ในสภาพสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปัญหาใหญ่ยอดฮิตติดชาร์ทตลอดกาลคงหนีไม่พ้นเรื่องนี้อย่างแน่นอน นั่นคือเรื่องของปัญหาปากท้องนั่นเองค่ะ ปัญหานี้นั้นมักจะเกิดขึ้นและส่งผลหนักเฉพาะกับพวกเราประชาชนคนทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำกันทุกคน ยิ่งมีเหตุการณ์ของโรคระบาดโควิด 19 ที่เกิดขึ้นเข้ามาช่วยร่วมถาโหมซ้ำเติมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ปัญหานี้สร้างความสาหัสให้กับพวกเรากันหนักมากเข้าไปอีก สำหรับหลายๆคนนั้น งานที่เคยทำต้องถูกเลิกจ้าง พาให้ทุกวันนี้ต้องตกอยู่ในสภาพว่างงาน และขาดรายได้ ในส่วนของคนที่ยังมีงานทำอยู่ก็รู้สึกหนาวๆร้อนๆตามไปด้วย เริ่มรู้สึกถึงความไม่มั่นคงกับงานที่ทำไปตามๆกัน เพราะในสภาพการณ์ของทุกวันนี้อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ และการถูกเลิกจ้างก็อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเมื่อด้วยเช่นกันค่ะ นอกจากปัจจัยดังกล่าวที่เป็นสิ่งที่ทำให้เราอาจถูกเลิกจ้างได้แล้วนั้น ปัจจัยอื่นๆที่อย่างเช่นเรื่องของสุขภาพ อุบัติเหตุ ฯลฯ ก็สามารถทำให้เราต้องถูกเลิกจ้างได้ด้วยเช่นกันค่ะ
แม้ว่าปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นปัจจัยที่ตัวเราเองไม่สามารถควบคุมได้ แถมยังพร้อมที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่ออย่างที่ไม่ทันตั้งตัวกันอีกด้วย จึงเป็นการดีที่สุดหากเราจะเลือกเซฟตัวเราเองไว้ด้วยการเตรียมพร้อมรับมือเมื่อวันนั้นมาถึงด้วยการวางแผนการเงินกันค่ะ ซึ่งหากในวันนี้เรายังคงทำงานอยู่ได้ตามปกติ เราก็ควรต้องตระหนักกันให้มากอยู่เสมอ และรีบลงมือเริ่มต้นวางแผนการเงินให้เร็วที่สุดกันตั้งแต่ในวันนี้ เพื่อเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเราได้ทุกเมื่อในอนาคตค่ะ ในวันนี้เราจะมาขอแนะนำให้ได้รู้จักกับตัวช่วยคุ้มครองรายได้แต่ะละตัวกันใน “4 ตัวช่วยคุ้มครองรายได้เมื่อตกงาน” ตามไปดูกันว่าจะมีตัวช่วยอะไรบ้างหากเราต้องตกอยู่ในสภาพการถูกเลิกจ้างค่ะ
เงินออม
เป็นที่ทราบกันดีว่าการมี “เงินออม” ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจทางด้านการเงินให้กับเรา ยิ่งสะสมไว้มากเราก็จะยิ่งรู้สึกอุ่นใจมาก เพราะถ้าเรามีเงินออมที่มากพอ เราก็จะมักไม่กลัวกับเหตุการณ์ทางด้นการเงินที่อาจต้องเผชิญในวันข้างหน้า แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่า “แล้วเงินออมต้องมีมากเท่าไหร่ถึงจะเรียกได้ว่ามากพอกันล่ะ?” ตรงนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความพอใจและไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของแต่ละคนกันด้วยค่ะ บางคนต้องมีหลักแสน บางคนต้องมีหลักล้านถึงเรียกว่ามีมากพอ ซึ่งในที่นี้เราก็มีทริคเล็กๆน้อยๆที่จะช่วยให้คุณมีเงินออมได้ง่ายขึ้นมาฝากกันด้วยค่ะ เริ่มต้นด้วยการเขียนลิสต์ค่าใช้จ่ายประจำเดือนของตัวเองว่ามีอะไรบ้างเพื่อที่จะหายอดรวมก่อนเลยค่ะ ขั้นต่อมาคือตั้งเป้าหมายเก็บเงิน ซึ่งโดยทั่วไปก็จะอยู่ที่ 3 - 6 เดือนของยอดค่าใช้จ่ายรายเดือนก็น่าจะพอที่จะเจองานใหม่กันแล้ว และนี่ก็คือเป้าหมายเงินออมที่คุณต้องพยายามไปให้ถึงค่ะ ขั้นตอนสุดท้ายคือ ลงมือทำทันที ซึ่งหากในวันนี้คุณยังมีงานทำ ยังมีรายได้ตามปกติกันอยู่ ก็ขอให้คุณเจียดรายได้บางส่วนคุณออกมาตั้งแต่วันนี้ เพื่อนำไปทะยอยสร้างเงินออมให้ถึงตามเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ให้ได้เร็วที่สุดค่ะ เพียง 3 ขั้นตอนง่ายๆเท่านี้ คุณก็จะมีเงินออมไว้เตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ในเบื้องต้นแล้วล่ะค่ะ และอย่างที่บอกไปว่า “เงินออม” ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งดี ฉะนั้นเมื่อไปถึงเป้าหมายกันแล้ว หากโอกาสยังมีอยู่ จะเก็บจะสร้างต่อก็เป็นเรื่องที่ดียิ่งขึ้นไปสำหรับคุณในวันข้างหน้า เพราะอย่าลืมว่าทริคที่นำมาฝากกันนี้เป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้นเองค่ะ
เงินลงทุน
เมื่อเราสะสมเงินออมได้สักก้อน ควรทำการแบ่งเงินส่วนหนึ่งออกมาเพื่อใช้สร้างอีกตัวช่วยหนึ่งในการคุ้มครองรายได้ในยามที่ตกงานนั่นก็คือเงินในส่วนที่เราเรียกว่า “เงินลงทุน” ค่ะ อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวของใครหลายๆคนกันไปเลยเมื่อพูดถึงการทำธุรกิจเพิ่มเพื่อปูทางไว้รองรับความไม่แน่นอนของหน้าที่การงานในข้างหน้า ซึ่งอาจเพราะจากปัจจัยรอบตัวของแต่ละคน ที่ทำให้มีเหมาะสม และเวลาที่เหลือได้ไม่เท่ากัน จึงทำให้เป็นเรื่องยากที่คิดจะทำธุรกิจเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาจากงานประจำที่มีอยู่ แม้ปัจจัยต่างๆจะทำให้ดูว่าเป็นเรื่องยากที่จะเริ่มต้นได้ในทันที แต่หากคุณตั้งใจจริงอยากจะเตรียมพร้อมเอาไว้เสียแต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่ได้เอาเสียเลยค่ะ ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะคำว่าการลงทุนนั้นไม่ได้มีเฉพาะแต่เรื่องของการทำธุรกิจเพียงอย่างเดียวที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้เสมอไป ยังมีการลงทุนอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องมีเงินทุนมากมาย หรือต้องทุ่มเทเวลาที่มีทั้งหมดไปเพื่อใช้ในการทำเหมือนกับการลงทุนทำธุรกิจ แต่ก็ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้ด้วยเช่นกันค่ะ นั่นก็คือการลงทุนกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น กองทุน หุ้น ฯลฯ เพราะข้อดีที่แตกต่าง และทำได้ง่ายกว่าการทำธุรกิจจึงเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่ของคุนรุ่นใหม่ที่ถึงแม้จะมีงานประจำทำกันอยู่แล้วก็ตามค่ะ
แม้การลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินทุกวันนี้จะดูเป็นเรื่องง่าย สามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยไม่ต้องมีเงินลงทุนที่มากมาย แถมยังเป็นอีกตัวช่วยในการสร้างรายได้ให้กับเราในยามที่ตกงานได้อีกด้วย จึงดึงดูดผู้คนมากมายยกขบวนเข้าไปลงทุนในรูปแบบนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้คือ แทนที่จะสร้างรายได้กลับกลายเป็นนำเงินออมไปเททิ้งอย่างน่าเสียดาย หมดเงินที่มีอยู่ไปตามๆกัน ที่เป็นเช่นนี้เพราะความคิดที่มองว่าง่ายบวกเข้ากับความโลภในตัวนั่นเองค่ะ ขาดความรู้ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการลงทุนจึงทำให้การลงทุนไม่ประสบผลสำเร็จดั่งที่ตั้งใจไว้ค่ะ ซึ่งการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินทุกประเภทจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษามาเป็นอย่างดีเสียก่อน และนำความรู้ที่มีค่อยๆฝึกหาประสบการณ์จนเกิดความชำนาญ ค่อยๆต่อยอดในการลงทุนไปเรื่อยๆ จึงจะสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงให้กับคุณในอนาคตได้ค่ะ
กองทุนประกันสังคม
กองทุนประกันสังคม ตัวนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทางด้านการเงินในยามที่เราไม่มีรายได้เพราะต้องตกงาน แน่นอนว่าในทุกๆเดือนของคุณนั้นถูกหักเงินเดือนออกเพื่อเข้าร่วมกองทุนประกันสังคม ซึ่งเงินที่ถูกหักเข้ากองทุนประกันสังคมนี้จะเกิดประโยชน์และสามารถเป็นตัวช่วยให้กับคุณในวันข้างหน้าได้หากคุณต้องตกอยู่ในสภาวะตกงานค่ะ โดยที่หากคุณมีการจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน (ถูกเลิกจ้างหรือลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลา) โดยไม่มีความผิดตามกฎหมาย กองทุนประกันสังคมจะจ่ายเงินทดแทนให้กับเรา โดยที่เราต้องไปขึ้นทะเบียนว่างงานที่สำนักจัดหางานของรัฐภายใน 30 วันหลังจากวันที่ถูกเลิกจ้างหรือลาออกค่ะ (อ้างอิงจากสำนักงานประกันสังคม https://www.sso.go.th/wpr/main)
พรบ.คุ้มครองแรงงาน
หากการที่เราต้องอยู่ในสภาวะตกงานด้วยเหตุจากการถูกเลิกจ้างที่มิได้ลาออกด้วยความสมัครใจนั้น ตามกฎหมายแล้วเราจะได้รับความคุ้มครองจากพรบ.คุ้มครองแรงงานค่ะ โดยเราสามารถหาข้อตกลงเพื่อขอรับเงินชดเชยโดยคำนวณจากอายุการทำงานของเรา ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นตัวช่วยในเรื่องรายได้ให้กับเราได้อีกทางหนึ่งจากเหตุความไม่แน่นอนของหน้าที่การงานที่ทำที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อในวันข้างหน้าค่ะ
กำจัดความไม่แน่นอนด้วยการเตรียมความพร้อม
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “4 ตัวช่วยคุ้มครองรายได้เมื่อตกงาน” คงจะช่วยให้เพื่อนๆมองเห็นประโยชน์ของการเตรียมความพร้อมไว้ก่อนที่วันนั้นจะมาถึงกันได้ดีมากขึ้นนะคะ การเริ่มรู้จักวางแผนการเงินด้วยการลงมือสะสมเงินออมตั้งแต่วันนี้ รู้จักแบ่งเงินออมบางส่วนเพื่อปล่อยให้เงินทำงานควบคู่ไปด้วย รวมถึงการเป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม และรู้ถึงการใช้สิทธิที่มีตามกฎหมายแรงงานของพรบ.คุ้มครองแรงงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤติในชีวิตยามที่ต้องตกงานให้ผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะความพร้อมคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยลดผลกระทบของความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเมื่อค่ะ
วิรัตน์
ที่ใช้ตอนนี้คือ เงินอมมที่เก็บเอาไว้ใช้ตอนแก่ละครับ เงินเอาออกมาใช้ค่อนข้างที่จะเยอะพอควรแล้วละครับ ผมใช้เวลาออมเงินก้อนนี้ตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆเลยครับ ไม่เคยคิดว่าจะเข้าไปยุ้งกะเงินก้อนนี้เลย แต่โควิด-19 ทำให้ผมต้องใช้มันครับ ตอนนี้ผมก้เอาเงินมาลงทุนเปิดร้านอาหารแล้วละครับ เพราะว่างานเก่าไปไม่รอดจริงๆ เงินเก็บก็เลยเบาบางลงละครับ
Man
@ วิรัตน์ จริงๆก็แค่ออมอย่างเดียวมันก็ไม่น่าจะพอหรอกนะ อย่างที่บทความนี้บอกอ่ะก็ต้องทำตามทั้งหมดทุกข้อนั่นแหละ เพราะถ้าออมอย่างเดียวเงินมันก็ไม่ได้งอกเงยขึ้นมาได้ และอีกอย่างมันสามารถมีวันหมดไปได้อีก เพราะฉะนั้นผมคิดว่าถ้าเป็นไปได้ก็ควรทำให้ครบทุกข้อตามที่บทความนี้แนะนำแล้วกัน ผมว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างจะดีเลยแหละ
%Manat%
ไม่มีใครอยากเจอคำนี้กับตัวเองแน่ๆครับ คำว่า "ตกงาน" เนี่ย เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ คนที่ตกงานรู้สึกว่าชีวิตช่างมืดมนหนทาง พอมาเจอบทความค่อยมีกำลังใจหน่อยที่ได้รู้ว่า เรามี “4 ตัวช่วยคุ้มครองรายได้เมื่อตกงาน” ด้วย รู้อย่างนี้ค่อยรู้สึกดีกันขึ้นมาหน่อย ดีที่สุด คือ การหางานทำใหม่ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
พงษ์ศักดิ์
ได้รับการช่วยเหลือมาจากทุกที่แล้วละครับ แต่มันก็แก้ได้ที่ปลายเหตุเท่านั้นแหละครับ ต้นตอมันไม่ได้รับการแก้ไขครับ อย่างของผมทำงานเป็นนักดนตรีครับ เงินที่ได้มาก็แค่พอใช้สำหรับเดือนนั้นครับ แต่ถามว่าหลังจากนั้นเป็นยังไง ก็กลับมาสู่วังวนเหมือนเดิมครับ ไม่มีงานทำ ที่ไม่มีงานเพราะว่าร้านโดนสั่งปิด