ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า ช่วงเวลาใดถึงจะดีที่สุด!

หากประกันรถของใครใกล้หมดอายุ หรือ ลืมจนขาดต่อซะงั้น แล้วดั๊นชะล้าใจ คิดว่า ขับๆไปก่อนแป๊ปเดียวไม่เป็นไรหรอก พอเอาเข้าจริงอุบัติเหตุถามหาขึ้นมาจะยิ่งสร้างความเจ็บปวดใจไปซะเปล่าๆ ดังนั้น การต่อประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้าจึงเป็นเกาะป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับเราค่ะ

มีเหตุผลอะไรบ้างที่เราควรต่อประกันรถล่วงหน้า ลืมต่อ แล้วปล่อยขาดไปควรทำไงดี ต่อล่วงหน้านานเท่าใดจึงจะเหมาะสม พร้อมทริคที่จะทำให้คุณได้ส่วนลด บทความนี้ มีคำตอบแน่นอนค่ะ

เหตุผลที่ไม่ควรปล่อยให้ประกันรถยนต์ขาด

อย่างแรกเลยและสำคัญมาก ก็คือ เราจะได้ความคุ้มครองที่ต่อเนื่องในแบบยาวๆไม่สะดุด เซฟไว้ก่อนก็ปลอดภัยกว่า โดยไม่ต้องปล่อยเวลามานั่งรอด้วยว่าประกันจะอนุมัติครอบคลุมทันเวลาใช้รถรึป่าว

และการคิดเผื่อไว้ล่วงหน้าสำหรับประกันรถยนต์ ก็เป็นเหมือนการวางแผนค่าใช้จ่ายให้คล่องตัวขึ้น ลดปัญหาการใช้เงินแบบเดือนชนเดือน หรือกังวลว่าจะไม่มีเหลือมาปิดในส่วนนี้เมื่อถึงเวลาจริงๆ เพราะถ้าดั๊นฟลุ๊คขึ้นมาเจออุบัติเหตุ ประกันก็หมด เงินสดก็ไม่มีพอดี ได้งานเข้าของจริงแน่นอน.. การจัดสรรค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้าก็จะทำให้เราไม่ติดขัดเมื่อประกันหมดอายุค่ะ

นอกจากนี้ ถ้าเรามีเวลาตัดสินใจในการต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้าก่อนหมดอายุ ก็จะทำให้มีเวลาให้การเปรียบเทียบ และเลือกโปรโมชั่นในแผนประกันที่ถูกใจจากหลายๆที่ก่อน ได้เช็คว่าค่าเบี้ยประกันตรงนี้จะเหมาะกับรถเราจริงๆมั๊ย จะได้ไม่พลาดสิ่งที่ดีกว่าค่ะ

ปิดท้ายด้วยเหตุผลที่เราไม่ควรปล่อยให้ประกันภัยรถยนต์หมดอายุลง ก็เพราะว่าจะทำให้ต้องเสียเวลาโดยไม่จำเป็นในการตามหาประกันภัยตัวใหม่ให้ทันท่วงที อาจถึงกับจะต้องใช้เวลางานหรือเวลาที่จำเป็นสำหรับกิจธุระอื่น แต่ถ้าเพื่อนๆ เลือกต่อประกันภัยรถยนต์ไว้ก่อนล่วงหน้า ก็จะมีเวลามากพอให้ดำเนินการได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่ต้องร้อนใจค่ะ

จะรู้ได้ไงว่าประกันใกล้หมด และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้

หลายคนอาจกลัวลืมช่วงเวลาที่เราจะต้องต่อประกันรถยนต์ หรือ พอรู้ตัวอีกทีก็อาจจวนจะถึงอยู่แล้ว

ดังนั้น จึงมีวิธีที่ทุกคนจะสามารถเช็คได้ง่ายๆว่าประกันรถยนต์ของเราใกล้หมดอายุหรือยัง ใน 2 วิธี ต่อไปนี้

• โทรไปสอบถามกับทางตัวแทนประกันรถยนต์ที่ใช้อยู่โดยตรง เพื่อให้เค้าเช็ครายละเอียดให้
• ดูจากสติ๊กเกอร์ประกันรถที่ติดอยู่บนกระจกรถด้านหน้า ซึ่งจะระบุวันที่เมื่อประกันสิ้นสุดความคุ้มครองเอาไว้

โดยเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ สำหรับการต่อประกันรถยนต์ จะประกอบไปด้วย สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาหนังสือเดินทางของเจ้าของรถ, สำเนาคู่มือรถยนต์หน้าปัจจุบัน (เล่มสีฟ้า), สำเนาใบขับขี่ของผู้ที่ระบุชื่อในกรมธรรม์ และ สำเนากรมธรรม์เดิม (ถ้ามี) ค่ะ

ถ้าลืมต่อเอาซะงั้นล่ะ?!

เคสต่อมาที่บางอาจเป็นกันได้ คือ การลืมต่อประกันนี่แหละค่ะ! ซึ่งหากรถยนต์ของเราประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนขึ้นมาในเวลานั้น ค่าใช้จ่ายต่างๆ จะตกเป็นของเราเองเอาซะทั้งหมด ยิ่งถ้าเป็นฝ่ายผิดด้วยแล้วซ่อมทั้งเขาซ่อมทั้งเรางานเข้าแน่ๆ

ถ้าลืมแล้ว ควรทำยังไงต่อดี?! ก็ต้องรีบเลยค่ะ ขอให้รีบไปต่อประกันรถยนต์ทันทีที่นึกออก.. เพราะอุบัติเหตุนั้นมาทีก็ไม่เคยบอกกล่าว การทำประกันรถยนต์เร็วขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งจะอุ่นใจมากขึ้นเท่านั้น หรือหากใครจะเลือกซื้อประกันบนช่องทางออนไลน์ก็สะดวกค่ะ ซื้อปุ๊บคุ้มครองปั๊บก็ทำได้ในบางที่ โดยจะมีกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Policy ส่งมาให้เพื่อใช้ในการเคลมประกันค่ะ

การต่อประกันล่วงหน้าที่ไหนดี และแต่ละเคสที่เราเลือกได้..

คำถามยอดฮิตว่า เราควรจะเลือกช่วงเวลาในการต่อประกันรถยนต์จึงจะถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด? คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคนเลยค่ะ.. แต่อย่างที่ได้บอกไปบ้าง ยิ่งเรามีเวลาต่อล่วงหน้านานแค่ไหนก็จะมีเวลาในการเปรียบเทียบและเช็คเบี้ยประกันที่เหมาะสมมากขึ้น รวมถึงการวางแผนเงินค่าใช้จ่ายตรงนี้กันด้วย

โดยบางท่านอาจชอบเลือก ต่อประกันรถยนต์กับบริษัทเดิม ก็จะง่ายหน่อยเพราะเจ้าหน้าที่จะชอบโทรติดต่อเข้ามาล่วงหน้าก่อนประกันหมดอายุสัก 1-2 เดือน เพื่อถามว่าจะคอนเฟิร์มต่อกันเขาอยู่รึป่าว

ถ้าใครพอใจอยากใช้ความคุ้มครองเดิม หรือเปลี่ยนความคุ้มครองใหม่ เพื่อการปรับเพิ่ม/ลดค่าเบี้ย ก็บอกกล่าวเขาไปได้ ..ยิ่งถ้าเราเป็นลูกค้าประวัติดี ไม่ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก็จะมีโอกาสจ่ายค่าเบี้ยประกันที่ถูกลงไปได้อีกค่ะ

หรือใครอยากลองขอใหม่.. ต่อประกันรถยนต์กับบริษัทใหม่ เพราะค่าเบี้ยประกัน หรือโปรโมชั่นส่วนลดต่างๆ ก็จะต้องเช็คระยะเวลาว่าที่ใหม่ควรต่อล่วงหน้ากี่เดือน เพราะบริษัทใหม่ บริษัทเก่าอาจจะไม่ลิ้งค์กันเท่าไหร่นัก และดูว่ามีศูนย์บริการ อู่ซ่อม รึระบบการเคลมที่คุ้มครองได้อย่างตรงใจเราที่สุด.

ไม่พอเท่านี้.. เรายังได้รวบรวมช่วงเวลาในแต่ละเคสที่ถูกพูดถึงกันบ่อย มาให้เพื่อนๆเล็งกันด้วย คือ..

ต่อประกันรถ ล่วงหน้า 1 วัน

ลืมเวลา จนมาต่อแบบกระชั้นชิดก็ไม่ผิดอะไรค่ะ โดยมีข้อดีคือ เราจะได้รับความคุ้มครองทันทีหลักจากที่ชำระเบี้ยประกันเรียบร้อย ส่วนข้อเสียจะอยู่ตรงที่ไม่ได้เปรียบเทียบแบบประกันก่อนหรือเช็คค่าเบี้ยที่ถูกใจ เค้าให้โปรโมชั่นอะไรมาก็ต้องรับหมด และผ่อนไม่ได้ต้องจ่ายสดนะสิ..

ต่อประกันรถล่วงหน้า 1 เดือน

บางคนยังบ่นอยู่นะคะว่า 1 เดือนอาจน้อยไป แต่ในข้อดีก็คือ เรายังพอมีเวลาในการเลือกโปรโมชั่นได้นิดหน่อย เปรียบเทียบบริษัทเก่ากับบริษัทใหม่ที่เล็งอยู่ จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้แต่จะต้องจ่ายเบี้ยแบบเต็มราคาเพราะไม่มีช่วงเวลาให้ทยอยจ่ายเงินก่อนที่กรมธรรม์เดิมจะหมดอายุ

ต่อประกันรถล่วงหน้า 3 เดือน

ช่วงเวลานี้หลายคนบอกว่าดีที่สุด.. เพราะเราจะมีเวลาในการเลือกเฟ้นหาบริษัทประกัน อัตราเบี้ยประกัน และโปรโมชั่นต่างๆได้อย่างเต็มที่ แถมยังสามารถเลือกการผ่อนชำระเบี้ยประกันภัยรถยนต์ผ่านบัตรเครดิตได้แบบ 0% แต่จะต้องเช็คให้ดีว่ากรมธรรม์เดิมจะยังไม่หมดอายุลงไปเสียก่อนที่ประกันตัวใหม่จะเริ่มคุ้มครอง และเลือกผ่อนนานสุดได้แค่ 3 เดือน ซึ่งด้วยระยะเวลานี้บางคนก็อาจยังมองว่าเป็นยอดการจ่ายเงินต่องวดที่เยอะอยู่ดีค่ะ

ต่อประกันรถล่วงหน้า 6 เดือน

ช่วงเวลาตั้งครึ่งปีแบบนี้ จะนานเกินไปมั๊ย.. จะบอกว่ามีหลายคนที่เลือกต่อประกันรถล่วงหน้า 6 เดือนอยู่เหมือนกัน เพราะจะมีเวลาให้โบรกเกอร์ประกันภัยในหลายๆที่จัดข้อเสนอดีๆ และโปรโมชั่นมาให้เลือกจนกว่าจะเจอแหล่งที่ใช่ แถมสิทธิ์ในการผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิตก็ยังเลือกผ่อนได้ 0% นาน 6-10 เดือน ให้ทยอยจ่ายได้แบบยาวๆ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ในตัว คือ การจ่ายเงินล่วงหน้านานแบบนี้บางคนอาจเสียดายเพราะยังอยากเอาไปหมุนต่อก่อนนะสิ

อย่าลืมต่อประกันรถยนต์และไม่ให้ปล่อยขาด.. เพราะมีเหตุผลดีๆรอเราอยู่!

อยากจะบอกทุกคนว่า ถึงเราจะเลือกช่วงเวลาใดในการต่อประกันรถล่วงหน้าแบบที่สะดวกที่สุด เช่น ต่อล่วงหน้านาน 6 เดือน, 3 เดือน, 1 เดือน หรือแม้กระทั่ง 1 วัน ก่อนที่ความคุ้มครองหมดลง.. ก็อย่าลืมว่าจะต้องต่อ พ.ร.บ. ให้เรียบร้อยกันด้วย เพราะถือเป็นประกันรถยนต์ภาคบังคับที่ต้องมีเพื่อการต่อทะเบียนรถยนต์ค่ะ

และในยุคนี้ไม่มีลูกค้าคนไหนอยากถูกมัดมือชกให้ซื้อแน่ๆ เราอยากจะมีอิสระในการเลือกให้ได้มากที่สุดการต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า จึงทำให้เราสามารถเลือกช่วงเวลาในการชำระเงินและเช็คโปรโมชั่น-ของแถมที่ถูกใจกันได้มากขึ้น. เหนือสิ่งอื่นใด คือ อย่าปล่อยให้ประกันรถยนต์ขาดเลยเชียว เพราะหากเราชะล้าใจ ปัญหาการเงินอาจจะตามมาพร้อมกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ดังนั้น การกอดประกันรถยนต์ให้คุ้มครองอย่างอุ่นใจแบบต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนควรมีค่ะ