‘เดี๋ยวก่อน’ ‘ขอพักก่อน’ มักเป็นคำพูดที่ติดปากของคนชอบ 'เลื่อนงาน' ค่ะ! แต่บางครั้ง เราเองก็ต้องยอมรับใช่มั๊ยว่า ก็เคยเป็นอยู่บ้างเหมือนกัน ทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จสักที ผลัดออกไปก่อน ถ้ายังไม่จวนตัวจริงๆ.. เพราะบางครั้งเราจะทำงานหลายอย่างพร้อมกันก็ไม่ไหว จะแยกร่างก็ไม่ได้ พอปล่อยไว้เป็นแบบนี้ต่อไป งานก็ไม่ได้ออกมาแบบมีคุณภาพอย่างที่หวังเอาไว้ด้วย มาค่ะ!..มาปฏิวัติความคิด และลงมือทำอย่างที่ถูกต้องกัน เลิกผัดวันประกันพรุ่ง เพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยชอบ 'เลื่อนงาน' ให้อยู่หมัด และกลับมาโฟกัสให้ดี ด้วยการจัดการแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับทั้งตัวเราและองค์กรด้วย มาดูกันเลย
ปัญหาของคนชอบเลื่อนงาน และทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จสักทีเกิดจากอะไร
เคยขบคิดกันมั้ยค่ะว่าเจ้าตัวขี้เกียจที่แฝงอยู่ในตัวเราบางครั้งเนี่ยเกิดจากอะไร ที่อาจส่งผลให้เราทำงานได้ไม่เสร็จตรงเวลา หรือต้องมาเร่งเอาตอนท้ายๆเพื่อเอาตัวรอดทุกที ซึ่งแน่นอนว่า การเลื่อนและผลัดออกแบบนี้ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อชีวิตการทำงานของเราในระยะยาวแน่ๆ ลองมาฟังสาเหตุที่หลายๆคนพูดถึงกันดูนะคะ ว่าเราเองอาจจจะอยู่ในลิสต์ไหน จะได้รู้ปัญหาการเลื่อนงานของเราสักที
เริ่มจากการคิดว่า ‘งานที่ทำมันง่ายมาก ใช้เวลาไม่นานหรอก!’ ก็เลยผลัดผ่อนไปก่อนจนใกล้จะถึงเส้นตายเลยมาเร่งลงมือ แบบนี้ก็อาจไม่ง่ายเหมือนที่เราคิดตอนแรกนะคะ หรือบางคนอาจจะ ‘กลัวเรื่องความผิดพลาด’ ก็เลยอยากขอเวลาคิดมากๆหน่อย แต่หากต้องเร่งตอนท้าย กลายเป็นว่าความผิดพลาดอาจจะเยอะมากกว่าด้วยซ้ำไป
มาถึงปัญหาต่อมาคือ ‘การจัดการกับเวลาอย่างไม่เด็ดขาด’ ที่จะส่งผลให้เราทำงานได้แบบไม่ทันกำหนด หรือปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยแบบชะล่าใจ เพราะไม่ได้ตัดสินใจและวางแผนกิจกรรมในชีวิตให้ดี โดยเฉพาะผู้ที่ทำอาชีพฟรีแลนซ์ การคิดแบบนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ต่อหน้าที่การงานเราแน่นอนค่ะ จึงไม่ควรละเลยเรื่องการจัดเวลา ถึงแม้บางคนจะชอบทำงานภายใต้ความกดดัน สมองจะได้แล่นๆ แบบนี้ก็เสี่ยงเกิน ขอเราเดินในทางที่ชิลล์ๆ น่าจะดีกว่า จะได้การันตีผลงานที่มีคุณภาพกว่าด้วยไงค่ะ
วิธีเอาชนะนิสัยการผัดวันประกันพรุ่งหรือชอบเลื่อนงานให้อยู่หมัด
การไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่และตรงไหนดี หรือแม้กระทั่งคิดว่าเราเองมีเวลาเหลือๆอยู่แล้ว ยังไม่ต้องรีบคิดงานก็ได้ เป็นสัณญาณของนิสัยผัดวันประกันพรุ่งอย่างแน่นอน จริงๆแล้ว พฤติกรรมที่ทำให้เสียเวลาของเราไปแบบเปล่าประโยชน์แบบนี้ จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้ช้าลงไปเรื่อยๆด้วย แถมเพิ่มความเครียดให้หนักกว่าเดิมไปอีก เมื่อมีอุปสรรคอื่นเข้ามาเป็นตัวแปร ส่งผลให้เราเริ่มทำงานให้เสร็จตามมอบหมายไม่ได้สักทีด้วย เราจึงต้องหาวิธีเอาชนะนิสัยแย่ๆนี้ และจัดการกับโรคชอบผลัดให้อยู่หมัดกันสักตั้ง
โดยเริ่มจาก ‘ลงมือจัดการแผนการทำงานให้ดี’ ยิ่งถ้าเรามีลิสต์ลำดับสิ่งที่ต้องทำ อันไหนเร่งกว่า ก็ใส่เครื่องหมาย !! แบบนี้ลงไปเลย และอันไหนที่เราทำเสร็จแล้ว ก็ขีดทับไปยาวๆ ยิ่งเราเริ่มได้เร็วๆแต่ต้นเดือน และมีสมาธิกับมัน ก็จะยิ่งทำได้ใกล้หมดในลิสต์ที่วางไว้ได้เร็วขึ้น ได้ทำงานแบบไม่ต้องมาเร่งทีหลัง ลดความผิดพลาด และเราก็จะภูมิใจที่ได้ทำงานให้สำเร็จเป็นขั้นๆ แน่นอนค่ะ
ต่อมาคือเรื่อง ‘การคิดบวก’ หากเราบอกกับตัวเองว่า “ฉันทำได้!” แทนที่จะคิดลบๆ แบบเดิม และเปลี่ยนวิธีที่เรามองตัวเองและงานในมือ ก็จะเสริมความมั่นใจในตัวเองค่ะ และช่วยให้รับมือกับความเครียดในงานได้ดีกว่าด้วย หรือบางครั้ง การผัดวันประกันพรุ่ง ก็มักมาจากงานที่ชิ้นใหญ่จนเรารู้สึกท้อ แค่คิดจะทำหรือต้องรับผิดชอบก็เหนื่อยแล้ว เราจึงต้องหยุดสิ่งนี้ ด้วย ‘การแบ่งงานเป็นชิ้นย่อยๆ’ ซอยงานให้เล็กลง หรือแบ่งกันไปรับผิดชอบโดยมีทีมเวิร์ค ก็จะทำให้งานของเรานั้น ทำเสร็จได้ง่ายกว่าค่ะ
‘การเผื่อเวลา’ หรือการวางไทม์ไลน์ที่งานจะต้องเสร็จให้เร็วกว่าปกติเล็กน้อย ก็จะเป็นการช่วยเรารับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อจะแก้ไขได้ทันท่วงทีก่อนถึงเส้นตาย ก็จะช่วยเราขจัดสิ่งที่ทำงานให้ช้าลงไปได้อีกเท่าตัว และสิ่งสุดท้าย คือการ ‘ไม่ลืมให้รางวัลตัวเอง’ เมื่อเราทำงานได้เสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนดไว้ ก็จะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้นในการทำงาน ไม่ได้มีแต่ความเครียดสะสม และเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานชิ้นต่อไปให้เสร็จตามเวลาในครั้งต่อๆไปด้วย. ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีเอาชนะนิสัยการชอบผัดวันประกันพรุ่ง ที่เราเองก็เริ่มได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ ลองขยับกันดูนะคะ
จัดการแผนงานที่ต้องทำให้สำเร็จผล เพิ่มทั้งคุณค่าให้กับตัวเราและองค์กรด้วย!
เราสามารถจัดการกับแผนงานที่ต้องทำให้สำเร็จผลได้ แม้อาจจะต้องเจอกับสถานการณ์งานโหลดล้นมือ ของเดิมยังทำไม่เสร็จ และมีงานใหม่เพิ่มเข้ามา ด้วยการปิดวงจร ‘การเลื่อนงาน’ ให้อยู่หมัดค่ะ โดยการหยุดพูดคำว่า ‘เดี๋ยวก่อน’ แต่ให้เริ่มทำงาน ‘เดี๋ยวนี้’ ให้ได้!! และหาคำตอบด้วยว่า อะไรเป็นปัญหาที่เราทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จสักที แล้วปิดจุดนั้นด้วยการเลิกผัดวันประกันพรุ่งอย่างที่ได้คุยกันไป ร่วมด้วย การมีวินัยกับตนเอง และลงมือทำแบบไม่มีข้อแม้ หลังจากนั้น เมื่อเราได้วางแผนแล้วเราก็ต้องควบคุมตัวเองให้ทำตามแผน และไม่เอาข้ออ้างต่างๆ มาเลื่อนงานออกไปก่อน ก็จะช่วยเราให้สามารถทำงานแบบมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมได้แน่นอนค่ะ. เมื่อเรารู้ตัวเร็วก็แก้ปัญหาได้เร็วขึ้น ยังไงก็ขอให้ลองปฏิวัติตัวเองเป็นคนใหม่กันดูนะคะ รับรองว่าสิ่งนี้ จะเพิ่มทั้งคุณค่าให้กับตัวของเรา งานของเรา เพราะเมื่อเราเป็นคนทำงานที่หนักก็เอาเบาก็สู้ แบบนี้เจ้านายรักตายเลยค่ะ เชื่อสิ!
นกน้อย
เป็นอีกปัญหาหนึ่งนะคะที่ประสบกับตัวเองแล้วก็หาวิธีที่จะแก้ได้ยากเหมือนกัน บทความนี้ช่วยให้ฉันได้รู้ถึงวิธีการที่จะประสบความสำเร็จในการ จัดการกับพลัดวันประกันพรุ่งหรือขอเลื่อนตอนที่มีงาน เป็นนิสัยส่วนตัวและติดมานานมากแล้วค่ะ ใจจริงก็อยากจะทำให้เสร็จก็ทำได้นะคะแต่ชอบผัดเลื่อน ก็เห็นถึงวิธีที่บทความนี้ได้นำเสนอก็เกิดไอเดียเดี๋ยวจะลองทำดูค่ะ
น้ำตาล
เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีนิสัยชอบผลัดวันประกันพรุ่งเมื่อก่อนงานส่วนใหญ่ที่ได้รับมอบหมายมาก็จะมาเอาทำในสัปดาห์สุดท้ายไม่ก็ช่วงท้ายของเดือนเป็นแบบนั้นมันเหนื่อยนะกว่าจะเอาชนะนิสัยตรงนั้นได้ก็ยากมากๆเราเริ่มจากงานที่บ้านก่อนเลยยังกินข้าวเสร็จแล้วต้องล้างจานทิ้งขยะทุกวันค่อยๆแก้นิสัยแต่ละอย่างเพราะถ้าให้แก้ทุกอย่างในทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้ตอนนี้เรามีความสุขกับการทำงานนะ
โซดา
แต่ละคนมีเหตุผลเรื่องงานไม่เหมือนกันจริงๆนะ บางคนอาจจะเลื่อนงานเพราะจำเป็นก็ได้หรือบางคนเวลาอาจจะไม่ทัน คนที่เลิกงานเพราะมีเหตุผลจริงๆอาจจะเพราะมีธุระด่วนหรือไม่ได้บริหารจัดการเวลาที่ตัวเองมีให้ดีพอ แต่ก็มีอยู่ไม่น้อยที่หลายคนเลื่อนงานหรือทำงานไม่เสร็จเป็นเพราะขี้เกียจ ส่วนเหตุผลที่เราเลื่อนงานน่าจะเป็นเพราะอย่างหลังมากกว่า 555
โอม
คนที่เล่นงานเขาจำเป็นจริงๆก็มีครับ แต่ผมคิดว่าที่คนสนใจเรื่องงานเป็นคนขี้เกียจมากกว่าๆ คอมเม้นหลักของบางคนก็ยอมรับใช่ไหมล่ะครับว่าที่เลิกงานหรือว่างานไม่เสร็จเป็นเพราะขี้เกียจ ผมเองเมื่อก่อนนี้ก็ยอมรับครับเป็นคนที่ขี้เกียจมากอย่างนั้นบ้าน เมื่อก่อนตอนอยู่กับครอบครัวก็ไม่ค่อยได้รับผิดชอบงานบ้านเพราะย้ายมาอยู่คนเดียวทำงานอยู่บริษัทมันก็ติดนิสัย มาด้วยเลยครับ
โนบิตะ
การเลื่อนงานในบทความนี้ที่กำลังพูดถึง คือ อยากจะพูดถึงการผัดวันประกันพรุ่งรึป่าว? ถ้าใช้คำนี้รู้เรื่องเลย ใครมีนิสัยแบบนี้แก้ยากอยู่นะ ผมก็เคยเป็น เป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว การบ้านค้างบ่อยๆ กว่าจะเปลี่ยนแปลงได้ก็นานพอสมควร ที่ผมเปลี่ยนได้เพราะผมเลียนแบบรุ่นพี่ที่ทำงานคนนึง เห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีก็เลยได้แรงบันดาลใจครับ