เพื่อน ๆ รู้สึกเหมือนกับดิฉันมั้ยคะว่า เราเริ่มต้นปีใหม่ 2564 ด้วยข่าวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบ 2? ที่ผ่านๆ มาดูเหมือนสถานการณ์บางอย่างเริ่มจะดีขึ้น และเราต่างก็คาดหมายว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม แถมยังแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ! ในฐานะคนทำงานประจำกินเงินเดือน ถ้ามีงานทำเรื่อย ๆ เราก็พออยู่ได้ แต่ถ้าวันไหนเกิดตกงาน ไม่มีงานทำหล่ะจะเกิดอะไรขึ้น? คงจะลำบากแน่นอนเลยใช่มั้ยคะ? ไหนจะค่าจ่ายในแต่ละวัน ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ และค่าอื่น ๆ อีกเยอะแยะ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ซึ่งดูทีท่าจะยืดเยื้อไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะการระบาดในบ้านเราตอนนี้เริ่มกระจายไปทั่วแล้ว ซึ่งผลกระทบที่เราส่วนใหญ่ได้รับเต็ม ๆ เหมือนการระบาดรอบแรกก็หนีไม่พ้นด้านเศรษฐกิจ
ในฐานะพนักงานประจำ ที่เป็นผู้ประกันตน เราส่วนใหญ่ก็เริ่มกลับมากังวลอีกครั้ง เพราะคณะกรรมการควบคุมโรคแต่ละจังหวัดมีมาตรการในการควบคุม และมีการคำสั่งให้หยุดกิจการบางอย่าง มีการกักตัวผู้ใช้แรงงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด ซึ่งการหยุดงานนี้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะตกงานสูงและทำให้ขาดรายได้เพราะธุรกิจของนายจ้างอาจจะได้รับผลกระทบ ในความกังวลที่เกิดขึ้นแต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างนะคะ สำหรับผู้ประกันตน เพราะทาง รัฐบาลเริ่มเล็งเห็นแล้วว่าประชาชนผู้ใช้แรงงานได้รับความเดือดร้อนเต็ม ๆ จึงได้มีนโยบายให้กระทรวงแรงแรงงานมีมาตรการในการเยียวยาอีกครั้งซึ่งก็ถือได้ว่า เป็นการ เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
ในบทความนี้ดิฉันก็เลยนำข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการที่ทางประกันสังคมออกมาในช่วงนี้มาฝากให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันค่ะ เช่น การจ่ายเงินเยียวยา, การลดเงินสมทบ, และการเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร ส่วนรายละเอียดและวิธีใช้บริการ และเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร? ขอเพื่อน ๆ อ่านรายละเอียดในแต่ละมาตรการไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะ
จ่ายเงินเยียวยาในกรณีว่างงาน
มาตรการจ่ายเงินเยียวยา ถือเป็นสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนในกรณีว่างงานโดยเหตุสุดวิสัยที่เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบใหม่ ดูเหมือนว่าความรุนแรงของการแพร่ระบาดมีมากขึ้น จนทำให้รัฐบาลได้มีคำสั่งปิดสถานประกอบการหลายประเภทชั่วคราว และในขณะเดียวกันทางกระทรวงแรงงานโดยสำนักประกันสังคมได้มีการออก กฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยที่มาจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. 2563 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563 ค่ะ
ประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับในฐานะผู้ประกันตนก็คือ ต้องเป็นผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบครบ 6เดือนใน 15 เดือน ซึ่งไม่ได้ทำงานเนื่องจากนายจ้างให้มีการกักตัว หรืออยู่ในระหว่างการเฝ้าระวังการระบาดของโรค หรือไม่ได้ทำงานเพราะนายจ้างหยุดกิจการชั่วคราว ทั้งที่เป็นคำสั่งจากทางราชการ หรือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้ลูกจ้างไม่ได้รับเงินค่าจ้าง
ส่วนผลประโยชน์ทดแทนที่จะได้รับในกรณีว่างานนั้นอยู่ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวันโดยจะได้รับตลอดเวลาที่มีการกักตัว หรือ มีคำสั่งปิดกิจการทั้งหมดรวมกันไม่เกิน 90 วันค่ะเพื่อจะได้รับเงินทดแทนในกรณีว่างงานลูกจ้างต้องกรอกแบบคำขอรับผลประโยชน์ทดแทน (สปส. 2-01/7 ) แล้วส่งให้นายจ้างแนบสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากด้วย ส่วนนายจ้างมีหน้าที่รวบรวมแบบคำขอรับผลประโยชน์ทดแทนของลูกจ้าง และทำการบันทึกข้อมูลในระบบ e-Service แล้วก็ส่งแบบคำขอนั้นส่งไปยังสำนักงานประกันสังคม ถ้าหากข้อมูลถูกต้องทางประกันสังคมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ภายในเวลา 5 วันค่ะ
ลดเงินสมทบ
สำหรับมาตรการลดเงินสมทบถือได้ว่าเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายทั้งผู้ประกันตนและผู้ประกอบการ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 รวม 3เดือน ผู้ประกันตน มาตรา 33 เหลือร้อยละ 3 สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 39 ลดลงเหลือ 278 บาท
การออกเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทน ในกรณีที่เสียชีวิต ทุพพลภาพ ประสบอุบัติเหตุ และคลอดบุตร โดยรัฐบาล นายจ้าง แลผู้ประกันตน จ่ายอัตราสมทบ 1.05% จากเดิม 1.5% ค่ะ
กรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ รัฐบาลจ่ายเงินสมทบจากเดิม 1% เป็น 1.45% ส่วนนายจ้างและผู้ประกันตนจ่าย 1.85%จากเดิม 3 %
กรณีว่างงานรัฐบาลจ่ายเงินสมทบเท่าเดิมคือ 0.25% นายจ้างและผู้ประกันตนจ่าย 0.1% จากเดิม 0.5% ค่ะ
เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร
เมื่อพ่อแม่ตกงาน ขาดรายได้ ครอบครัวจะต้องประสบปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน เพราะรายจ่ายเท่าเดิมหรืออาจจะมากขึ้นในขณะที่รายได้ลดลง เด็ก ๆ ต้องได้รับผลกระทบตามมาไปด้วยอย่างแน่นอน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกันตนทางกระทรวงแรงงานมีมติเห็นชอบให้มีการปรับเพิ่มประโยชน์ทดแทน โดยเพิ่มอัตราการจ่ายผลประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายจากเดิม 600 บาทต่อคน / เดือน เพิ่มเป็น 800 บาทต่อคน / เดือน สำหรับบุตรที่อายุไม่เกิน 6 ปีไม่เกิน 3 คน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไปค่ะ โดยทางสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินในส่วนที่ปรับเพิ่มของงวดเดือนมกราคม 2564 ในวันที่ 30เมษายน 2564 เพราะระบบตัดจ่ายเงินกรณีสงเคราะห์บุตรของสำนักงานประกันสังคม ได้กำหนดให้ตัดจ่ายย้อนหลัง 3 เดือน เพื่อปรับฐานข้อมูลของผู้ประกันตนให้ถูกต้องก่อนการตัดจ่ายค่ะ
นอกจากจะเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรแล้วทางประกันสังคมยังได้ปรับเพิ่มค่าฝากครรภ์ให้อีกเป็น 5 ครั้งรวมเป็นเงิน 1,500 บาทจากเดิม 3 ครั้ง (1,000 บาท ) เพื่อให้คุณลูกในท้องมีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงคุณแม่จะต้องได้รับการตรวจร่างกายอย่างสม่ำเสมอ และยังมีการเพิ่มค่าคลอดบุตรให้อีกจากเดิม 13 ,000 บาท เพิ่มเป็น 15,000 บาท และยังมีเงินสงเคราะห์กรณีหยุดงานเพื่อคลอดบุตรให้อีกร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นเวลา 90 วันไม่เกิน 2 ครั้ง
โควิดมารอบนี้ผู้ประกันตนมีที่พึ่งแล้ว
เพื่อน ๆ รู้สึกยังไงกันบ้างคะ? สำหรับนโนบายการช่วยเหลือของทางรัฐบาลผ่านทางสำนักงานประกันสังคมที่มีมาตรการออกมาช่วยเหลือในการแบ่งเบาภาระเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และรายได้ที่ลดลงเนื่องจากการว่างงานชั่วคราวเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบใหม่ ทั้งการการให้เงินเยียวยากรณีว่างงานร้อยละ 50 ของค่าจ้าง , การลดเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 เหลือ 3% และผู้ประกันตนมาตรา 39 เหลือ 278 บาท รวมไปถึงการเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรขึ้นมาเป็น 800 บาท มีการเพิ่มค่าฝากครรภ์เป็น 1,500 บาท และค่าคลอดบุตร 15,000 บาท เพื่อน ๆ คงจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างใช่มั้ยคะ? ถึงแม้ความช่วยเหลือจะไม่มากและในระยะเวลาสั้น ๆ แต่อย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาได้ทำใจบ้างแหล่ะ ถ้าเราว่างงาน อย่างน้อย 3 เดือนก็ยังได้เงินมาใช้ตั้ง 20, 000 กว่าบาทเลยนะคะ
ถึงแม้สถานการณ์ต่าง ๆ มันจะแย่ลงไป แต่ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมองทุกอย่างตามความเป็นจริงเราก็จะมีความสุขมากขึ้น และเราก็หวังว่าทางรัฐบาลจะมีวิธีช่วยเหลือประชาชนออกมาเรื่อย ๆ ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะ!
Weerachon268
ผมมาเจอบทความนี้ตอนใกล้จะสิ้นปี 2564 ละ เป็นอย่างที่บทความนี้บอกจริงๆ ประกันสังคมช่วยผู้ประกันตนอย่างที่บทความนี้บอกเลย ถือว่าช่วยได้อยู่นะครับ พอบรรเทาความทุกข์ใจไปได้บ้าง แต่หลายคนก็หวังให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมโดยเร็วที่สุด ยังไงซะเราก็อยากทำงานกันอย่างปกติ เหนื่อยหน่อยแต่มีเงินเลี้ยงชีพได้ดี มันดีกว่าอยู่แล้วละครับ
ไกรวิทย์
คนที่ทำงานประกันสังคม อาจจะน้อยใจในเรื่องการเยียวยาในช่วงโควิด-19แน่นอนครับ อย่างล่าสุดที่เขาจ่ายเงินเยียว ก็ให้แค่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ประมาณ 20 จังหวัดได้ไหมครับ แถมคนที่มีประกันสังคม ม.33 ได้รับเงินเยียวยา แค่ 2,500 บามเอง ให้น้อยมากเลยนะครับ คนทำงานทั่วไปได้เยอะกว่าอีกนะครับทั้งๆที่ผลกระทบมีเหมือนกัน
/ตังเมตังเม/
ในปีหน้าจะมีมาตราการช่วยเหลือคนที่มีประกันสังคมมั้ยอะคะ ปีนี้ก็มีหลายอย่างนะที่ช่วยได้ แต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกว่ายังไม่ครอบคลุมหรือว่าได้รับการช่วยเหลือน้อยกว่าคนทำงานรูปแบบอื่น มีมาตราการต่างๆมาช่วยเหลือกันก็ดีค่ะ พอให้มีแรงอดทนทำงานและสู้กันต่อไป เศรษฐกิจแบบนี้มันก็พูดยากอะนะ รายได้ที่เคยมีมันก็ไม่แน่นอนหรอก
สันติชัย
ตอนที่โควิดมารอบที่3 ผมก็ไปสมัครประกันสังคม ม.40 นะครับ ได้เงินเยียวยาจากทางประกันสังคมมา 5,000 บาท แต่ของแฟนผม เป็นประกันสังคม ม.33 ได้มาแค่ 2,500 บาทเท่านั้นเอง อยากทราบจังครับว่าทำไมการเยียวยาที่ประกันสังคมจ่ายถึงได้ไม่เท่ากันละครับ จะบอกว่าของแฟนมีเงินเดือนก็ไม่น่าจะใช้นะ เพราะ ม.40 บางคนเงินดีกว่าแฟนผมอีก
ชมนาด
นั้นสิทำไมเขาไม่จ่ายเงินเยียวยาให้เท่าๆกัน เหมือนโครงการเรา รักกัน เราไม่ทิ้งกันละ มาแบ่งจ่ายแบบนี้ มันไม่ค่อยจะยุติธรรมเท่าไรเลย เขาทราบไหมว่าคนที่ทำงานประจำ ก็ได้รับผลกระทบไม่ต่างจากคนที่ทำงานทั่วๆไปหลอก บ้านก็ต้องเช่า ค่าน้ำค่าไฟฟ้าก็ต้องจ่ายเหมือนกัน บ่นไปก็เท่านั้นแหละเราว่า ยังไงถ้าปี65มีเยียวยาอีกให้มันเท่าๆกันหน่อยนะ
-กรจิรา-
คิดว่าเราคงต้องอยู่กับโรคระบาดนี้ไปอีกนานนะคะ ตอนนี้ทำได้แค่ฉีดวัคซีนป้องกันไปก่อน แล้วก็ระมัดระวังตัวเองเมื่อออกจากบ้าน ช่วงแรกๆหลายคนปฏิบัตรการป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด แต่ตอนนี้อาจจะมีแผ่วลงไปบ้างแล้ว ยังไงก็อย่าแผ่วลงมากนะคะ เพราะว่าเชื้อโรคยังอยู่รอบๆตัวเรานี่แหละ ป้องกันให้ดีเหมือนเมื่อก่อนดีกว่าค่ะ
฿฿
คิดว่าสำหรับประกันสังคมถ้าเป็นเงินเยียวยาก็โอเคอยู่นะ แต่ผมไม่ค่อยชอบมาตราผู้ประกันตนเลยอ่ะ (มาตรา40) เพราะสิทธิ์ก็ยังคงเป็นคล้ายกับบัตรทอง อยากจะไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนก็ไม่ได้เหมือนประกันสังคมมาตราอื่น แถมทำฟันก็ไม่มีต้องควักเงินเอง สำหรับผม ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้เค้าน่าจะให้เลือกจ่ายได้มากกว่านี้นะ