อุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเสมอ ไม่ว่าเราจะระมัดระวังมากสักแค่ไหนหรือพยายามที่จะขับขี่อย่างปลอดภัยมากที่สุดแค่ไหน เราก็อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสมอ ๆอย่างที่เราเห็นกันเป็นประจำในทุกวันนี้
และเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดขึ้นหรือเกิดอุบัติเหตุพวกเราก็มักจะทำคือตกใจมากและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ เราต้องตั้งสติถ้าคุณมีประกันรถยนต์เราก็ต้องโทรแจ้งบริษัทประกันรถยนต์นั้น ๆ แจ้งรายละเอียดต่าง ๆเบื้องต้น เช่น อุบัติเหตุที่เกิดเป็นรูปแบบใด สถานที่เกิดอุบัติเหตุ คู่กรณีเป็นใคร อย่างนี้ เป็นต้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ ที่นี่
แจ้งประกันต้องเตรียมตัวอย่างไร
แต่ทว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นบางคนอาจตกใจมากและรีบโทรแจ้งเคลมประกันรถยนต์ทันทีโดยที่ไม่รู้รายระเอียดของเหตุการณ์อะไรเลย ซึ่งนี่ก็จะทำให้เราและเจ้าน่าที่เสียเวลาไม่น้อย ดังนั้นเราจะต้องเตรียมตัวในการแจ้งประกันอย่างไรบ้างเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเรา
ข้อมูลอุบัติเหตุของเรา
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำก็คือเราต้องตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชีวิตหรือความเป็นความตาย และถ้าพบว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ ให้โทรแจ้ง 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน ที่จะสามารถส่งพาผู้ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียง เมื่อโทรแจ้งเราต้องบอกให้ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินทราบว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่ไหน เกิดอุบัติเหตุเมื่อไหร่ และแจ้งอากการบาดเจ็บของผู้บาดเจ็บว่าเป็นมากน้อยเพียงใด เพื่อให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินทราบเหตุการณ์
ข้อมูลรถยนต์
สิ่งที่เราจะต้องรู้ก่อนแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ที่พวกเราหลายๆคนน่าจะรู้อยู่แล้วเพราะมันก็คือข้อมูลเกี่ยวกับรถของตัวเราเองนี่แหละไม่ว่าจะเป็น ประเภทของรถของเรา รถของเรารุ่นอะไร ยี่ห้ออะไร รถปีอะไร เป็นต้นแน่อยู่แล้วว่าหลายๆคนต้องจำได้แต่ก็มีบางคนที่จำไม่ได้หรือไม่ได้สนใจอยู่เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเหตุการณืไม่คาดคิดไม่คาดฝันจะเกิดกับเราตอนไหนเพราะฉนั้นเราก็จำเป็นต้องรู้เรื่องเหล่านี้ไว้เพื่อจะได้ไม่มาเสียเวลาให้ยุ่งยากในตอนที่เกิด อุบัติเหตุ
ข้อมูลคู่กรณี
เราต้องตรวจสอบดูด้วยว่าคู่กรณีของเราเป็นใคร มีผู้โดยสารมาในรถด้วยกี่คน และที่สำคัญดูด้วยว่ามีใครพบเห็นเหตุการณ์บ้างหรือไม่ที่สามารถนำมาเป็นพยานยืนยันในที่เกิดเหตุได้ และเราไม่ควรขยับรถโดยเด็ดขาดแต่ถ้าจำเป็นจริง ๆต้องถ่ายรูปทุกรายระเอียดเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วยเพื่อว่าป้องกันการที่เคลียร์กันไม่ได้
แต่ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดให้รีบโทรหาประกันภัยรถยนต์ของเราและยอมรับผิดอย่าแก้ตัวหรือโยนความผิดให้ผู้อื่น
ข้อมูลกรมธรรม์ของเรา
ข้อมูลกรมธรรม์ของเรานั้นก็สำคัญมากเช่นกันซึ่งเราจำเป็นน่าจะนำกรมธรรม์ไว้ในรถของเราด้วย และต้องรู้ว่ารถของเราทำประกันชั้นอะไรเอาไว้หรือเราทำกรมธรรม์แบบไหนเอาไว้กับบริษัทประกันภัย เลขที่กรมธรรม์อะไรรวมถึงการคุ้มครองของกรมธรรม์ด้วย เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างที่บอกไว้ตอนต้นหลายคนมักจะชอบเอากรมธรรม์ไว้ที่บ้าน ไม่ได้พกหรือเก็บไว้ในรถ ก็จะทำให้เกิดการล่าช้าในการแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์และทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานล่าช้าอีกด้วย
แต่เมื่อเราพูดถึงเรื่องการเคลมประกันภัยรถยนต์ หลายคนก็มักจะคิดว่า เราจะเคลมซักกี่ครั้งๆก็ได้ จะเคลมแค่ไหนก็ได้เพราะว่าเราทำประกันภัยรถยนต์ไปแล้ว แต่การคิดแบบนี้มันเป็นความคิดที่ผิดนะครับ
แม้ว่าคุณจะทำประกันภัยรถยนต์ไว้สูงแค่ไหน แม้ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ใคร ๆก็รู้ว่ากรมธรรม์แบบนี้แทบจะคุ้มครองทุกกรณี แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรานั้นจะเคลมประกันแต่ละครั้งโดยที่ไม่มีผลเสียตามมาเลยมั้ย คุณรองคิดดูนะครับว่าว่าการเคลมประกันภัยรถยนต์ แต่ละครั้งนั้นถูกบันทึกไว้เป็น ประวัติการขับขี่ของเรา และถ้าเรา เกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆทำให้เราก็เคลมประกันภัยรถยนต์บ่อย ๆ เช่นกัน ประวัติการขับขี่ของเราก็จะจะเต็มไปด้วยประวัติแบบนี้แหละครับ
ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงการเรียกเคลมประกันรถยนต์บ่อย ๆเพราะการทำแบบนี้ส่งผลที่ไม่ดีหลายอย่างมากเช่น ส่งผลให้ไม่ได้รับส่วนลดประวัติดี ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ในปีต่อไปสูงขึ้น อาจถูกยกเลิกกรมธรรม์ประกันภัย หรือถูกปฏิเสธการรับประกันในปีต่อไป และอาจถูกขึ้นแบล็คลิส
หลายคนพูดเกี่ยวกับการแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ว่า “เจ้าหน้าที่พนักงานล่าช้า” แต่ไม่ได้โทษตัวเองที่ไม่ได้บอกรายระเอียดข้อมูลอย่างถูกต้องและครบถ้วนหรือให้ข้อมูลที่ไม่เพียงพอหรือไม่ เพราะกว่าเจ้าหน้าที่พนักงานจะค้าหาข้อมูลพบก็ใช้เวลานานเป็นเพราะเราเองที่ไม่รู้ข้อมูลก่อนแจ้งเคลม แน่นอนเลยว่าถ้าเราไม่เตรียมพร้อมสำหรับข้อมูลต่าง ๆเวลาในการดำเนินการก็ใช้เลาไม่น้อยเลยทีเดียวอาจถึงครึ่งชั่วโมงหรือนานกว่านั้นอีก แต่ถ้าเรารู้ข้อมูลต่าง ๆที่บอกไปข้างต้น ก็ใช้เวลาในการทำงานแค่แปปเดียวแค่นั้น
ดังนั้นก่อนที่เราเองจะโทรแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์เราก็จำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลที่บอกไปข้างต้นก่อน เพราะไม่อย่างงั้นเราเองก็ต้องเสียเวลาในการหาข้อมูลต่าง ๆ และเจ้าหน้าที่
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การเคลมประกันรถยนต์ ที่นี่
เคลมประกันภัยรถยนต์ก็ทำงานล่าช้า เพราะต้องเสียเวลาในการถามข้อมูลต่าง ๆจากเราเช่นเดียวกันครับ สรุปคือเราต้องรู้ข้อมูลต่าง ๆข้างต้นก่อนที่จะโทรแจ้งเคลมประกันภัยรถยนต์ หรืออยากได้แนวทางสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์้ด้านล่าง
Obb
พึ่งจะมาเข้าใจว่าการเคลมประกันนั้นต้องละเอียดขนาดนี้ เราก็อุตส่าทำประกันไปแล้วแต่พอจะเอเงินมาจ่ายค่าเสียหายเนี่ยยากเย้นเหลือเกินนะ บางคนถึงกับต้องจ่ายเพิ่มด้วยซ้ำ แถมประวัติก็เสียด้วยถ้าเกิดเคลมประกันบ่อยๆ เราเองมีอุบัติเหตุบ่อยแหละขับคนไม่ค่อบเก่งเฉี่ยวนู่นนี่นั่นบ้างเป็นรอบเยอะแต่ไม่เอาไปเคลมกลัวเสียชื่อ และจ่ายเพิ่มปีต่อไป แต่ถ้าอุบัติเหตุใหญ่ๆคงต้องยอมเคลมแต่คงต้องเตรียมหลักฐานอย่างดี มีรถเนี่ยก็เหนื่อยนะคะ
Hubert
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น อาจจะตั้งตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง บทความนี้ทำให้รู้ว่าการเครมประกันนั้นจำเป็นต้องเตรียมตัวหลายอย่างเลยค่ะ ตั้งแต่ในตอนที่ยังไม่เกิดอุบัติเหตุเราจำเป็นต้องมีข้อมูลของรถ ไว้ด้วยถ่ายเอกสารไว้ก็ได้ แล้วอย่าลืมถ่ายรูปภาพเหตุการณ์ตอนที่เกิดอุบัติเหตุเอาไว้ด้วยหรือหลักฐานต่างๆค่ะ
สายชล
เมื่อเราใช้บริการของประกันภัยของรถยนต์ เราจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับการเคลมประกันอยู่เหมือนกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับของเรา เพื่อที่เราจะสามารถรู้วิธีหรือขั้นตอนเบื้องต้นว่าเราจำเป็นต้องทำอะไรก่อน ที่จะขั้นสู่ขั้นตอนการเคลมประกัน ซึ่งบทความนี้ก็อธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการเตรียมตัว เพื่อที่จะใช้การเคลมประกันครับ
Waralee
หลังจากที่อ่านบทความนี้ เราได้รู้ในอีกมุมนึงของเจ้าหน้าที่ประกันด้วย เคยได้ยินนะว่าพอเกิดอุบัติเหตุแล้วโทร.หาประกันเพื่อแจ้งเคลม บางคนบอกว่าประกันทำงานช้าจัง แต่ทุกครั้งมันไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่แต่เป็นเพราะตัวผู้เอาประกันภัยเองที่แจ้งข้อมูลไม่ครบ ไม่ละเอียด กว่าเจ้าหน้าที่จะหาข้อมูลได้มันเลยใช้เวลามากนั่นเอง..เข้าใจแล้วค่ะ
เตง
เราเองก็ทำประกันรถยนต์อยู่นะ กำลังจะสิ้นปีกำลังจะหมดสัญญาประกันรถยนต์กับบริษัทที่ทำก็ว่าจะไปดูประกันรถยนต์เจ้าใหม่อยู่ เพราะว่ารอบก่อนที่ทำเหมือนเราไม่ค่อยได้เช็คข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ของเรา พอมาอ่านข้อมูลที่นี่แล้วเห็นว่าข้อมูลกรมธรรม์ของเราหรือสำคัญก่อนทำข้าวน่าสงสัยต้องอ่านดีๆซะแล้ว จะทำอะไรก็ต้องอ่านดีๆจริงๆ
น้อย น้อย <>
เพื่อนๆ เคย เคลมประกันแบบ แห้งไหมครับ ไม่ทราบเคยรู้จักกันไหม ปกติเราเคลมแบบนี้ครับ เราว่าดีกว่าที่เราจะไปเคลมบ่อยๆ ครับ คือการเคลมแบบนี้ เราอาจเสียค่าส่วนต่างบ้าง แต่ประวัติเราจะไม่เสียมากครับ แถมดีด้วยครับ ถือว่าเป็นการดูแลรถยนต์ประจำปีของเราไปเลยครับ อย่าง ขัดสี ซ่อมสี จากรอยที่เราไปโดนอะไรมาทั้งปีครับ
แซนดี้
รู้จักค่ะ ถ้าจะเคลมแห้งต้องมีแผลจากอุบัติเหตุอย่างชัดเจน คือ บุบ ถลอกโดยการคิดค่าเสียหายส่วนแรกในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทประกันภัยคะ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะเคลมเมื่อไหร่ก็เคลมได้ ดังนั้น เวลาที่เกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ควรแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทันทีดีกว่าค่ะ อย่าปล่อยให้เรื่องผ่านไปหลายวัน แล้วถึงจะแจ้งเคลมเพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองนะคะ
ลิขิต
เราว่าอีกอย่างหนึ่งที่ต้องทำก็คือภาพถ่ายนะอย่างเช่นถ้าเกิดอุบัติเหตุเนี่ยสมัยก่อนต้องลงไปถ่ายรูปที่เกิดเหตุให้หมดถ่ายทุกมุมด้วย แต่ว่าตอนนี้ถ้าอยากจะให้ปลอดภัยจริงๆแล้วว่าติดกล้องหน้าหลังรถไว้เลยดีกว่า แบบนี้กันไว้ดีกว่าแก้บางทีกล้องก็เป็นหลักฐาน ช่วยเราให้ชนะความได้บางทีประกันก็มีปัญหากันก็มีเวลาเคลมก็ยาก ว่าจะประกันทางไหนก็ไม่อยากจะเสียใช่ไหมล่ะ
ไพริน
เรื่องนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญมากเลยนะคะเพราะว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้น เราไม่รู้เลยว่าจะตั้งสติและต้องทำอะไรก่อนเป็นอย่างแรก รู้แต่ว่าจะต้องติดต่อประกันเพื่อขอการเคลมประกันอย่างเดียวเลยค่ะ แต่จริงๆแล้วเราจำเป็นต้องดูก่อนนะคะว่ามีใครเจ็บไหม เพื่อที่จะสามารถแจ้งกับสถานพยาบาลให้มาดูแลคนเจ็บก่อน จะได้ไม่มีใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
เกวลี
ใครที่ทำประกันไว้ เวลามีอุบัติเหตุ หรือต้องการเคลม ไม่ว่าจะเคลมแบบไหน ทำไมต้องเดินเรื่องใช้ยุ้งยากด้วยตัวเองละคะ เราซื้อประกันมาแล้ว เราก็มีตัวแทนด้วย เราก็เรียกเขามาสิคะ แค่นี้ก็จบแล้ว เอกสารอะไรที่เขาต้องการเดียวเขาก็ขอจากเราเองละคะ แล้วเร็วกว่าเราไปเดินเรื่องเองด้วย แถม อันไหนที่เขาปล่อยได้เพิ่มได้คุยกันดีๆก็ให้ด้วย
กางร่ม
@สายชล เห็นด้วยค่ะที่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้นะเพราะว่าบางทีก็ต้องเตรียมเอกสารแล้วก็ต้องรู้ว่าคู่กรณีเป็นแบบไหนหรือถ้าชนเองเนาะก็ต้องรู้ว่าเราต้องใช้หลักฐานอะไรในการขอเคลมมันต้องทำอีกหลายอย่างจริงๆแล้วก็เห็นด้วยที่บอกว่าบทความนี้อธิบายได้ดีเนาะเราเองก็รู้สึกแบบนั้นว่าได้รับรายละเอียดที่ต้องการอย่างครบถ้วนเลยแล้วก็รู้สึกว่าอ่านเข้าใจง่ายเนาะเป็นตัวหนังสือที่เข้าใจง่ายจริงๆค่ะ
--ONLY--
ไม่ว่าจะทำอะไร อันดับแรก ต้องมีสติก่อนนะครับ อย่างที่บทความนี้แนะนำว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุ คนที่มีประกันภัยรถยนต์อยู่ในมือต้องรู้อะไรบ้างก่อนที่จะโทร.ไปหาบริษัทประกัน ไม่อย่งนั้นก็เป็นเหมือนกับหลายคนที่มักจะบอกว่าประกันมาช้า ประกันเดินเรื่องช้า เสียเวลามากเลยเนี่ย แต่ที่จริงคนที่ทำให้เสียเวลาอาจเป็นตัวเราเองก็ได้
Mimi
แต่ก็ยังมีข้อสงสัยอยู่อย่างนึงนะคะ ถึงแม้ว่าเราจะมีเอกสารครบทั้งหมดแล้วอยากรู้ว่าตรงนี้เราต้องกรอกใบเคลมประกันรถด้วยไหมคะ??? ตัวเราเองก็ยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน เลยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับรายละเอียดเท่าไหร่ อีกอย่างนึงอยากรู้ว่าถ้าสมมุติว่าเราอยากจะไปซ่อมที่อู่ที่เราทำประจำอยู่เราสามารถที่จะไปซ่อมที่นั่นได้ไหมคะหรือว่าจะต้องเข้าอู่ของบริษัทเท่านั้น???
รัตนาภรณ์
ปกติแล้วเอกสารพวกประกัน เราจะเอาติดไว้ที่รถยนต็ตลอดคะ ไม่ได้เอาออกจากรถเลยเพราะว่าถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้เราว่าสะดวกมาก แถมหาง่ายด้วย เรื่องการกรอกข้อมูลก็ต้องรอพนักงานสอบสวนที่เขามาคะว่าตกลงแล้วรูปแบบของอุบัติเหตุจะเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วมักจะไปจบที่โรงพักคะ ประกันเขาเคียร์ที่นั้นเลยคะ ไม่ยากอย่างที่คิดคะถ้าจะเคลมประกัน
มอนเสตอร่า
เคยเคลมประกันรถยนต์มาครั้งหนึ่ง เป็นการเคลม แบบไม่มีคู่กรณีเพราะว่าหาตัวไม่เจอถูกชนท้ายแล้วหนีค่ะ ขนาดเคยเคลมมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นก็ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 นะ ก็ยังไม่รู้รายละเอียดมากขนาดนี้ ส่วนมากตัวแทนใกล้ๆกับบริษัทประกันก็เป็นคนจัดการให้ เราได้แค่เซ็นเอกสารแล้วก็อ่านก่อนเซ็นเล็กน้อย มาอ่านบทความนี้ก็ได้รู้รายละเอียดลึกมากขึ้นเหมือนกับคนอื่นเลยค่ะ
999
ไม่รู้นะคนอื่นได้ประโยชน์อะไรแต่ผมได้ประโยชน์มากๆกับบทความนี้ คือมันสำคัญนะถึงแม้เราจะไม่เกิดอุบัติเหตุจำเป็นที่เราจะต้องดูเอกสารด้วยเรื่อยๆว่าอยู่ครบปีหรือเปล่า เราควรจะมีครบติดรถเอาไว้ หาเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอถ้าเรารู้แล้วว่าต้องทำยังไง เราก็จะไม่กังวลมากเกินไป แล้วการดูรายละเอียดเกี่ยวกับการเคลมก็จะเป็นประโยชน์กับเราหลายอย่างด้วย