ถ้าให้พูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ที่ได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ทำให้มีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป บางอย่างเมื่อเปลี่ยนไปแล้วก็มีสิ่งดีๆขึ้น แต่บางอย่างเมื่อเปลี่ยนไปแล้วกับแย่ลง ซึ่งที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา คือช่วงเดือน กุมภาพันธ์-พฤษภาคม นั้นเอง สิ่งที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนก็จะมี การทำงาน การให้บริการต่างๆของร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า การใช้บริการสาธารณะ ทุกอย่างต้องอยู่ในระบบ Social Distancing ซึ่งแปลเป็นไทย คือ ต้องมีการเว้นระยะห่างทางสังคมกัน การทำงานจากพนักงานออฟฟิศที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวันก็ต้องอยู่บ้านและทำงานผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แทน ซึ่งผลตอบรับของสิ่งนี้ก็มีสองด้าน เพื่อนๆบางท่านก็บอกว่ามันดีนะรู้สึกว่างานที่ทำมีคุณภาพ แต่บางท่านก็บอกว่ามันรู้สึกเหงาและหดหู่มากจากการที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนๆในออฟฟิศต้องมานั่งทำงานอยู่คนเดียวในห้องที่บ้าน
และมาที่การให้บริการร้านอาหาร ก็เหมือนกันได้รับผลกระทบจาก Social Distancing เช่นเดียวกัน บางร้านถึงกับต้องปิดร้าน ส่วนบางร้านก็เปลี่ยนมาใช้บริการเดลิเวอรี่แทน ส่วนในเดือนที่แล้วที่มีการคลายล็อกดาวน์ก็มีร้านอาหารที่เคยปิดกลับมาเปิดขึ้นแต่ก็ต้องมีการจัดการกับโต๊ะที่รองรับลูกค้าและจำนวนลูกค้าที่สามารถรองรับได้ก็ต้องไม่เกินโต๊ะละ 2 คน ซึ่งนั้นก็ทำให้ยอดขายตกลงไปอย่างมากกับทางร้านอาหาร
ส่วนห้างสรรพสินค้าในส่วนแรกของการล๊อคดาวน์ก็สามารถขายได้แค่แผนกของกินในชีวิตประจำวัน โซนอื่นๆไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ซึ่งในตอนนี้อาจจะดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังมีโซนที่ยังไม่สามารถเปิดบริการได้อยู่ด้วย เช่น โรงหนัง และทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่มีการปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดเจน แต่สิ่งที่ผมจะมาพูดถึงในบทความนี้คือ เรื่องของการเรียนการสอน ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน คือ จะต้องให้เรียนจาก วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งแน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนแบบนี้ก็มีผลกระทบในหลายๆด้าน แต่จะเป็นอย่างไรให้ไปดูที่หัวข้อถัดไปเลยครับ
ผลกระทบนักเรียน-นักศึกษาที่ได้รับจากการเรียนออนไลน์
การปรับการเรียนการสอนมาเป็นในรูปแบบออนไลน์นั้น ในช่วงแรกของประเทศไทยที่เริ่มมีการปิดสถานศึกษาต่างๆ ที่แรกที่ได้รับผลกระทบเลย คือ มหาลัยเพราะในช่วงนั้นมหาลัยยังคงมีการเรียนการสอนตามปกติ แต่เมื่อมีผู้ติดเชื้อไวรัส ทำให้มหาวิทยาลัยต้องปิดตัวลงและมาเรียนแบบออนไลน์แทน ส่วนโรงเรียนต่างๆนั้นไม่ค่อยได้รับผลกระทบสักเท่าไร เพราะเป็นช่วงปิดเทอมพอดี แต่สถาณการณ์โควิด-19 นั้นก็กินเวลามานาน จนถึงเวลาที่โรงเรียนได้รับผลกระทบ เพราะต้องเปิดภาคเรียน แต่ทางโรงเรียนส่วนใหญ่แล้วที่ได้รับผลกระทบก็จะเป็นเรื่องของการเข้าถึงการเรียนการสอนออนไลน์สักมากกว่าในช่วงแรกๆ เพราะเด็กนักเรียนบางคนนั้นไม่มีอุปกรณ์เอื้ออำนวยในการเรียนออนไลน์ ส่วนเรื่องอื่นๆไม่ค่อยมีผลกระทบสักเท่าไรเพราะฉะนั้นในบทความนี้ผมจะเน้นเล่าไปที่นักศึกษา เพราะตัวนักศึกษาเองที่ได้รับผลกระทบเพราะการเรียนของนักศึกษาเป็นช่วงวัยที่ต้องการความรู้จริงจังเพื่อใช้ในการสอบ และไหนจะค่าเทอมการเรียนมหาวิทยาลัยยังแพงอีกด้วย โดย และนั้นทำให้เกิดกระแสการขอค่าเทอมคืนบางส่วน เพื่อที่จะได้เอาค่าเทอมเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในช่วงโควิด-19 หรืออาจจะนำไปสมทบเพื่อใช้จ่ายค่าเทอมเทอมหน้าแทน
ผลตอบรับของกระแสการขอค่าเทอมคืนของนักศึกษา
โดยสิ่งที่เหล่านักศึกษาต้องการจากมหาวิทยาลัยคือการคืนเงินค่าเทอมอย่างน้อย 25% เพราะการนำการเรียนการสอนมาอยู่ในรูปแบบออนไลน์แทนในช่วงโควิด-19 มหาวิทยาลัยสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้แต่ในทางกลับกันคือนักศึกษาเองที่เปลี่ยนห้องนอนเปลี่ยนห้องพักเปลี่ยนบ้านให้เป็นห้องเรียนแทนนั้นดันมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นเองไม่ว่าจะเป็นทั้งค่าไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ต และอื่นๆ นั้นจึงเป็นเหตุผลเพียงพอและสมเหตุสมผลในการที่นักศึกษาจะลุกขึ้นมาขอทางมหาวิทยาลัยคืนค่าเทอมพวกเขาและมันดูเหมือนว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง เพราะในตอนนี้ มีมหาวิทยาลัยถึง 9 มหาวิทยาลัยเลยทีเดียวที่จะพิจารณาคืนค่าเทอม ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จเจ้าพระยา มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เมื่อมหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่ายที่น้อยลง ก็ควรจะช่วยลดภาระให้กับนักศึกษา
จากให้เหตุผลของนักศึกษา ก็ดูแล้วเป็นเหตุผลที่สมเหตุสมผลจริงๆและเป็นการเรียกร้องที่ไม่เกินไป ในความคิดส่วนตัวของผมผมคิดว่าเป็นการเสนอที่พอรับได้ที่ทางมหาวิทยาลัยควรจะเก็บเอาไปพิจารณากันนะครับ ถือเป็นการช่วยเหลือกัน เป็นกระแสที่น่าชื่มชมและควรจะสนับสนุน ถึงแม้เพื่อนๆบางท่านอาจจะเรียนจบไปแล้วหรือเพื่อนๆบางท่านอาจจะไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่ กระแสการขอเงินค่าเทอมคืนเพื่อนๆเองก็สามารถสนับสนุนได้ โดยการใส่#คืนค่าเทอมให้นักศึกษา เวลาเพื่อนๆเล่น Facebook นะครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้ที่เพื่อนๆได้อ่านบทความนี้ไปแล้วเรื่องราวของการขอคืนค่าเทอมจะจบลงแล้วแต่ถ้าเพื่อนๆเจอเรื่องราวประเภทนี้อีกผมก็ขอแนะนำให้เพื่อนๆสนับสนุนได้ง่ายเพียงใส่#ในโพสFacebookของเพื่อนๆเพื่อนๆก็จะเป็นอีกเสียงแล้วที่สนับสนุน และนี้ก็เป็นเรื่องราวของการเรียนการสอนที่นักเรียนนักศึกษาได้รับผลกระทบ ที่ผมได้นำมาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านหวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะครับ
บิ่นโต
เดี๋ยวนี้ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเด็กๆก็ใช้ช่องทางการเรียนิ โดยการปกป้องตัวเองจากการเจ็บป่วยหรือการติดต่อไวรัสโคโรน่าได้เป็นอย่างดี แล้วเด็กๆก็เริ่มคุ้นเคยกับการเรียนออนไลน์ผ่านทางเทคโนโลยี หรือแท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์แล้ว ก็ถือว่าช่วงแรกอาจจะต้องปรับตัวแต่ตอนนี้เด็กๆก็ชินแล้ว ก็สามารถตอบสนองต่อการเรียนได้ง่ายขึ้นแล้วนะคะ
แจ็ค
อย่างที่ผมเห็นเลยคือในประเทศไทยการเรียนแบบออนไลน์ระบบแบบออนไลน์เนี่ยยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ครับ คือถ้าจะบอกว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีไปทั่วถึงแต่ไม่ใช่เด็กทุกคนจะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรองรับระบบการศึกษาแบบเรียนออนไลน์ได้ และที่สำคัญเลยคือการเรียนแบบออนไลน์ ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเด็กหลานที่บ้านของผมวันไหนที่เรียนออนไลน์นี้แทบจะไม่เป็นการเป็นงานเลยนะครับ
แก้ม
เพราะว่าการเรียนการสอนออนไลน์เป็นระบบที่ดีนะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเด็กด้วย เด็กคนที่เอาใจใส่การเรียนต่อให้ต้องไปเรียนเองตามอินเตอร์เน็ตก็เรียนได้ไม่จำเป็นต้องมีคนมาคอยบอกคอยสอน แต่เด็กที่สมาธิสั้นไม่ค่อยได้รับการฝึกอบรมระหว่างการเรียนการสอนแบบออนไลน์ยังยากอยู่นะ อีกเรื่องเลยคือไม่ใช่ทุกบ้านจะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รองรับการเรียนการสอนแบบออนไลน์ด้วย
Rujira
แน่นอนว่าได้รับผลกระทบทางการเรียนการสอนของนักเรียน นักศึกษาแน่นอน คุณภาพในการเรียนก็ลดลง เด็กๆไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาการเรียนการสอนได้เท่าที่ควร เหมือนตอนเรียนที่โรงเรียน นี่ทำให้ทางสถาบันการศึกษาเจอปัญหาใหญ่มากๆ เพราะต้องคิดกันต่อว่่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการเรียมากขึ้น และสามารถเรียนอย่างมีประสิทธิภาพได้
ใบ
@แก้ม จริงค่ะที่จริงสำหรับเราคิดว่าระบบการเรียนการสอนออนไลน์ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งคือสามารถดูแลลูกที่บ้านได้โดยเฉพาะเด็กๆในสมัยนี้ไปโรงเรียนไหนจะเจอเพื่อนแกล้งคุณครูไม่สนใจข่าวนี้ก็มีมาบ่อยคือครูบู่ลี่เด็ก ถ้าจะพูดง่ายๆเดี๋ยวนี้โรงเรียนไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้วก็เลยเราก็เห็นด้วยนะคะการเรียนออนไลน์แต่ว่าถ้าปล่อยให้เด็กๆเรียนออนไลน์โดยที่ไม่มีผู้ใหญ่ดูแลคิดว่าเก่งก็คงไม่ค่อยได้รับประโยชน์เท่าไหร่หรอกค่ะ
Bee
ที่จริงการเรียนออนไลน์แบบมีประสิทธิภาพก็มีนะคะ อย่างดิฉันเองเนี่ยก็เรียนออนไลน์เหมือนกัน หรือที่เรียกว่า Home School ก็เป็นหลักสูตรจากต่างประเทศนะคะการเรียนการสอนก็มีคุณภาพ การเรียนออนไลน์ที่ไม่มีคุณภาพก็น่าจะเป็นของประเทศไทยนักเรียนตอนนี้แหละค่ะ เพราะดูเหมือนว่าไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือนักเรียนเท่าที่ควรเกี่ยวกับเรื่องอุปกรณ์การเรียนออนไลน์