การวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกเพศวัยที่แม้แต่ในวัยเด็กก็ควรมีการปลูกฝังเรื่องนี้มาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะเป็นทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคตซึ่งการวางแผนการเงินทำขึ้นก็เพื่อลดความเสี่ยงต่าง ๆ ในชีวิตรวมถึงการลดหย่อนภาษีซึ่งจะขอเอ๋ยถึงการซื้อประกันสุขภาพ มาลดหย่อนภาษีคุ้มมั้ย สิ่งนี้อาจจะเป็นคำถามในใจใครหลายคนที่ยังไม่ได้คำตอบซึ่งเราจะไปคุณไปค้นหาพร้อมกัน
ประกันสุขภาพ คืออะไร
ก่อนอื่นเลยมาทำความเข้าใจประกันสุขภาพกันเสียก่อนว่าคืออะไร โดยประกันสุขภาพ คือ ประกันที่ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นแก่ผู้เอาประกันไม่ว่าจะเกิดมาจากการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือเจ็บป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล หรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่มาจากอาการเจ็บป่วยทั่วไปแล้วพบแพทย์เพื่อกลับบ้านซึ่งต่างจากจากประกันชีวิตที่ไม่คุ้มครองค่าสินไหมเมื่อเราเข้ารักษาที่โรงพยาบาล
ซื้อประกันสุขภาพ มาลดหย่อนภาษีคุ้มมั้ย
สำหรับใครที่กำลังวางแผนนำประกันสุขภาพมาช่วยลดหย่อนภาษีคุ้มมั้ยนั้น ก็ต้องมาดูเงื่อนไขของประกันว่าสามารถลดหย่อนอะไรบ้าง โดยเงื่อนไขประกันสุขภาพที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ดังนี้
- ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การชดเชยทุพพลภาพ และการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
- ประกันอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับ การรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
- ประกันภัยโรคที่ร้ายแรง
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว
โดยสามารถแบ่งการซื้อประกันสุขภาพเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีในแต่ละปีได้ 2 กรณีหลัก ๆ คือ
- เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง คือการที่ผู้ทำประกันทำประกันสุขภาพให้ตัวโดยสามารถนำเบี้ยที่ทำประกันไว้ไปหักลดหย่อนภาษีที่จ่ายตามจริงสูงสุดได้ไม่เกิน 25,000 บาท แต่ในกรณีที่ทำประกันสุขภาพร่วมกับประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี หรือทำร่วมกับประกันชีวิตแบบบำนาญที่นำเบี้ยไปรวมกับการหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ หรือคู่สมรส ซึ่งนอกเหนือจากประกันตัวเองแล้วก็ยังมีเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เช่นกันซึ่งจะจ่ายตามจริงได้สูงสุดไม้เกิน 15,000 บาท คือ ลดหย่อนพ่อได้ไม่เกิน 15,000 บาท ลดหย่อนแม่ได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยจะมีเงื่อนไขว่า รายได้ของพ่อแม่ต้องไม่เกิน 30,000 บาทต่อปีจึงจะนำมาลดหย่อนภาษีได้
4 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพ
ต่อมาจะเน้นย้ำ 4 ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อประกันสุขภาพเพราะค่อนข้างมีความสำคัญเนื่องจากในบางครั้งซื้อมาแล้วไม่ตอบโจทย์ความต้องการ เบิกเคลมบางข้อไม่ได้จริง หรือเกินความจำเป็นที่ต้องซ์้อซึ่งควรมีการทบทวบแต่ละข้อก่อนทุกครั้งก่อนตัดสินใจ ดังนี้
1. ความเสี่ยงในชีวิตด้านสุขภาพ
โดยให้ลองประเมินการใช้ชีวิตมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ มีสิ่งแวดล้อม สภาพการทำงาน สถานที่อยู่อาศัยว่ามีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพแค่ไหน ถ้าหากเจ็บป่วยรุนแรงแล้วมีผลกระทบรุนแรงต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินเท่าไรและต้องพักรักษาต่อเนื่องนานแค่ไหนซึ่งการประเมินนี้จะช่วยให้คุณเห็นความเสี่ยงว่ามีมากน้อยเพียงใดที่จะกระทบสุขภาพของคุณ
2. สวัสดิการ/สิทธิ์การรักษาที่มีในปัจจุบัน
เช่น สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทองซึ่งเป็นสิทธิ์ที่คนไทยทุกคนได้รับ แต่หากเป็นคนทำงานอาจจะมีสิทธิ์ประกันสังคม ประกันกลุ่มเข้ามา หรือหากเป็นราชการก็จะมีสิทธิข้าราชการในการรักษาซึ่งให้ลองประเมินเบื้องต้นก่อนว่าสิทธิ์ที่มีอยู่ตอนนี้ครอบคลุมความเสี่ยงหรือยัง เช่นใครที่ต้องการวิธีการรักษาโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัย หรือใช้ยาบางรายการที่ไม่สามารถเบิกได้ หรือต้องการคุณภาพห้องพักที่ดีกว่า การพิจารณาซื้อสุขภาพเพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการเพิ่มในส่วนนี้ได้
3. ความคุ้มครองต้องเหมาะสม
เพราะหากคุณเลือกซื้อประกันสุขภาพเพื่อมาตอบโจทย์สวัสดิการที่มีอยู่ให้ได้รับการรักษา หรือครอบคลุมความต้องการมากขึ้นการคุ้มครองต้องเหมาะสม โดยควรศึกษารายละเอียดดังนี้ - ค่าเบี้ยประกันภัย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับช่วงอายุ เพศและประวัติส่วนตัวที่จะนำมาพิจารณาค่าเบี้ยประกันซึ่งยิ่งอายุน้อยเบี้ยประกันจะค่อนข้างถูก โดยแนะนำให้จ่ายเบี้ยประกันแบบรายปีเพราะค่อนข้างจะถูกกว่าชำระแบบรายเดือน - รายละเอียดความคุ้มครอง ที่จะต้องศึกษาแต่ละเงื่อนไขอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพราะมีประกันสุขภาพหลากหลายประเภททั้งประกันสุขภาพเหมาจ่ายตามจริง ประกันสุขภาพจ่ายตารางที่กำหนด รวมถึงเงื่อนไขสุขภาพว่าคุ้มครองทั้งหมดจริง หรือมีการยกเว้นบางกรณีระบุอยู่เพื่อที่ในอนาคนหากเราต้องเข้ารับการรักษาสามารถเบิกเคลมประกันได้จริง า - วงเงินคุ้มครอง ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยนอกจะมีการกำหนดวงเงินต่อครั้งต่อโรคและวงเงินต่อปี รวมถึงวงเงินสูงสุดที่สามารถเบิกจ่ายได้เท่าไร่
ตัวอย่าง หากคุณไม่สบายบ่อย มักเข้ารับการรักษาโดยไม่นอนโรงพยาบาล ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันกลุ่มที่ให้เบิก OPD ครั้งละ 1,300 บาท แต่อยากได้เพิ่มเป็นครั้งละ 3000 ก็อาจจะทำประกันสุขภาพแบบ OPD เพิ่มในวงเงินที่ต้องการอีก 1,700 บาทเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการ โดยไม่เพิ่มในส่วน IPD ก็ได้ หรือหากคุณต้องการวงเงินเพิ่มในส่วนของการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก็อาจจะพิจารณาในส่วนของค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน IPD ในส่วนของค่าห้อง ค่ายา รวมถึงค่าเครื่องมือทางการแพทย์ที่อาจจะเพิ่มวงเงินความคุ้มครองให้สูงขึ้นเพื่อรับการบริการโดยใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ได้ห้องพักแบบเดี่ยวที่อำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้พักและผู้เข้าเยี่ยม
4. เงื่อนไขการรับประกันและเรียกร้องสินไหม
เป็นสิ่งที่เน้นย้ำมาเสมอว่าควรศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพเพราะบริษัทประกันแต่ละแห่งอาจมีเงื่อนไขในการเรียกร้องสินไหมที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ข้อยกเว้นในกรมธรรม์เรื่องการไม่คุ้มครองโรคต่าง ๆ รวมถึงระยะเวลารอคอยที่ประกันภัยยังไม่คุ้มครองหลังจากกรมธรรม์อนุมัติ หรืออาจจะรวมถึงวิธีเรียกร้องสินไหมที่อาจจะมีช่องทางในการใช้เรียกร้องสินไหมแตกต่างกันออกไป
อ่านมาถึงตรงนี้ หากซื้อประกันสุขภาพ มาลดหย่อนภาษีคุ้มมั้ย ? ตอบได้เลยว่า คุ้ม หากคุณได้ทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาทั้งหมดโดยเริ่มจากการทำความเข้าใจว่าประกันสุขภาพคืออะไร มีเงื่อนไขใดบ้างที่นำไปลดหย่อนภาษีได้ทั้งกรณีที่ซื้อประกันสุขภาพให้ตนเอง พ่อแม่ หรือคู่สมรสที่มีระบุวงเงินสูงสุดว่าในแต่ละปีนำมาลดหย่อนได้เท่าไร รวมถึงการพิจารณาความเสี่ยงดานสุขภาพ สวัสดิการ หรือสิทธิ์รักษาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขการรับประกันและให้เรีบกร้องสินไหมของแต่ละบริษัทประกันว่ามีความเหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการและหากเกิดเหตุขึ้นมาก็ให้ความคุ้มครองได้จริงไม่จกตานั่นเอง
ส่วนใครที่อยากรู้วิธีการลดหย่อนภาษีแบบอื่น ๆ ก็สามารถเข้ามาอ่านบทความ รับสาระดี ๆ ทางการเงินและการลงทุน รวมถึงขอรับคำปรึกษาได้ฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ MoneyDuck Thailand
อักขระ
ขอบคุณสำหรับบทความนี้นะคะ ช่วยให้รู้ว่าการที่เราลงทุน สามารถช่วยให้เรามีเงินใช้ในอนาคต และยังได้รับการลดหย่อนภาษีได้ด้วยค่ะ ซึ่งวิธีนี้ดีมากเลยนะคะ เพราะว่าปกติแล้วงานที่เราทำ แลกเงินที่เราได้รับทำให้เราต้องทำการยื่นภาษีทุกปี แต่ถ้าเราได้รับการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนอย่างที่บทความนี้ได้กล่าวมาด้วย ก็จะเป็นการช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มค่ะ
ปริญญา
กองทุนรวม SSFหรือกองทุนรวมเพื่อการออม ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เหมือนกันค่ะ เช่นถ้าเราได้เงินภาษีคืนมาแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินก้อนนั้นไปทำอะไรดี เราสามารถที่เอาเงินก้อนนั้นไปลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีต่อในปีนี้ได้เลย ข้อดีคือเราไม่ต้องนำเงินเก็บมาลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในปีนี้ แล้วสามารถเอาเงินก้อนอื่นไปลงทุนกับอย่างอื่นได้ด้วย
น้ำตาล
สำหรับใครที่ทำธุรกิจคือการลงทุนหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้ว ก็จำเป็นต้องจ่ายภาษีเงินได้สำหรับตัวเอง สำหรับธุรกิจ แล้วยังมีภาษีอื่นอีกที่ตามมา ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากรายรับที่หาไม่ได้ในแต่ละเดือนด้วย บทความนี้ช่วยให้เราเข้าใจว่ามีวิธีที่จะช่วยให้เราได้รับการลดหย่อนภาษีจากเงินที่เราหาได้ในแต่ละเดือน โดยวิธีการหากองทุนรวมและวิธีอื่นๆอีกหลายอย่างเลยค่ะ
เมย์
ขอบคุณสำหรับบทความนี้นะคะเรากำลังหาวิธีลดหย่อนภาษีอยู่พอดีเลยค่ะ เราไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีเลยแต่บทความนี้เข้าใจง่ายดีค่ะ เรากำลังตัดสินใจอยู่ว่าควรลงทุน LTF หรือ RMF ไหม เพราะเราอายุยังน้อยไม่แน่ใจว่าการลงทุนตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดไหม แต่ตอนนี้ที่สนใจคือประกันหรือการกู้ซื้อบ้านค่ะ
ไหม
สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้วการลงทุนเพื่อที่จะได้รับการลดหย่อนภาษีเป็นอีกเรื่องนึงที่จำเป็นต้องคิดถึงค่ะ เพราะว่าช่วยให้ชีวิตสามารถที่จะมีเงินเก็บในอนาคตในวัยเกษียณ และยังได้รับประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีด้วย บทความนี้ช่วยฉันให้เห็นถึงวิธีหรือช่องทางที่จะช่วยให้ฉันสามารถ เลือกกองทุนและเลือกวิธีในการได้รับการลดหย่อนภาษีค่ะ
นันทกร
ดีครับที่เอาเงินไปลงทุนกับกองทุน หุ้น หรือทำประกันชีวิตซึ่งสามารถเอาไปลดหย่อนภาษีได้อีก แต่ก็ควรจะศึกษาพวกหุ้นหรือกองทุนต่างๆให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย อย่าลืมว่า "การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง ต้องศึกษาให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้ง" ถ้าแค่คิดว่าจะได้นำไปลดหย่อนภาษีได้ มันอาจจะไม่คุ้มนะครับ ขอให้ดูหลายๆอย่างประกอบกัน
ก้าวทุกก้าว
เข้าท่าดี นะ สำหรับ กองทุนรวมRMF เป็นการลงทุนระยะยาว ดีเลยละทำงานไปเก็บเงินในกองทุนนี้ไปด้วย เข้าท่าดี แถม กองทุนนี้เป็นการวางแผนที่ดี หลังจากที่เรา เกษียณด้วย แต่ข้อเสียมัน อย่างที่บอกเลยว่า ถ้า อยู่ๆเรามีเหตุที่ต้องใช้เงิน การลงทุนก็ไปไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้เราไม่สามารถเข้า กองทุนรวมRMF นี้ได้อีก เราเข้าใจถูกใช่ไหม
สมร
เคยได้ยินว่ามีกองทุน ssf แบบพิเศษด้วยนะคะ คือตัวนี้น่าสนใจที่มันไม่อิงเปอร์เซ็นต์ของรายได้ สามารถซื้อ กองทุนนี้เพื่อเอาไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง200,000บาทเลยทีเดียว สิ่งที่ต่างกันอยู่ที่ ssf พิเศษ ต้องลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า65% แต่ตัวธรรมดาลงทุนในสินทรัพย์ได้ทุกประเภท เราได้ฟังก็รู้สึกน่าสนใจเหมือนกันแต่มันมีข้อเสียไหมอันนี้ก็ไม่รู้นะคะถ้าใครรู้ก็บอกด้วยแล้วกันนะ
สายฝน
ดีจริงๆนะคะที่มีการลดหย่อนภาษีที่ดีๆแบบนี้ ตอนนี้ทุกคนคงต้องลำบากกันมากเลยที่เศรษฐกิจแย่ลงทำให้ได้เงินน้อยลงกันมาก แต่พอมีการลดหย่อนภาษีคงทำให้หลายคนมีเงินเหลือไปใช้อย่างอื่นมากขึ้น แต่สำหรับบางคนในตอนนี้ก็ยังมีที่น่าสงสารมากมายไม่ว่าจะเป็นพวกพ่อค้าแม่ค้าหรืออาชีพอื่นๆที่เขาไม่ได้ทำประกันหรือไม่รู้เกี่ยวการลงทุนนี้ด้วยค่ะ
น้ำหนึ่ง
ชอบกองทุนรวมค่ะ การลดหย่อนภาษีได้นั้นช่วยให้คนที่มีรายได้เยอะสามารถที่จะ เป็นช่องทางและความเลือกที่ช่วยให้สามารถลดหย่อนภาษีหรือค่าภาษีลงได้ เพราะว่าต้องเข้าใจบางคนที่ทำงานและได้รับเงินในแต่ละปีเยอะนะคะ ช่วยให้สามารถที่จะมีการคุ้มครองโดยผ่านทางประกันภัย ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตมีมากขึ้นด้วยจากการใช้บริการเหล่านี้
แปรม นะ
แบบนี้ปีหน้าต้องวางแผนเรื่องการลดหย่อนภาษีแล้วละครับ ปีหนี้คงวางแผนไม่ทันแล้วละ ดีนะมีหลายๆอย่างที่เราสามารถเอามาลดหย่อนภาษีได้ นี่แค่เรื่องการลงทุนยังมีตั้งหลายอย่างเลยที่สามารถเอามาเป็นส่วนลดหย่อนภาษีได้ เราคิดออกละปีหน้าทำยังไงดี ซื้อประกันชีวิตให้พ่อกับแม่ดีกว่า ได้ทั้งคุ้มครองพ่อแม่ได้ทั้งลดหย่อนภาษี เข้าท่าดีนะ