ผมว่าเพื่อนๆที่เป็นนักลงทุน จะต้องรู้จักหรือเคยได้ยินกันมาบ้างล่ะครับ เกี่ยวกับการกระจายการลงทุน เหตุผลที่ผมบอกแบบนี้นั้น ก็เพราะ การลงทุนมีความเสี่ยง จะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็อยู่ที่ประเภทการลงทุน และ การกระจายการลงทุนนั้นก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้อัตราความเสี่ยงของนักลงทุนนั้นน้อยลงได้ ซึ่งเมื่อการกระจายการลงทุนเป็นหนทางเดียวที่ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนนั้นลดลงได้ วิธีการนี้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับนักลงทุน ซึ่งวิธีการในการกระจายการลงทุนนั้นก็มีอยู่หลากหลายรูปแบบ บางคนก็เอาไปกระจายการลงทุนด้วยการลงทุนกับหลายๆอย่างหลายๆประเภท หรือบางคนก็ลงทุนแค่กับหุ้นและก็กระจายการลงทุนด้วยการจัดพอร์ตการลทุน ซึ่งในบทความนี้ ผมก็ได้นำเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการกระจายการลงทุนอย่างฉลาดมาฝากเพื่อนๆกันว่าต้องทำอย่างไร และ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปดูกันเลยครับ
เทคนิคการกระจายการลงทุน
การกระจายการลงทุนนั้นสิ่งสำคัญของมันเลยก็คือสามารถทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ ด้วยการที่นำเงินลงทุนไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินต่างๆและมีความหลากหลาย ซึ่ง การที่เพื่อนๆจะนำเทคนิคการกระจายกการลงทุนไปปรับใช้นั้น เพื่อนๆจำเป็นที่จะหลักการในการนำไปใช้ด้วย ซึ่งหลักการในการนำเทคนิคการกระจายการลงทุนไปใช้นั้นก็มีอยู่ด้วยกัน 2 Step คือ
Step ที่ 1 รู้ตัวเองในเรื่องการรับความเสี่ยง
Step ที่ 1 ที่เพื่อนๆจะต้องรู้นั้นก็คือความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเพื่อนๆเอง ว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งจริงๆในเรื่องของการประเมินเกี่ยวกับการรับคามเสี่ยงของตัวเองได้ขนาดไหนนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากของนักลงทุน เป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องรู้กันเป็นอย่างดีอยู่แล้วก่อนที่จะเลือกการลงทุน เพราะมันก็เป็น 1 ในเทคนิคในการเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองด้วย และวิธีการที่เพื่อนๆจะสามารถเช็คความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองได้นั้น วิธีง่ายเลย ก็คือ ให้เพื่อนไปดูข้อมูลเก่าตอนที่เจอวิกฤตในพอร์ตการลงทุน ดูว่าตอนนั้นเพื่อนๆสามารถติดลบได้สุดๆที่เท่าไร
Step ที่ 2 รู้ตัวเองในเรื่องของเป้าหมายและระยะเวลา
Step ที่ 2 ที่เพื่อนๆจะต้องรู้นั้นก็คือ เป้าหมายของการลงทุน และระยะเวลาที่เพื่อนๆตั้งใจจะลงทุนให้ถึงเป้าหมาย เช่น ถ้าเพื่อนๆตั้งใจว่าจะใช้ระยะเวลายาวๆในการลงทุนเพื่อให้ถึงเป้าหมาย นั้นก็หมายความว่าในพอร์ตการลงทุนของเพื่อนๆเพื่อนๆก็สามารถที่จะลงทุนในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างการลงทุนใน หุ้น เป็นต้น และในระหว่างการลงทุนนั้นสิ่งที่เพื่อนๆจะต้องให้ความสำคัญนั้นไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นการจัดการกับความเสี่ยง ระหว่างทาง ต่างหาก
ซึ่งถ้าให้ผมเปรียบเทียบให้เพื่อนๆเห็นภาพ คือ การขับรถทางไกล แน่นอนว่าเป้าหมายคือปลายทางที่จะไป ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือ ระหว่างทางของการขับรถทางไกลนั้นมีความเสี่ยงที่เข้ามา คือ การหลับในและเกิดอุบัติเหตุ เพราะถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ก็จะไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นเอง เพราะฉะนั้น ควรมีการวางแผนถึงจุดแวะพัก ยิ่งจุดแวะพักน้อยก็จะถึงที่เป้าหมายเร็วแต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุ และถ้าจุดแวะพักเยอะ ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็จะต่ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็จะต้องคำนึงถึงจุดแวะพักให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่ตั้งใจจะไปถึงจุดหมายด้วยนะครับ เพราะเมื่อมีหยุดพักนั้นก็หมายถึงเวลาที่เสียไปด้วยนั้นเอง ถึงจุดแวะพักเยอะความเสี่ยงต่ำแต่ระยะเวลาในการไปถึงเป้าหมายก็จะใช้เวลานานไปด้วย
การกระจายการลงทุน ดีจริงไหม?
คำถามนี้ ก็ต้องตอบเลยว่า ดีจริงๆครับ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วในตอนต้นว่า การกระจายการลงทุนนั้นเป็นหนทางเดียวของนักลงทุนที่จะลดความเสี่ยงในการลงทุนลงได้ ซึ่งเหตุผลนั้นก็เพราะว่า สินทรัพย์ในการลงทุนต่างๆที่มีอยู่ในทุกวันนี้นั้น มีการราคาที่แตกต่างกันตามแต่ละช่วงเวลา หรือก็คือ ราคาขึ้นลงไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้น เมื่อเพื่อนๆมีการกระจายการลงทุนไปในหลายๆสินทรัพย์ เมื่อเกิดการผันผวนของตลาด เพื่อนๆก็จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบสักเท่าไร การลงทุนที่เพื่อนๆได้กระจายลงทุนไปนั้นมันกลับมาช่วยสนับสนุนกันนั้นเอง
การกระจายการลงทุนเท่ากับการกระจายความเสี่ยง ช่วยลดการขาดทุน
สุดท้ายนี้ก็บอกได้ว่า การกระจายการลงทุนนั้น เท่ากับ การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนั้นเอง ซึ่งการกระจายการลงทุนนี้ ในหัวข้อ การกระจายการลงทุนดีจริงไหม ก็ได้บอกไปแล้วว่า มันสามารถช่วยเพื่อนๆได้ไม่ให้ขาดทุนมากเกินไปในช่วงที่ตลาดมีการผันผวน เพราะถ้าไม่มีการกระจายการลงทุนสมมุติ เพื่อนๆลงทุนไปที่ หุ้น อย่างเดียว เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น แน่นอนเลยว่าจะไม่มีอะไรมาซัพพอร์ตการลงทุนเพื่อนๆอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเพื่อนๆมีการกระจายการลงทุน ไว้ในหุ้นบ้าง ในตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ ไว้ เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้ก็จะมาช่วยซัพพอร์ตหุ้นตัวอื่นๆของเพื่อนๆ และถ้ากลับกัน เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหุ้นของเพื่อนๆก็จะมีราคาพุงสูงขึ้นมาช่วยซัพพอร์ตตราสารหนี้หรือหุ้นกู้นั้นเอง และนี้ทำให้การลงทุนของเพื่อนๆมีความเสี่ยงที่ต่ำลงและการขาดทุนของเพื่อนๆก็ลดลงด้วย
Wuwu
ต้องกระจายการลงทุนแล้วเห็นด้วยจริงๆคล้ายกับในสมัยนี้เพราะว่าธุรกิจที่หลายๆคนคิดว่าไม่มีวันล้มอย่างธุรกิจการท่องเที่ยวตอนนี้ covid ระบาดเข้ามาคนที่เคยลงทุนไปหลายสิบล้านกับธุรกิจการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นทัวร์โรงแรมรีสอร์ทแพ็คเกจการท่องเที่ยวก็ล้มระเนระนาดทำให้เราเห็นเลยว่าถ้ามีเงินก้อนอยากจะลงทุนเนี่ยน่าจะลงทุนหลายๆอย่างมากกว่าไปกับธุรกิจหลายๆตัวอาจจะเป็นธุรกิจร้านอาหารที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยว
Pure
ถ้าเป็นคนที่เป็นนักลงทุนจริงๆจังๆ การกระจายการลงทุนก็เป็นเรื่องที่ดีนะคะ แต่ถ้าเป็นคนที่ลงทุนบ้างนิดหน่อย เล็กๆน้อยๆ ถึงมีเงินทุนไม่มากก็การกระจายการลงทุนอาจจะยังไม่จำเป็น ควรจะเลือกลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งแบบมั่นใจหรือเป็นการลงทุนที่เสี่ยงพอรับไหวแบบนั้นก็น่าจะพอแล้วค่ะ แต่เรื่องการกระจายการลงทุนก็ต้องศึกษาเอาไว้เอาเป็นว่าบทความนี้ก็ดีนะคะ
วิรัตน์
ใช่ๆคนที่สามารถกระจาย การลงทุนได้แบบที่บทความนี้บอก ต้องเป็นคนมีเงินทุน ที่เยอะหน่อยละครับ ถึงสามารถทำได้ อย่างผมทำงาน รายวันจะแบ่งเงินไปลงทุนก็คงจะยากแล้วละครับ ที่ผมทำคือเก็บเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ที่ผมได้ครับ ก็เอาฝากธนาคารเอาครับ บัญชีนี้ไม่มีบัตร ATM นะครับ พอได้เงินมากพอก็จะซื้อเป็นพวกทองคำเก็บเอาไว้ครับ
ปรีชา
จริงก็อยากจะทำตามในบทความนี้บอกนะครับ คือการกระจายการลงทุน แต่พอดีไม่มีเงินพอที่จะกระจายได้5555 ก็เลยต้องทำตามที่เราจะพอไหว จริงๆการลงทุนถ้าอยากจะให้เห็นผลต้องลงทุนระยะยาวไม่ใช่ระยะสั้นๆ แล้วก็ต้องลงทุนเยอะพอสมควรไม่ใช่นิดๆหน่อยๆ แต่ยังไงก็ไม่ควรที่จะคาดหวังมากจนเกินไปเพราะว่ายิ่งผลตอบแทนเยอะยิ่งมีความเสี่ยงเยอะ
Siranya
นักลงทุนคงรู้ดีว่าการลงทุนกับอะไรถึงจะไปรอดในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ หากยังมีเงินลงทุนอยู่ ก็ต้องกระจายความเสี่ยงอย่างที่บทความนี้แนะนำค่ะ ดูทิศทางของการลงทุนกันให้ดีด้วย ช่วงเวลาแบบนี้คงล้มกันบ่อยๆไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ดูเหมือนว่าต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายกันทั้งนั้นนะคะ อย่างไรก็ตาม ขอบคุณบทความนี้ที่ให้เทคนิคดีๆค่ะ
พงษ์ศักดิ์
กระจายการลงทุน ก็กระจายความเสี่ยง แต่ก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ ผลกำไรที่ได้อาจจะไม่เหมือนกับเราเอาเงินก้อนไปลงทุนอย่างเดียว แต่ถ้าไม่เครียดเรื่องนี้ก็เอาไปเลยครับ กระจ่ายการลงทุนหลายๆรูปแบบนะครับ ไม่ใช่กระจ่ายไปอยู่ในธุรกิจแบบเดียวกัน ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่ต้องจากลงทุนที่เดียวนะครับ เอาใจช่วยนะครับสำหรับใครที่เริ่มทำแบบนี้