ขอฟังเสียงคนชอบช้อปปิ้งหน่อยจ้า...หลายคนคงตอบในใจกันใช่มั๊ยค่ะว่า เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น!!  อย่างช่วงกักตัวที่พึ่งผ่านมา การช้อปปิ้งออนไลน์ก็จัดเป็นกระแสที่ผู้คนนิยมกันอย่างมากเลยล่ะระหว่างช่วงโควิด  เพราะการช้อปปิ้งสมัยนี้เราสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม ทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง จนถึงกับมี ‘อาการเสพติดการช้อป’ ฝุดขึ้นมาให้หลายคนต้องขบคิดกันด้วยว่า ตัวเราเข้าเค้าแล้วหรือยังนร้า?!

ดังนั้น เมื่อการช้อปปิ้งทำได้ง่ายแค่ปลายนิ้วแบบนี้ และเป็นที่พูดถึงกันอย่างติดปากด้วย จึงอยากจะชวนนักอ่านทุกท่าน มาสังเกตตัวเองไปพร้อมๆกันค่ะ ว่าการช้อปปิ้งจะสร้างประโยชน์กับเราอย่างไรบ้างและหากไม่ระวัง การช้อปก็จะก่อโทษแบบไหนด้วย พร้อมแชร์เทคนิคดีๆ เพื่อการช้อปอย่างรอบคอบขึ้นให้กับขาช้อปทุกคนด้วยค่ะ มาดูกันเลย

การช้อปปิ้งดีอย่างไร

การช้อปปิ้งดีอย่างไร

เพื่อนๆ เคยได้ยินเรื่อง การช้อปปิ้งที่ช่วยบำบัด หรือ Retail therapy กันบ้างมั๊ยค่ะ เพราะนี่จัดเป็นข้อดีหลักของการช้อปปิ้งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ใครจะบอกว่า เงินมันซื้อความสุขไม่ได้นะ อันนี้ก็ไม่ได้เถียง แต่จะหยิบยกสถานการณ์ให้ฟังกันว่า บางครั้งเมื่อเราเจอสถานการณ์ที่ไม่เป็นดังใจ เจ้านายด่า แฟนยกเลิกนัด หรือการจราจรบนท้องถนนที่รถติดนานแบบนานมาก หลายคนเมื่อสบโอกาส จึงเลือกระบายความเครียดออกไป ด้วยการช้อปปิ้งซื้อของกินหรือของใช้ เพื่อทดแทนเป็นความสุขกับมาที่ตัวเองค่ะ ดังนั้น ความเครียดที่ว่าก็จะไม่ต้องการบำบัดด้วยยา หรือการนั่งสงบจิตสงบใจ แต่ให้การช้อปปิ้งมาช่วยบำบัดเราไงค่ะ

เมื่อการช้อปปิ้งมันเกี่ยวกับจิตวิทยาเรื่องความสุขที่ได้เติมเต็ม และภายใต้การจับจ่ายใช้สอยก็คือความรู้สึกว่าเราทำได้ และมีอำนาจในการควบคุมบางสิ่งที่ต้องการได้ อย่างน้อยก็สี รุ่น หรือขนาด และยังนำไปสู่การคิดเรื่องกระบวนการเปลี่ยนแปลงด้วย เช่น เฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้บ้านไม่รก ร้องเท้าวิ่งที่จะให้เราได้มีหุ่นที่ฟิตกว่าเดิม หรือ เครื่องสำอางค์ที่จะช่วยเราเพิ่มความมั่นใจ พอซื้อเสร็จ เราก็จะไม่รู้สึกผิดในการใช้เงินนั้นได้

ข้อดีต่อมาก็คือการได้ใช้เวลาร่วมกันระหว่างครอบครัวอย่างคุณแม่กับคุณลูก คุณยายกับหลานๆ หรือเพื่อนกับเพื่อน ก็เป็นวิธีในการเรียนรู้การเข้าร่วมสังคมอย่างมั่นใจมากขึ้นด้วยค่ะ และที่สำคัญ การช้อปปิ้งยังจะช่วยบำบัดอารมณ์ของเราโดยตรง เมื่อทำตอนรู้สึกเครียดสะสม เพราะว่าสมองของเราจะจะหลังสารโดปามีนออกมาขณะเพลิดเพลินในการช้อปปิ้ง วิธีนี้จึงถือว่าเป็นตัวช่วยเราเพื่อการบำบัดความเครียดและเสริมสร้างความสุขนั่นเองค่ะ

การช้อปปิ้งแบบไหนที่เกิดผลเสียกับเรา

การช้อปปิ้งแบบไหนที่เกิดผลเสียกับเรา

เหรียญย่อมมีสองด้าน การช้อปปิ้งก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อเราได้พูดถึงข้อดีของการช้อปไปแล้ว และยิ่งรู้ว่าในสมัยนี้มันง่ายกว่าเดิมเอามากๆ เพราะตลาดการซื้อขายหลายแห่งก็ได้ย้ายมาอยู่บนโลกออนไลน์กันแทบจะครบทุกห้างร้าน เราจึงช้อปปิ้งได้ง่ายแม้แค่ปลายนิ้ว แต่ถ้าเราช้อปแบบไม่มีการควบคุมหรือสมดุลแล้ว รู้ตัวอีกทีก็อาจถลำลึก จนมีพัสดุส่งมาจนเต็มบ้าน และเงินในกระเป๋าก็จะร่อยหรอไปเรื่อยๆอีกด้วย

เมื่อชีวิตการช้อปปิ้งติดลบ ความสุขที่คิดว่าได้สร้าง ก็ชื่นชมเพียงไม่นาน ด้วยการซื้อของฟุ่มเฟือยเกินตัว หรือมารู้สึกเสียดายทีหลังที่ซื้อไปด้วยเงินก้อนใหญ่ที่ควรเอาไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์กว่านี้ ก็อาจจะทำเราคิดว่าช้อปปิ้งนั้น จะสร้างความเครียด และความกังวลเพิ่มให้เราได้ เพื่อป้องกันความรู้สึกแบบนี้ เราจึงไม่ควรใช้การช้อปปิ้งเป็นวิธีแก้ปัญหา เมื่อสถานะและค่าใช้จ่ายของเรา ไม่ได้สัมพันธ์กับราคาสิ่งของที่ซื้อไปนั้น หรือเอาเงินที่มาด้วยความเหนื่อยยาก ไปหมดกับสิ่งของที่ราคาสูงและไม่จำเป็นอีกต่างหาก ก็จะทำให้การช้อปปิ้งครั้งนั้นของเรา เป็นความรู้สึกที่ติดลบเอาได้ค่ะเพื่อนๆ

เทคนิคดีๆ เพื่อช่วยเราไม่เสพติดการช้อป!

เทคนิคดีๆ เพื่อช่วยเราไม่เสพติดการช้อป!

หากเรากังวลว่าจะเป็นโรคเสพติดการช้อป หรือ Shopaholic ที่เค้าเตือนๆกันรึป่าว ก็ต้องมาดูค่ะ ว่าเราเป็นพวกที่มีความสุขเอามากๆ ในการเดินช้อป จนถึงขั้นหลงใหลมัน แต่พอต้องยับยั้งชั่งใจกลับทำได้ยาก แถมรูดบัตรมาแล้วก็รู้สึกว่าทำไมฉันซื้อของที่ยังไม่จำเป็นแบนี้มาเนี่ย และไม่ได้รู้สึกถึงความอิ่มใจพอใจสักที  เราจึงจะต้องสร้างเทคนิคดีๆ เพื่อให้การช้อปของเรามีความสุขได้กว่าเดิมและไม่เสพติดไปกับมันค่ะ โดยการสำรวจตัวเองให้เป็น รู้ให้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราอยากช้อป  หรือเราต้องการเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดไปในเรื่องอะไร เมื่อได้รู้แล้ว เราก็จะได้ทดแทนมันให้ได้ตรงจุด และไม่เอาการช้อปปิ้งมาเพื่อสร้างข้ออ้างอีกต่อไปค่ะ

เรื่องนี้ไม่ได้ถือว่าโหดกับตัวเองนะคะ แค่เรากำลังพยายามค้นพบตัวตนอีกสักหน่อย ถามตัวเองดูว่า ฉันรู้สึกอย่างไรกับการซื้อสิ่งนี้? ฉันจำเป็นต้องมีแค่ไหน? ใช้เวลาเปรียบเทียบราคาสักหน่อยได้หรือไม่? จะจ่ายเงินด้วยวิธีไหนดี? และ ซื้อไปแล้วจะเก็บไว้ตรงไหน? คำถามแนวนี้ ก็จะช่วยเราดึงสติได้ดีขึ้นค่ะ  และเมื่อทำควบคู่ไปกับการสร้างทางเลือกใหม่ๆในชีวิต ไม่ยึดติดแค่การได้มา หาวิธีที่เหมาะกับตัวเองอย่างการทำงานเพื่อสังคม หรืออาสาสมัครโครงการดีๆ ก็จะช่วยเติมเต็มจิตใจเราได้มากขึ้น และไม่ให้การอยากช้อปปิ้งมาควบคุมตัวเราไงค่ะ

การช้อปปิ้งที่พอเหมาะจะใช้บำบัดอารมณ์ แต่เสพติดเมื่อไหร่ความเครียดจะถามหา!

การช้อปปิ้งที่พอเหมาะจะใช้บำบัดอารมณ์ แต่เสพติดเมื่อไหร่ความเครียดจะถามหา!

เราคงได้สำรวจตัวเองกันไปพอสมควรแล้วใช่มั๊ยล่ะค่ะ ว่าการช้อปปิ้งกับตัวเรานั้น เป็นของคู่กันขนาดไหน ไม่ว่าจะฝั่งคุณสาวๆ ที่ถือเป็นแฟนพันธุ์แท้ หรือฝั่งหนุ่มๆ ที่เริ่มหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น การช้อปปิ้งถือว่าเป็นวิธีในการผ่อนคลายความเครียด และช่วยบำบัดได้อยู่เหมือนกัน แต่การช้อปที่ดี ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ควบคุมได้ด้วย เพื่อเราจะไม่ตกอยู่ในอาการเสพติดการช้อป หรือติดมันจนสร้างความเครียดมากกว่าความสุข และอาจจะตามมาด้วยการใช้เงินเกินตัว หรือการหนี้สินที่พอกพูนด้วยค่ะ  ยิ่งถ้าเราปรับเปลี่ยนพฤตกรรมในการช้อปได้ในแบบที่เอาอยู่ มีความสมดุลและคิดให้รอบคอบ นั่นก็จะทำให้การช้อปของเรานั้น ก่อประโยชน์มากกว่าโทษแน่นอนค่ะ