เตรียมความพร้อม อยากซื้อบ้าน 2.5 ล้าน ต้องมี เงินเดือน เท่า ไหร่

เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานหลายคนก็ฝันอยากมีบ้าน มีรถตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็กลัวจะผ่อนไม่ไหวเลยต้องมีการวางแผนการเงินตั้งแต่เนิ่น ๆ และเพื่อให้เราเห็นภาพมากขึ้นมาดูกันว่าหากอยากซื้อบ้าน 2.5 ล้าน ต้องมี เงินเดือน เท่า ไหร่ ? ให้เราผ่อนไหว ไม่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป พร้อมเรื่องน่ารู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านซึ่งจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปเริ่มกันเลย

ซื้อบ้าน 2.5 ล้าน ต้องมี เงินเดือน เท่า ไหร่

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าขนาดของบ้านกับทำเลที่ตั้งนั้นย่อมมีผลต่อราคาอย่างมากซึ่งหากต้องการซื้อบ้านราคาประมาณ 2.5 ล้านนั้น หากเป็นบ้านเดี่ยวจะมีขนาดอยู่ที่ประมาณ 20 - 55 ตร.ว หรือหากเป็นบ้านแฝดจะอยู่ที่ขนาด 20 - 40 ตร.ว. โดยประมาณและหากคิดถึงจำนวนห้องที่ต้องใช้สอบในบ้านแล้วนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญการเพิ่ม หรือลดจำนวนห้องก็ย่อมส่งผลในแง่ของราคาบ้านเช่นเดียวกัน โดยยังไม่รวมทำเลที่ตั้งนั้นว่า ณ ปัจจุบันได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด หรือใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง

แนวทางการประเมินความสามารถกู้จากรายได้

โดยทั่วไปธนาคารจะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขของผู้กู้ทุกอาชีพให้สามารถแบกรับภาระหนี้สินได้ที่ 40% ของรายได้ต่อเดือนและอัตราขั้นต่ำของการผ่อนชำระค่างดต่อธนาคารจะใช้ในการคำนวณการผ่อนต่อเดือนของผู้กู้โดยจะเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณล้านละ 7,000 บาท

ตัวอย่าง

ผู้กู้เป็นพนักงานบริษัทฯ เอกชนแห่งหนึ่งอายุ 28 ปีพึ่งทำงานที่ใหม่มาได้หนึ่งปีและมีรายได้ 35,000 บาทต่อเดือน โดยไม่มีภาระหนี้สินใด ๆ

สิ่งที่ต้องการ ขออนุมัติวงเงินในการกู้ซื้อบ้านที่ราคา 2.5 ล้านบาท

คำถาม ธนาคารจะให้วงเงินกู้ 100% หรือไม่ และผ่อนขั้นต่ำเท่าไหร่

วิธีคิด

ขั้นตอนที่ 1: เงินเดือน * ความสามารถในการแบกรับภาระหนี้ที่ธนาคารกำหนด = จำนวนเงินผ่อนที่แบกรับได้ 20,000 * 40% =8,000 บาท

ขั้นตอนที่ 2: จำนวนเงินที่แบกรับได้ * ยอดเงินที่ต้องการกู้/อัตราขั้นต่ำของเงินผ่อนชำระ/งวด = ยอดเงินกู้ที่จะได้รับการอนุมัติ 8,000 * 2,500,000 / 14,000 = 1,428,000 บาท

ดังนั้น พนักงานออฟฟิศท่านนี้ แม้ไม่มีภาระหนี้สินใด ๆ แต่จำนวนที่แบกรับภาระหนี้สินต่อเดือนได้เพียง 8,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้นการกู้เงินจึงอาจได้ไม่เต็มตามจำนวนที่ตั้งไว้ซึ่งหากต้องการกู้ซื้อบ้านราคา 2 - 3 บ้านควรมีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 - 52,500 บาท

หรืออีกหนึ่งตารางเปรียบเทียบเงินเดือนและวงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ว่าควรอยู่ในช่วงเงินเดือนเท่าไร

เงินเดือน (บาท) | วงเงินที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ (บาท) 15,000 | 900,000 20,000 | 1,200,000 30,000 | 1,800,000 40,000 | 2,500,000 50,000 | 3,000,000 60,000 | 3,600,000 100,000 | 6,200,000

จะเห็นได้ว่าบ้านที่ราคา 2.5 ล้านบาทผู้กู้ควรจะมีเงินเดือน 40,000 บาทขึ้นไปถึงจะเพียงพอต่อความสามารถในการกู้ได้ 100%

หมายเหตุ: จะเปรียบเทียบเงินเดือนกับวงเงินที่จะสามารถกู้ได้โดยคิดที่ 40% ระยะสัญญา 30 ปีและไม่มีภาระทางการเงินอื่นๆ

หากอยากได้วงเงินกู้บ้านเพิ่ม ต้องทำอย่างไร?

จากข้างต้นจะเห็นได้ชัดเจนจากประเมินความสามารถการกู้ ของพนักงานบริษัทเอกชนซึ่งไม่สามารถกู้ในวงเงินเต็มจำนวน 100% ได้ แต่ทั้งนี้หากอยากซื้อบ้านเพิ่ทสามารถทำได้ ดังนี้

• รวบรวมเงินเก็บ เพื่อใช้กู้เงินซื้อบ้านในส่วนที่ไม่ได้รับอนุมัติ
• หาคนกู้ร่วมซื้อบ้าน โดยแนะนำให้เป็นบุคคลในครอบครัว เพื่อง่ายต่อการได้รับอนุมัติ

ทั้งนี้สามารถอัพเดทเงื่อนไขธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนมาตราการ LTV เพื่อบรรเทาผลกระทบกรณีกู้ร่วม

ผ่อนบ้านราคาถูก 2.5 ล้าน ควรดาวน์เท่าไหร่

ในกรณีที่ผู้กู้ประเมินความสามารถในการกู้ผ่านและอยากทราบว่าควรวางเงินดาวน์เท่าไร หากเป็นไปได้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการที่คุณสามารถวางเงินได้มากที่สุด แต่โดยส่วนใหญ่จะนิยมวางเงินดาวน์ที่ 5 - 20% ของราคาบ้านทั้งหมดหรือคิดเป็นเงินที่ประมาณ 125,000 - 500,000 บาทซึ่งการวางเงินดาวนืจะมีส่วนต่ออัตราการผ่อนชำระและดอกเบี้ยในแต่ละเดือน ยิ่งวางเงินดาวน์มากก็จะยิ่งผ่อนยอดน้อยลงทำให้ผ่อนหมดได้รวดเร็วขึ้น

ดังนั้น ต้องมีการวางแผนเตรียมความพร้อมของเงินดาวน์ก่อนทุกครั้งซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินและคุณสมบัติของผู้ยื่นกู้

จากข้างต้นคงพอเห็นภาพกันแล้วว่าหากอยากซื้อบ้าน 2.5 ล้าน ต้องมี เงินเดือน เท่าไหร่ ซึ่งเงินเดือนที่ควรได้รับในแต่ละเดือนควรอยู่ที่ 35,000 - 52,500 บาทโดยประมาณเพราะหากเงินเดือนน้อยกว่านี้ หรือมีภาระหนี้สินพ่วงมาด้วยอาจจะส่งผลกระทบในอนาคตที่เกี่ยวกับการแบกรับภาระหนี้สินที่ทำให้ไม่สามารถผ่อนไหว

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ กู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน 3 สาเหตุหลักที่คุณต้องรู้ ที่นี่

การวางแผนทางการเงิน เตรียมเงินก้อนให้พร้อมต่อการซื้อบ้าน โดยยิ่งดาวน์มากก็จะยิ่งลดภาระการผ่อนซึ่งหากไม่รู้ว่าจะต้นชนปลายอย่างไรก็สามารถทักมาขอรับคำปรึกษาเพื่อแก้ปัญหา หรือวางแผนทางการเงินของคุณกับทีมผู้เชี่ยวชาญได้ฟรีที่ MoneyDuck