หลายๆคนคงจะเคยได้ยินหรืออาจจะมีความรู้เกี่ยวกับ หุ้น พูดง่ายๆ คือ หุ้นก็คือความเป็นเจ้าของธุรกิจที่ถูกแบ่งขายออกมานั่นเอง ใครหลายคนมักจะตั้งคำถามว่า ถ้าอยากจะเล่นหุ้นต้องมีอะไรบ้าง คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ คือ ต้องมี เงิน เป็นอันดับแรก แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเงินที่เรามี นั่นคือ ความรู้และความเข้าใจที่ถูกวิธีในการลงทุน ถึงจะทำให้ธุรกิจไปได้สวย ให้เรามาดู 4 ขั้นตอนการเล่นหุ้น ต่อไปนี้

1.การตั้งเป้าหมาย

1.การตั้งเป้าหมาย

ถ้าเราคิดที่จะเล่นหุ้น เราต้องรู้ซะก่อนว่าเราต้องการอะไรจากตลาดหุ้น ความสนุก ความเร้าใจ หรือความมั่งคั่ง เงินทอง ความมั่นคง จากการลงทุนในตลาดหุ้น คิดว่าหลายคนมีคำตอบในใจ แต่ส่วนมากจะเป็นตามดังกล่าว แต่ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่พอสำหรับการตั้งเป้าหมายที่ดีในการลงทุนในตลาดหุ้น เราควรตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนกว่านั้น ว่าเราอยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเท่าไร ในแต่ละปี เป้าหมายเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยในการหาแนวทางและวิธีการเพื่อพาคุณไปยังสิ่งที่คุณฝันไว้ การเล่นหุ้นมันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะคิดยังไงแล้วได้อย่างนั้น เราจะต้องวางเป้าหมายให้เหมาะสมกับเงินในบัญชีกับเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้ หากเราเดินเกมพลาด เป้าหมายของเราก็จะมีอุปสรรคต่างๆมาขัดขวางทาง แต่ก็เป็นตัวกระตุ้นให้เราทำสิ่งที่ใหญ่กว่าและน่าพึงพอใจมากกว่า การเตรียมตัวเล่นหุ้นในแต่ละปีมันจะเป็นทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าประทับใจ แต่จะต้องจำไว้ว่าจะต้องมีความอดทนในการทำกำไรให้ได้ก้อนโต การคิดแบบนี้จะทำให้เราเล่นหุ้นได้ดีและก็มีความเชื่อมั่นในผลลัพธ์ที่ออกมา เราจะต้องอยู่ในเกมไปเรื่อยๆและก็เชื่อในเรื่องจังหวะโอกาสต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา เราจะต้องเดินหน้าหาเป้าหมายเป็นขั้นเป็นตอนไป แต่ในแต่ละปีเราก็ต้องคิดในเรื่องสถานการณ์ต่างๆที่มันอาจจะต้องทำให้เราใช้แนวทางที่ต่างกันออกไป

2.ศึกษาหาความรู้

2.ศึกษาหาความรู้

ถ้าเราเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหนังสือของเซียนหุ้นที่มีขายอยู่ตามร้านขายหนังสือทั่วไป คงจะสังเกตุได้ว่า เซียนหุ้นเหล่านั้นจะแบ่งตัวเองออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ด้วยวิธีคิด วิธีตัดสินใจในการลงทุนที่ต่างกัน คือ นักลงทุน กับ นักเก็งกำไร ดังนั้นขั้นตอนต่อไปหลังจากที่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลงทุนครั้งนี้แล้ว เราควรสำรวจตัวเองแบบคร่าวๆสักครั้งว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน และชอบการลงทุนรูปแบบไหน ความแตกต่างระหว่างนักลงทุน กับ นักเก็งกำไร และที่สำคัญคือ การลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับตัวเรา

เซียนหุ้นทั้ง 2 กลุ่มนี้ไม่ได้ถูกแบ่งออกมาด้วยรูปร่างหน้าตา หรือความรวย แต่ถูกแบ่งออกมาด้วย กลยุทธ์ รูปแบบ วิธีการลงทุนที่ค่อนข้างต่างกันในการเลือกซื้อหุ้นแต่ละตัว เช่นนักลงทุน จะเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานบริษัทดี ส่วนนักเก็งกำไรจะใช้กราฟในการตัดสินใจซื้อขายเป็นหลัก หากเราอยากเป็นคนแบบไหน ก็ควรศึกษารูปแบบวิธีการ และความรู้ต่างๆที่เขาใช้ แต่ไม่ได้หมายความให้เรา เหยียด ความรู้ หรือเหยียดวิธีการเล่นหุ้นของอีกฝ่าย เช่น ถึงแม้ว่าคุณเป็นนักเก็งกำไร ที่เชื่อกราฟราคา และเทคนิคต่างๆในการซื้อขายหุ้นแต่ละครั้งคุณก็ไม่ควรจะศึกษาหาความรู้แค่เรื่องของกราฟ เรื่องของเทคนิคเพียงด้านเดียว การศึกษาเรื่องพื้นฐานการเงินของบริษัทต่างๆเองก็สามารถเป็นตัวช่วยที่ดีในการตัดสินใจซื้อขายหุ้นแต่ละครั้งได้เหมือนกัน รู้ว่าตัวเราเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหน เล่นสั้น กลาง หรือว่าลงทุนระยะยาว ชอบแบบเน้นตั้งรับกินปันผล หรือว่า ชอบเชิงรุกแบบแนววิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการลงทุนแต่ละแบบ วิธีการแต่ล่ะแบบก็จะแตกต่างกัน

ดังนั้นเพื่อนๆ ก็ควรจะต้องรู้ตัวเองให้ได้ว่าเหมาะกับแบบไหน และทุกแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เช่นเล่นสั้นจะเห็นผลได้เร็วกว่า การเล่นระยะยาว แต่ก็ต้องใช้การตัดสินใจที่บ่อยครั้งกว่า และใช้เวลาในการติดตามราคามากกว่าการเล่นระยะยาวเป็นต้น ที่สำคัญต้องรู้ว่า เข้าซื้อวิธีไหนก็ขายออกด้วยวิธีนั้น ไม่ใช่ว่าตอนซื้อมาแบบนักลงทุนระยะสั้น แต่พอหุ้นไม่เป็นไปตามคาดก็ไม่ยอมตัดขาดทุน กลายเป็นนักลงทุนระยะยาวจำเป็นซะงั้น อาจจะไม่ไหว เราควรมีความรู้ความเข้าใจในตัวหุ้น และเข้าใจในตัวธุรกิจของหุ้นนั้นๆ ที่เราจะลงทุนให้มากที่สุดครับ ยิ่งรู้มากและมีข้อมูลที่มากเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการลงทุนของเราก็ยิ่งลดลงได้มากเท่านั้น

3.เริ่มลงทุน

3.เริ่มลงทุน

การลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานและการลงทุนตามปัจจัยเทคนิค การลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานคือการมองภาพธุรกิจ วิเคราะห์กิจการของหุ้นที่อยากลงทุน อ่านงบการเงิน วิเคราะห์การเติบโตในอนาคต ในขณะที่การลงทุนตามปัจจัยเทคนิคคือการให้ความสำคัญกับราคาหุ้นเป็นหลัก โดยเราจะดูกราฟหุ้นเพื่อติดตามพฤติกรรมราคาและตัดสินใจซื้อขายตามความน่าจะเป็นที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

วิธีการลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในความรู้ก่อน นักลงทุนจำเป็นต้องศึกษาพื้นฐานของการลงทุนก่อนเป็นพื้นฐานเพื่อลงสนามจริง วิธีที่ง่ายที่สุดคือการอ่านหนังสือชั้นเยี่ยมที่นักลงทุนเก่งๆ เขียนวิธีแนะนำการลงทุนแนะนำไว้แล้ว แต่ควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น สภาพแวดล้อมของเรา ความเสี่ยงตรงนี้มักเป็นความเสี่ยงที่ใกล้แค่เพียงเอื้อมมือแต่มักมีอะไรบังตาให้เรามองไม่เห็นและมันมักจะอยู่รอบตัวของเราเอง ยกตัวอย่างเช่น สภาพครอบครัวเพื่อนฝูงหรือสภาพที่ทำงานที่อาจไม่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการซื้อขายหุ้น, ทดสอบระบบการลงทุน หรือเก็บข้อมูลในการลงทุนต่างๆ ระบบการติดต่อสื่อสารในการซื้อขายหุ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังโบรคเกอร์, โทรศัพท์ที่อาจไม่สามารถติดต่อได้ ทำนองนี้

และอีกอย่างความเสี่ยงที่มาจากตัวเอง ก็เพราะคนส่วนใหญ่นั้นมักที่จะมองเห็นหรือรู้จักจุดอ่อนภายนอกมากกว่าภายในจิตใจตนเองแทบทั้งนั้น เช่น สภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ การขาดความรู้ความเข้าใจในหลักการ/ระบบการลงทุนที่เราใช้ สภาพจิตใจและทัศนคติที่เป็นอุปสรรคจากหลักการลงทุนที่ดีไป ความเสี่ยงประเภทนี้อาจไม่สามารถแก้ได้เพียงข้ามวันข้ามคืนและไม่สามารถที่จะใช้เงินซื้อได้ หนักกว่านั้นอาจจะให้ใครมาสอนก็ไม่ได้ด้วย มันเป็นสิ่งที่ต้องค่อยๆถูกบ่มเพาะไปตามกาลเวลาและเหยียบย่ำประสบการณ์ความเจ็บปวดด้วยตนเองไปเรื่อยๆ ความอุตสาหะพยายามและความปราถนาอันแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จในโลกแห่งการลงทุนอาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะช่วยให้คุณขจัดความเสี่ยงประเภทนี้ลงไปก็เป็นได้ ดังนั้น เราจะต้องพยายามอย่างมากในการหาความรู้รอบตัว เรื่องเฉพาะทางต่างๆ ซึ่งช่วยได้มากทีเดียว ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น!!

4.การคิดวิเคราะห์และการจดบันทึก

4.การคิดวิเคราะห์และการจดบันทึก

หลายคนมองข้ามก็คือการ จดบันทึกการลงทุน อย่างสม่ำเสมอ ย้ำอีกครั้งว่า อย่างสม่ำเสมอ และถ้าเป็นไปได้ก็ให้จดทุกอย่างที่ทำ ทุกอย่างที่คิด ซื้อตัวไหนราคาเท่าไร ทำไมถึงซื้อ ทำไมถึงขาย โดยเฉพาะทุกครั้งที่คุณพลาด ที่ขาดทุน อย่าหลอกตัวเองแล้วจดทุดอย่างที่เกิดขึ้น ทุกอย่างที่คุณจดไว้ มันจะกลายเป็นลายแทงสมบัติชั้นยอดในการที่จะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต และเป็นตำราชั้นเยี่ยมในการพัฒนาตัวเองอีกด้วย

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า การเล่นหุ้น ลงทุนหุ้น เป็นเรื่องของการมองไปข้างหน้า การดูแนวโน้มในอนาคตจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ต้องวิเคราะห์ในส่วนอื่น เพราะการวิเคราะห์อดีตและปัจจุบันของหุ้นแต่ล่ะตัว เป็นการเตรียมตัวเราให้พร้อมที่จะคว้าโอกาศที่จะมาถึง เพราะหากเกิดแน้วโน้มใหม่ๆ เกิดขึ้น คนที่มีข้อมูลพร้อม และรู้จักธุรกิจ หรือบริษัทเป็นอย่างดีเท่านั้น ที่จะเป็นคนแรกๆ ที่คว้าโอกาสงามๆ นั้นไป สิ่งที่เราติองคิดวิเคราะห์ ราคาของหุ้นมาจากราคาตลาดที่เกิดจากการตกลงซื้อขายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย การเปลี่ยนแปลงราคาของหุ้นเกิดจากการเปลี่ยนความคิดความคาดหวังของนักลงทุนในเรื่องราคาหุ้นในอนาคต

แนวรับจะเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่าราคาหุ้นตัวนี้ไม่ควรจะต่ำกว่าระดับราคานี้ ซึ่งจะเป็นจุดที่มีผู้ซื้อพร้อมที่จะเข้ามาซื้อมากกว่าผู้ขาย แนวต้านจะเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่าราคาหุ้นตัวนี้ไม่ควรจะสูงกว่าระดับราคานี้ ซึ่งจะเป็นจุดที่มีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ เมื่อมีการทะลุแนวต้านหรือแนวรับแล้วจะเป็นการบ่งบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของนักลงทุนและมีการเลื่อนเส้นอุปสงค์และอุปทาน ปริมาณการซื้อขายจะเป็นการบ่งบอกความชัดเจนของการเปลี่ยนความคาดหวังของนักลงทุนว่าจริงหรือไม่ การทดสอบที่ระดับราคาแนวจะเกิดขึ้นเมื่อมีการทะลุแนวไปแล้ว ประมาณนี้

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับการอ่านกราฟหุ้น สำหรับมือใหม่ ที่นี่

ดังนั้น ถ้าเป็นสำหรับมือใหม่ อยากจะเน้นให้มองภาพใหญ่ของดัชนีก่อน เพราะมีความสำคัญมากๆต่อหุ้นรายตัว หุ้นปั่น หุ้นมีข่าว หุ้นมาร์เกตติ้งเชียร์ อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณให้มากๆ สำหรับคนไม่รู้เทคนิคขั้นเทพ ลองศึกษาดูทีละขั้น ส่วนคนที่เล่นมาก่อน เล่นเก่งแล้วต้องปล่อยเค้าไปคะ อย่าไปตาม การศึกษาการลงทุนต้องใช้เวลา เริ่มอย่างระวังดีกว่า

สรุป การเล่นหุ้นมีขั้นตอนดังที่กล่าวไป มีหลายขั้นตอนใหญ่ๆที่อาจจะยากและง่าย แต่เราจะทำอย่างรอบคอบ เพราะการคิดวิเคราะห์ในการตัดสินใจสำคัญ และอย่าคิดว่าเป็นเรื่องง่ายๆและไม่ทำอะไรมาก แต่ความจริงไม่ง่ายและไม่อยากถ้าพยายาม การเล่นหันก็จะบรรลุเป้าหมายและไปได้สวย ลองทำตามขั้นตอนดังนี้แล้วจะรู้ว่า เราทำได้ หรืออยากได้คำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถคุยกับ ผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง