มาครึ่งปีกันแล้วสำหรับสายลงทุนไม่ว่าจะหุ้น ทอง หรือกองทุนที่ตลาดบอกได้เลยว่าเป็นปีที่ค่อนข้างผันผวนทั้งการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่กำลังพุ่งทะยานซึ่งไม่ได้แค่ในไทยแต่กระทบทั่วโลกที่เหล่านักลงทุนต่างวิเคราะห์ถึงความกังวลของเศรษฐกิจถดถอย แต่ถึงอย่างไรในความเสี่ยงก็ย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอซึ่งมาดูกันสิว่าในครึ่งปีหลังควรวางแผนการลงทุนอย่างไรและสำหรับใครที่กำลังสนใจลงทุนแนะนำกองทุนรวมคืออะไร เริ่มลงทุนยังไง ทำไมถึงควรลงทุน พร้อม 10 กองทุนเดือนมิย.66 ที่ให้ผลตอบแทนดี?

กองทุนรวมคืออะไร เริ่มลงทุนยังไง

กองทุนรวมคืออะไร เริ่มลงทุนยังไง

“กองทุนรวม” ถือเป็นการระดมทเงินทุนที่มาจากนักลงทุนหลาย ๆ รายจนรวมมาเป็นเงินทุนก้อนใหญ่ซึ่งดำเนินการโดยโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โดยมีหน้าที่ระดมทุนเพื่อนำกองทุนไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและนำเงินกองทุนนั้นไปลงทุนตามนโยบายที่ระบุในหนังสือชี้ชวน โดยนักลงทุนแต่ละรายจะได้รับจัดสรร “หน่วยลงทุน” เพื่อแสดงสถานะความเป็นเจ้าของเงินที่ลงทุนไป หรือที่เรียกว่า “ผู้ถือหน่วยลงทุน”

ประเภทของกองทุนรวม:

  1. กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)
  2. กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund)
  3. กองทุนรวมผสม (Mixed Fund), กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund) หรือ กองทุนรวมหุ้น
  4. กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign Investment Fund: FIF)
  5. กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF)
  6. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF)
  7. กองทุนรวมที่ลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก (Alternative Investment)

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม

ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวม

  • มีนโยบายสำหรับการลงทุนที่หลากหลาย โดยสามารถใช้เครื่องมือในการลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงิน
  • มีมืออาชีพที่มีองค์ความรู้เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่คอยบริหารจัดการเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน
  • กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการลงทุนหุ้นและยังใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก
  • เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุนที่สามารถติดตามการลงทุนผ่านข้อมูลและการรายงานสถานการณ์การลงทุนที่บลจ.จัดให้สม่ำเสมอ
  • กองทุนบางประเภทช่วยให้คุณรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่เป็นไปตามเงื่อนไขของสรรพากร

10 กองทุนให้ผลตอบแทนดีมิ.ย 2023

10 กองทุนให้ผลตอบแทนดีมิ.ย 2023

ต่อมาจะเป็น 10 อันดับกองทุนให้ผลตอบแทนดีประจำมิถุนายน 2023 ซึ่งจะมีกองทุนไหนน่าสนใจกันบ้างเพื่อคุณได้นำไปวางแผนซื้อกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

1. กองทุน TMB-ES-Internet

  • ลงทุนในกลุ่มนวัตกรรมเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตแห่งอนาคต
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 12.43%

2. กองทุน SCBNEXT (A)

  • ลงทุนในกลุ่มนวัตกรรมเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตแห่งอนาคต
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 12.09%

3. กองทุน Principal VNEQ-A

  • ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือมีธุรกิจในเวียดนาม
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 11.06%

4. กองทุน SCBINNO (A)

  • ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ หรือได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 10.12%

5. กองทุน T-ES-GINNO

  • ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้อง หรือได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 10.05%

6. กองทุน KT-VIEWNAM-A

  • ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้อง หรือได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 10.04%

7. กองทุน TMB-ES-GINNO

  • ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้อง หรือได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 10.04%

8. กองทุน KFINNO-A

  • ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสอดคล้อง หรือได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 9.81%

9. กองทุน ONE-GECOM

  • ลงทุนในหุ้นของบริษัททั่วโลกที่ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ช (E-Commerce)
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 9.68%

10. กองทุน K-VIEWNAM

  • ลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือมีธุรกิจในเวียดนาม
  • ความเสี่ยงระดับ 6
  • อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง (1 เดือน) + 9.62%

5 ขั้นตอนการเลือกซื้อกองทุน

5 ขั้นตอนการเลือกซื้อกองทุน

ทิ้งท้ายด้วย 5 ขั้นตอนการเลือกซื้อกองทุนที่จะช่วยให้คุณได้ประเมินตนเองเบื้องต้นจนนำไปสู่การตัดสินใจเพื่อเลือกซื้อกองทุนได้ด้วยตนเอง

1. สำรวจตนเองก่อน

มาเริ่มต้นสำรวจตนเองกันก่อนว่าเราเหมาะกับกองทุนประเภทไหน โดยจะต้องเข้าใจในลักษณะของสินทรัพย์ที่ควรนำมาหยิบมาเปรียบเทียบว่าเราเหมาะกับเทรนด์การลงทุนแบบไหนที่สามารถเริ่มต้นศึกษาเรื่องกองทุนได้ที่ e-learning.set

2. รู้จักกับ Fund Fact Sheet

เมื่อพอเข้าใจเบื้องต้นแล้วว่ากองทุนคืออะไรและสำรวจตัวเองแล้วพบว่าอยากซื้อกองทุน เช่น กองทุนเกี่ยวกับเทคเพราะมองเห็นแนวโน้มจากการเติบโตของเทคโนโลยีที่แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบันและมองเห็นโอกาสที่เติบโตได้อีกซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมจาก Fund Fact Sheet ซึ่งเป็นหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญของกองทุนรวมเอาไว้ที่จะบอกเราว่าเราลงทุนไปกับอะไร ขนาดกองทุน จ่ายปันผล รวมถึงเงินลงทุนขั้นต่ำซื้อได้ครั้งละเท่าไร รวมถึงพวกค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่จะทำให้เรากองทุนที่เราจะซื้อได้มากขึ้น แต่อาจจะใช้ระยะเวลาในช่วงแรกสักหน่อย

3. เลือกกองที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ

โดยอาศัยการดูผลตอบแทนย้อนหลังซึ่งเป็นข้อมูลที่ดูได้จาก Fund Fact Sheet ที่จะช่วยบอกได้ว่าที่ผ่านเข้าราคาการซื้อขายมีแนวโน้มเป็นอย่างไรซึ่งควรดูย้อนหลังสัก 3 - 5 ปี เพราะบางกองทุนที่ให้ผลตอบแทนดีมากอาจจะอยู่ได้แค่ 1 ปีจึงอาจจะสรุปไม่ได้ทันทีว่าดีจริงหรือไม่

4. ทุกกองทุนมีความเสี่ยง

เป็นที่รู้กันดีว่าทุกกองทุนมีความเสี่ยงซึ่งเราสามารถวัดค่าความเสี่ยงได้จากค่า S.D. หรือ Standard Deviation ซึ่งถ้าหากค่ายิ่งสูงยิ่งแปลว่ายิ่งเสี่ยง และสามารถเทียบดูความเสี่ยงได้จาก Sharpe Ratio ที่ยิ่งสูงยิ่งดี โดยหากคุณมีกองทุนตัวเดียวกันที่ชอบมากกว่าหนึ่งสามารถนำมาเปรียบเทียบเพื่อเลือกตัวที่ดีจากค่า Sharpe Ratio สูงกว่า

5. มีการตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่อง

ที่อย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน หรือ 1 ปีควรทำการตรวจสอบและมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจว่ากองทุนที่เราเลือกลงทุนนั้นมีภาพรวมที่ดีและยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะอิงจากการมาตรฐานการดำเนินงาน (Benchmark)” และกองทุนคู่แข่งอยู่เสมอ และหากกองทุนมีแนวโน้มลดลงก็อย่าขายทิ้งเลยให้ไปดูการวิเคราะห์เชิงลึกก่อนว่าเกิดอะไรขึ่นซึ่งอาจจะมาจากปัจจัยระยะสั้น เช่น การเมือง ที่อาจจะกลับมาฟื้นตัวเพื่อเพิ่มขึ้นได้อีกครั้ง แต่ถ้าหากแนวโน้มไม่ดีก็แนะนำให้ขายทิ้งแล้วหากองทุนตัวใหม่

กองทุนรวมคืออะไร เริ่มลงทุนยังไง ตอนนี้คงจะได้คำตอบกันแล้ว แต่สิ่งที่ขอเน้นย้ำทุก ๆ การลงทุนมีความเสี่ยงและทุก ๆ ความเสี่ยงสามารถสร้างโอกาสทางการเงินได้ แต่เราจะต้องไม่ตั้งอยู่บนสนามของอารมณ์เป็นที่ตั้ง แต่ควรดำเนินการลงทุนโดยอาศัยการศึกษา ประสบการณ์และการพยายามทำความเข้าใจ ส่วนการผิดพลาดในการลงทุนอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ แต่เป็นสิ่งที่ควรจะเรียนรู้เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดซ้ำ

และที่สำคัญ! หากคุณกำลังเริ่มต้นลงทุนโดยใช้เวลาศึกษาและพยายามด้วยตนเองในทางเดียวอาจจะช้าไม่ทันตลาดซึ่งที่ MoneyDuck เรามีที่ปรึกษาให้คุณรอบรู้เรื่องการลงทุน ให้เลือกกองทุนได้ถูกตัวแบบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย หากสนใจก็ทักรับคำปรึกษาได้เลย!