หากเราจะเอ่ยกันถึงเรื่องของประกันชีวิต แม้ว่าคนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้จะเล็งเห็นถึงประโยชน์ของประกันชีวิต และหันมาซื้อประกันชีวิตกันมากขึ้น แต่พอมีตัวแทนมาขายประกันกันทีไร ก็มักจะตอบว่ามีแล้ว มีเยอะแล้ว เพื่อเป็นการบอกปฏิเสธการขายไป ซึ่งนั่นอาจเป็นการปฏิเสธสิ่งดีๆที่คุณและครอบครัวควรจะได้รับเลยล่ะค่ะ เพราะความเข้าใจการมีประกันชีวิตนั้นน้อยคนนักที่จะรู้ว่าต้องมีมากขนาดไหนถึงเรียกได้ว่ามีเพียงพอแล้ว หรือมีเยอะเกินความจำเป็นแล้ว?
บางคนคิดว่าจำนวนของประกันชีวิตที่เหมาะสมสำหรับคนทำมาหากินทั่วๆไปที่ควรจะมีนั้น เต็มที่ก็น่าจะไม่เกิน 3 เล่มกรมธรรม์ต่อคนก็น่าจะเป็นการเพียงพอแล้ว เพราะถ้ามากกว่านี้ก็คงจะไม่ดี รู้สึกเป็นภาระหนักแล้วล่ะ
ซึ่งแท้จริงแล้วการที่จะทราบได้ว่ามีเพียงพอแล้วหรือไม่นั้น เราไม่สามารถวัดจากจำนวนเล่มของกรมธรรม์ที่มี หรือจำนวนเบี้ยประกันที่จ่ายได้ค่ะ เราจำเป็นต้องใช้หลักเกณฑ์หลายอย่าง และปัจจัยอื่นๆเข้าช่วยในการเช็คว่าประกันชีวิตของเรานั้นมีเพียงพอแล้วหรือยังค่ะ ซึ่งในวันนี้เราได้นำบทความที่จะช่วยให้เพื่อนๆได้ทราบว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้เราได้รู้ว่ากรมธรรม์ที่มีอยู่นั้นมีเพียงพอแล้ว หรือยังต้องมีเพิ่มขึ้น และต้องเพิ่มอีกมากแค่ไหน ด้วยวิธีการที่ไม่ยากเลยค่ะ กับ ”เช็คกรมธรรม์ในแบบที่ใช่ ไม่ยากอย่างที่คิด” จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปติดตามกันต่อได้เลยค่ะ
เช็คกรมธรรม์ ทุนประกันชีวิต ต้องมีเท่าไร
หลายๆคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า คำว่า “ทุนประกัน” นั้นคือ จำนวนเงินที่ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์จะได้รับจากบริษัทประกันเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เป็นเหตุให้ผู้ถือกรมธรรม์ต้องถึงแก่ชีวิตนั่นเองค่ะ นอกจากนี้ทุนประกันก็ยังใช้เป็นมูลค่าตัวหลักที่ใช้ในการคำนวณผลประโยชน์ต่างๆให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์ในขณะมีชีวิตอยู่อีกด้วย อาทิ เงินคืน เงินปันผล เงินครบระยะเวลาของตัวกรมธรรม์ ฯลฯ ทุนประกันนี้จึงจัดเป็นส่วนที่มีความสำคัญที่สุดของกรมธรรม์เลยก็ว่าได้ค่ะ
แม้ว่าทุนประกันนั้นจะมีความสำคัญมาก เพราะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ผู้ถือกรมธรรม์พึงได้รับ แต่น่าเสียดายที่มีผู้ถือกรมธรรม์จำนวนน้อยนักที่จะจำทุนประกันของตัวเองได้ค่ะ เพราะส่วนใหญ่นั้นจะจำกันได้แต่เบี้ยรวมต่อปีที่ต้องชำระเท่านั้นเองค่ะ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนเรามักจะไม่ซื้อประกันชีวิตเพิ่มกัน เพราะมัวแต่ไปดูจากเบี้ยรวมที่จ่ายรายปีเท่านั้น แต่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องของทุนประกันว่ามีควรต้องมีมากเท่าใด ซึ่งหากเราอยากจะได้รับประโยชน์ที่คุ้มค่าจากการซื้อประกันชีวิตแล้วล่ะก็ อยากให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของทุนประกัน และหันมาเพิ่มทุนประกันให้มากเข้าไว้กันดีกว่าค่ะ
ในส่วนของทุนประกันชีวิต..ต้องมีเท่าไรถึงจะเรียกว่าครอบคลุมนั้น ที่เหมาะสมที่เราอยากจะขอแนะนำนั่นคือ อย่างน้อย 5 เท่าของรายได้รวมเราทั้งปีค่ะ เช่น หากเรามีรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน นั่นหรือ 600,000 บาทต่อปี เราควรมีทุนประกันชีวิต 600,000 × 5 = 3,000,000 บาทเป็นอย่างน้อยค่ะ ซึ่งเราควรพิจารณาเพิ่มทุนประกันชีวิตให้มีมากขึ้นกว่านี้หากว่าเรานั้นมีภาระหนี้สินค่ะ
เช็คกรมธรรม์ ที่ทำไว้ เป็นแบบไหน
ในปัจจุบันแบบประกันชีวิตประเภทสะสมทรัพย์เป็นแบบประกันที่คนส่วนใหญ่นิยมซื้อกัน มักจะมีเบี้ยประกันที่สูง แต่มีทุนประกันไม่มาก หรือบางทีอาจจะพอๆกับเบี้ยประกันที่จ่าย ซึ่งแบบนี้มักจะนิยมซื้อเพื่อเป็นการออมทรัพย์ หรือนำไปใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีประจำปี โดยที่ไม่เน้นในเรื่องของความคุ้มครองชีวิตค่ะ
มาถึงแบบประกันอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับผู้ที่มีจุดประสงค์อยากทำประกันชีวิตไว้เพื่อมอบให้คนที่รักและห่วงใยในครอบครัวค่ะ แบบประกันประเภทนี้เรียกว่า แบบประกันตลอดชีพค่ะ แบบประกันตลอดชีพนี้มักจะเน้นความคุ้มครองที่สูงแก่ผู้ถือกรมธรรม์ โดยมีเบี้ยประกันที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับทุนประกันค่ะ ซึ่งแบบนี้เรียกได้ว่าทำไว้เพื่อเป็นมรดกให้คนที่เรารักจริงๆเลยล่ะค่ะ เพราะส่วนใหญ่แบบประกันตลอดชีพนี้จะให้ความครองแก่ผู้ถือกรมธรรม์ยาวนานจวบจนผู้ถือกรมธรรม์นั้นจะมีอายุถึง 85 หรือ 99 ปีกันเลยทีเดียวค่ะ
ที่นี้เราลองมาดูความแตกต่างของเบี้ยประกันกับทุนจากแบบประกันทั้งสองแบบที่เรากล่าวถึง ว่าจะมีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใดกันค่ะ ยกตัวอย่างเช่น เพศชายอายุ 40 ปี แบบประกันตลอดชีพ 90/20 คือ ชำระเบี้ย 20 ปี คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี เบี้ยต่อปี 33,730 บาท ได้รับทุนประกัน 1,000,000 บาท ในขณะที่แบบประกันประเภทสะสมทรัพย์ 12/4 รือ ชำระเบี้ยประกัน 4 ปี ระยะคุ้มครอง 12 ปี เบี้ยต่อปี 19,480 บาท ได้รับทุนประกันเพียง 20,000 บาท (อ้างอิงจากบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) https://www.scblife.co.th/Home/Index) เห็นได้ชัดว่าอัตราเบี้ยประกันและทุนประกันที่ได้รับทั้งสองแบบนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แบบประกันตลอดชีพนั้นจะให้ทุนประกันที่มากกว่า และมีเบี้ยที่ถูกกว่าแบบสะสมทรัพย์ ฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องทราบกันด้วยค่ะว่าแบบประกันที่ทำไว้ ... เป็นแบบไหน และตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ค่ะ
เช็คกรมธรรม์ ความคุ้มครองชีวิต สิ้นสุดเมื่อไร
สำหรับท่านที่มีประกันชีวิตกันอยู่แล้ว ลองค้นกรมธรรม์แล้วมาสำรวจกันดูหน่อยสิคะว่า แต่ละเล่มกรมธรรม์ที่ถือครองอยู่นั้นมีความคุ้มครองชีวิต…สิ้นสุดเมื่อไรกันบ้าง เพราะผู้คนโดยส่วนใหญ่นั้นมักจะนิยมซื้อประกันชีวิตกันแต่ที่มีตวามคุ้มครองไม่เกิน 60 ปี เพื่อเป็นเงินไว้ใช้ในยามเกษียณกัน นี่เท่ากับว่าเป็นการเปิดรับความเสี่ยงของตัวเองหลังอายุ 60 ปีนั่นเอง ซึ่งแท้จริงแล้วอายุหลัง 60 ปี เป็นต้นไป เราก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญให้มาก เพราะเป็นช่วงชีวิตที่มีความเสี่ยงสูงมากขึ้นในทุกๆปี แถมเปลี่ยนใจอยากจะมาซื้อประกันชีวิตเพิ่มในตอนนั้น ก็แทบจะไม่มีบริษัทไหนรับทำประกันแล้วล่ะค่ะ
แต่ถึงจะมีบางบริษัทที่ยังรับประกันอยู่ ก็จะมีขั้นตอนการพิจารณารับประกันที่ยุ่งยาก และยังมีราคาเบี้ยที่สูงมากอีกด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นจึงอยากจะขอแนะนำว่า เราควรจะทำประกันชีวิตที่มีความคุ้มครองอย่างน้อยไปจนถึงเราอายุ 80 ปีติดเอาไว้บ้าง เพื่อจะได้มีความคุ้มครองที่ส่งไปถึงครอบครัว และคนข้างหลังที่เรารักค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “เช็คกรมธรรม์ในแบบที่ใช่ ไม่ยากอย่างที่คิด” ที่สามารถทำเองกันได้ไม่ยากสมกับชื่อบทความเลยใช่ไหมคะ รู้อย่างนี้แล้วก็ลองค้นกรมธรรม์ที่เรามีอยู่ แล้วค่อยๆพิจารณาดูว่ากันหน่อยสิว่า เหมาะกับตัวเรา และตรงกับวัตถุประสงค์ที่เราอยากจะได้จากการซื้อประกันชีวิตจริงหรือไม่ มีความครอบคลุมกับตัวเราและครอบครัวของเราเพียงพอแล้วหรือยัง เพียงเท่านี้เราก็สามารถมั่นใจได้แล้วว่าเรามีประกันชีวิตเยอะเพียงพอแล้ว เพราะคงจะไม่มีใครทราบคำตอบที่แท้จริงนี้ได้ดีเท่ากับตัวคุณอีกแล้วล่ะค่ะ หรือเลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
น้อย
เดี๋ยวนี้เมื่อเราเลือกกรมธรรม์ประกันชีวิตก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบหรือว่า เช็คเกี่ยวกับเงื่อนไขที่เราจำเป็นต้องอยากจะดูเกี่ยวกับการคุ้มครองจริงๆนะคะ คือบทความนี้ได้อธิบายเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยที่เราเลือกค่ะ มีเรื่องอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องคิดถึงเมื่อเราเลือกใช้บริการของประกันภัย ขอถ้าไม่มีแล้วควรที่จะหาประกันภัยที่นอนหลับในเรื่องที่เราต้องการค่ะ
หีบ
เราก็คิดว่าการจะเลือกประกันสักตัวเนี่น มีหลายอย่างที่ต้องคิด ต้องคำนึงถึงนะ อย่างค่าเบี้ยประกัน อันนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดแน่ๆอยู่แล้วว่าเราจะจ่ายไหวไหม เพราะซื้อประกัน บางที่ต้องจ่ายไปหลายสิบปี พอๆกับผ่อนบ้านเลยเรื่องระยะเวลา แต่ที่สำคัญกว่าคือ พอเลือกประกัน ต้องดูรายละเอียดดีๆ บางทีที่ฟังๆมา อาจจะไม่เหมือนอย่างที่เขียนไว้ในหนังสือเลยก็ได้
ลิขิต
ขั้นตอนการเลือกกรมธรรม์สำคัญนะอย่างอยากจะทำประกันแบบไหน ดอกเบี้ยเท่าไหร่ความคุ้มครองเป็นยังไง บางคนสนใจแต่เรื่องดอกเบี้ย กับตัวประกันภัยแต่ว่าไม่ได้อ่านรายละเอียดกรมธรรม์ดีๆ อย่างเช่น บางคนอยากทำประกันชีวิตถ้าเป็นประกันชีวิตก็ซื้อเลย แต่เราต้องมาดูก่อนว่าประกันชีวิตมันมีหลายแบบ ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง จะทำกับบริษัทไหน ต้องดูดีๆนะ
ดาด้า
ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเราอยากทำประกันแบบไหน เราอยากให้ประกันที่เราทำนั้นคุ้มครองอะไรในชีวิตเราบ้าง ถ้าเราตั้งเป้าหมายเอาไว้ก่อน เราก็จะรู้ว่าเราควรซื้อแบบไหนที่จะคุ้มและเหมาะที่สุดกับชีวิตเรา และเงินของเราด้วย และไม่ปวดหัวเวลาที่เราจะดูแบบประกันด้วยค่ะ ทางที่ดีควรอ่านดูว่ามีประกันที่คุ้มครองอะไรบ้างก่อนที่เราจะตัดสินใจ
Zone
ตอนนี้ไม่คิดแล้วประกันชีวิต คิดแต่จะซื้อประกันสุขภาพเท่านั้น โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรค covid-19 ด้วยก็จะยิ่งดี เพราะเศรษฐกิจไม่ดีรายได้หดหายแบบนี้ไม่มีปัญญาจะซื้อประกันชีวิตต่อครับ ชีวิตตอนนี้ของผมมันจะเสี่ยงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อความคุ้มครองได้ เอาเป็นว่าถูๆไถๆแบบซื้อประกันสุขภาพเบี้ยถูกๆไปก่อนละกัน
<Supa
บทความนี้เหมือนมาเปิดใจคนที่กลัวๆกล้าๆกับการทำประกันชีวิตนะครับ เมื่อก่อนผมเองก็กลัวเหมือนกันเวลามีคนมาขายประกันให้ ส่วนใหญ่จะปฏิเสธเขาไปด้วยความที่กล้าๆกลัวๆอย่างที่บอกไปล่ะครับ แต่เดี๋ยวนี้ก็เปิดใจมากขึ้นแล้วเพราะว่าสถานการณ์ต่างๆรอบตัวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยิ่งมีโรคระบาดมา การทำมาหากินก็ไม่ค่อยดี กังวลครับ
วิชาญ
ประกันชีวิต ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ ต้องเชคข้อมูลดีๆเลยครับ แล้วก็ต้องเอาไปเทียบกับของเจ้าอื่นๆด้วยนะครับ ผมเคยเจอมาครับ เงินเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายพอๆกันเลยครับ แต่ปรากฏว่า ของอีกเจ้าที่ผมไม่ได้ทำ กลับมีวงเงินคุ้มครอง ที่สูงกว่าตัวที่ผมทำครับ ครั้นผมจะยกเลิกไปทำของเจ้านั้น ก็เสียดายครับ เพราะว่าจ่ายมาแล้ว3ปี ครับ
จักจั่น
@ k. วิชาญทำของที่ไหนไว้หหรอคะ? อยากรู้บ้างจังเลยค่ะ ตอนนี้เรากำลังมองหาประกันชีวิตที่คุ้มครองเกี่ยวกับเรื่อง covid-19 ด้วย เราไม่แน่ใจว่าจะมีประกันแบบนี้ด้วยไหม??? เพราะว่าไม่อยากจะสมัครแยกอ่ะคะ อีกอย่างหนึ่งถ้ามันเป็นบริษัทเดียวกันเลยแล้วคุ้มครอง 2 อย่างเลย แบบนี้เราว่ามันดีกว่าที่เราจะต้องไปซื้อหลายๆบริษัท ช่วยแนะนำทีนะคะ
คอปเตอร์
@ k.จักจั่น มีประกันของบริษัทซิกน่าครับ แต่เป็นประกันสุขภาพนะครับ แผนเพอร์ซันนัลแคร์ แผนนี้ผมว่าให้ความคุ้มครองเยอะมากเลยนะครับ อีกอย่างคุ้มครองโควิดได้ด้วย ไม่ต้องไปซื้อหลายตัวให้ปวดหัว แต่รายละเอียดตรงนี้คุณต้องลองไปสอบถามกับตัวแทนหรือในเวปไซด์ของเค้าดูนะครับ เพราะผมไม่ได้รู้ข้อมูลเยอะ รู้มาแค่เท่านี้