ถึงแม้ว่าการจัดการทางด้านการเงินนั้นจะเป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึกไกลตัวและรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อมีใครพูดถึงประเด็นดังกล่าวขึ้นมา แปลคำว่าคุณต้องการที่จะมีสถานะทางการเงินมั่นคง การบริหารจัดการเงินออมก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตของตนเอง ทั้งอินเทอร์เน็ตและหนังสือแยกความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงินแต่ละเจ้านั้นก็จะมีเทคนิคและวิธีการบริหารจัดการทางการเงินที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่และต้องการจะเริ่มต้นแบบง่ายๆ วันนี้เราก็มีวิธีการเเนะนำวิธีบริหารจัดการเงินออมให้ทุกคนได้ลองทำตามกัน รับรองว่ามันจะช่วยให้คุณมีวินัยทางการเงินและมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงมากขึ้นอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินที่มั่นคง ที่นี่

การเงินมั่นคง คืออะไร

การเงินมั่นคง คืออะไร

การเงินมั่นคง หรือความมั่นคงทางการเงิน (Financial Security) หมายถึง สภาวะที่บุคคลหรือครอบครัวมีความสามารถในการรองรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น มีเงินออมเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในอนาคตและภาวะฉุกเฉิน รวมถึงมีการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสมเพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว โดยมีองค์ประกอบสำคัญ ดังนี้

  1. รายได้ที่มั่นคงและเพียงพอ เช่น มีงานประจำที่มีรายได้สม่ำเสมอ
  2. มีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่สร้างหนี้สินมากจนเกินไป
  3. มีเงินออมสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน อย่างน้อย 3-6 เดือนของรายจ่ายประจำ
  4. มีการลงทุนและสร้างรายได้จากแหล่งอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
  5. มีการวางแผนทางการเงินระยะยาวอย่างเหมาะสม เช่น การออมเพื่อการเกษียณ
  6. มีความรู้และทักษะในการบริหารจัดการการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

การมีความมั่นคงทางการเงินจะช่วยให้บุคคลมีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงและภาวะวิกฤตต่างๆ ได้ดี ลดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเงิน และมีความมั่นคงในการดำเนินชีวิต

ทำไมควรบริหารจัดการเงินออม

ทำไมควรบริหารจัดการเงินออม

มีเงินออมนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเงินออมจะช่วยให้เรามีหลักประกันทางการเงินในยามจำเป็น เช่น เมื่อเจ็บป่วย ตกงาน หรือมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินเกิดขึ้น เงินออมจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องเดือดร้อนหรือก่อหนี้สินเพิ่มเติม นอกจากนี้ เงินออมยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและบรรลุเป้าหมายทางการเงินระยะยาว เช่น การลงทุน การซื้อบ้าน หรือการเกษียณอายุ ด้วยเหตุนี้ การออมเงินอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นนิสัยที่ดี ที่จะช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงทางการเงินให้กับชีวิตของเราในระยะยาว

3 วิธีการบริหารจัดการเงินออมอย่างไรให้มีสถานะทางการเงินมั่นคง

3 วิธีการบริหารจัดการเงินออมอย่างไรให้มีสถานะทางการเงินมั่นคง

อยากเป็นคนรวย นอกจากจะต้องรู้จักออมเงินแล้ว ยังต้องรู้วิธีทำให้เงินออมงอกเงยด้วย วันนี้เราจะพามาดูกันว่าเราควรบริหารจัดการเงินออมอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด

1. การออมก่อนใช้

ปกติหลายคนมักจะเลือกเอาเงินด้วยการใช้เงินก่อนหลังจากนั้นเหลือเท่าไหร่ก็ค่อยนำเอาไปออม แต่ความจริงแล้ววิธีการบริหารจัดการเงินออมในรูปแบบดังกล่าวเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องแต่อย่างไร หากคุณอยากจะมีเงินออมและสามารถกำหนดจำนวนการออมได้สิ่งสำคัญคือจะต้องโอนเงินก่อนใช้เงิน

วิธีการที่ง่ายที่สุดที่เราจะสามารถทำแบบนั้นได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะมีวินัยหรือบังคับตัวเองในการประหยัดเงินได้หรือไม่ ก็คือการเปิดบัญชีฝากประจำกับธนาคารใดก็ได้ตามความต้องการ หลังจากนั้นเราก็ทำการแจ้งธนาคารว่าเราต้องการจะฝากเงินเป็นจำนวนเดือนละเท่าไหร่ซึ่งเราสามารถกำหนดเองได้ตามความเหมาะสม

เมื่อเงินเดือนเข้าธนาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้วธนาคารก็จะนำฝากเงินจำนวนตามที่เราแจ้งเอาไว้เข้าสู่บัญชีฝากประจำโดยอัตโนมัติแต่เงื่อนไขก็คือจะต้องเป็นบัญชีธนาคารเดียวกับธนาคารที่เราใช้รับเงินเดือน หากเราเปิดบัญชีกับธนาคารอื่นที่ไม่ใช่ธนาคารที่เรารับเงินเดือนเราก็จะต้องเป็นผู้นำเอาเงินเข้าไปฝากด้วยตนเอง

ส่วนเงินออมควรเป็นจำนวนเท่าไหร่มีสูตรการคำนวณง่ายๆ นั่นก็คือ ( 1 - ค่าใช้จ่าย / รายได้ ) X 100 สมมุติว่าคุณนั้นมีรายได้รวมต่อเดือนอยู่ที่ 20,000 บาทและมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท ก็จะได้เป็น ( 1 - 15,000 / 20,000 ) X 100 เท่ากับ 25 เปอร์เซ็นต์ จำนวนดังกล่าวเป็นอัตราการออมเงินที่เหมาะสมสำหรับการเก็บในแต่ละเดือนหรือจะปรับใช้ในรูปแบบอื่นที่เหมาะสมก็ได้เช่นเดียวกัน

2. การจัดสรรเงิน

การออมเงินไม่ใช่แค่การนำเอาเงินที่เราต้องการจะเก็บเอาไว้ไปฝากเข้าบัญชีธนาคารเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นแต่เรายังต้องจัดสรรพวกเขาอีกด้วยเพื่อช่วยให้เราสามารถบริหารการเงินได้อย่างเป็นระเบียบมากขึ้นกว่าเดิม โดยเงินออมนั้นควรแบ่งออกเป็น 3 วัตถุประสงค์ประกอบไปด้วยเงินออมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เงินออมสำหรับการใช้จ่าย และเงินออมสำหรับการลงทุน

เงินออมสำหรับการใช้จ่ายเป็นเงินออมที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับเราได้มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเช่นการผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิต การปลดหนี้สินตามความต้องการ หรือจะเป็นเงินออมสำหรับการท่องเที่ยว ค่าเทอมลูก การจ่ายประกันชีวิตก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน

ต่อมาคือแบบฉุกเฉิน เป็นเงินสำหรับเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างเช่นเกิดอุบัติเหตุคนภายในครอบครัวมีอาการเจ็บป่วยกะทันหันมีเหตุที่ทำให้ต้องเสียรายได้ อย่างเช่น การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 เป็นต้น และสุดท้ายคือเงินเพื่อการลงทุนซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว เป็นเงินที่เราจะนำเอามาใช้ลงทุนเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตนเองในอนาคต ควรเป็นเงินเย็นที่สามารถใช้ลงทุนระยะยาวอย่างเช่นการซื้อกองทุนหรือหุ้นเป็นต้น

3. การทำบัญชี

การบริหารการเงินจะไม่มีทางได้ผลหากคุณไม่ทำบัญชีที่ช่วยให้มองเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตนเองได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เพราะเชื่อว่าหลายคนน่าจะสงสัยไม่น้อยว่าเงินเข้ากระเป๋าเดือนนึงหลักหมื่นจะอยู่ได้แค่ไม่กี่วันไม่รู้ว่าพวกมันหายไปไหนจนหมด นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่ทำบัญชีนั่นเอง

การทำบัญชีนั้นในปัจจุบันง่ายมาก จะเขียนลงบนสมุดหรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ช่วยจัดการทางด้านการเงินก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เพราะเราก็พกโทรศัพท์มือถือไปไหนมาไหนอยู่แล้ว ช่วยให้เราสามารถจดบันทึกได้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้เราสามารถมองเห็นค่าใช้จ่ายในแต่ละวันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น รู้ว่าเราใช้เงินหมดไปกับอะไร อะไรที่เป็นสิ่งสำคัญต้องซื้อ อะไรที่ไม่สำคัญแต่เราก็ยังซื้อมา จะช่วยให้เรามีสติในการใช้เงินได้อย่างยอดเยี่ยม

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีบริหารจัดการเงินออม ที่นี่

สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นศึกษาการบริหารจัดการเงินออม ก็สามารถนำเอาวิธีการเหล่านี้ไปใช้ได้เนื่องจากเป็นวิธีการที่ง่ายและไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเหมาะสำหรับคนที่เริ่มต้นอยากเก็บเงินเพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับสถานะทางการเงินของตนเอง หลังจากที่มีเงินออมระยะหนึ่งแล้วก็อย่าลืมศึกษาเรื่องการลงทุนเพื่อให้เงินออมของเรางอกเงยขึ้นมา เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเพิ่มความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้แล้ว หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง