หลายๆคนคงจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดีกับคำว่าเครดิตบูโรกันแล้วใช่ไหมคะ? เครดิตบูโร หรือชื่อเต็มคือ บริษัท ข้อมูลแห่งชาติ จำกัด เป็นองค์กรที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมประวัติเกี่ยวกับสินเชื่อ และบัตรเครดิตของเราทุกคนจากสถาบันการเงินต่างๆทั้งที่เป็นธนาคาร และไม่ใช่ธนาคารที่เป็นสมาชิกอยู่ค่ะ โดยเครดิตบูโรนี้จะเป็นองค์กรกลางที่ทำการเก็บรวมรวมข้อมูลเพื่อให้สมาชิก บุคคลทั่วไปที่ต้องการเข้ามาดูรายละเอียดของข้อมูลสินเชื่อ บัตรเครดิต ภาระหนี้สิน ประวัติการชำระหนี้เพื่อประกอบใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลค่ะ และเนื่องจากเครดิตบูโรนั้นเป็นองค์กรกลางที่มีความสำคัญที่มีผลต่อการพิจารณาการอนุมัติสินเชื่อของเราๆทุกคน จึงจะขอนำทุกท่านมาทำรู้จักกับองค์กรกลางนี้กันให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้รู้ถึงบทบาทการทำงานขององค์กรนี้ว่ามีความสำคัญกับการขอสินเชื่อส่วนบุคคลของเรากันอย่างไรค่ะ ใน “รู้ไว้ใช่ว่า… เครดิตบูโรกับผลที่มีต่อการขอสินเชื่อส่วนบุคคล” จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ขอไปติดตามกันได้เลยค่ะ
เครดิตบูโรถือเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสารพัดเครดิต
ก่อนอื่นเรามารู้จักข้อมูลที่เครดิตบูโรทำการเก็บรวบรวมกันก่อนเลยค่ะ ซึ่งข้อมูลที่ทำการรวบรวมเก็บไว้นั้นจะมีด้วยกันอยู่ 2 อย่างค่ะ ซึ่งอย่างที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวที่เกี่ยวกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เลขที่บัตรประชาชน วันเดือนปีเกิด อาชีพสถานภาพทางการสมรส ฯลฯ แต่ทั้งนี้คำว่าส่วนตัวก็ไม่ได้หมายรวมไปทั้งหมดกันจริงๆหรอกนะคะ อย่างลักษณะทางร่างกาย ประวัติทางคดีอาญาอื่นๆของบุคคลๆนั้นแบบนี้ก็ไม่ได้ทำการเก็บข้อมูลไว้ค่ะ
มาถึงในส่วนของข้อมูลอย่างที่ 2 ที่เครดิตบูโรได้ทำการเก็บรวบรวมไว้นั่นก็คือ ข้อมูลประวัติการขอสินเชื่อ การได้รับการอนุมัติสินเชื่อ และการชำระสินเชื่อค่ะ โดยเครดิตบูโรจะทำการเก็บประวัติการชำระสินค้าและบริการที่เกิดจากบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินสด สินเชื่อบ้าน รวมไปถึงสินเชื่อเช่าซื้อต่างๆอย่างเช่น รถยนต์ เอาไว้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังทำการเก็บข้อมูลการค้ำประกัน การใช้และการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นในส่วนของหนี้สินของเราด้วยค่ะ
จากข้อมูลต่างๆที่เครดิตบูโรได้ทำการรวบรวมไว้นี้ก็ได้มาจากเหล่าบรรดาสมาชิกของเครดิตบูโรนั่นเองล่ะค่ะ ทั้งจากธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายทั้งธนาคารของรัฐและเอกชน และจากที่ไม่ใช่ธนาคารอย่างบริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย ฯลฯ และแม้ว่าเครดิตบูโรจะทำการเก็บประวัติทางการเงินส่วนใหญ่ของแต่ละบุคคลเอาไว้ แต่ก็มีประวัติทางการเงินบางประเภทที่เครดิตบูโรไม่ได้ทำการเก็บประวัติไว้ค่ะ อย่างเช่นประวัติการชำระ หรือค้างชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ อย่างไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ตต่างๆ นั่นก็เพราะว่าเหล่าผู้ให้บริการค่าสาธารณูปโภคต่างๆนี้นั้นไม่ได้เป็นสมาชิกอยู่กับทางเครดิตบูโรนั่นเองค่ะ นี่ถ้าไม่นับในเรื่องของการชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆแล้วล่ะ เครดิตบูโรถือเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลสารพัดเครดิตส่วนบุคคลกันอย่างแท้จริงกันเลยทีเดียวค่ะ
เครดิตบูโรกับส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาสินเชื่อ
หลายๆคนอาจเคยสงสัยกันว่า เครดิตบูโรนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในการพิจารณาสินเชื่อด้วยไหม? ก็อยากจะขอชี้แจงให้ทราบกันตรงนี้เลยค่ะว่า อย่างที่บอกไปแล้วว่าเครดิตบูโรนั้นเป็นเพียงองค์กรกลางที่ทำการเก็บรวมรวมประวัติการชำระหนี้ และการขอสินเชื่อต่างๆของเรา ซึ่งเหล่าบรรดาสถาบันการเงินที่เราได้ไปขอสินเชื่อไว้นั้นจะขอข้อมูลทางการเงินของเราจากเครดิตบูโรเพื่อนำไปใช้ประกอบการพิจารณาร่วมกับหลักฐานทางการเงินอื่นๆของเรา เช่น รายได้ อาชีพ ภาระหนี้สิน ฯลฯ อีกทีหนึ่งค่ะว่าจะสามารถอนุมัติสินเชื่อให้กับเราได้ไหม? และถ้าอนุมัติแล้วจะได้วงเงินตามที่เราต้องการหรือไม่? ดังนั้นสิทธิ์และอำนาจในการอนุมัติสินเชื่อนั้นจึงขึ้นอยู่กับทางสถาบันการเงินล้วนๆ ทางเครดิตบูโรไม่มีอำนาจในการพิจารณา หรือเข้าไปมีส่วนร่วมใดๆในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อต่างๆให้กับใครๆได้ค่ะ
ผลดีจากการเช็คเครดิตบูโรที่ทำเองก็ได้ไม่ยาก
หลายๆคนคงยังไม่รู้ว่าไม่ใช่แค่เพียงสถาบันการเงิน หรือพวกบรรดาเหล่าสมาชิกของเครดิตบูโรเท่านั้นที่จะทำการเข้าไปดูข้อมูลของเราได้ แต่เราเองก็สามารถไปขอข้อมูลของตัวเราเองดูได้ด้วยนะ ซึ่งการขอข้อมูลตัวเองกับทางเครดิตบูโรมาดูนั้นยังช่วยให้เกิดผลดีจากการเช็คเครดิตบูโรที่ทำเองก็ได้ไม่ยากกับเราอีกด้วยค่ะ ง่ายๆเลยก็แค่เดินเข้าไปยื่นเรื่องที่เคาน์เตอร์ของธนาคารธนชาติ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ในทุกๆสาขา หรือจะยื่นคำขอผ่านทางตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารไทยพาณิชย์ก็ได้ค่ะ เพียงเท่านี้ก็สามารถรอรับรายงายข้อมูลเครดิตของตัวเราเองที่บ้านกันได้ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 7 วันทำการค่ะ เห็นไหมคะการขอดูข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเราเองก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายและสะดวกมากจริงๆ คราวนี้เรามาว่ากันต่อกับที่บอกไว้ว่า ทำไมการเช็คข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเองนั้นจึงช่วยให้เกิดผลดี?
อย่างแรกเลยก็เห็นจะช่วยในเรื่องของการเตรียมความพร้อมก่อนการขอสินเชื่อของเราค่ะ การขอข้อมูลเครดิตบูโรตัวเองมาตรวจสอบก่อนการยื่นขอสินเชื่อที่ไม่ว่าจะขอกู้ซื้อบ้าน กู้ซื้อรถ กู้สินเชื่อส่วนบุคคล รวมไปถึงยื่นสมัครบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดต่างๆ มันจะช่วยทำให้เราสามารถประเมินตัวเองกันได้เลยค่ะว่าการขอสินเชื่อต่างๆนั้นจะผ่านการพิจารณาไหม ? ซึ่งหากรายงานข้อมูลเครดิตของเรามียอดหนี้ค้างชำระอยู่หลายบัญชี การขอสินเชื่อของเราก็คงจะอนุมัติได้ยากเป็นแน่ค่ะ เนื่องจากสถาบันการเงินที่ไปขอสินเชื่อนั้นมองว่าเรามีแนวโน้มที่จะจ่ายคืนหนี้ให้กับเขาได้ไม่ไหวแน่ๆ ก็เห็นทีว่าคงต้องทำการปิดบัญชีเหล่านั้นให้หมด หรือลดลงไปให้ได้มากที่สุดเสียก่อนถึงค่อยคิดไปยื่นขอสินเชื่อก้อรใหม่ค่ะ
ข้อดีอย่างที่สองคือ ทำให้เรารู้สถานะการเงินของตัวเองค่ะ การรู้ถึงสถานะการเงินของตัวเองว่ามียอดหนี้มากแค่ไหน ค้างชำระอยู่เท่าไหร่ จะทำให้เรามองเห็นถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเองเพื่อนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ซึ่งนี่ก็คือพื้นฐานของกรรวางแผนการเงินที่ดีของตัวเราเองค่ะ อีกทั้งการเช็คข้อมูลเครดิตนี้ยังช่วยทำให้เราได้สำรวจยอดหนี้ต่างๆด้วยว่าถูกต้องไหม? หรือมียอดหนี้ตัวไหนที่ได้ปิดบัญชีไปแล้วขึ้นสถานะว่าปิดบัญชีแล้วถูกต้องหรือเปล่า? และมียอดหนี้เป็นศุนย์หรือไม่? ซึ่งหากมีข้อมูลใดที่ไม่ถูกต้องเราก็จะได้แจ้งเรื่องเข้าไปเพื่อทำการแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องได้ค่ะ
ข้อดีอย่างที่สามคือ ช่วยป้องกันหนี้ที่เราไม่ได้ก่อ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้โครงการไปขอสินเชื่อกู้โน่นกู้นี่ หรือเปิดสารพัดบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดก็ตามค่ะ การเช็คข้อมูลเครดิตก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามไปนะคะ เนื่องจากอาจมีพวกมิจฉาชีพนำข้อมูลส่วนตัว และเอกสารทางการเงินของเราไปทำการขอสินเชื่อแทนเราได้ค่ะ การเช็คเครดิตบูโรตัวเองจึงเป็นการช่วยป้องกันหนี้ที่เราไม่ได้ไปสร้างไว้ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
มาถึงข้อดีข้อสุดท้ายที่เราหยิบยกมาพูดกันตรงนี้นั่นก็คือ สามารถใช้เป็นเอกสารสำคัญประกอบการสมัครงานในตำแหน่งสำคัญๆได้เป็นอย่างดี ในบางตำแหน่งต้องใช้รายงานเครดิตบูโรในการประกอบการพิจารณาเข้าทำงาน เพื่อที่จะใช้ตรวจสอบความโปร่งใสทางด้านการเงินของตัวเราค่ะ
เครดิตบูโรของคู่กันกับการขอสินเชื่อ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ “รู้ไว้ใช่ว่า…เครดิตบูโรกับผลที่มีต่อการขอสินเชื่อส่วนบุคคล” คงช่วยให้ทุกท่านได้รู้จักกับเครดิตบูโรได้ดีกันมากขึ้น และรู้ว่าเครดิตบูโรกับการขอสินเชื่อนั้นเป็นของที่คู่กันจริงๆ ซึ่งการรักษาประวัติที่ดีไว้นั้นเป็นเรื่องสำคัญค่ะ เพราะจะช่วยให้มีผลต่อการอนุมัติสินเชื่อของเราที่จะไปขอในอนาคตให้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้การมีประวัติที่ดีนั้นก็ไม่ได้การันตีว่าการขอสินเชื่อของเรานั้นจะได้รับการอนุมัติเสมอไปค่ะ เนื่องจากทางสถาบันการเงินต้องดูเรื่องๆอื่นประกอบการพิจารณาด้วย อย่างเช่น อาชีพ รายได้ ฯลฯ เพื่อจะให้แน่ใจได้ว่าเรามีความสามารถจะชำระหนี้คืนให้เขาได้ ซึ่งรายงานเครดิตบูโรนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวช่วยในการพิจารณาของสถาบันการเงินเท่านั้นเองค่ะ
ไมกะ
เครดิตบูโรนี่คือเครดิตเสียที่เราติดกับทางธนาคารใช่ไหมคะเท่าที่อ่านมาเนี่ยรู้สึกว่าถ้าเราติดเครดิตบูโรมันจะทำให้เรายุ่งยากมากๆกับการไปขอสินเชื่อหรือว่าไปทำเงินกู้ที่ธนาคารประมาณว่ามีประวัติเสียกับธนาคารนั่นแหละแต่ถ้าเราไม่เคยกู้หรือไม่เคยไม่จ่ายหนี้เราก็จะไม่มีเครดิตเสียหรือประวัติเสียใช่ไหมคะ อันนี้สงสัย
ปรมัตถ์
เรื่องเครดิตบรูโร ทราบมาว่าเขาเก็บข้อมูลของเราแค่ 8ปีหรือเปล่าครับ หลังจากนั้น ข้อมูลของเราจะไม่มีในระบบของเขาแล้วครับ สามารถที่จะขอสินเชื่ออื่นๆได้ตามปกเลย แต่ตอนที่ติด บรูโร บอกเลยครับ เวลาจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ค่อนข้างที่ยากมากเลยครับ ขนาดเอารถยนต็ของเราเข้าไฟแนนซ์ ยังเข้ายากเลยครับ น่ากลัวจริงๆ
หนูนา
อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้รู้จักคำว่าเครดิตบูโรมากขึ้นเลยค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ได้ยินมาเหมือนกันจำได้ตอนที่ไปยื่นขอสินเชื่อรถยนต์ ธนาคารก็ขอเช็คเครดิตบูโรเหมือนกันซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่เข้าใจเต็มที่ว่ามันคืออะไร ดูบ้างว่าเกี่ยวกับประวัติทางการเงินแต่ก็ไม่รู้ละเอียดจนได้มาอ่านบทความนี้ค่ะ เป็นบทความที่ไม่ยาวเกินไปเข้าใจง่ายดี
ธนาnat
เครดิตดี การขอสินเชื่อก็ไม่ยาก แต่ถ้าเคยมีประวัติการชำระเงินที่ไม่ดี ที่เรียกว่า ติดเครดิตบูโร ก็ต้องรอหลายปีกว่าจะขอสินเชื่อได้อีกครั้ง แต่คนเราจะขอสินเชื่อกันบ่อยๆเลยเหรอครับ เป็นหนี้ครั้งนึงกว่าจะปลดหนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ แล้วจะมาเป็นหนี้กันอีกเหรอ ไม่ได้จะว่าใครนะครับ มีอะไรที่ผมยังไม่เข้าใจหรือเปล่า แนะนำหน่อยครับ
อลงกรณ์
สองปีมานี้หลายคนน่าจะโดนไปเยอะแล้วละครับ เรื่องเครดิตบูโร ถึงแม้ว่าสถาบันทางการเงินจะออกมาบอกว่าขยายเวลาในการจ่ายหนี้ แต่ก็ขยายไม่นานครับ บางเจ้าให้แค่2เดือนเท่านั้น แต่ก็หมดอายุไปนานแล้ว ช่วงปี 64 นี้ ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีออกมาช่วยเหลือเลย แบบนี้คงเลี่ยงไม่ได้หลอกครับ ที่จะจะไม่ติดเครดิต บูโรของสถาบันทางการเงิน
SuSu
เป็นของคู่กันค่ะสำหรับเครดิตบูโรกับการขอสินเชื่อ อยากขอสินชเื่อ่าน ประวัติการชำระเงินของคุณต้องดีด้วย หากเคยค้างชำระหนี้อะไรเอาไว้ มีประวัติที่ไม่ดีอยู่กับเครดิตบูโร อาจต้องทำใจกันหน่อยนะคะ การขอสินเชื่อของคุณจะยากขึ้นค่ะ แต่มันไม่ได้ร้ายแรงมากนักหรอก มีประวัติอยู่ประมาณสัก 3 ปีมั้งคะ หรือว่า 5 ปี ประมาณนี้แหละ