“พอล ภัทรพล” หรือ ภัทรพล ศิลปาจารย์ พระเอกชื่อดังแห่งวงการบันเทิงที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก แม้มีชีวิตที่รุ่งโรจน์ในวงการบันเทิงมานานแต่เขาคนนี้ก็ได้ตัดสินใจเกษียณอายุในการทำงานในวัยเพียง 35 ปี แล้วก้าวเข้าสู่การเป็นนักลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างเต็มตัว ด้วยความที่พอมีความสนใจด้านธุรกิจเป็นทุนเดิมจะได้จบการศึกษาเอกการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศมา ทำให้เขาเลือกที่จะสานฝันในการทำงานเป็นทั้ง Influencer นักลงทุน นักธุรกิจ ที่ปรึกษาทางการเงินรวมถึงเป็นนักเขียนการเงินและการลงทุนระดับตัวท็อปอีกด้วย
จากนักแสดงชื่อดังสู่นักลงทุนชั้นเซียน
คุณพอล ในวัยเด็กเกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง แต่ด้วยวิกฤตทำให้ที่บ้านของเขาต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงิน เขาจึงเริ่มมีแนวคิดที่จะอยากมีเงินที่มั่นคงมากขึ้นโดยไม่ต้องทำงานกันตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้เขาแล้วเขาเริ่มคิดว่าเมื่อเขามีเงินสักก้อนจากการทำงานในอาชีพนักแสดงเขาจะเอาไปทำอะไรต่อเพื่อให้มันงอกเงยผลตอบแทนขึ้นมาเรื่อย ๆ ระหว่างที่ทำอาชีพนักแสดงเขามีเงินเก็บแต่ไม่ได้นำไปต่อยอดทำอะไร จนกระทั่งเริ่มต้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในทำเลทองอย่างทองหล่อก่อน เป็นรายได้แบบ Passive Income จากการเช่าที่แล้วจึงค่อย ๆ พัฒนามาเริ่มเปิดพอร์ตหุ้นจากคำแนะนำจากคนใกล้ตัว
เมื่อไม่มีความรู้ก็ไม่สามารถตัดสินใจในการลงทุนเองได้ในช่วงแรกเขาจึงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินช่วยเลือกหุ้นให้ตลอด ต่อมาจึงเริ่มศึกษาจากการอ่านหนังสืออย่างหนัก ทำให้เข้าใจเรื่องของคุณเชิงลึกมากขึ้นว่ามีทั้งแบบที่เป็น Trader หรือนักลงทุน VI ที่เน้นให้คุณค่าในหุ้นและการลงทุนระยะยาว จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้าวสู่การเป็นนักลงทุนด้วยตัวเองอย่างเต็มตัวและเริ่มมีผลสำเร็จจากการเล่นหุ้น จนมีคำพูดดัง ติดหูจากหนังสือของเขาว่าเหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นที่นี่
การลงทุนต้องตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
จุดเปลี่ยนสำคัญคือพอล ได้เห็นคุณพ่อนำเงินก้อนที่มีซื้อหุ้น IPO ของ ปตท. หรือ PTT ซึ่งคุณพ่อของเขาก็ได้ถือหุ้นตัวนี้ไว้จนกระทั่งมันมีราคาจาก 30 บาทขึ้นไป 10 เท่าเป็น 300 บาท ซึ่งตัวเขาเองรู้สึกว่าเซอร์ไพรส์มาก แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบนี้กับหุ้นตัวอื่น ๆ แต่ก็นับว่าเป็นจุดที่สะกิดใจให้พอลข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นเขาจะเริ่มศึกษาวิธีคิดในการลงทุนจากนักลงทุนระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เพื่อดูแนวคิดในการเลือกหุ้นและวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อหาหุ้นคุณภาพดีในการลงทุน เขานำบทวิเคราะห์หรือผลงานของนักลงทุนทั้งหลายมาเทียบเคียงจากการลงทุนของตัวเอง ว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไรมีแนวคิดที่คล้ายกับที่เราคิดหรือไม่ ในระยะแรกเขายังคัดคุณภาพหุ้นได้ไม่เก่งและทำการลงทุนแบบออมเฉลี่ย หรือ DCA ไปก่อน แต่ปัจจุบัน ด้วยความตั้งใจ อดทนรอให้เป็น และการลงทุนไม่ใช่เรื่องของดวงหรือความบังเอิญ ทำให้เขาเลือกลงทุนเป็นก้อนใหญ่มากขึ้น จนสามารถปั้นพอร์ตการลงทุนของเขา จนเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
เป้าหมายการเกษียณสบายภายใต้อิสรภาพทางการเงิน
พ่อมีความใฝ่ฝันเสมอที่จะเกษียณอายุตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วเขาคิดว่าเขาอยากจะเกษียณอายุตอนอายุ 45 โดยเขาเริ่มวางแผนร่วมกับนักวางแผนทางด้านการเงิน วิเคราะห์ว่าเขาต้องใช้เงินเท่าไหร่หลังจากเกษียณ โดยคิดตั้งแต่จำนวนเงินที่ต้องใช้จ่าย จำนวนบุตรที่จะมี ค่าใช้จ่ายในการศึกษาทั้งในและต่างประเทศของบุตร รวมถึงค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวพักผ่อนเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของเขา รวมถึงตอบให้ได้ด้วยว่าเราคาดหวังว่าจะได้เมื่อไหร่ เสมือนการวิเคราะห์ทั้งหมดแล้วโทรเองก็ได้คำตอบว่าปลายทางหงส์เขาจะอยู่ที่อายุ 80 และจากโจทย์ที่ตั้งไว้คือเกษียณอายุที่ 45 ปี ไม่คิดคำนวณร่วมกับนักวางแผนทางด้านการเงินแล้วคำว่าเขาต้องมีเงินเก็บทั้งหมดเกือบ 300 ล้านบาท ซึ่งนับว่ามากกว่าความคาดหมายมากเลยทีเดียว
ท้ายที่สุดได้ให้ความเห็นในรายการ Money Matters ในช่อง YouTube ว่า การมีฐานะดีเป็นหน้าที่ของทุกคน ซึ่งเป็นคำพูดที่ดีมากที่จะช่วยกระตุ้นให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองสามารถร่ำรวยได้ และการมีเงินใช้อย่างสุขสบายไม่ได้ไกลเกินเอื้อม ถ้าหากเรามีความตั้งใจมากพอ
นอกจากนี้ เขายังอยากให้หลายคนมองเห็นความสำคัญของช่วงวัยเกษียณอายุ ของคนไทยกว่า 95% เกษียณอายุโดยมีเงินใช้ไม่เพียงพอ ซึ่งถ้าหากเราไม่รีบวางแผนจัดการกับความมั่งคั่งเพื่อให้มีความมั่นคงในวัยเกษียณอายุอาจจะไม่ทันท่วงทีและกลายเป็นหนึ่งในคนที่โชคร้าย ต้องใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างไม่มีความสุขนั่นเอง
สำหรับใครอยากเริ่มต้นการลงทุนเผื่อก้าวไปสู่การเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแบบคุณพอลแต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก MoneyDuck ฟรี ได้เลยที่ลิงก์ด้านล่าง
บอกเล่าความคิดเห็นและสิ่งที่คุณรู้ที่นี่