บางคนอาจบ่นว่า “เป็นลูกจ้างมานานแล้ว ไม่รวยขึ้นสักที” บ้างล่ะ! “อยากออกจากงาน ไม่อยากเป็นลูกจ้างใครแล้ว มาทำกิจการเองดีกว่า” !! แน่นอนว่า มันไม่มีข้อห้าม แต่มุมมองความรวย หรือความสบายใจมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน และวิธีคิดของเขา ความต้องการของแต่ละคนมันต้องไม่เท่ากันแน่ๆ แล้วคุณล่ะ! คิดอย่างไร การเป็นมนุษย์เงินเดือน จริงๆแล้ว ได้เปรียบหรือเสียเปรียบ กับการเป็นเจ้าของกิจการ. จะว่าไป แผงหนังสือในปัจจุบัน เต็มไปด้วยหนังสือสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานก็เยอะ หรือแม้ถึงกับชี้ทางว่าการลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเองมันจะดีมากกว่า บางคนมีต้นทุนดี ทำได้ก็รอดไป แต่อย่างที่เรารู้ ปัจจุบันเศรษฐกิจบ้านเราก็ไม่ได้สวยหรูนัก บางคนจึงคิดผิดและกระโดดขึ้นหลังเสือโดยยังไม่ได้สำรวจตัวเองหรือเตรียมตัวเตรียมใจเลย สุดท้ายก็อาจทำให้เงินเก็บที่มีหายไปในพริบตา เสียสุขภาพ หรือทำงานหนักขึ้นเกินกว่าตอนที่มีชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนเลยล่ะ บทความนี้ จึงอยากชวนเราทุกคน มาหามุมมองที่ดีของการเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ประสบความสำเร็จและรวยได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเจ้าของกิจการเลยล่ะ มาดูไปพร้อมๆถึงข้อได้เปรียบเหล่านั้นก็เลย..
รู้รายได้ที่แน่นอนทุกเดือน
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น ‘มนุษย์เงินเดือน’ ก็คือ มีรายได้หลักในแต่ละเดือนมาจากบริษัทหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบหลัก ในเรื่องของความแน่นอนและการรู้จำนวนที่แน่ชัดในแต่ละเดือนนั้นเอง! โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นรายได้คงที่ที่เท่ากันในทุกๆเดือน ส่วนต่างก็อยู่ไม่ไกลจากค่าคอมมิชชั่นหรือเบี้ยโอทีอะไรใดๆ ที่เพิ่มมากับปริมาณและคุณภาพของงานที่เราทำ แต่ถ้าเราคิดว่านี้ยังเป็นสัดส่วนรายได้ที่น้อย ก็ขอให้มองให้แง่ดีด้วยล่ะว่า มันคือจำนวนเงินที่มีความมั่นคง เป็นข้อได้เปรียบที่เราจะได้แบบที่เจ้าของกิจการอาจยังอิจฉาเวลาจ่ายเงินเดือนเราก็ได้
แล้วชีวิตที่มีตัวเลขแน่นอนแบบนี้ดียังไง แน่เลยก็คือ การรู้อนาคตนี่ล่ะ! เพราะกระแสเงินสดที่เราจะได้แบบนี้ ถ้าเอามาคิดล่วงหน้าดีๆ หลายเดือนหรือตีค่าเป็นปีๆ ยิ่งทำให้เราวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และจัดสรรจัดส่วนในการออมและการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถรับมือกับรายได้ในอนาคตได้แบบฉลาด หรือวางแผนควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นก็เป็นได้
ในขณะที่เจ้าของกิจการอาจยังต้องรับมือกับรายได้ที่ผันผวน , ไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้ ,ต้องจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นหรือเริ่มโปรเจคหรือการชักหน้าไม่ถึงหลังเพราะลูกค้าไม่จ่ายเอาดื้อๆ ก็มี แต่สำหรับการจ่ายเงินเดือนลูกจ้างแบบเราๆนี้ เขาก็ต้องหมุนเงินมาทำให้ได้แม้ปัญหายังคาอยู่ ในขณะที่เราอาจพักผ่อนหรือให้รางวัลกับตัวเองในเดือนๆนั้นอย่างสบายใจ ใครจะไปรู้! นี่จึงเป็นแง่คิดที่เราควรบวกเผื่อเอาไว้ ที่สำคัญคือ ต้องเหลือบ้างนะ เงินก้อนที่ได้ไป จะได้มีเก็บออมแล้วไม่บ่นว่าทำไมไม่รวยสักที
การลงทุนเพื่อได้ผลตอบแทน
มนุษย์เงินเดือนหลายคนทำไมทำงานมาหลายปี แต่เงินเก็บกลับไม่งอกเงยเอาได้! แม้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการออมและภาระของแต่ละคน แต่การต่อยอดทางความคิดและทัศนะคติก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าอยากให้ก้าวหน้าหรือเงินเดือนไต่ระดับได้เร็วๆ เรามาลองมุมมองแบบเจ้าของกิจการดีไหม เช่น การลงทุนที่คิดมาดี มองขาดและลึกขึ้น เพราะการลงทุนให้เงินทำงานแทนเราสามารถฝึกความถนัดและปรับความเสี่ยงกันได้ แบบการเลือกกองทุนดีๆสักตัว ศึกษาหรือทำความเข้าใจการลงทุนในหุ้น และที่สำคัญวางแผนเก็บเงินไว้เผื่อสำรองฉุกเฉินในชีวิตสัก 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ชีวิตเราจะได้ตั้งรับแบบทันท่วงที
และอีกอย่างที่ถือว่าเรากุมความได้เปรียบดีๆ ด้านการลงทุนเพื่อได้ผลตอบแทน แบบที่ต่างจาก เจ้าของกิจการ ก็คือ การทำงานเพื่อได้เงินแบบไม่ใช้เงิน เพราะเจ้าของกิจการจะต้องมีการลงทุน ต้องใช้เงินเพื่อทำเงิน เช่นซื้อสินค้ามาขายและผลิต ซื้อวัตถุดิบ ทำการเพิ่มยอดขาย หรือแม้แต่ค่าเช่า หรือค่าจ้างที่จ่ายกับเรา
สมมุติว่า เราใช้เงินในเดือนๆนั้นจนแทบจะไม่เหลือเลยสักบาท แค่มีมาม่า หรือเดินไปทำงานสักไม่กี่วัน พอจบเดือน เราก็ได้รับเงินก้อนนั้นกลับมาใหม่แล้ว หรืออีกตัวอย่างนึง ถ้าเราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินในมือตอนนี้เท่ากันกับเจ้าของกิจการเป๊ะๆเลย แต่ถ้าเราต้องการจ่ายเพื่อการลงทุนก็ทำได้หมดหน้าตัก และเพิ่มพลังในการสร้างผลตอบแทนกลับมา ในขณะที่เจ้าของกิจการจะมีภาระมากกว่า ต้องคิดหน้าคิดหลังมากกว่า เพื่อพยุงกิจการได้ต่อไป และมีเงินกลับมาจ่ายเรา หรือกันไว้สำหรับธุรกิจของเขา ทำให้เจ้าของกิจการเสียโอกาสในการลงทุนได้เช่นกัน
แต่เราก็ต้องระวังที่จะไม่ทำให้ข้อได้เปรียบแง่นี้ ย้อนกลับมาเป็นดาบสองคมกับเรา เช่น การใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน การคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินทำเงิน หรือการเก็บออมแบบมีประสิทธิภาพ เพราะปัญหาหลักของมนุษย์เงินเดือนก็เรื่องเงินเก็บนี่ล่ะ เราจึงต้องวางแผนในการเงินดีๆ และทำชีวิตให้อยู่ในแผนการนั้นด้วย
กู้ได้ง่ายกว่า!
จะว่าไปก็มีความจริงที่น่าเศร้า ถ้าหาเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ หรือยังไม่มีรายได้บริษัทที่แน่นอนล่ะก็ การกู้เงินหรือขอสินเชื่อก็ลำบาก หรือแม้แต่บัตรเครดิตเอง บางครั้งยังยากเลยที่จะอนุมัติ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนกลับ ง๊ายง่าย บางครั้งยังโทรมาชักชวนกันแทบไม่เว้นวันเลยสำหรับแต่ละเจ้า ถือว่ามนุษย์เงินเดือนเนื้อหอมสุดๆ ในเรื่องของการกู้และสินเชื่อแนวนี้
เพราะรายได้ที่แน่นอน ทำให้ความสามารถในการกู้เพิ่มตามตัว จะว่าไปความหมายของเงินกู้ ก็คือเงินที่ได้มาโดยไม่ใช่ของตัวเอง ทำให้มนุษย์เงินเดือน เหมือนมีสิ่งที่ช่วยเสริมแรงหรือผลักดันเรามาแบบเป็นตัวช่วยเบื้องหลังเลยล่ะ ตัวอย่างเช่น นายเอเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆคนนึง เขาไม่ได้มีความรู้เรื่องการเล่นหุ้น หรือศึกษาการลงมาอย่างมากมาย แต่เขามีเงินเก็บ เลยตัดสินใจซื้อคอนโดที่ตัวเองอยู่ราคา 5 ล้านบาท แต่เงินในมือจริงๆตอนนั้นมีแทบไม่ถึงครึ่งของจำนวนราคา แต่เขากู้สินเชื่อกับธนาคาร แล้วแบ่งจำนวนเงินจากเงินเดือนมาผ่อนชำระ จ่ายค่าเงินดาวน์และโอน ในเวลาไม่กี่ปีที่เขาทำได้จบ เขาได้อยู่อาศัยด้วย และมูลค่าคอนโดนั้นก็เพิ่มเป็น 8 ล้านแล้วด้วย ถือว่ากำไรเห็นๆ นี่คือ การลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนในแบบที่มนุษย์เงินเดือนทำได้ง่ายกว่าเลยล่ะ
มีไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นกว่า
จริงๆแล้วในยุคนี้ มีโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้นกับเราจริงๆ และสามารถทำหลายอาชีพในเวลาเดียวกัน เพื่อส่งเสริมกันยังได้เลย เช่นมนุษย์เงินเดือนก็สามารถเป็นนักลงทุนในหุ้น กองทุน หรือคอนโด ก็ทำได้ เพราะทุกอาชีพมีทักษะและความรู้เพื่ออิสระทางการเงินของเราทั้งนั้น ถ้าเราพัฒนาจนชำนาญก็สามารถต่อยอดในอนาคต และทำให้เราเป็นพนักงานที่มืออาชีพและประยุกต์ใช้ได้อีกหลากหลายด้วย
หรือในเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่ยืดหยุ่นกว่า สำหรับมนุษย์เงินเดือนจะมีมากกว่าก็อาชีพอื่น ก็คงในกรณี หากลาพักร้อน ลาป่วย ลากิจ หรือลาคลอด ก็ยังได้รับเงินเดือนตามปกติ หรือบางแห่งก็มีประกันสุขภาพให้กับทุกคน และสวัสดิการดีๆ ที่จะช่วยเรื่องรายจ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนรถ ที่อยู่อาศัยเท่ากับมีรายได้ที่ไม่หายไปไหนและยังช่วยรายจ่ายอย่างดีไปในตัว
และเป็นเรื่องปกติด้วยที่มนุษย์เงินเดือนอาจย้ายงานกันบ่อยๆ อาจจะเพราะสถานที่ การเดินทาง ตำแหน่ง หรือแม้แต่ต้องการรายได้ที่มากกว่า ก็สามารถขยับตัวกันได้ง่ายกว่าเจ้าของกิจการแน่ๆ ที่จะต้องใช้เวลาในการถอนทุนคืนหรือหาจุดคุ้มทุนในธุรกิจกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับมนุษย์เงินเดือนจะมีความคล่องตัวที่หลากหลายกว่าด้วยในเรื่องเวลาที่ใช้ในการอยู่กับครอบครัว หรือดูแลสุขภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตเราเลยด้วย
เหตุผลดีๆ ที่ ‘มนุษย์เงินเดือน’ ให้เราได้มากกว่า
เราจะเห็นว่า ถึงเราจะเป็นมนุษย์เงินเดือน แต่เรามีข้อดีในตัวและข้อได้เปรียบในแบบที่เจ้าของกิจการเขาอาจยังไม่มีก็เป็นได้ เพราะทุกอาชีพรวมๆแล้วก็มีแง่ดีและข้อท้าทายที่ต่างกันไป อยู่ที่การเลือกให้เหมาะสมกับเรา เลือกความถนัดที่เหมาะกับงาน และเลือกความสบายใจได้ ส่วนใครที่มีงานดีๆทำอยู่แล้ว เราก็สามารถทบทวนเรื่องราวแบบที่วันนี้เราคุยกันได้ ที่อาชีพมนุษย์เงินเดือนถือว่าถูกทางของเราแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องรายได้ที่แน่นอนในแต่ละเดือน , การลงทุนหรือการทำงานเพื่อได้ผลตอบแทนกลับมา , การขอกู้หรือขอสินเชื่อที่ง่ายกว่า และไลฟ์สไตล์ชีวิตที่ยืดหยุ่นกว่าในทุกวันนี้ แต่ยังไม่หมดแค่นี้หรอก สำหรับข้อได้เปรียบดีๆ ที่มนุษย์เงินเดือนทำได้มากกว่า เจ้าของกิจการ ลองคิดดูถึง โบนัส หรือ เงินสวัสดิการต่าง ๆ เราก็สามารถได้มาในวิธีที่ถูกต้อง
แต่สำหรับเจ้าของกิจการพูดง่าย ๆ นอกจากไม่ได้ เขายังต้องเป็นคนจ่ายให้กับเราอีก ถึงเขาจะได้มามาก แต่ก็ต้องจ่ายมากเช่นกัน. อยู่ที่เราแล้วล่ะ จะใช้ข้อได้เปรียบที่มีอย่างคุ้มค่ารึเปล่า ถ้าเอาโบนัสก้อนใหญ่ไปใช้แบบไม่เผื่อลงทุน มันก็ไม่คุ้มเสียแน่ๆ ลองนำไปสร้างผลตอบแทนเพื่อเพิ่มรายได้ แบบไม่ต้องรอเจ้านายขึ้นเงินเดือนอย่างเดียว มันน่าจะฉลาดกว่าใช่ไหมล่ะ! และอยากแนะนำว่า ถ้าเราลองนำเหตุผลที่มนุษย์เงินเดือน มีได้มากกว่า เจ้าของกิจการ แบบนี้ไปคิดดูและปรับใช้ล่ะก็ ถึงไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเลย ที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะความรวยมันไม่ได้มีสูตรสำเร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทัศนะคติ และความพยายามของเรานี่แหละ สามารถทำให้เราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่คิดบวกและเป็นมืออาชีพมากขึ้น หรือสามารถออกจากการเป็นลูกจ้างในอนาคตได้อย่างมั่นใจ และเป็นเจ้าของกิจการที่ดีดังฝันได้เลยทีเดียว
ไนท์
ผมว่าก็จริงนะ ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนมันมีรายได้มาทุกเดือนเราสามารถจัดการบริหารได้เลยว่าในเดือนเดือนนึงเราสามารถเก็บเงินได้เท่าไหร่ แต่ละเดือนก็มีเงินเข้ามาทุกเดือน แต่ข้อเสียคือการเป็นมนุษย์เงินเดือนตำแหน่งหน้าที่การงานของเราไม่มั่นคง ขนาดเป็นข้าราชการในสมัยนี้ก็ยังไม่ค่อยมั่นคงเลย พนักงานบริษัทหรือมนุษย์เงินเดือนจะถูกไล่ออกจากงานเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ต้องหาทางหนีทีไล่ ต้องตามใจหัวหน้าผมว่าก็ลำบากอยู่นะ
ไลน์
แต่ผมว่าเป็นพนักงานเงินเดือนกินเงินเดือนทุกเดือนเนี่ยมันมีทั้งข้อดีข้อเสียอย่างการเรียนรู้รายได้อย่างแน่นอนในทุกเดือนนั่นเท่ากับว่า เราสามารถวางแผนค่าใช้จ่ายของเราได้ถ้าควบคุมค่าใช้จ่ายและบริหารเงินเดือนดีๆ ผมว่ามีเงินเก็บได้เลยแหละ อาจจะมีเงินเก็บเงินออมถึงขั้นเอาไปลงทุนได้ด้วยซ้ำ แต่ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับการบริหารค่าใช้จ่ายของแต่ละคน ถ้าคนที่ไม่ทำบัญชีรายรับรายจ่ายชักหน้าไม่ถึงหลังยังไงเงินเดือนก็ไม่พอ
ไก่
เราว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ดีนะ มันเป็นข้อได้เปรียบไหมเราว่าเป็นข้อดีเพราะว่ามนุษย์เงินเดือนจะมีเงินเข้ามาทุกเดือนทำให้ไม่ต้องเครียดว่าสิ้นเดือนนี้จะมีเงินเข้าไหมหรือว่าจะได้รายได้เท่าไหร่เพราะแต่ละเดือนมันคงที่อยู่แล้วแต่นี่เป็นเงื่อนไขที่ว่าจะต้องได้ทำงานอยู่นะเพราะว่าถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนเนี่ยจะโดนไล่ออกเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าง covid ระบาดที่ผ่านมาในมนุษย์เงินเดือนหลายคนเลยนะที่ตกงาน
จอย
เราว่าก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะการเป็นมนุษย์เงินเดือนทำให้เราจัดการการเงินง่ายก็จริง แต่การเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ทำให้เราใช้จ่ายอย่างไม่คิดได้ง่ายๆ ถ้าคนที่ไม่มีวินัยในการจัดการบริหารเงินจริงๆก็ลำบาก เพราะว่ามีเงินเดือนทุกเดือนก็เลยสามารถมีบัตรเครดิตหรือว่ามีบัตรกดเงินสดได้อย่างง่สบดายแล้วก็สามารถใช้ได้อย่างตามที่ต้องการ ถ้าไม่ระวังก็จะลำบากทีหลังเหมือนกัน
..มะเหมี่ยว..
น่าสนใจนะคะบทความนี้ "ข้อได้เปรียบของการเป็น ‘มนุษย์เงินเดือน’ มากกว่าเป็น ‘เจ้าของกิจการ’ ที่เราควรรู้!" คนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนหลายคนเป็นเหมือนกัน คือ รู้สึกว่ามันอยู่เหมือนเดิม ไม่รวย ไม่ไปไหนสักที แต่พอมาอ่านบทความนี้แล้ว รู้เลยว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนก็มีอะไรดีๆมากกว่าที่เราคิด บางทีก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำ