จากหลายๆบทความที่มีเราคงได้เห็นแต่เรื่องราวเกี่ยวกับเหตุผลที่ต้องเก็บเงิน หรือสารพัดวิธีการเก็บเงินออมเงินร้อยแปดพันเก้าต่างๆกันมาเยอะจนนับไม่ถ้วน ในคราวนี้เพื่อนๆคงจะต้องแปลกใจกับเรื่องราวที่ได้นำมาฝากนี้กันอย่างแน่นอนค่ะ เพราะเราจะมาดูกันในอีกแง่มุมหนึ่งของคนในทุกวันนี้ที่มีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ที่ไม่ว่าจะนานเท่าใดก็ยังคงไม่มีเงินเก็บกันสักที มาดูกันว่าเหตุผลยอดฮิตของพวกเขานั้นคืออะไร? เพื่อที่หากใครในทุกวันนี้ที่ยังยังคงไม่มีเงินเก็บนั้นจะได้มองเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และจะได้นำไปสู่การพยายามหาวิธีทางแก้ไขได้อย่างตรงจุดกันมากขึ้นต่อไปค่ะ เพราะเราเชื่อว่าคงไม่มีใครอย่างแน่นอนที่ไม่คิดอยากเก็บเงิน หรือไม่อยากมีเงินเก็บ แต่นั่นเป็นเพราะอะไร? แล้วมันใช่เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ต้องไม่เก็บเงินด้วยไหม? ขอเชิญไปติดตามต่อได้ใน “4 เหตุผลของคนไม่เก็บเงิน” กันเลยค่ะ
รายได้ยังน้อยอยู่
เหตุผลยอดฮิตในข้อแรกของการไม่เก็บเงินนั่นก็คือ ประโยคที่ว่า “รายได้ยังน้อยอยู่” หลายๆคนมองว่าตนเองในทุกวันนี้นั้นรายได้ยังน้อยอยู่ อาศัยค่าใช้จ่ายในเดือนยังจะไปพอ แล้วจะเอาที่ไหนไปเก็บล่ะ? ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินอยู่ ค่าเดินทางไปทำงาน แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว รอรายได้เยอะกว่านี้ก่อนแล้วกัน เหลือแล้วค่อยไปเก็บ! ความรู้สึกแบบนี้อาจจะตรงใจใช่เลยกับความรู้สึกของใครหลายๆคนในทุกวันนี้กันนะคะ ซึ่งเหตุผลนี้ก็มีน้ำหนักพอสมควรเลยทีเดียวสำหรับการที่จะทำให้คนเราเก็บเงินกันไม่ได้ เพราะค่าครองชีพในทุกวันนี้มันสูง และก็มีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยในขณะที่เงินเดือนนั้นก็ยากที่จะกระดิกปรับตัวขึ้นกันจริงๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมองเผื่อไปถึงเรื่องของการเก็บออม
คงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้ชีวิตต้องทำงานเพื่อแลกได้เพียงค่าครองชีพอยู่ไปวันๆแบบนี้ต่อไปจริงไหมคะ? ในเมื่ออัตราค่าครองชีพมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ หากยังเลือกที่จะนิ่งเฉยอยู่เหตุการณ์ค่าครองชีพสูงท่วมเงินเดือนตัวเองคงต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าค่ะ ลองหันมาเตรียมความพร้อมไว้ด้วยการลดรายจ่ายในเดือนลงให้ได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นทางที่พอจะช่วยควบคุมสถานการณ์เรื่องรายได้น้อยไม่ให้บานปลายต่อไปไว้ได้ค่ะ เช่น หากเช่าบ้านอยู่ก็ลองปรับเปลี่ยนหาที่อยู่ใหม่เน้นที่พออยู่ได้ มีความปลอดภัย ใกล้ที่ทำงาน ไม่ต้องกว้างขวางดูดีจนเกินความจำเป็น ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ทั้งค่าเช่าและค่าเดินทางของแต่ละเดือนลงไปได้ หรือหากเปิดแอร์ก็ให้ลดชั่วโมงการใช้งานลงไปสักหน่อย อาศัยการเปิดพัดลมหน้าต่างบ้างก็จะช่วยคลายร้อน และลดค่าไฟในแต่ละเดือนลงไปได้ เป็นต้น อย่างโน้นนิดอย่างนี้หน่อยก็เชื่อได้ว่าจะทำให้ในแต่ละเดือนมีเงินเหลือเพิ่มขึ้นมาได้กันแล้ว นอกจากนี้อาจพิจารณามองหางานเสริมที่เหมาะสมเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง เพียงเท่านี้นอกจากจะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายในเดือนไม่ให้หนักเกินรายได้เอาไว้ได้แล้ว ก็อาจช่วยให้เราพอมีเงินมาเก็บเพื่ออนาคตได้บ้างกันอีกด้วยค่ะ
ภาระรายจ่ายเยอะ
มาถึงเหตุผลในการไม่เก็บเงินของคนที่ทำงานมาได้สักพักหนึ่งกันบ้างนั่นก็คือ ภาระรายจ่ายเยอะ หลายๆคนก็อาจรู้สึกว่า เออ..นี่ล่ะ ข้อนี้ใช่เลย! “ภาระรายจ่ายเยอะ จะเหลือเงินตรงไหนมาเก็บ?” ไม่แปลกเลยค่ะที่หลายๆคนที่ได้ทำงานสักพักจะทีความรู้สึกนี้กัน เพราะอาจมีภาระรายจ่ายจำเป็นที่ต้องเลี้ยงดูคนในครอบครอบครัว ต้องเลี้ยงดูบุตร หรือพ่อแม่ที่สูงอายุ ไหนจะภาระรายจ่ายที่เกิดจากตัวเองเพราะต้องเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวกันอย่างการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนโน่นผ่อนนี่ ไหนจะผ่อนอีกสารพัดบัตรที่มีอยู่ในกระเป๋าอีกเต็มไปหมดจนดูเหมือนเป็นไปไม่ได้เลยถ้าคิดจะเก็บเงิน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นหนี้แล้วก็ต้องใช้คืน และภาระรายจ่ายจำเป็นก็เป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบอย่างที่เลี่ยงไม่ได้
การปล่อยตัวเองต้องจมอยู่กับเหตุผลที่ว่าภาระรายจ่ายเยอะอยู่เช่นนี้ต่อไปคงไม่เป็นการดีต่ออนาคตของเราในวันข้างหน้าเป็นแน่ค่ะ เพราะอาจเกิดปัญหาต่างๆ อย่างเช่นปัญหาหนี้สินจากการใช้เงินเกินตัว ปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังนั้นตามมาได้ค่ะ ฉะนั้นควรแก้ไขด้วยการประเมินรายได้ของตนเอง และตั้ง Budget ไว้สำหรับภาระรายจ่ายจำเป็นในแต่ละเดือนกันเสียใหม่ ปรับให้เหมาะสมกับรายได้ของเราก็จะช่วยให้รู้สึกเบาตัวลง และอาจถึงกับมีเงินพอที่จะหันมาเก็บไว้เพื่อตัวเองได้บ้าง ในส่วนของภาระรายจ่ายที่เกิดขึ้นจากความต้องการของตัวเองนั้น หากในวันหนึ่งที่ทำการปลดเปลื้องกันได้แล้ว การจะหารายการผ่อนใหม่ๆเพิ่มเติมเข้ามาก็ขอให้คิดดีๆกันเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่เป็นวัฎจักรผูกพันอยู่กับเหตุผลเดิมๆที่ทำให้เราไม่มีเงินเหลืออย่างในทุกวันนี้กันอีกต่อไป หรือเพื่อนๆอาจลองหันมาเปลี่ยนจากการมีภาระรายจ่ายเยอะจากการที่ต้องผ่อนแต่หนี้อย่างที่เคยมาเป็นรูปแบบใหม่กันดู เช่นการซื้อประกันชีวิตประเภทออมทรัพย์ ก็รับรองได้ว่าการมีภาระรายจ่ายเยอะในรูปแบบนี้นั้นเป็นการดีต่อตัวเราเองในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนเลยค่ะ
ยังไม่พร้อมเก็บเงิน
มาถึงอีกเหตุผลยอดฮิตของคนที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บเงินนั่นก็คือ “ยังไม่พร้อมเก็บเงิน” ประโยคสั้นๆที่หากใครคิดจะชวนเก็บเงินได้ยินเข้าต้องถึงกับแทบจะม้วนเสื่อเก็บ ไม่มีเรื่องให้คุยกันต่อได้เลยทีเดียวค่ะ แม้ประโยคที่ว่ายังไม่พร้อมเก็บเงินนั้นอาจจะดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างเสียมากกว่าการเป็นเหตุผลของการไม่เก็บเงิน แต่เมื่อวิเคราะห์กันจริงๆแล้วก็อาจเป็นเหตุผลที่มักจะเกิดขึ้นได้กับหลายๆคนที่มีรายได้น้อย หรือมีรายได้ที่ไม่แน่นอนที่ไม่รู้จักวิธีการออมเงินในรูปแบบต่างๆค่ะ การตอบว่ายังไม่พร้อมเก็บเงินสำหรับพวกเขานั้นจึงเป็นการปฏิเสธการเก็บเงินที่ไม่ได้เกิดจากการความคิดที่ไม่อยากจะเก็บอย่างแท้จริง แต่เป็นเพราะไม่มั่นใจในเรื่องของรายได้ตนเองว่าจะสามารถเก็บเงินได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นหากเหตุผลที่ว่ายังไม่พร้อมเก็บเงินนี้นั้นตรงกับเพื่อนๆกันในวันนี้ก็ขออย่าได้เพิ่งท้อใจกันไปค่ะ อาจเริ่มต้นสร้างเงินออมง่ายๆด้วยวิธีการหยอดเศษเหรียญกันดูค่ะ เพราะวิธีนี้ได้ผลลัพธ์อย่างน่าเหลือเชื่อ และยังช่วยหลายคนที่ถึงแม้จะมีรายได้เพียงน้อยนิดให้มีเงินเก็บก้อนโตมาได้นักต่อนักกันแล้วค่ะ
เก็บเงินไม่เคยอยู่
การ “เก็บเงินไม่เคยอยู่” เป็นอีกหนึ่งเหตุผลยอดฮิตที่ของคนที่ยังไม่เก็บเงินกันค่ะ ที่มาของเหตุผลนี้อาจเป็นเพราะในบางคนชอบการช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจจึงทำให้เงินไม่เคยมีเหลือพอที่จะพอ เพราะมีเท่าไหร่ก็ซื้อหมด สำหรับในบางคนอาจรู้สึกว่าพอตั้งใจเก็บเงินมาได้สักระยะก็มีเหตุจำเป็นให้ต้องนำเงินออกมาใช้อยู่ทุกครั้งทุกทีไป จนทำให้เลิกความคิดที่จะเก็บเงินกันไปเลย เพราะรู้สึกตัวเองคงเป็นคนที่เก็บอยู่ไม่อยู่นั่นเอง ซึ่งถ้าเหตุผลยอดฮิตในข้อนี้นั้นเป็นเหตุผลที่ตรงกับเพื่อนๆอยู่ล่ะก็แก้ได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย รู้จักเลือกซื้อแต่สิ่งจำเป็นเพียงเท่านั้น อีกทั้งนำเงินที่คาดว่าอยากจะเก็บออมนำไปทำการออมในรูปแบบที่ยากต่อการถอน อย่างเช่น หากเลือกใช้บริการของธนาคารก็ไม่ควรเปิดบัตรเอทีเอ็ม เลือกการฝากแบบประจำ ซื้อพันธบัตร ซื้อสลากต่างๆของธนาคารที่มีกำหนดระยะเวลานานสักหน่อย หรือเลือกออมในรูปแบบของประกันชีวิตกันไปเลย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการออมที่ยากต่อการถอนทั้งนั้นค่ะ ซึ่งหากการถอนเป็นไปอย่างยากลำบาก และมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลามากเท่าใด ก็ยิ่งช่วยให้เงินที่เก็บยังคงอยู่กับเราได้เหนียวแน่นมากขึ้นเท่านั้นค่ะ
ชนะทุกเหตุผลได้ด้วยการเริ่มต้น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับเหตุผลยอดฮิตอันดับต้นๆใน “4 เหตุผลของคนไม่เก็บเงิน” คงช่วยให้เพื่อนๆได้เห็นถึงมุมมองของการไม่มีเงินเก็บกันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าเหตุผลของคนเราแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ซึ่งก็อาจจะมาจากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆที่ไม่เหมือนกัน หากแต่นั่นคือเหตุผลจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่เพียงการหาข้ออ้างให้กับตัวเองไปวันๆ เราทุกคนสามารถก้าวข้ามผ่านทุกๆเหตุผลที่พาให้ตัวเราไม่มีเงินเก็บกันไปได้อย่างง่ายดายด้วยการเริ่มต้นลงมือเก็บเงินกันเสียตั้งแต่วันนี้ จะมากจะน้อยนั้นไม่สำคัญ ขอเพียงปรับพฤติกรรม และค่อยๆเริ่มสร้างวินัยในการเก็บเงินขึ้นมาใหม่ เพียงเท่านี้ก็รับรองได้ว่าเพื่อนๆจะกลายเป็นคนมีเงินเก็บเหมือนกับคนอื่นๆกันได้ในไม้ช้าค่ะ
Zee
ผมเป็นคนนึงนะที่ชอบใช้ข้ออ้างที่ว่า รายได้อย่างน้อยอยู่ไม่พอเก็บ แต่นั่นก็เป็นเมื่อก่อน เดี๋ยวนี้เมื่อผมหารายได้ได้มากขึ้นผมก็รู้แล้วว่าต่อให้มีรายได้มากหรือน้อย ถ้าเราไม่คิดจะเก็บเงิน เราก็จะเก็บไม่ได้ แต่ว่าถ้าเราคิดจะเก็บเราก็จะเก็บได้ ดังนั้นใครที่คิดอยากจะเก็บเงินก็ต้องดูเอาไว้นะว่าตัวเองมีข้ออ้างอะไรตามที่บทความนี้บอกบ้างแล้วพยายามกำจัดทิ้งซะ
น้องอมยิ้ม:)
อยากบอกว่า เหตุผลของคนไม่เก็บเงินตามที่บทความนี้บอกมานั้น "ถูกทุกข้อ" รายได้น้อยแต่รายจ่ายเยอะจึงไม่พร้อมที่จะเก็บเงิน แม้ว่าพอจะเก็บได้นิดนึงดันมีเรื่องต้องใช้เงิน เลยส่งผลให้มีอาการเก็บเงินไม่อยู่..ตามนั้นเลยค่ะ555 แต่ก็นะ ถ้าเราไม่พยายามปรับเปลี่ยนหรือหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้เลย เราจะไม่สามารถเก็บเงินได้จริงๆนั่นแหละ
คุณานนท์
ของผมน่าจะเป็นอย่างแรกเลยครับ รายได้ยังน้อยอยู่ครับ ผมได้เงินเดือนเดือนละ 9พันกว่าบาทเองครับ ต้องเช่าบ้านเดือนละ 1,800 บาท รวมค่าน้ำค่าไฟแล้วก้จะอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาทได้ครับ คิดดูแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาที่ไหนมาเก็บเลยครับ แต่ถามว่าอยากมีเงินเก็บไหม อันนี้ยอมรับเลยครับ พยายามมาหลายรอบแล้วครับ ทำไม่ได้สักที
ชนายุส682
"4 เหตุผลของคนไม่เก็บเงิน" ขอบคุณครับที่ใช้คำว่า "เหตุผล" เพราะผมรู้สึกว่าทุกอย่างที่บทความนี้บอกมามันเป็นข้ออ้างของผมเอง555 ดีครับที่อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่าเราสามารถชนะทุกเหตุผลได้ด้วยการเริ่มต้น..มันก็จริงนะครับ ต้องเริ่มจากเอาชนะใจตัวเองก่อน ทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆทำค่อยๆเก็บกันไป ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำดีๆ
ภูริณัฐ
ใช่ๆ ถ้าเรายังไม่เริ่มต้นเราจะทราบได้ยังไงว่าเราสามารถทำได้ไหม หลายๆคนที่บอกว่ารายได้ยังน้อยอยู่ คุณเคยได้รองออมดูบ้างไหมครับ ไม่ต้องหวังว่าออมแล้วจะได้เงินเยอะหลอกครับ แค่สัก1ปีเรามีเงินเก็บ ปีละ 5-6พัน เราว่าแค่นี้ก็เป็นการออมแล้วละครับ ไม่รองไม่รู้ครับว่าเราสามารถทำมันได้ไหม ถ้าทำได้เราจะภูมิใจนะครับ