยังไม่ถึงครึ่งเดือนก็หมดละ สุดท้ายคุณก็ติดกับดักทางการเงินเลยต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินนั้นมาใช้จ่าย นี่เป็นการใช้จ่ายเงินล่วงหน้าที่จะทำให้แผนการเงินของคุณมันจะรวนไปหมด วุ่นวายไปหมด ติดขัดไปซะทุกอย่าง ดังนั้นวิธีแก้ไขและรู้ตัวก่อนจะสายเกินไปก็คือ คุณต้องเริ่มวางแผนการเงินโดยทำตารางรายรับรายจ่าย และประหยัดตั้งแต่ต้นเดือน ถ้าทำยังไงก็ไม่พอต่อรายจ่ายก็คงต้องขยันขึ้นหน่อยโดยหารายได้เสริมแล้วหล่ะ ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อๆไปคงไม่รอดแน่ๆ คุณต้องรีบลงมือปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตโดยด่วนที่สุด นอกจากเพื่อจะมีเงินใช้จ่ายเพียวพอในแต่ละเดือนแล้วนั้นก็ต้องสามารถเหลือเก็บด้วยจึงจะถือว่าคุณพ้นจากอันตรายข้อนี้ไปแล้วนะคะ
ไม่มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีเลย
ถ้าคุณมีปัญหาตามสัญญาณอันตรายข้อแรกข้อสองก็ตามมาติดๆ ในเมื่อไม่มีเงินเพียงพอที่จะใช้จ่ายต่อเดือนแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเก็บ นี่ก็เช่นเดียวกันค่ะ คุณต้องจัดการรายรับให้พอต่อการใช้จ่ายแต่ละเดือนได้ และต้องมัเงินเหลือเก็บด้วย และไม่ใช่การเก็บเงินไปเรื่อยเปื่อยนะคะ ต้องมีการวางแผนในการเก็บเงินด้วยว่าจะเก็บต่อเดือนเดือนละเท่าไหร่และต้องเก็บตามจำนวนนั้นให้สม่ำเสมอทุกๆเดือนให้ได้ และดีที่สุด คือการเก็บเงินโดยนำไปฝากธนาคารเพราะการที่เงินไม่ได้อยู่ในมือคุณนั้นน่าจะปลอดภัยกว่า สัญญาณอันตรายเรื่องนี้ก็ควรจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนด้วย เพราะคุณจะมีชีวิตอยู่บนความเสี่ยง ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามคุณจะไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้เลยเพราะคุณไม่มีเงินเก็บเงิน สมมุติแค่ว่าคุณเกิดตกงานกระทันหัน คุณจะไม่มีเวลาให้ได้คิดเลยคุณต้องรีบหางานใหม่ทันทีและจะเครียดมากถ้าหางานใหม่ได้ยากเนื่องจากคุณไม่มีเงินที่จะมาเป็นค่าใช้จ่ายสำรองเลย ดังนั้นพยายามมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีไว้บ้างนะคะไม่มากก็น้อยเพื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
มีหนี้สินที่ค้างชำระ
นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือนแล้ว ก็จะมีค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หรือผ่อนสินค้าอื่นๆ ถ้าคุณเริ่มค้างชำระแม้แต่เดือนเดียวหรือเริ่มจ่ายล่าช้ากว่ากำหนดแล้วละก็ นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะแค่การชำระเงินล่าช้าก็จะมีค่าติดตามค่าทวงถามและค่าปรับที่ทำให้คุณต้องเสียเงินเพิ่มโดยใช่เหตุและไม่ใช้น้อยๆด้วยนะ อย่างน้อยก็หลักร้อยอย่ามองข้ามว่าไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้น คุณต้องเห็นคุณค่าเงินทุกบาททุกสตางค์ เมื่อคุณเริ่มมีการชำระล่าช้ากว่ากำหนดแล้วอีกไม่นานรับรองได้เลยว่าคุณต้องมีการค้างชำระแน่ๆ เมื่อเริ่มมีการค้างชำระหนี้สินที่ต้องจ่ายแล้วคุณต้องรีบจัดการที่ต้นเหตุให้เร็วที่สุดอย่าปล่อยไปจนการค้างชำระนั้นเลยเถิดไปจนถึงเดือนที่สองเดือนที่สามเด็ดขาด ต้องรีบตรวจสอบปรัปรุงโดยด่วยว่าเป็นเพราะอะไร สาเหตุเกิดจาอะไรแล้วรีบแก้ไขไม่อย่างนั้นมันจะเป็นปัญหาใหญ่ต่อไปในอนาคตได้ค่ะ เช่นอาจจะต้องสุญเสียทรัพย์สินหรือสิ่งของชิ้นนั้นที่เราอุตส่าห์ซื้อมาหรือผ่อนมาแล้วตั้งหลายเดือนถ้าเกิเหตุการณ์แบบนั้นคงต้องทำให้เจ็บใจมากแน่ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บใจก็ต้องรีบแก้ไขอย่าละเลยนะคะ
การใช้จ่ายเงินโดยไม่มีการวางแผน
การใช้จ่ายเงินไม่ว่าจะมากหรือน้อยควรมีการวางแผนทั้งหมด ถ้าคุณไม่เคยวางแผนการใช้จ่ายเงินเลย หรือมีแผนที่ไม่แน่นอนชัดเจนคุณก็จะประสบปัญหาเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น ดังนั้นเมื่อตรวจสอบตัวเองพบว่าไม่มีแผนการใช้จ่ายเงินที่ดีพอ ก็ควรรีบลงมือทำตารางและเริ่มวางแผนการใช้เงินอย่างจริงจังตั้งใจได้แล้ว เพื่อจะชีวิตที่ราบรื่นในเรื่องการเงิน ไม่ว่าจะเป็นแผนของค่าใช้จ่ายสิ่งจำเป็น ค่าหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระ เงินในส่วนที่ต้องเก็บออมเผื่อไว้ในเวลาฉุกเฉิน เพราะการไม่มีการวางแผนการใช้จ่ายเงินจะทำให้เงินของคุณนั้นหายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่รู้แม้กระทั่งได้รับมาในจำนวนเท่าไหร่กันแน่? แล้วใช้จ่ายอะไรไปบ้าง? สิ่งที่จ่ายไปนั้นจำเป็นหรือไม่? คุณจะไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ให้กับตัวเองได้เลยถ้าไม่มีการวางแผนการใช้จ่ายเงินค่ะ
ไม่ค่อยมีเงินสดติดกระเป๋าใช้บัตรเครดิตมากกว่า
พฤติกรรมแบบนี้ก็น่าเป็นห่วงมาก ถึงแม้คุณจะมีรายได้มากพอที่สมัครบัตรเครดิตและพยายามใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อความสะดวกมากกว่า แต่ข้อเสียของการใช้บัตรเครดิตก็มีถ้าการใช้จ่ายของคุณใช้บัตรเครดิตทั้งหมด ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ว่าคุณจะมีการรูดบัตรเครดิตใช้จ่ายเกินวงเงินและติดนิสัยการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและซื้อแต่ของราคาแพงๆเท่านั้น เพราะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็ต้องใช้ได้ในร้านค้าหรือสถานที่ที่มีระดับขึ้นมาหน่อย ดังนั้นถ้าคุณจะกินจะซื้อของตามร้านธรรมดาคุณก็ต้องใช้เงินสด การที่คุณจะพึ่งจ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้นมันไม่ได้ คุณต้องมีเงินเก็บและเงินสดติดตัวคุณไว้ด้วยต้องมีความสมดุล เพราะการใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัยจะไม่ทำให้คุณต้องพบเจอกับดอกเบี้ยที่สูงและไม่เป็นหนี้บัตรเครดิต แต่ถ้าคุณไม่มีวินับในการใช้บัตรเครดิตคุณต้องเจอปัญหาแน่ๆ คุณจึงควรจะให้การใช้จ่ายของคุณนั้นมีความพอดีทั้งเงินสดและบัตรเครดิต ถ้าคุณพบว่าคุณกำลังมีนิสัยการใช้จ่ายที่ใช้บัตรเครดิตเท่านั้นก็ควรรีบจัดการนะคะเพื่อจะไม่ตกเป็นหนี้บัตรเครดิตค่ะ
ไม่สามารถชำระค่าบัตรเครดิตได้เต็มวงเงิน
จากสัญญาณอันตรายข้อก่อนหน้านี้ พฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตมากกว่าการใช้เงินสดนั้นจะทำให้คุณมีปัญหาต่อการชำระค่าบัตรเครดิตเมื่อครบกำหนดในแต่ละเดือน นี่คือสัญญาณการเริ่มต้นเป็นหนี้บัตรเครดิต เมื่อคุณมีค่าบัตรเครดิตที่ต้องชำระในจำนวนมากคุณก็อาจจะไม่มีเงินเพียงพอที่จำชำระได้เต็มวงเงินที่ใช้จ่ายไป แต่เลือกการชำระขั้นต่ำได้เท่านั้น แล้วเงินที่เหลือที่ไม่สามารถชำระได้ในเดือนนั้นก็จะทบไปในเดือนต่อๆไป และถ้าคุณมีพฤติกรรมแบบนี้ต่อไปในอีกสองสามเดือนก็ถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่แล้วนะคะ และนี่คือสัญญาณของการที่คุณจะล้มเหลวทางการเงิน เพราะคุณคงพอจะรู้มาบ้างมาอัตราค่าดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นมากนักหนามาก หรือถ้าใครไม่เคยรู้มาก่อนก็อยากจะบอกให้รู้ตรงนี้ไว้เลยนะคะว่าอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตนั้นสูงมากถ้าคุณไม่สามารถชำระค่าบัตรเครดิตเต็มวงเงินได้ อย่าคิดสั้นๆแค่ผ่านไปเดือนเดือนนึงเท่านั้นนะคะ รีบเปลี่ยนความคิดโดยด่วนเลยค่ะเพื่อไม่ติดกับดักการเป็นหนี้บัตรเครดิตแบบโดนมัดตัวดิ้นไม่หลุด
สรุป
สรุปได้ว่าถ้าคุณมีสัญญาณทางการเงินเหล่านี้แสดงว่าการเงินของคุณกำลังมีปัญหาและอยู่ในช่วงอันตราย ดังนั้นคุณสามารแก้ไขได้โดยเริ่มต้นการใช้จ่ายเงินแบบมีวินัยให้มากที่สุด เพราะปัญหาเรื่องการเงินนั้นไม่มีใครสามารถช่วยใครได้ต้องเริ่มที่ตัวเรา และเป็นปัญหาใหญ่ด้วยจึงต้องพยายามอย่างมากให้มันไม่เกิดขึ้นกับตัวคุณและคนใกล้ตัว ถ้าเกิดคุณประสบปัญหาทางการเงินและบวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็จะยิ่งแย่ขึ้นไปอีก แต่การที่คุณมีการใช้จ่ายเงินที่ดีไม่มีปัญหาคุณจะสามารถตั้งตัวตั้งรับกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า เพราะทุกวันนี้สภาพทางเศรษฐกิจไม่แน่นอนเลยจริงๆ มีขึ้นมีลงอยู่เรื่อยเราจึงต้องเริ่มที่ตัวเราและตรวจสอบตรวเช็คสัญญาณอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ให้เร็วที่สุดเพื่อแก้ไขได้ทันการค่ะ โดยทำดังนั้น เปลี่ยนความคิด ลงมือปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หาสาเหตุ เริ่มแก้ไขที่ต้นเหตุ มีความสมดุลหาความรู้เรื่องการเงิน วางแผนการเงินทุกอย่างอย่างชัดเจนแน่นอน มีวินัยและความอดทน เพื่อความสำเร็จค่ะ
น้พตาล
เมื่อเราวางแผนการเงินหรือเราใช้เงิน เราจำเป็นต้องคิดถึงอุปสรรคหรือการใช้เงินของเราด้วยว่า มีวิธีการใช้เงินแบบไหนไหมที่จะช่วยให้เงินของเราไม่เพียงพอต่อการเก็บออม เพื่อที่จะจัดการกับนิสัยหรือการใช้เงินดังกล่าวได้ บทความนี้ช่วยให้เห็นถึงพฤติกรรมหรือสัญญาณอันตรายของการใช้เงินบางอย่างที่เราจำเป็นต้องตรวจสอบตัวเองด้วย
Anupan
สัญญาณอันตรายทางการเงิน ที่บอกมามีอยู่ 6 ข้อ ผมโดนไปละ 2-3 ข้อ อาการน่าเป็นห่วงเหมือนกันนะครับเนี่ย ถ้าใครมีครบ 6 ข้อเลยแย่แน่ๆครับ ดีครับที่ได้มาอ่านบทความแบบนี้ทำให้ต้องหันมาดูและปรับปรุงตัวเองเรื่องการใช้จ่ายเงินให้มากขึ้น ผมก็ไม่อยากให้สภาพทางการเงินของผมมันสะดุดหรือฝืดเคืองจนต้องไปยืมใคร ผมไม่อยากเป็นหนี้ครับ
ปรวิทย์
สิ่งที่ต้องทำ คือ เปลี่ยนความคิด เราต้องเปลี่ยนความคิดอย่าคิดว่าอายุน้อยค่อยวางแผนเรื่องอนาคต อันนี้ จริงๆ ถ้าเรามีนิสัยแบบที่บอกมา ไม่ว่าจะเป็นเพียงข้อเดียวในบทความนี้ เราต้องยอกรมบตัวเองเลยนะ ว่าเราเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องการใช้เงิน อย่าหาข้ออ้างเอามาแก้ตัว การหาข้ออ้างมันไม่ได้ช่วยอะไรเรามันมีแต่จะทำให้เราจมลึกลงไปมากกกว่า
5555
ไม่ต้องรอให้ครบทั้ง 6 สัญญาณหรอกครับผม แค่เจอสัญญาณแรกก็น่าจะหยุดคิดกันได้แล้วนะ เมื่อรายได้ไม่พอรายจ่ายก็ปัญหาใหญ่แล้ว ต้องปรับเปลี่ยนได้แล้ว ไม่หารายได้เพิ่มก็ต้องดลรายจ่ายลง นี่คือสิ่งที่ต้องทำครับ นอกจากจะบอกคนอื่นที่ผมพูดไปเพื่อบอกตัวเองด้วยเหมือนกัน เพราะสำหรับผมสัญญาณแรกก็จอดแล้วครับ ไปต่อไม่ได้แล้วต้องจัดการด่านแรกนี้ก่อน
PP
ถ้าตอนนี้ใครกำลังเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่แล้วคิดว่าไม่มีเงินจ่ายค่าบัตร แนะนำว่าควรจะหยุดใช้ไปเลยเเล้วใช้เงินสดแทนจะดีที่สุด หลังจากนั้นควรทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายและบริหารเงินให้ดี เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พักหรือค่าอะไรก็ตามที่เราต้องจ่ายในแต่ละเดือน และควรกันค่าบัตรเครดิตไว้ด้วยเพื่อจะมีพอจ่ายหนี้ได้ งดซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นเพราะจะช่วยเราให้หยุดสร้างหนี้ได้
มดงาน
ถ้าไม่มีเงินเก็บอยู่ในบัญชีเลยนี่อันตรายนะอย่างน้อยมึงก็ต้องมีเงินเก็บเผื่อสำรองฉุกเฉิน เราว่าสัญญาณอันตรายที่ว่ามาเนี่ย เป็นจริงกับตัวเราอยู่บางข้อเลยล่ะ ของเรามีเงินเก็บในบัญชีอยู่ถึงจะไม่เยอะ แต่เป็นคนที่ชอบใช้บัตรเครดิต แล้วก็พวก e-wallet มากกว่าไม่ค่อยได้พกเงินสด การใช้จ่ายผ่านทางพวกนี้มันทำให้เราสูญเงินไปเร็วมากโดยที่เรารู้ตัวแต่ไม่รู้สึกว่าเงินมันหายไปไง
หนุ่ม
ความรู้สึกหนึ่งเมื่อเราใช้บัตรเครดิตบ่อยๆก็คือไม่มีเงินสดอยู่ในกระเป๋าหรือมีน้อยมาก ไม่ใช่เพราะว่าไม่กดออกมาแต่ว่าไม่มีเหลือให้ใช้แล้ว ตอนสิ้นเดือนจะเป็นประจำแบบนี้ เป็นสัญญาณที่บอกให้เรารู้แล้วล่ะครับว่าเราจะมีปัญหาการใช้เงินถ้าเราใช้แต่บัตรเครดิตอย่างเดียว พอดีสิ่งที่ตามมาจากบัตรเครดิตที่เราต้องจ่ายเงินเอง
ศักดิธัช
ผมถึงกลับต้องไปเชคกระเป๋าตังค์ของผมเลยครับ ว่าเป็นยังไงบ้างในช่วงนี้ สบายใจครับ เงินยังมีในกระเป๋าครับ ไม่ได้มีแค่บัตรเครดิตเท่านั้น โล่งอกไป จริงๆนะครับ คนเราพอมีบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเงินสดนะ แบบคงคิดว่าไม่เป็นไรเดี่ยวค่อยไปรูดเอาข้างหน้าก็ได้ คิดแบบนี้บ่อยๆเข้า ก็เป็นหนี้เพิ่มด้วยจริงๆนะ