ผมทราบดีว่าเพื่อนๆนักเล่นหุ้นอาชีพคงจะรู้จักกับ MACD กันดีอยู่แล้ว แต่กับมือใหม่หรือผู้ที่มีความคิดที่อยากจะหันมาลองเล่นหุ้น ก็คงจะไม่รู้จักหรือคุ้นสักเท่าไรก็ถือสะว่าเป็นการศึกษาหาข้อมูลการเล่นหุ้นไปในตัวนะครับ เพราะในบทความนี้ผมจะมาแนะนำเพื่อนๆทุกคนให้มารู้จักกับอีกหนึ่งตัวช่วยในเรื่องการเล่นหุ้น ซึ่งจริงๆแล้วตัวช่วยในการให้เพื่อนๆเล่นหุ้นได้ง่ายขึ้นนั้นก็มีอยู่ด้วยกันหลายตัว แต่ในวันนี้ สิ่งที่ผมนำมาแนะนำก็จะเป็น MACD ผมอยากจะให้เพื่อนๆทุกคนได้รู้จักกับ MACD ว่า MACD คืออะไร ประโยชน์ของ MACD สิ่งที่ต้องระวังเมื่อใช้ MACD สิ่งเหล่านี้จะถูกอธิบายเอาไว้ในบทความนี้ทั้งหมดถ้าเพื่อนๆอยากจะรู้รายละเอียดแล้วไปดูกันเลยครับ
MACD คืออะไร?
หัวข้อแรกเลย MACD คืออะไร? ตอบ MACD เป็นอักษรย่อที่มาจาก Moving Average Convergence Divergence ที่มาเป็นตัวช่วยเรื่องหุ้น ซึ่ง MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence ได้ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรก โดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวญี่ปุ่น เมื่อ ปี พ.ศ. 2513 และถูกนำมาใช้ เพื่อบอกว่าถึงความแข็งแกร่งของหุ้นก่อนที่จะทำการเทรด Forex ซึ่งหน้าที่หลักๆของ MACD ที่สำคัญ คือถูกนำมาใช้ในรูปแบบเป็นตัวชี้วัดหรือตัวปงชี้ (Indicator) เป็น Momentum และ Trend-Follow ที่เข้ามาคำนวณค่าเฉลี่ยราคา 3 ส่วน ได้แก่ MACD Line, Signal Line และ MAC Histogram
และสำหรับเพื่อนๆที่ไม่เข้าใจว่า Momentum และ Trend-Follow คืออะไร คำตอบ คือ Momentum เป็น ความแข็งแกร่งของการเคลื่อนที่ของราคาในทิศทาง ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีการเคลื่อนที่ของราคาเป็นการเคลื่อนที่ขึ้นก็จะเท่ากับไม่มีการเปลี่ยนทิศทางมีความแข็งแกร่ง แต่ถ้ามีการเลื่อนที่ของราคาเป็นการเคลื่อนที่ลงก็จะเท่ากับว่ามีการเปลี่ยนทิศทางหรือเรียกว่ามีทิศทางที่ไม่แข็งแกร่งนั้นเอง และ Trend-Follow คืออะไร ตอบ Trend-Follow เป็นการเล่นหุ้นรูปแบบตามแนวโน้ม เช่น มีสมมุติฐานว่าหุ้นอยู่ในแนวโน้มขึ้นก็จะเล่นหุ้นตามขึ้นไปจนกว่าแนวโน้มจะมีการเปลี่ยนแปลง และด้วยจุดเด่นทั้งสองอย่างนี้ทำให้ MACD เป็น Indicator ที่มีมานานแล้วแต่ในปัจจุบันก็ยังเป็น Indicator ที่ได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมอยู่ ณ ทุกวันนี้
ประโยชน์ของ MACD และการนำไปใช้
แน่นอนว่า MACD เป็นตัวช่วยที่จะเข้ามาช่วยเพื่อนๆในการตัดสินใจซื้อขายหุ้น เพราะฉะนั้นประโยชน์ก็จะเป็นเกี่ยวกับการลงทุนหุ้น ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากถ้าเพื่อนๆนำมาใช้ได้อย่างถูกวิธี โดยเฉพาะในการลงทุนหุ้นระยะสั้นและระยะกลาง เพราะ MACD จะช่วยเพื่อนๆให้หาจุดเข้าซื้อและขายของราคาหุ้นได้ จากการบอก Momentum และ Trend-Follow ส่วนทางด้านของวิธีการนำไปใช้ ก็จะแบ่งออกไปได้ 3 วิธีด้วยกัน ได้แก่
การใช้ Indicator MACD เพื่อบ่งบอกแนวโน้ม
ใช้ Indicator MACD เพื่อบ่งบอกแนวโน้มด้วยการดูจากเส้น MACD Line ให้สังเกตจากช่วงกลางระหว่างด้านบนกับด้านล่าง หรือด้านบวกกับด้านลบ โดยบริเวณที่อยู่ด้านบนเรียกว่า Bullish zone ส่วนบริเวณด้านล่างเรียกว่า Bearish Zone ระหว่างอาณาเขต Bullish zone (ด้านบน) และอาณาเขต Bearish Zone (ด้านล่าง)จะมีช่วงกลางที่เป็นที่ขั้นมีลักษณะคล้ายๆเป็นเส้นแดน ซึ่งตรงนี้เรียกว่า Zero Line ในการบ่งบอกแนวโน้มก็คือ ถ้าเส้น MACD Line อยู่ในบริเวณที่ต่ำกว่า Zero Line ก็คืออยู่ในช่วงแนวโน้มขาลง ตรงกันข้าม ถ้าเส้น MACD Line อยู่บริเวณที่สูงกว่า Zero Line ก็คือแนวโน้มขาขึ้นนั่นเอง
การใช้ Indicator MACD เพื่อบอกจังหวะซื้อ-ขาย
ใช้ Indicator MACD เพื่อบอกจังหวะซื้อ-ขายโดยใช้เส้น MACD Line ร่วมกับ MACD Signal ซึ่งจะมีวิธีการอ่านดังนี้
ถ้าเส้น MACD Signal ทะลุเส้น MACD Line ขึ้นไป นั่นคือจุดที่ควรซื้อ
แต่ต้องดูเส้น MACD Histogram ประกอบด้วย คือเส้น MACD Histogram ต้องอยู่เหนือเส้น Zero Line ขึ้นไป (Bullish zone) กรณี ถ้าเส้น MACD Histogram ยังอยู่ด้านล่าง หรือต่ำกว่าเส้น Zero Line (น้อยกว่าศูนย์) ควรรอจนกว่ามันจะขึ้นมาตามทิศทางเดียวกันแล้วจึงค่อยซื้อ
ถ้าเส้น MACD Signal ทะลุเส้น MACD Line ลงมา นั่นคือจุดที่ควรขาย
แต่ต้องดู MACD Histogram ประกอบด้วย คือเส้น MACD Histogram ต้องอยู่ต่ำกว่าเส้น Zero Line ลงมา (Bearish Zone) กรณี ถ้าเส้น MACD Histogram ยังอยู่ด้านบน หรือสูงกว่าเส้น Zero Line (มากกว่าศูนย์) ควรรอจนกว่ามันจะต่ำลงมาตามทิศทางเดียวกันแล้วจึงค่อยขาย
การใช้ Indicator MACD เพื่อบอก Momentum ของราคา
ใช้ Indicator MACD เพื่อบอก Momentum ของราคาโดยแยกออกเป็นสองส่วนได้แก่
- Convergence หมายถึง ราคา กับ momentum ของ MACD ที่ไปทิศทางเดียวกัน
- Divergence หมายถึง ราคา กับ momentum ของ MACD ที่ขัดแย้งไปคนล่ะทางกัน
สิ่งที่ต้องระวังเมื่อใช้ MACD
สิ่งที่เพื่อนๆนักลงทุนจะต้องระวังเมื่อใช้ MACD คือ ค่า MACD ที่ต่ำกว่า 0 เพราะมันจะทำให้เพื่อนๆอ่านค่าก่อนลงทุนผิดพลาด ซึ่งวิธีที่ดีที่สุด คือ พยายามให้ค่าของ MACD อยู่มากกว่า 0 แล้วค่อยลงทุน เพื่อที่เพื่อนๆจะได้ลดความเส่ยงในการลงทุนลง และที่สำคัญการอ่านค่า MACD ควรอ่านคู่กับค่าตัวอื่นด้วย เช่น RSI ซึ่งสิ่งที่ผมได้นำมาแนะนำให้กับเพื่อนๆในวันนี้ก็เป็นวิธีการเล่นหุ้นในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็เป็นการลงทุน และแน่นอนว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเพื่อนๆจะต้องบริหารความเสี่ยงกันเองเอง ซึ่งถ้าจะให้ดี ผมแนะนำใหเพื่อนๆมือใหม่หรือคนที่ไม่เคยลงทุนในหุ้นศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อนจะเริ่มลงทุนกันนะครับ เพื่อที่จะได้ไม่ขาดทุนเวลาลงทุนไปแล้ว
-ติ๊ดตี่ติ๊ดตี่-
โอ้โห นี่แค่เรื่องเดียวนะครับยังมีประวัติกันมายาวนานขนาดนี้ กว่าจะเล่นหุ้นจนได้กำไรคงไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเองยังไม่เคยลงทุนในหุ้นสักครั้ง ได้แต่ฟังเพื่อนๆเขาคุยกัน บางคนลงทุนกับหุ้นในประเทศ บางคนลงทุนในหุ้นต่างประเทศ คงแล้วแต่ความถนัดละมั้งครับ เพราะว่าต้องติดตามตลอดด้วยไม่อย่างนั้นอาจขาดทุน แต่ผมเองยังไม่กล้าลงทุนสักที
ลูกหมี
@k.-ติ๊ดตี่ติ๊ดตี่- เหมือนกันเลยค่ะเราเองก็ไม่กล้าที่จะลงทุนหุ้นเหมือนกันเพราะว่าไม่ค่อยมีความรู้ เคยได้ยินมาว่าเล่นหุ้นมันดีอย่างนั้นดีอย่างนี้เล่นแล้วร่ำรวย แต่เราว่ามันก็เป็นส่วนน้อยนะไม่ใช่ทุกคนที่เล่นแล้วจะรุ่ง ร่วงเยอะก็มีเหมือนกัน คือคนจะเล่นต้องศึกษาดีมากๆเลยเเละก็ต้องเรียนรู้ต้องทุ่มเท ซึ่งเราเองคงจะทำอย่างนั้นไม่ได้แน่ๆก็เลยไปลงทุนกับอย่างอื่นแทน
กนกพล
Moving Average Convergence Divergence เหรอ นักลงทุนต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้เหรอ แล้ว เราภาษาอังกฤษ ก็ไม่ค่อยจะเก่งสักเท่าไรด้วย ไม่ทราบว่ามีที่ไหนที่เขาสอนเรื่องพวกนี้เป็นภาษาไทยบ้างไหม อยากเรียนรู้นะ แต่ไม่ค่อยรู้ว่าที่ไหนเขาสอนเรื่องพวกนี้บ้าง เรานะพร้อมที่จะลงทุนแบบนี้แต่ติดอย่างที่บอกเลย ไม่รู้เรียนที่ไหน
ลูกท้อ
@กนกพล ถ้ายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นหุ้นอย่าเพิ่งไปเล่นนะคะ คุณลองไปศึกษาดูก่อนไม่ว่าจะเป็นใน YouTube หรือจะเป็น เรียนรู้มากขึ้นในตลาดหลักทรัพย์ และซื้อหนังสือมาให้ดูก่อน จริงๆการที่เราศึกษาไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อนเนี่ยจะช่วยให้เรารู้จริงๆนะคะว่าเราโอเคไหมกับการเล่นหุ้น เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ถ้าเล่นไปแล้วแล้วมันจะต้องเสียเนี่ยมันจะไม้คุ้ม