การขับขี่บนท้องถนนอาจช่วยให้เราสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมก็จริง โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มาพร้อมความคล่องตัวสุดๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการเก็บสถิติ 7 วันอันตรายช่วงปี 2564 และ 2565 พบว่ายานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือรถมอเตอร์ไซค์ คิดเป็นจำนวนกว่า 85.80% เลยทีเดียว ดังนั้น หากถามว่าประกัน รถ มอเตอร์ไซค์ ต้องซื้อมั้ย เราขอตอบเลยว่าต้องซื้ออยู่แล้วแน่นอน แต่ประกันมอเตอร์ไซค์จะมีอะไรบ้าง แต่ละตัวคุ้มครองอะไร ถ้าไม่ซื้อแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เราจะมาทุกคนไปดูกัน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เรื่องต้องรู้ก่อนทำประกันมอเตอร์ไซค์ ที่นี่

ประกัน รถ มอเตอร์ไซค์ ต้องซื้อมั้ย ประกันของรถมอเตอร์ไซค์มีอะไรบ้าง

ประกัน รถ มอเตอร์ไซค์ ต้องซื้อมั้ย ประกันของรถมอเตอร์ไซค์มีอะไรบ้าง

ประกัน รถ มอเตอร์ไซค์ ต้องซื้อมั้ย คำตอบก็คือต่อให้เราต้องการจะซื้อหรือไม่ สุดท้ายแล้วยังไงเราก็ต้องซื้ออยู่ดี เพราะประกันมอเตอร์ไซค์คือกรมธรรม์คุ้มครองในการดูแลทั้งทรัพย์สิน ร่างกาย และชีวิตของผู้ทำประกัน รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาลจากการเกิดอุบัติเหตุผิดด้วย เราสามารถแบ่งประกันของมอเตอร์ไซค์ออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน ประกอบไปด้วย

1. ประกันภาคบังคับ หรือที่เราเรียกกันว่าพรบ.

การขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนมีกฎหมายบังคับให้ยานพาหนะทุกชนิดจะต้องทำประกันภัย ไม่เว้นแม้กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์ก็ตาม และเมื่อประกันภัยพรบ. หมดอายุเรียบร้อยแล้ว ถ้าเราไม่ต่ออายุก็ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย มีค่าปรับที่ต้องเสีย

2. ประกันภาคสมัครใจ

เป็นประกันที่เราสามารถซื้อเพิ่มได้ตามความต้องการ จะซื้อ หรือไม่ซื้อก็แล้วแต่เลย ถ้าซื้อไว้ก็จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มขึ้นเมื่อเราประสบอุบัติเหตุ แถมยังมีให้เลือกอีกหลายชั้น หลายกรมธรรม์เลยทีเดียว แถมยังมีการแบ่งประเภทประกันตามประเภทรถมอเตอร์ไซค์ของเราอีกด้วย อย่างเช่น รถมอเตอร์ไซค์ธรรมดาทั่วไป หรือรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์

ทำความรู้จักกับพรบ. ประกันมอเตอร์ไซค์ภาคบังคับที่ทุกคนต้องมี

ทำความรู้จักกับพรบ. ประกันมอเตอร์ไซค์ภาคบังคับที่ทุกคนต้องมี

พรบ.เป็นประกันภัยยานพาหนะบนท้องถนนที่รวมถึงรถจักรยานยนต์ด้วย มีชื่อแต่ว่าพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ไม่ว่าเราจะเต็มใจหรือไม่ก็ต้องซื้อประกันตัวนี้เอาไว้ เพราะมีกฎหมายระบุชัดเจนว่ารถที่ผ่านการจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก จะต้องมีการทำประกันพรบ.ติดไว้เสมอ เป็นหลักประกันความคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุ ให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยจากอุบัติเหตุด้วย ช่วยให้เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเมื่อประสบอุบัติเหตุในอนาคต  ความคุ้มครองมีดังนี้

1. คุ้มครองความเสียหายเบื้องต้น

อย่างเช่น ถนนลื่นจนทำให้รถล้ม ขับรถไปพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าจนบาดเจ็บ มีแมววิ่งตัดหน้ารถ กรณีบาดเจ็บ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุด 30,000 บาทต่อคน กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพ คุ้มครองสูงสุดคนละไม่เกิน 35,000 บาท หากมีความเสียหายทั้ง 2 กรณี เมื่อเบิกรวมกันแล้วจะต้องเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 65,000 บาทต่อคน

2. คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุ

หากเราเป็นฝ่ายกระทำความผิด พรบ.จะคุ้มครองค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับผู้ที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วย หากเราเป็นฝ่ายถูกก็สามารถเบิกพรบ.จากผู้ที่กระทำความผิดได้เลย ประกอบไปด้วย ค่ารักษาพยาบาลจำนวนเงินคนละไม่เกิน 80,000 บาท กรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ วงเงินคุ้มครองคนละไม่เกิน 500,000 บาท หากนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จะได้รับเงินชดเชยวันละ 200 บาท ติดต่อกันสูงสุดไม่เกิน 20 วัน

ประกันภาคสมัครใจแต่ละชั้นของรถจักรยานยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง

ประกันภาคสมัครใจแต่ละชั้นของรถจักรยานยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง

!https://www.answerfinancial.com/insurance-center/wp-content/uploads/2020/03/Motorcycle-Insurance.jpg

ประกันของรถจักรยานยนต์จะมีความแตกต่างจากประกันของรถยนต์ ตรงที่หากเป็นประกันชั้น 1 จะสามารถทำได้เฉพาะรถจักรยานยนต์ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีลงไป เครื่องยนต์ต้องไม่เกินไปกว่า 250 cc เท่านั้น แต่สำหรับคนที่ขับขี่บิ๊กไบค์ไม่ต้องกังวลไป เพราะปัจจุบันมีประกันภาคสมัครใจที่ให้ความคุ้มครองรถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์มากกว่า 250 cc เช่นกัน และเรายังสามารถแบ่งชั้นประการได้เหมือนกับประกันรถยนต์อีกด้วย ดังนี้

  • ชั้น 1 ประกันจะให้ความคุ้มครองกรณีสินทรัพย์ หรือชีวิตได้รับความเสียหายทั้งผู้เอาประกัน รวมถึงคู่กรณี และให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุกรณีที่ไม่มีคู่กรณี อย่างเช่น ขับรถชนกับวัตถุ ถนนลื่นจนทำให้รถล้ม และยังประกันกรณีสูญหาย หรือเกิดเหตุเพลิงไหม้อีกด้วย
  • ชั้น 2+ ประกันจะให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน และชีวิตของผู้เอาประกัน รวมถึงคู่กรณี ให้ความคุ้มครองกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม หรือมอเตอร์ไซค์สูญหาย แต่จะไม่คุ้มครองกรณีที่มีอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณีเท่านั้น พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือจะคุ้มครองอุบัติเหตุกรณีที่ชนกับยานพาหนะที่สัญจรทางบกเท่านั้นนั่นเอง
  • ชั้น 3+ ประกันจะให้ความคุ้มครองเหมือนกับชั้น 2 ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาก็คุ้มครองทั้งผู้เอาประกัน รวมถึงคู่กรณี แต่จะไม่คุ้มครองอุบัติเหตุในกรณีที่ไม่มีคู่กรณีเหมือนชั้น 2+ รวมถึงไม่ครอบคลุมการคุ้มครองกรณีสูญหาย หรือเกิดเหตุเพลิงไหม้ด้วย
  • ชั้น 3 เป็นประกันรถจักรยานยนต์ที่มีความคุ้มครองจำกัดที่สุด จะคุ้มครองความเสียหายเฉพาะที่เกิดขึ้นกับชีวิต และทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผู้เอาประกัน กรณีสูญหาย หรือเกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่หากผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในรถประกันเสียชีวิต กรณีนี้ประกันจะยังคงให้ความคุ้มครองอยู่

เพราะเหตุใดเราจึงควรทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ด้วย

จักรยานยนต์เป็นยานพาหนะทางบกที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุง่ายที่สุด และมากที่สุด การที่เราไม่ได้ทำประกันภาคสมัครใจเอาไว้ ถึงจะมีประกันภาคบังคับที่เราต้องทำเป็นประจำเวลาต่อทะเบียนรถก็ตาม แต่บอกเลยว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาทีนึง รายจ่ายที่ตามมาจะได้ไม่คุ้มเสียอย่างแน่นอน หลายคนมองว่าเราไม่จำเป็นต้องทำประกันรถมอเตอร์ไซค์ เพราะมันไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับเราได้เทียบเท่ากับรถยนต์ แต่หลายคนลืมคำนึงว่ารถที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดก็คือรถจักรยานยนต์นั่นเอง

เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา สิ่งที่จะตามมาเป็นอย่างแรกเลยก็คือรถได้รับความเสียหาย ผู้ขับขี่ หรือผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ กรณีที่หนักหน่อยเป็นการชนกันระหว่างมอเตอร์ไซค์ทั้งคู่ อาจมีใครคนใดคนหนึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวถึงขั้นต้องเสียชีวิตลงได้เหมือนกัน ยังไม่รวมไปถึงการที่เราขับรถมอเตอร์ไซค์ซุกไซร้ไปตามสถานที่ต่างๆ แล้วไปชนเข้ากับรถหรู บอกเลยว่าราคาค่าซ่อมอาจทำให้เราหมดตัวกันเลยทีเดียว ถ้าเราต้องการเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยในการขับขี่สัญจรบนท้องถนนมากขึ้นกว่าเดิม ประกันมอเตอร์ไซค์ก็ถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์อีกตัวหนึ่งที่คุณควรมีติดรถเอาไว้

สรุปแล้ว ประกัน รถ มอเตอร์ไซค์ ต้องซื้อมั้ย คำตอบก็คือเราต้องซื้ออยู่แล้ว เพราะมันมีประกันภาคบังคับที่เราต้องทำอย่างพรบ. ถ้าไม่ทำก็ไม่สามารถต่อทะเบียนรถได้ รถก็ไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนประกันภาคสมัครใจก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะทำหรือเปล่า สำหรับใครที่ยังลังเล มองว่าประกันรถมอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เราอยากให้ลองพิจารณาใหม่อีกสักครั้งนึง เพราะประกันมอเตอร์ไซค์ราคาค่อนข้างประหยัดอยู่แล้ว เชื่อได้เลยว่าหากมีเอาไว้จะช่วยให้การขับขี่ของคุณอุ่นใจมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง