มนุษย์เงินเดือนที่ต้องทำงานติดต่อกันลากยาวเกือบทั้งสัปดาห์ หลายคนอาจคุ้นเคยกับความเครียดสะสม หรือความเหนื่อยล้าอยู่แน่ๆ บางคนพอได้หยุด ก็ยังต้องหอบงานมาทำที่บ้านอีก.. เราเข้าใจคุณค่ะ!! และวันนี้อยากมาบอกเคล็ดลับดีๆ เพื่อเปลี่ยนชีวิตเครียดๆจากงานให้ผ่อนคลายได้มากขึ้น แบบสบายๆงบในกระเป๋า
ใครที่เคยร่ำร้องหาวันเสาร์-อาทิตย์ และไม่อยากให้ถึงวันจันทร์สักที จะได้ประโยชน์จาก 7 วิธีนี้แน่ๆ ในเรื่องแผนการณ์วันหยุดที่สร้างสุข ไม่ต้องเสียตังค์เยอะ และยังได้สไตล์การทำงานที่ช่วยเราลดความเครียดด้วย ตามมาดูกันเลย
1. การพักผ่อนหย่อนใจที่ไม่ต้องจ่ายเยอะ!
การจ้องจอเป็นเวลานานๆ แสงสีฟ้าจากคอมฯและแท็บเล็ตก็อาจเพิ่มความเมื่อยล้า การเปลี่ยนมามองสีเขียวสบายๆตาจะช่วยเราได้บ้าง ออฟฟิศใครไม่มีต้นไม้ใบหญ้าให้ละสายตาไปมอง ก็ลองซื้อต้นไม้เล็กๆ ราคาไม่เกินหลักร้อยมาประดับโต๊ะทำงาน หรือจิตนาการถึงธรรมชาติสักหน่อย ให้ธรรมชาติบำบัดก็จะช่วยเราลดความกังวลและความเครียดได้ ลองจัดสมดุลจากงานกองโตบนโต๊ะโดยไปชมนก ชมไม้แค่ไม่กี่นาที นั่งรับลมบ้าง พอเลิกคิดเรื่องงานได้สักแป๊ป ก็จะช่วยให้สมองเราได้ผ่อนคลาย และอาจเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ที่ช่วยรับมือกับงานยากๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำ
และสำหรับชาวออฟฟิศที่รับมือกับอาการ Office syndrome การไปออกกำลังกาย ที่สวนสาธารณะจะช่วยเราไม่ต้องเสียตังค์สักบาท และได้สุขภาพกลับมาแน่ๆ หรือใครชอบกิจกรรมแบบเอ็กซ์ตรีมขึ้นมา สนามแบดมินตันรอบๆ กรุงเทพ ราคาอยู่ที่ประมาณ 170-200 บาทเอง ถ้าเราชวนเพื่อนในออฟฟิศไปดวลกันซะหน่อย หารออกมาคนละไม่ถึง 100 บาท หรือกีฬาสุดฮิตแมนๆ เตะฟุตบอลสนามหญ้าเทียม ก็มีให้เช่าตั้งแต่ชั่วโมงละหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน แต่เตะกันหลายคนก็เฉลี่ยลงมาอีกเรื่อยๆ
หรือบางคนก็ชอบกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายและสร้างความสุขอย่างงานอดิเรกต่างๆ เช่น งานศิลปะ วาดรูป ปลูกต้นไม้ จัดสวน ก็เหมือนเราได้ทำสิ่งที่เป็นการรีเฟรชตัวเองให้พร้อมที่จะเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ บางคนก็ทำให้งานอดิเรกนั้นสร้างรายได้กลับมา ก็จะได้ทั้งเงินได้ทั้งการพักผ่อนหย่อนใจ ไม่คุ้มได้ไง!
2. การกิน การนอน และการทำงานที่สมดุล
ตามหลักสุขภาพแล้วการอัดกาแฟวันละมากกว่า 2 แก้ว จะทำให้ร่างกายเราได้รับคาเฟอีนที่มากเกินไป ก็จะส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ จนรู้สึกใจสั่น และกังวลเพิ่มขึ้นด้วย ใครที่โหมงานหนัก กินแต่กาแฟไม่ช่วยอะไรนะ แถมเปลืองอีกต่างหาก ลองหันมาดื่มน้ำเยอะๆ เป็นกิจวัตร ให้ร่างกายได้รับความสดชื่น แถวประหยัดงบอีกต่างหากกินน้ำในออฟฟิศฟรีเนี่ย! หรือบางคนชอบอาหารแนวสุขภาพ ก็ลองมองหาบริการ delivery แบบราคาไม่แรงเว่อร์ แล้วเลือกรับโค้ดส่วนลดในการสั่งอาหารผ่านพวก Foodpanda หรือ GrabFood ก็น่าสนใจไม่น้อยเวลาต้องทำงานล่วงเวลานานๆ
และปัญหาหลักของชาวออฟฟิศอย่างการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ บางคนนอนจริงๆ อาจไม่ถึงวันละ 5 ชั่วโมงด้วยซ้ำ เมื่อมีปัญหานี้นานๆเข้า ร่างกายของเราต้องรับไม่ไหวแน่ๆ พอสุขภาพมีปัญหาย่อมสูญเสียเงินตามมาอีกไม่น้อย ในการรักษาให้กลับมาดีดังเดิม ดังนั้น พอถึงวันหยุดก็ขอให้ได้หยุดจริงๆ ลองใช้เวลานอนเพิ่มจากเดิมในช่วงวันหยุด สัก 1-2 ชั่วโมง ก็จะเห็นความแตกต่างแน่นอน คืนความกระฉับกระเฉง ไม่อ้วนง่าย และผ่อนคลายจากความเครียดได้ด้วย อย่าดูเบาเวลานอนมันเด็ดขาด ควรจัดสรรเวลาให้ดี ให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างน้อย 8-9 ชั่วโมงต่อวัน จะได้สู้กับวันใหม่อย่างเต็มที่ในทุกๆสัปดาห์
และช่วงเวลาที่งานเข้า หรือต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมๆกัน ถ้าเราเริ่มทำได้ช้าลง หรือมีปัญหาติดขัดกับงานใดงานหนึ่ง ทำยังไงก็ไม่คืบหน้าเสียที ให้ลองเปลี่ยนไปทำงานเป็นอย่างๆ ดูบ้าง พอเสร็จเป็นชิ้นๆไป แล้วค่อยกลับมาต่อให้จบทีละงาน ก็อาจจะช่วยให้เรามองเห็นอะไรได้ชัดเจนขึ้น และคลี่คลายปัญหาได้ดีกว่าเดิม พอทำงานแบบสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ได้งานมากขึ้นก็จะได้เงินมากขึ้น หรือถูกเลื่อนตำแหน่งเพราะคุณภาพงานของงานอีกด้วย
3. เพิ่มมุมมองที่สร้างสุข
การเปิดโลกความคิดด้วยคอร์สเพิ่มเติมในเรื่องที่เราไม่รู้ การอบรมที่น่าสนใจไปประยุกต์ในหน้าที่การงาน หรือการเติมความรู้เข้าสู่สมองด้วยคอร์สดีๆ ที่เราชอบในอินเทอร์เน็ต ราคาประมาณ 2,000 - 4,000 บาท ก็นับว่าไม่มากไปหากนำสิ่งนั้นกลับมาพัฒนาความคิดและเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเงินให้กับเรา พอความคิดของเราไม่จมปลักหรือนิ่งสนิทอยู่กับที่ ก็จะยิ่งทำให้ชีวิตการทำงานก็ไม่จำเจหรือน่าเบื่อด้วย
รวมถึงการมองแบบย้อนอดีต ในเรื่องภาพรวมของสิ่งที่เราทำในแต่ละสัปดาห์ อะไรที่เสร็จตรงเป้า หรืออะไรที่มีข้อผิดพลาดและต้องกลับไปแก้ไข เราก็จะพัฒนาตัวเองต่อไปได้ดีขึ้นค่ะ ส่วนการมองไปที่อนาคตหรือแพลนสิ่งที่จะต้องทำในสัปดาห์ข้างหน้า ก็จะช่วยให้รู้ว่าเราทำอะไรเสร็จแล้วบ้าง
และสิ่งที่ไม่ต้องใช้เงินทองไปแลกมา แต่อยู่ที่ว่าเราจะจัดการอย่างไรให้ได้มา ก็คือ การใช้เวลาอยู่กับครอบครัว คนรัก และเพื่อนๆ สิ่งนี้นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตพื้นฐานของมนุษย์ก็ว่าได้ หากคุณมีบุคคลเหล่านี้อยู่ใกล้ๆ ก็อย่างลืมเติมเต็มความรักในการพักผ่อนหย่อนใจ หรือทำกิจกรรมร่วมกับพวกเขา เพื่อได้รับพลังใจที่จำเป็นต่อการเริ่มต้นสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต. ใครมีบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่ค่อยได้กลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงสักเท่าไหร่ เพราะความรับผิดชอบที่มี เมื่อมีวันหยุดยาวก็ขอให้รีบคว้าโอกาสนี้เอาไว้ ลองกลับไปหาคนในครอบครัว หรือพบเจอสังสรรค์กันกับเพื่อน ที่สนิทและรู้ใจ ก็จะช่วยเราบอกลาความเครียดและเพิ่มความสุขในชีวิตเราได้อีกเท่าตัวแน่ๆ
บอกลาความเครียด เปลี่ยนไปใช้ชีวิตที่สร้างสุขและสบายกระเป๋าได้แล้ววันนี้
เมื่อวัยทำงานปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนต้องเคยผ่านสถานการณ์เครียดๆกันมาบ้างแล้ว จนอาจถือว่าเป็นส่วนผสมของชีวิตการทำงานไปแล้วด้วย ในเมื่อยากที่จะเลี่ยง เราก็ต้องมีวิธีรับมือกับมันให้ดีกว่าเดิม เพื่อก้าวสู่ชีวิตที่สร้างสุขและสร้างความสำเร็จต่อไปได้ แถมยังมีช่องทางอีกมากที่เราเลือกทำแล้วประหยัดกว่า สร้างทั้งรายได้ และมีความสุขกลับมาด้วย
และทั้ง 3 วิธีที่คุยกันไป ก็ถือว่าเริ่มได้ง่ายมากๆ และช่วยเราลดความเครียดสะสมจากที่ทำงานลงไปได้อย่างเห็นผล เพราะกิจกรรมดีๆที่ช่วยผ่อนคลาย หรือการใช้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดให้มีคุณภาพที่สุด ก็จะทำให้ชีวิตการทำงานของเรานั้นมีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดีขึ้น นี่ก็ถือเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับการทำงานในทุกสภาพการณ์จนกว่าจะถึงวัยเกษียณแบบไม่สิ้นเปลืองแน่นอน!
กรณ์
เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆเลยนะในบทความนี้เกี่ยวกับการทำงาน ผมว่าช่วงนี้คนที่ไม่มีงานทำก็เครียด ส่วนคนที่มีงานทำก็เครียดไม่แพ้กัน อย่างนั้นของผมเนี่ยเป็นงานที่ใช้ความคิดและสมัครเยอะ คล้ายๆกับงานทำบัญชี ที่จะต้องอยู่กับตัวเลข และมีความรับผิดชอบสูง ผิดพลาดไม่ได้เลย การทำตามคำแนะนำในบทความนี้ช่วยให้ผมทำงาน แล้วเครียดน้อยลง ดีครับจะเอาไปแบ่งไปใช้เพื่อนอ่านบ้าง
อดุลย์
เวลาที่ผมเครียดๆจากการทำงาน ผมมักจะเดินเล่น ตามชายทะเลครับ ที่บ้านผมเดินทางไปทะเลไม่กี่กิโลเมตรครับ การทำแบบนี้ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายจริงๆครับ เราไม่ต้องคิดอะไรเลยครับในช่วงนั้น สมองของผมโล่งมากเลยครับ การทำแบบนี้เป็นการบำบัดที่ดีนะครับ แถมไม่ต้องเสียเงินหลายๆบาทครับ แถมเวลาที่เราเดินเล่นก็ได้ออกกำลังกายไปด้วยครับ
วัชพันธ์
ตอนนี้จะให้คลายเครียดด้วยการไปยิม ก้ไม่น่าจะได้แล้วละครับ แถวบ้านผมปิดเต็มเลยครับ แต่ไม่ต้องกังวลครับ ถ้าผมทำงานแล้วรู้สึกเครียด ช่วงนี้ วันเสาร์อาทิตย์จะไปไหนก็ไปไม่ได้ ผมเลยจัด ซื้อ เน็ตฟิกเลยครับ ไม่ต้องไปไหนแล้วครับ นั้งดูหนัง กับลูกๆที่บ้านไปเลยครับ รู้สึกว่าทำแบบนี้แล้ว ได้ความใกล้ชิดกับคนในบ้านกลับมาครับ
*Dao*
บทความนี้แนะนำอะไรที่เรากำลังทำอยู่เลย เช่น ไม่ควรการอัดกาแฟ....เราเป็นคนติดกาแฟมากค่ะถึงขั้นกินวันนึงประมาณ 5 แก้วเลยด้วยซ้ำ ถึงว่าสินะทำไมชีวิตเครียดจัง ก็เพราะตัวเราใช้ชีวิตแบบไม่สมดุลนี่เอง5555 ก็คงต้องปรับเปลี่ยนชีวิตกันใหม่ ขอบคุณบทความดีๆแบบนี้นะคะทำให้เราต้องหันกลับมารักตัวเองรักสุขภาพอีกครั้งนึง
กฤษณพงษ์
ผมชอบนะครับเวลาที่เผมเครียดๆผมจะไปหาของอร่อยๆทานกับแฟนครับ รู้สึกว่าเป็นการผ่อนคลายมากๆเลยครับ แต่ตอนที่เขาไม่ให้เรานั้งกินที่ร้าน ก็ลำบากหน่อยครับ ต้องซื้อกลับมาที่บ้าน มันก็อร่อยนะครับ แต่ว่า มันไม่เหมือนกับตอนที่เราไปทานที่ร้านเลยนะครับ คือบรรยากาศมันคนละอย่างเลยครับ นี่ดีใจมากเลยที่เขาสามารถนั้งทานที่ร้านได้แล้ว กะว่าจะจัดสักวันละครับ
Pakinai//
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงต้องบอกว่าบทความนี้เหมาะกับคนที่ทำงานออฟฟิศ แต่ตอนนี้ผมว่าเหมาะกับทุกคนเพราะไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็เครียดทั้งนั้น บทความ 3 วิธีเปลี่ยนชีวิตเครียดๆจากงานให้ผ่อนคลาย แถมยังประหยัดงบในกระเป๋า เหมาะช่วงเวลานี้มากครับ ผมก็อยากออกไปผ่อนคลายข้างนอกบ้านบ้าง แต่ต้องดูด้วยว่ามีคนเยอะพลุกพล่านมากเกินไปหรือเปล่า
ภัทรภร
เครียดก็ต้องหาที่ผ่อนคลายคะ บ้านเราอยู่ใกล้ทะเลยเลยไม่ค่อยใีปัญหาเวลาที่อยากคลายเครียดคะ เรามีหาดที่คนไม่ค่อยได้มาเที่ยวคะ เหมือนยังกะเป็นหาดส่วนตัวเลย เราก็มักจะไปกับแฟนไปเล่นน้ำ ไปนั้งย่างอะไรอร่อยๆทานด้วยกันคะ ก็อาจจะใช้เวลาที่นั้น 2-3ชั่วโมง ก็ทำให้เรามีแรงที่จะกลับมานั้งทำงานหน้าคอมฯต่อแล้วละคะ