เมื่อมีประกันสุขภาพคอยดูแลยามเจ็บป่วยคงเป็นเรื่องที่ดีมากเลยนะคะ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ถ้าใช้ประกันสุขภาพในกรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อยพบหมอ รับยา แล้วกลับบ้านได้ ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากซับซ้อนแค่ยื่นบัตรประกันสุขภาพก็จบ ไม่ต้องสำรองจ่ายเพราะเป็นเงินไม่มาก แต่จะว่าอย่างไรถ้าในกรณีที่เจ็บป่วยหนักต้องนอนโรงพยาบาล ต้องพักห้องพิเศษ เช่น ห้อง ICU / CCU หรือมีการใช้ห้องผ่าตัด ค่ายา ค่าหมอ และอื่นๆ ค่าใช้จ่ายจากค่ารักษาเหล่านี้คงไม่ใช่น้อยๆแน่นอน แล้วประกันสุขภาพของคุณคุ้มครองแบบไหน?
มีประกันสุขภาพแล้วก็ต้องเช็คเงื่อนไขความคุ้มครองให้รอบคอบด้วยนะคะ เพื่อลดความเข้าใจผิด และเรื่องผิดพลาดต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้ารับการรักษาในกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน เรื่องสำคัญที่ต้องศึกษาคือ เมื่อต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลคุณต้องสำรองจ่าย หรือ สามารถขอ Fax Claim ได้? นี่คือคำถามที่ต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนจะเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นมานะคะ ดังนั้นเมื่อเลือกซื้อประกันสุขภาพควรพิจารณาเงื่อนไขเหล่านี้ก่อนซื้อจะดีที่สุดค่ะ บทความนี้จะมาอธิบายให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่า การสำรองจ่าย กับ Fax Claim นั้นมีความหมายว่าอย่างไร? เมื่อเข้าใจแล้วจะช่วยให้คุณเลือกซื้อประกันสุขภาพที่ให้ประโยชน์กับคุณได้มากที่สุดค่ะ
สำรองจ่ายคือ
การสำรองจ่าย คือ เมื่อคุณเข้ารับการรักษาในกรณีที่เป็นผู้ป่วยในแล้วประกันสุขภาพที่คุณมีไม่สามารถ Fax Claim ได้ในตอนนั้นเพราะเงื่อนไขบางอย่าง คุณจึงต้องจ่ายเงินของตัวเองให้กับโรงพยาบาลไปก่อนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายตามจริงทั้งหมดที่โรงพยาบาลเรียกเก็บมา แล้วจึงค่อยนำเอกสารการรักษาจากโรงพยาบาลไปยื่นขอเงินค่าสินไหมจากบริษัทประกันภายหลัง ซึ่งปกติแล้วประกันสุขภาพทุกๆกรมธรรม์สามารถทำการ Fax Claim ได้แต่ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทประกันกำหนด ถ้าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็จะทำให้ไม่สามารถขอ Fax Claim ได้นั้นเองค่ะ เงื่อนไขอะไรบ้าง? อย่างเช่น ระยะเวลาในการทำประกันสุขภาพที่สามารถขอ Fax Claim ได้ / โรงพยาบาลที่สามารถขอ Fax Claim ได้ / ค่าใช้จ่ายพิเศษบางอย่างที่ยกเว้นไม่สามารถขอ Fax Claim ได้ เป็นต้น ดังนั้นก่อนซื้อประกันสุขภาพ และเข้ารับการรักษาเมื่อเจ็บป่วยควรศึกษาเงื่อนไขเรื่องนี้ให้ละเอียดก่อนนะคะ เพื่อจะได้ไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋าของคุณเอง
Fax Claim คือ
Fax Claim คือ เมื่อคุณเข้ารับการรักษาในกรณีที่เป็นผู้ป่วยใน คุณไม่ต้องสำรองจ่ายเงินของตัวเองให้กับโรงพยาบาลเลย ทางบริษัทจะเป็นคนจัดการค่ารักษาพยาบาลให้คุณเอง นอกเสียจากว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่เกินกว่าวงเงินคุ้มครองที่คุณต้องจ่ายเอง การขอ Fax Claim นั้นสร้างความสะดวกให้กับคุณมากกว่าการสำรองจ่าย เพราะคุณไม่ต้องตระเตรียมเอกสาร และไม่ต้องเดินทางไปยื่นแก่บริษัทประกัน แต่จะเป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลเองที่จะติดต่อกับบริษัทประกันแทนคุณค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วประกันสุขภาพสามารถขอ Fax Claim ได้ แต่ก็ต้องทำตามเงื่อนไขของประกันสุขภาพที่คุณซื้อด้วยค่ะ เมื่อทำตามเงื่อนไขทุกอย่างเรื่องการขอ Fax Claim ก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ
Fax Claim เป็นวิธีที่ดีมากกว่าการสำรองจ่ายแน่นอน แต่ถ้าหากคุณอยากใช้วิธีนี้คุณก็ต้องเข้าใจเงื่อนไของกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่คุณซื้อเป็นอย่างดีด้วยนะคะ เพราะการขอ Fax Claim นั้นมีข้อยกเว้นที่บริษัทสามารถปฏิเสธไม่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลให้คุณได้ด้วย อย่างเช่น คุณไปใช้บริการ ณ โรงพยาบาลที่ไม่ร่วมรายการ / คุณเข้ารับการรักษาด้วยโรค หรืออาการที่ประกันไม่คุ้มครอง ถ้าเกิดกรณีแบบนี้คุณก็คงไม่สามารถขอ Fax Claim ได้เลยทำได้แค่เพียงสำรองจ่ายไปก่อน แล้วต้องรวบรวมเอกสารไปเคลียร์กับบริษัทประกันภายหลังซึ่งคงเป็นเรื่องยุ่งยากมาเลยทีเดียว ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เสียสละเวลาศึกษาเงื่อนไขสักหน่อยเถอะนะคะ
มีประกันสุขภาพเป็นทางเลือกที่ดี...แต่เงื่อนไขเรื่องค่าใช้จ่ายก็ต้องเช็คให้ดีด้วย
ทุกวันนี้มีโรคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ทั้งโรคร้าย โรคระบาด หรือแม้กระทั่งโรคประจำตัวของแต่ละคน หรือการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าใครมีประกันสุขภาพก็หายห่วง เพราะนอกจากจะคุ้มครองคอยดูแลยามเจ็บป่วยแล้ว ยังช่วยให้คุณดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีมากขึ้นก่อนเจ็บป่วยด้วยซ้ำ เพราะประกันสุขภาพบางตัวก็คุ้มครองการตรวจสุขภาพด้วย ทำให้คุณดูแลเอาใจใส่สุขภาพของตัวเองได้อย่างสม่ำเสมอเลยค่ะ ลองคิดดูว่าถ้าคุณไม่มีประกันสุขภาพก็มีคนส่วนน้อยมากๆที่จะเห็นความสำคัญของการไปตรวจสุขภาพ เพราะมีความคิดว่าเป็นการเสียเงินโดยใช่เหตุ ดังนั้นประกันสุขภาพจึงมีประโยชน์มากกว่าที่คิดนะคะ เมื่อเห็นถึงประโยชน์แล้ว คุณจะใช้ประโยชน์จากประกันสุขภาพได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อคุณทำตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่คุณมีนะคะ ประกันสุขภาพนั้นมีเงื่อนไขค่อนข้างซับซ้อน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องศึกษาให้ดีศึกษาอย่างละเอียด แล้วประโยชน์จากประกันสุขภาพคุณจะได้รับเต็มๆแน่นอนค่ะ
Beem
ไม่รู้เลยนะเรื่องนี้ ทั้งๆที่เราเองก็มีประกันสุขภาพ เรื่องของประกันบางทีก็รู้ไม่หมดหรอกนะทแต่บางอย่างไม่รู้ก็ได้ รู้เยอะปวดหัว ขนาดเราไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เราก็เคลมประกันสุขภาพมาได้ไม่มีปัญหา แต่ก็อยากรู้บ้างว่ามันอะไรยังไง แต่อ่านไปแล้วพอผ่านไปก็ลืมอีกอยู่ดี เรื่องประกันถ้าไม่ใช่ตอนที่ต้องใช้ก็ไม่หาข้อมูล 555
Winnn
@Beem แสดงว่าคุณไม่เคยต้องสำรองจ่ายไงครับ คุณก็เลยไม่ได้รู้เรื่องนี้ แต่ผมว่าคนที่มีประกันสุขภาพแล้วเข้าโรงพยาบาลแบบว่าต้องสำรองจ่ายบ้างบางครั้ง คงจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีว่ามันมี 2 แบบ คงจะเริ่มหาข้อมูลแล้วล่ะครับว่ามันมีแบบนี้ด้วยหรอ มีประกันสุขภาพแต่ต้องสำรองจ่าย บอกเลยครับว่ามันมีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้นได้ด้วย
พีระพัฒน์
Fax Claim เป็นการที่ยืนขอคุ้มครองโดยที่เราไม่ต้องเดินเรื่องเองทางโรงพยาบาลจะเป็นคน เดินเรื่องให้กับเราเอง แบบนี้ก็ดีนะครับ ป่วยก็ป่วยแล้วจะมาให้เดินเรื่องแคลมค่ารักษา ผมว่ามันไม่น่าใช่นะครับ แต่เห็นบทความนี้บอกว่า เวลาที่เคลมก็มีข้อยกเว้นด้วยใช่ไหมครับ เห็นว่าถ้าป่วยด้วยบางโรคที่ประกันไม่คุ้มครองเขาไม่จ่ายให้
ภาสิกา..นะคะ
การที่เราสำรองจ่ายเงินของตัวเองให้กับโรงพยาบาลไปก่อนตามที่โรงพยาบาลเรียกเก็บมา แล้วค่อยนำเอกสารการรักษาจากโรงพยาบาลไปยื่นขอเงินค่าสินไหมจากบริษัทประกันภายหลัง การทำอย่างนี้เรียกว่า Fax Claim ถูกมั้ยคะ? มีคำเรียกเฉพาะด้วยเหรอเนี่ย เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยค่ะ ได้รู้จักคำศัพท์ที่เกี่ยวกับประกันเพิ่มขึ้นอีกคำนึงละ
ชนิสา
เราเคยแล้วละคะ ทำประกัน สุขภาพเอาไว้คะ แต่เขาก็คุ้มครองอุบัติเหตุด้วย แต่ในสัญญาบอกว่าเราต้องสำรองจ่ายไปก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขามีข้อแม้แบบนี้ ทำไมไม่จ่ายไปเลยต้องให้เราออกไปก่อนทำไม เพราะท้ายที่สุดแล้วประกันก็ต้องจ่ายเงินคืนให้เราอยู่ดี งงคะ แต่ก็ต้องจ่ายไปก่อนไม่งั็นก็จ่ายเองไปเลย เราก็จ่ายก่อนแล้วเคลมสิคะ
กุลณัฐ
หลายคนกลัวกับคำว่าสำรองจ่ายนะคะ พอได้ยินแบบนี้ก็คิดว่าทางประกันเขาไม่คุ้มครองแน่ๆ อันที่จริงไม่ต้องกังวลไปหลอกคะ เราได้เงินคุ้มครองส่วนที่เราจ่ายคืนไปแน่นอนคะ อย่างของเราก็สำรองจ่ายไปก่อน เพราะว่าการรักษาค่อนข้างใช้เวลานานกว่าที่เราแพทย์คิดเอาไว้ แล้วกังวลว่าจะได้คุ้มครองไหม แต่ ส่งเรื่องแคลมก็ได้เงินกลับคืนมาคะ
จุ๊บจุ๊บ
พออ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ต้องคิดดีๆเกี่ยวกับการเลือกทำประกันเลย สงสัยคงต้องหาแบบที่ไม่ต้องสำรองจ่ายจะดีที่สุด แบบนี้รู้สึกวุ่นวายต้องมานั่งเตรียมเอกสารปวดหัว อีกอย่างเสี่ยงมากถ้าบริษัทประกันบอกว่ากรณีแบบนี้ไม่สามารถเคลมได้ ถ้าเคลมไม่ได้ตายแน่ๆเลย ไหนๆก็เสียเงินจ่ายค่าเบี้ยเเล้วก็เลือกที่มันคุ้มครองครบจบไปเลยดีกว่า แบบไม่ต้องสำรองจ่ายดีที่สุด