ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้ ทำให้หลายๆคนคงต้องเผชิญกับปัญหาภาวะหนี้สิน เนื่องจากมีเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตกันไม่เพียงพอ บางคนไม่เคยเป็นหนี้ก็เริ่มที่จะหันเข้าไปเป็นหนี้ ในขณะที่อีกหลายๆคนที่ก่อนหน้านี้มีหนี้กันอยู่แล้วก็เป็นหนี้หนักเพิ่มเข้าไปอีก เงินเดือนที่ได้รับแทบไม่ต้องเหลือใช้จ่ายสำหรับเดือนถัดไป เพราะต้องนำส่งให้กับเจ้าหนี้ในทุกๆเดือน ซึ่งหนึ่งในบรรดาภาระหนี้สินยอดฮิตที่มีอยู่ของคนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้นั้นคงหนีไม่พ้นแน่ๆกับการเป็นหนี้จากบัตรเครดิตค่ะ
คงไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากการชำระคืนหนี้ของบัตรเครดิตนั้นเกิดขึ้นจากบัตรแค่เพียงใบเดียว เพราะเราอาจได้เห็นยอดคงค้างนั้นกระเตื้องขึ้นมาบ้างจากการที่เราชำระคืนในแต่ละเดือน อีกทั้งการจ่ายชำระหนี้ในแต่ละเดือนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเงินใช้จ่ายในเดือนของเราด้วย พาให้มีกำลังใจในการชำระหนี้คืนในเดือนต่อๆไปเพราะมองเห็นแสงสว่างในการปลอดหนี้ในไม่ช้า แต่ความเป็นจริงแล้วนั้นกว่า 90% ของผู้ที่มีปัญหาหนี้บัตรเครดิตมักเกิดจากบัตรเครดิตตั้งแต่ 2 ใบขึ้นไปค่ะ ยิ่งมากใบเท่าไหร่แทบไม่ต้องพูดถึงกันเลย เพราะอาจทำให้เงินเดือนทั้งเดือนยังแทบไม่เพียงพอส่งขั้นต่ำให้กับบัตรได้ครบทุกใบเลย หรือถ้าพอก็ล่อเสียจนเหลือเงินกินใช้ทั้งเดือนแค่ไม่กี่บาท คงเป็นสถานการณ์ที่แย่น่าดูสำหรับใครที่กำลังเผชิญวิกฤติแบบนี้อยู่จริงไหมคะ? ในวันนี้เราจึงขอนำเรื่องราวดีๆที่จะช่วยให้ท่านใดที่กำลังตกอยู่ในวังวนของวิกฤติจากการเป็นหนี้จากบัตรเครดิตได้ใช้เป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การปลอดหนี้ในวันข้างหน้าได้ค่ะ กับ “เทคนิครีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ทำอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นหนี้อีก” จะะเป็นอย่างไร? มีขั้นตอนไหนกันบ้าง? ก็ขอไปติดตามได้พร้อมๆกันเลยค่ะ
จัดการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทั้งหมด
แน่นอนว่าหลายๆคนในทุกวันนี้เลือกที่จะแก้วิกฤติหนี้บัตรเครดิตนี้ด้วยการจัดการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทั้งหมดค่ะ หรือพูดให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือ การกู้เงินมาเพื่อทำการปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ทั้งหมดนั่นเอง โดยที่ธนาคารที่เราไปขอกู้เงินนั้นจะทำการปิดบัตรเครดิตให้กับเราจนหมดครบทุกใบ ซึ่งจะช่วยให้เรามียอดหนี้รวมเป็นแค่ก้อนเดียว หลังจากนั้นเราก็แค่ผ่อนชำระรายงวดในทุกๆเดือนไปตามระยะเวลาที่ได้ตกลงกับทางธนาคารค่ะ ในส่วนของการเริ่มต้นที่จะจัดการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็ไม่ยุ่งยากมากเลยค่ะ เพื่อนลองทำตามขั้นตอนที่เราจะแนะนำกันต่อไปนี้ดูนะคะ
ขั้นตอนที่แรกประมาณการหนี้บัตรเครดิตที่ทีอยู่ทั้งหมด ทำได้ด้วยการรวบรวมวงเงินบัตรเครดิตที่เป็นหนี้อยู่ทั้งหมดให้เป็นยอดรวมเดียว เพื่อที่เราจะได้นำยอดรวมทั้งหมดนี้มาทำการประเมินจำนวนวงเงินสินเชื่อที่จะนำไปขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับทางธนาคารได้ถูกต้องค่ะ
ขั้นตอนถัดมาตั้งวงเงินสินเชื่อ เมื่อได้ยอดรวมทั้งหมดของหนี้จากบัตรเครดิตกันแล้ว ที่นี้ก็มาถึงการตั้งวงเงินสินเชื่อที่จะไปขอกับธนาคารกันแล้วล่ะค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็อยากจะแนะนำให้ทุกท่านตั้งวงเงินขอสินเชื่อให้สูงกว่ายอดรวมหนี้ทั้งหมดนี้ไปสักหน่อยนะคะ เพราะโดยปกติแล้วธนาคารมักจะพิจารณาวงเงินสินเชื่อให้กับเราต่ำกว่าที่ขอกันไป ซึ่งตรงนี้อาจทำให้เราไม่สามารถปิดบัตรเครดิตได้ครบทุกใบได้ ก็ลองมองหาธนาคารอื่นๆที่สามารถให้วงเงินสินเชื่อกับเราได้ตามที่ตั้งใจไว้น่าจะเป็นการดีที่สุดค่ะ เมื่อได้เงินมาก็ให้นำเงินที่ได้มาไล่ปิดบัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูงๆไปเสียก่อน เพื่อป้องกันดอกเบี้ยจ่ายที่จะเพิ่มพูนมากขึ้นได้ในอนาคตค่ะ และในส่วนของเงินที่เหลือนั้นก็ควรนำไปวางแผนต่อว่าจะใช้จ่ายอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด
ขั้นตอนสุดท้ายหาธนาคารที่จะช่วยเรารีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ลองรวบรวมข้อมูลการขอสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคารต่างๆมาพิจารณาก่อนจะตัดสินใจเลือกกันด้วยค่ะ โดยในบางธนาคารอาจมีโปรโมชั่นต่างๆที่น่าสนใจอยู่ นอกจากนี้ก็ควรพิจารณาเงื่อนไขอื่นๆของแต่ละธนาคารประกอบด้วย เพื่อให้สอดคล้องตรงกับวัตถุประสงค์และเหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระคืนของเราค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการผ่อนชำระคืนของสินเชื่อส่วนบุคคลนี้ก็จะอยู่ที่ 18 เดือนไปจนถึง 72 เดือนค่ะ
สำรวจดูดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร
แม้ว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะช่วยทำให้เรามีภาระการชำระคืนหนี้ในแต่ละเดือนที่เบาลง เพราะเนื่องจากยอดหนี้นั้นถูกรวมเป็นก้อนเดียวจึงไม่ต้องชำระหลายทางก็จริงอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะนึกจะรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็จะทำแบบที่ไม่จำเป็นต้องสำรวจอะไรกันอีกเลย เพราะในหลายๆคนที่ทำเช่นนี้ ไม่ได้ดูให้รอบคอบก่อนนั้น ผลสุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมารีไฟแนนซ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งการทำแบบนี้นั้นนอกจากจะไม่ได้ช่วยให้ยอดหนี้ลดลงได้แล้ว ยังเป็นการเสียเวลาในการยื่นเรื่องขอสินเชื่อกันใหม่ ยื่นเอกสารใหม่ให้ต้องวุ่นวายอีกด้วยค่ะ
สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเพื่อแก้วิกฤติหนี้ของเราให้มีประสิทธิภาพและหลุดพ้นได้ไวที่สุดนั้น พลาดไม่ได้เลยก็คือเรื่องของการสำรวจดูดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารก่อนทำการตัดสินใจเลือกธนาคารใดที่จะมาทำการรีไฟแนนซ์บัตรให้กับเราด้วยค่ะ เพราะหากดอกเบี้ยจากการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลนี้ไม่ได้ต่างจากดอกเบี้ยโหดๆของบัตรเครดิตที่เรากำลังเผชิญอยู่ มันก็คงไม่ได้ช่วยอะไรกับเราได้มากเท่าไหร่ค่ะ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรทำการเปรียบเทียบดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละธนาคารกันให้ดีเสียก่อนค่ะ
วางแผนการเงิน..เพื่อสู้หนี้ที่มีอยู่ให้ได้
เมื่อเราตัดสินใจว่าจะแก้วิกฤติหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดของเรานี้ด้วยการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต และได้ทำการตรวจสอบถึงอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงการพิจารณาในเงื่อนไขต่างๆของธนาคารจนสามารถเลือกได้แล้วว่าจะใช้บริการกับธนาคารใด สิ่งที่สำคัญถัดมาที่ควรทำนั่นก็คือ การวางแผนการเงิน..เพื่อสู้หนี้ที่มีอยู่ให้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เรากลับติดหล่มหวนกลับมาเป็นหนี้กันได้อีกค่ะ ซึ่งเรื่องนี้จัดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหากพลาดไปไม่ทำการวางแผนป้องกันให้ดีไว้เสียก่อน คุณอาจเกิดหนี้อีกหลายทางเพิ่มเข้ามาได้ทุกเมื่อ จนผลสุดท้ายก็กลับไปในวังวนหนี้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต้องแตกต่างไปกว่าในรอบแรกนั่นก็คือการแก้ไขที่ยากเกินกว่าจะเยียวยาค่ะ เราจึงขอนำแนวทางการวางแผนการเงินมาฝากให้กับเพื่อนๆอีกสักเล็กน้อย เพื่อจะช่วยไม่ให้เกิดหนี้ขึ้นมาได้อีกนั่นก็คือ รู้จักทำบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของเราให้ดีมากขึ้น หากพบว่ามีรายรับน้อยกว่ารายจ่ายก็ควรตั้งเป้าหมายเพื่อให้มีรายได้เพิ่มมากกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้ได้ค่ะ
นอกจากที่กล่าวไปแล้วยังควรทำการแยกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็นออกจากกัน พยายามตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด อาจมีบางสำหรับรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อสนองความต้องการของเรา แต่ทั้งนี้ก็ควรระวังที่จะให้เป็นไปอย่างพอดีและมีสติ เพราะหากสามารถจำกัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปได้ นั่นหมายความว่าเราจะมีเงินเหลือทุกเดือนอย่างแน่นอนค่ะ อีดกทั้งควรวางแผนสร้างเงินออม เมื่อสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็ควรสร้างเงินออมให้มีเพิ่มพูนมากขึ้นด้วยการนำเงินออมไปต่อยอดให้เกิดผลตอบแทนที่งอกเงย ที่สำคัญก็อย่าลืมแบ่งเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินด้วยของเราด้วย
วิกฤติหนี้.. หลุดพ้นได้.. ขอเพียงตั้งใจจริง
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “เทคนิครีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ทำอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นหนี้อีก” คงช่วยให้เพื่อนๆที่กำลังเผชิญวิกฤติทางการเงินกับการเป็นหนี้บัตรเครดิตได้มีกำลังใจสู้กับเรื่องนี้ต่อไปได้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหมคะ แม้ว่าสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้จะทำให้เงินเป็นสิ่งที่หายากก็จริงอยู่ แต่ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ ขอเพียงเรามีความตั้งใจจริง ไม่ท้อแท้หมดหวังกันไปเสียก่อน ก็เชื่อได้เลยค่ะว่าไม่ว่าจะเป็นวิกฤติการเงินหรือวิกฤติไหนๆมันก็ไม่ยากเกินความพยายามของคนเราเป็นแน่ค่ะ
Omar
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะรู้สึกว่าการรีไฟแนนซ์เนี่ยถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่อาจจะดูเหมือนว่าทำให้เราพ้นแต่ละงวดแต่ละเดือนน้อยลงแต่ที่จริงแล้วคนที่ได้รับประโยชน์จริงๆก็เป็นทางธนาคารเพราะทางโน้นก็ส่งเงินจากเราได้นานขึ้นก็คือเราอาจจะผ่อนได้ต่อเดือนน้อยลงแต่ว่าถ้ารวมทั้งต้นทั้งดอกที่เราต้องจ่ายเนี่ยน่าจะสูงกว่าเงินต้นในช่วงแรกๆอีกด้วยซ้ำค่ะ
Peera
@ Omar ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับคุณเท่าไหร่ เพราะว่าการรีไฟแนนซ์ผมว่ามันช่วยคนที่เป็นหนี้หลายๆก้อนได้มาก คุณลองเปรียบเทียบดูสิครับว่าถ้ามีหนี้บัตรเครดิตหลายที่จะมีดอกเบี้ยประมาณเท่าไหร่ ผมลองเอามาคำนวณดูแล้ว มันเยอะกว่าการที่คุณไปรีไฟแนนซ์ซะอีก อีกอย่างบทความนี้แนะนำก็ดีมากครับที่บอกให้เราเลือกธนาคารดูดอกเบี้ยถูกเวลารีไฟแนนซ์ ผมว่าเป็นทางออกที่ดีนะสำหรับคนมีหนี้เยอะๆ
ชมพูชมพู่
"การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทั้งหมด พูดให้เข้าใจกันง่ายๆก็คือ การกู้เงินมาเพื่อทำการปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ทั้งหมดนั่นเอง" อ่านเจอประโยคนี้ เราเข้าใจชัดเจนละค่ะ คนที่มีบัตรเครดิตหลายๆใบจนจ่ายเงินไม่ทันแล้วต้องมารีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเนี่ย มีเยอะมั้ยอะคะ เป็นเราคงเครียดมากอะ ถ้ามีหนี้เยอะแบบวนไปวนมาอย่างนี้
Tanakorn70
ถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบต้องจัดรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตละครับ ได้จบเรื่องการเป็นหนี้บัตรเครดิตแบบวนไปวนมาหลายๆใบ หมุนเงินจ่ายกันไม่ทันหรอก รีไฟแนนซ์ซะแล้วหาเงินมาจ่ายที่เดียวให้จบไปเลย อย่างตอนท้ายของบทความที่สรุปเอาไว้ให้ว่า ความตั้งใจจริงจะทำให้คนที่เป็นหนี้หลุดพ้นได้ หากชำระหนี้หมดแล้ว ก็พักการช้อปก่อนนะครับ
cactus
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบเนี่ยจะเป็นยังไง น่าจะเครียดน่าดูแล้วก็นอนไม่หลับด้วย เอาเป็นว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปสร้างหนี้สร้างสินเลย ช่วงนี้เงินมันไม่ได้หากันง่ายๆ แถมเงินเฟ้อต่างหาก บัตรเครดิตถ้ามี เราคิดว่ามีแค่ใบเดียวก็น่าจะพอแล้ว เวลาใช้ก็เก็บเงินหยอดใส่กระปุก แล้วเวลาที่บิลมาเก็บก็ค่อยเอาเงินตรงนั้นน่ะมาจ่าย มันจะทำให้เราไม่เป็นหนี้หัวบาน
อชิรุทธิ์
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตโดยการ รวมเอาหนี้ของหลายๆไปมาไว้ที่เดียวกัน มันทำให้เราเป็นหนี้เจ้าเดียว เสียดอกเบี้ยลงน้อยกว่าเดิมก็จริง แต่สำหรับผมคิดว่า คนที่คุ้นเคยกับการสร้างหนี้ โดยเฉพาะคนที่มีบัตรหลายๆใบ มันจะกลับมาแบบเดิมครับ คือหาจ่ายที่ไปรีไฟแนนซ์ไม่ได้ เพราะว่าไม่มีวินัยกับตัวเองเหมือนตอนที่เป็นหนี้เยอะๆนั้นแหละครับ