เมื่อพูดถึงประกันหลายคนอาจจะรู้สึกสับสนนิดหน่อยใช่มั้ยคะ? เพราะมันมีประกันมากมายหลายรูปแบบ ความคุ้มครอง ค่าเบี้ยประกันก็ยังแตกต่างกันอีก ทำให้ตัดสินใจยาก แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ประกันทุกประเภทมีความจำเป็นกับชีวิตของเรามากเลยทีเดียว เพราะเราทุกคนมีชีวิตอยู่ในสภาพที่เสี่ยงทั้งโรคภัยไข้เจ็บ และอุบัติเหตุ รวมถึงโรคระบาดในตอนนี้ ดังนั้นประกันช่วยเราอุ่นใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต สร้างความมั่นใจ และลดความกังวลเมื่อเจ็บป่วย พักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต เนื่องจากสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และฐานะของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน ส่งผลให้การตัดสินใจเลือกทำประกันต่างกันด้วยค่ะ
เพื่อช่วยให้เพื่อนๆได้เลือกทำประกันได้ถูกใจ ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน และตัดสินใจได้เหมาะสมกับตัวเอง ในบทความนี้ดิฉันจึงได้นำข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่าง ระหว่างประกันชีวิต และประกันสุขภาพมาฝากกันค่ะ เช่น ประกันชีวิตคืออะไร ? , มีกี่ประเภท การคุ้มครองเป็นอย่างไร ? , ประกันสุขภาพคืออะไร ? , มีกี่รูปแบบ มีความคุ้มครองอะไรบ้าง ? เพื่อนๆลองอ่านและทำความเข้าใจกับรายละเอียดของประกันแต่ละอย่างไปพร้อมๆกันเลยนะคะ ดิฉันหวังว่าเมื่ออ่านแล้วเพื่อนๆจะมีคำตอบให้ตัวเองอย่างแน่นอนค่ะ
ประกันชีวิตคืออะไร?
เริ่มแรกขอเรามาทำความรู้จักกับประกันชีวิตกันก่อนนะคะว่าคืออะไร ? ประกันชีวิต คือ ประกันที่มอบความคุ้มครองให้กับผู้เอาประกันในกรณีที่เสียชีวิตค่ะ โดยที่บริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินก้อนให้กับผู้รับผลประโยชน์ตามเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ รูปแบบของประกันชีวิต มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับครอบครัวกรณีคนที่ทำประกันเสียชีวิตไปโดยไม่คาดฝัน คนที่อยู่ข้างหลังจะไม่เดือดร้อน แต่ถ้าผู้เอาประกันยังไม่เสียชีวิตในช่วงระยะเวลาคุ้มครองผู้เอาประกันจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์เองค่ะ
มีกี่ประเภท การคุ้มครองเป็นอย่างไร?
ถ้าจะพูดถึงประเภทของประกันชีวิตก็หลากหลายรูปแบบและสัญญา และวิธีชำระเบี้ยค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นสัญญาระยะยาว และมีระยะเวลาในการชำระเบี้ย ความคุ้มครองที่แน่นอน เช่น..
ประกันชีวิตระยะสั้น
แบบนี้จะเน้นความคุ้มครองชีวิตในช่วงสั้นๆตามที่กำหนด อาจจะคุ้มครองเพียง 10 , 20 ปี ประกันชีวิตระยะสั้นนี้เบี้ยประกันจะถูกค่ะ เพราะคุ้มครองระยะสั้น เหมาะกับคนที่พึ่งจะเริ่มตั้งตัวมีเงินไม่มาก แต่ก็อยากจะได้รับความคุ้มครองในปัจจุบัน แบบว่ามีเงินน้อยก็ทำประกันได้ค่ะ
ประกันตลอดชีพ
เป็นประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองระยะยาว เริ่มตั้งแต่ทำจนถึงอายุ 90 ปี หรือคุ้มครองตลอดชีวิต เหมาะกับคนที่มองอนาคตไปใกลและอยากเอาเงินประกันไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานค่ะ
ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
เป็นประกันชีวิตที่เน้นการออมทรัพย์เอาไว้สำหรับอนาคต แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองชีวิตด้วย โดยที่ผู้ถือกรมธรรม์จะได้รับผลตอบแทนมากกว่าเบี้ยที่จ่าย มีการกำหนดตัวเลข ผลตอบแทนชัดเจน มีการกำหนดปีที่จะได้รับเงินสดคืนด้วย อาจจะประกัน 15 ปี คุ้มครอง 20 ปี ทุกปีจะได้รับผลตอบแทน 2 % ของจำนวนเงินที่เอาประกัน แต่ถ้าเสียชีวิตในระหว่าง 20 ปีผลตอบแทนจะตกเป็นของผู้รับผลประโยชน์ค่ะ
ประกันบำนาญ
ประกันชีวิตประเภทนี้เน้นการออมเงินเอาไว้ใช้ตอนเกษียณ โดยที่จ่ายเบี้ยประกันไปจนถึงอายุ 60 ปี จะได้รับความคุ้มครองไปจนถึงอายุ 99 ปี เมื่อครบกำหนดเกษียณอายุจะได้รับบำนาญคืนตามสัญญาที่ทำไว้ แต่ถ้าเสียชีวิตก่อนจะได้รับเงินชดเชยสูงกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด.
ประกัน Unit Link
เป็นประกันชีวิตควบคู่ไปกับการลงทุนในกองทุนตามเวลาที่กำหนด โดยที่เราสามารถกำหนดเบี้ยและความคุ้มครองได้ด้วยตัวเอง ประกันแบบนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง เหมาะกับคนที่มีความรู้ในเรื่องของการลงทุนเป็นอย่างดีนะคะ
ประกันสุขภาพคืออะไร?
สำหรับประกันสุขภาพ จะเป็นประกันที่เข้ามาคุ้มครองดูแลในเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมไปถึงการเจ็บป่วยทั่วไป เพื่อช่วยลดภาระในเรื่องค่าใช้จ่ายของเราในช่วงที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล รวมทั้งมีการชดเชยรายได้ให้เราขณะที่พักรักษาตัว ส่วนเงื่อนไขและความคุ้มครองก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทประกันด้วยนะคะ ความคุ้มครองมากเบี้ยประกันก็จะแพงตามไปด้วยค่ะ
มีกี่รูปแบบ มีความคุ้มครองอะไรบ้าง?
ประกันสุขภาพจะมีการแบ่งออกเเป็น 2 ประเภท คือ ประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุแบบรายบุคคล , และประกันสุขภาพและอุบัติเหตุแบบรวมกล่ม ค่ะ ส่วนความคุ้มครองแบ่งออกเป็น 5 ประเภท เช่น
ผู้ป่วยใน (IPO)
ประกันประเภทนี้จะคุ้มครองในกรณีที่เราต้องแอดมิทในโรงพยาบาลค่ะ บริษัทประกันจะรับผิดชอบจ่าย ค่าห้อง ค่าอาหาร ค่ายา ค่าผ่าตัด ให้เราตามที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ค่ะ
ผู้ป่วยนอก (OPD) จะคุ้มครองในกรณีที่เราเจ็บป่วยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่ไม่ได้นอนค่ะ เช่นไม่สบายเป็นไข้ ปวดท้อง อุบัติเหตุเล็กๆน้อย
โรคร้ายแรง (ECIR)
จะคุ้มครองในกรณีเจ็บป่วยที่เป็นโรคร้ายแรง ใช้เวลาในการรักษาตัวนาน ค่าใช้จ่ายสูง อย่างโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับสมอง
ประกันอุบัติเหตุ (PA)
จะคุ้มครองการรักษาในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆ ไปจนถึงอุบัติเหตุที่ทำให้ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ และทำให้เสียชีวิต
ประกันชดเชยรายได้
ผู้เอาประกันจะได้รับเงินชดเชยรายได้จากบริษัทประกันเป็นรายวันในกรณีที่นอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แต่ประกันตัวนี้จะไม่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลนะคะ
จะเลือกประกันแบบไหนเอาให้ถูกใจตัวเองที่สุด
หลังจากอ่านข้อมูลที่ดิฉันให้ไปเพื่อนๆพอจะเริ่มตัดสินใจได้บ้างรึยังคะว่า ตัวเองเหมาะกับประกันแบบไหน ? เพราะเราได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างประกันสุขภาพและประกันชีวิตไปแล้ว ดิฉันจะสรุปให้เพื่อนได้ตัดสินใจง่ายขึ้นแบบนี้ละกันนะคะ ถ้าเพื่อนๆต้องการความคุ้มครองทางการเงินเมื่อเจ็บป่วย นอนโรงพยาบาล ก็เลือกประกันสุขภาพได้เลยค่ะ แต่ถ้ามั่นใจว่าสุขภาพยังแข็งแรงดี แต่อยากได้ความ คุ้มครองในกรณีเสียชีวิต เพราะเป็นห่วงคนที่อยู่ข้างหลังเพื่อเขาจะไม่ลำบากและเดือดร้อนเรื่องเงินถ้าเราเกิดจากไปก่อนก็เลือกทำประกันชีวิตเหมาะที่สุดค่ะ ก่อนที่เพื่อนๆจะเลือกประกันไม่ว่าแบบไหน ควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขให้เข้าใจอย่างชัดเจนด้วยนะคะ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลังค่ะ
เอ๋
ตอนนี้ผมว่าถ้าทำคุ้มที่สุดคือทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ครับ เพราะมันให้ความคุ้มครองถ้าเรื่องคุยกันก็ไว้ให้ลูกหลานของเราด้วย ผมรู้สึกว่าเป็นการทำประกันที่เหมือนกับเก็บเงินไปในตัว คนในครอบครัวจะได้ไม่ลำบากถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆในอนาคต กลับอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือประกันอุบัติเหตุครับ ตัวผมเดินทางบ่อยที่ว่าประกันอุบัติเหตุก็จำเป็นด้วยเหมือนกัน
บี้
ผมคิดว่าถ้าอายุยังน้อยอยู่ทำประกันชีวิตไว้ดีกว่าครับเพราะว่าค่าเบี้ยประกันที่ทำตอนอายุน้อยๆเนี่ยมันจะถูกกว่า แถมตอนที่เราอายุน้อยสุขภาพก็ยังแข็งแรงดีอยู่แต่ถ้าเริ่มเข้า 40 แล้ว 40 กว่าๆผมว่าอาจจะเริ่มทำประกันสุขภาพด้วย หรือ 30 ปลายๆประมาณนี้เริ่มทำประกันสุขภาพไว้ด้วย ส่วนตัวของผมตอนนี้ทำประกันสุขภาพไว้ก่อน เพราะว่าช่วงหลังๆมานี้สุขภาพไม่ค่อยจะดีครับ
พิมพ์
ส่วนตัวมีสองประกันค่ะที่ทำไว้ คือประกันชีวิตที่ทำไว้เพื่อคนในครอบครัว หรือคุ้มครองชีวิตเราในกรณีที่เราเสียชีวิต และอีกประกันหนึ่งที่อยากแนะนำมากๆว่าต้องทำ คือประกันสุขภาพ เพราะประกันนี้เราจะได้ใช้แน่นอน ถ้ามีประกันนี้เราสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกเมื่อเมื่อเราไม่สบาย ประกันนี้จะช่วยเราลดค่าใช้จ่ายค่าการรักษาพยาบาลของเรา และถ้าเราทำเบี้ยประกันเยอะเราก็จะได้เงินคุ้มครองเยอะตามด้วย