สำหรับบัตรเครดิตในยุคนี้มาพร้อมกับสิทธิพิเศษมากมายที่ทำเอาผู้ใช้อย่างเราถึงกับเวียนหัวกันเลยทีเดียว เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงงงไม่น้อยว่าสิทธิพิเศษแต่ละตัวมันดียังไง ใช้ยังไง และที่สำคัญคือ แม้ว่าสิทธิพิเศษจะเหมือนกัน แต่ละบัตรของแต่ละธนาคารก็อาจจะมีเงื่อนไขต่างกันออกไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องเครดิตเงินคืนหรือ Cash Back ความจริงแล้วมันเป็นสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ เราจะพาทุกคนเทียบ 5 บัตรเครดิต Cash Back เจ้าไหนดีกัน
Cash Back คืออะไร ทำไมจึงเป็นสิทธิพิเศษที่น่าสนใจ
สำหรับมือใหม่หัดใช้บัตรเครดิตอาจสงสัยว่า Cash Back คืออะไร อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือมันเป็นสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิตที่จะมอบเงินคืนให้กับเราเมื่อมีการซื้อสินค้า ใช้บริการ หรือกดเงินออกมาตามเงื่อนไข เงินที่เราจะได้คืนจะถูกส่งเข้าระบบบัญชีบัตรเครดิตของเราช่วงสิ้นเดือน หรือจบงวด จำนวนเงินที่จะได้คืน หรือระยะเวลาที่จะได้รับคืนนั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขข้อกำหนดของแต่ละธนาคาร
ตัวอย่างเรามีบัตรเครดิต 1 ใบที่มาพร้อมกับสิทธิพิเศษเครดิตเงินคืน มีเงื่อนไขว่าหากเราใช้จ่ายในโหมดธรรมดาทั่วไปจะได้รับเครดิตเงินคืน 1% หากใช้ในหมวดท่องเที่ยวจะได้รับเงินคืน 3% เราเดินทางไปท่องเที่ยว จ่ายค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก รวมกันเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท เราก็จะได้รับเครดิตเงินคืน 3% จาก 10,000 บาท เป็นเงิน 300 บาท ระหว่างนั้นมีการใช้จ่ายในหมวดอื่นอีก 5,000 บาท เราก็จะได้รับเครดิตเงินคืน 1% จาก 5,000 บาท เป็นเงิน 50 บาท รวมแล้วประหยัดขึ้นกว่าเดิมถึง 350 บาทเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินที่เราจะได้รับจากเครดิตเงินคืนอาจแตกต่างกันออกไปหรือได้ไม่เต็มจำนวน แล้วแต่เงื่อนไขของธนาคารว่ากำหนดไว้อย่างไร ยกตัวอย่างจากข้อมูลข้างบน อย่างเช่น เครดิตเงินคืน 3% จากหมวดท่องเที่ยว สามารถใช้ได้เดือนละไม่เกิน 300 บาทเท่านั้น ส่วนที่ควรได้รับเครดิตเงินคืนเกิน 300 บาทขึ้นไป เราก็จะไม่ได้รับในส่วนนี้แต่อย่างใด
ถึงมันอาจดูเหมือนเราได้เงินคืนมาน้อย แต่หากสะสมไปเรื่อยๆ ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว เครดิตเงินคืนพอรวมกันหลักเดือน หรือหลักปีขึ้นไป จะเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว บางปี เพื่อนๆ ที่ใช้เงินจับจ่ายใช้สอย หรือเพิ่มคุณภาพชีวิตหนักหน่อย อาจได้เครดิตเงินคืนเป็นพันกันเลยทีเดียว
รวบรวมข้อมูลเทียบ 5 บัตรเครดิต Cash Back เจ้าไหนดี
เครดิตเงินคืนหรือ Cash Back เป็นสิทธิพิเศษยอดนิยมที่บัตรเครดิตจากหลากหลายธนาคารมักออกโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างเราๆ ให้ไปสมัครใช้บริการ แต่ละเจ้าก็จะมีเงื่อนไขการมอบเครดิตเงินคืนให้กับเราที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น ในฐานะผู้ใช้อย่างเรา เราจึงต้องเลือกบัตรเครดิตที่มอบสิทธิประโยชน์เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของเราให้ได้มากที่สุด แต่เพราะรายละเอียดมันมากมายเต็มไปหมด เราเลยจะพาทุกคนไปดูข้อมูลเทียบ 5 บัตรเครดิต Cash Back เจ้าไหนดี ดังนี้
บัตรเครดิต Citi Cash Back Platinum
เริ่มกันที่บัตรเครดิตจากธนาคารซิตี้ ธนาคารที่ขึ้นชื่อเรื่องสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตอยู่แล้ว พวกเขามีบัตรสำหรับเครดิตเงินคืนโดยเฉพาะให้เราได้เลือกใช้อีกต่างหาก รับไปก่อนเลยทันที 2,000 บาท เมื่อมีการเปิดใช้บัตร และใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด ยังไม่จบเท่านั้น สิทธิพิเศษยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- รับเครดิตเงินคืนทันที 10% เมื่อโดยสารรถไฟฟ้า MRT กรณีใช้งานผ่าน LinePay หรือมีการซื้อแพคเกจผ่าน Rabbit Reward และเมื่อซื้อเครื่องดื่ม หรือขนมในร้านอเมซอน
- รับเครดิตเงินคืนทันที 5% เมื่อมีการใช้จ่ายในร้าน Watson เซเว่นอีเลฟเว่น และ Grab
- รับเครดิตเงินคืนทันที 1% เมื่อมีการใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ
- รับเครดิตเงินคืน 1% ยิ่งเติมยิ่งได้กับปั๊มน้ำมันเชลล์ทุกสาขาทั่วประเทศ หากมีค่าใช้จ่ายครบ 800 บาทต่อเซลล์สลิปขึ้นไป และต้องลงทะเบียนเพื่อรับเครดิตเงินคืนก่อน
- หากแนะนำเพื่อนให้สมัครบัตรเครดิตซิตี้ รับเลยทันทีเครดิตเงินคืนขั้นต่ำ 1,000 บาทขึ้นไป ยิ่งแนะนำมากเท่าไหร่ ยิ่งได้มากเท่านั้น
บัตรเครดิต UOB TMRW
บัตรเครดิตจากธนาคาร UOB ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ ใครที่กังวลว่าบัตรเครดิตในปัจจุบันอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของเราสักเท่าไหร่ ให้เครดิตเงินคืนก็จริง แต่ดันไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์เสียอย่างนั้น บอกเลยว่าบัตรตัวนี้จะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ แน่นอน เพราะเราสามารถเลือก 3 หมวดได้เอง และหมวดเหล่านี้จะได้เครดิตเงินคืนในเปอร์เซ็นต์พิเศษด้วย รายละเอียดมีดังนี้
- รับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อใช้จ่ายในหมวดที่เราเลือกเองได้ทั้งหมด 3 หมวด
- รับเครดิตเงินคืน 2% เมื่อใช้จ่ายในหมวดบันเทิง ร้านสะดวกซื้อ เครื่องสำอาง และแฟชั่น
- รับเครดิตเงินคืน 1% เมื่อใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ
- สมัครวันนี้ รับเครดิตเงินคืนทันทีสูงสุด 3,000 บาท หากมียอดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป
- รับเครดิตเงินคืนทันทีแบบไม่ต้องสะสม หรือเสียเวลาแลกแต้ม
บัตรเครดิต Krungsri NOW
ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยการมอบเครดิตเงินคืนให้แบบจุดๆ ถึง 5% โดยเฉพาะใครเป็นสายช้อปออนไลน์บอกเลยว่าไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด รับรองว่าซื้อของได้คุ้มจุใจมากขึ้นกว่าเดิม ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี ไม่ต้องปวดหัวรอกดแย่งบัตรส่วนลดกับใครในแอปซื้อของออนไลน์อีกต่อไป รายละเอียดมีดังนี้
- รับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อมีการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านทุกเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ยกเว้นค่าใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยว กองทุน และประกัน เพียงใช้จ่ายครบ 500 บาทต่อเซลล์สลิปขึ้นไป
- รับคะแนน x 2 ทันทีเมื่อรับประทานอาหารกับร้านอาหารที่ร่วมรายการชั้นนำทั่วโลก เพียงแค่เราทานอาหารครบ 500 บาทต่อเซลล์สลิปเท่านั้น
- ทุกค่าใช้จ่าย 25 บาทจะได้รับคะแนนสะสม 1 แต้ม สามารถใช้แลกสิทธิพิเศษคุ้มค่าได้มากมาย
บัตรเครดิต TTB So Chill
บัตรเครดิตจากธนาคารทหารไทยธนชาต สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้นกว่า ใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่าสบายกระเป๋า ด้วยเครดิตเงินคืนที่จัดให้แบบจุใจ เหมาะสำหรับสายช้อปออนไลน์ เพราะมาพร้อมประกันซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ชอบสนุกไร้กังวล รายละเอียดมีดังนี้
- รับเครดิตเงินคืน 5% จากดอกเบี้ยที่เรียกเก็บ หากจ่ายตรงเวลา
- ประกันซื้อสินค้าออนไลน์ เมื่อได้ของแล้วเสียหาย สูญหาย หรือของไม่ตรงปกก็ไม่หวั่น พร้อมชดเชยให้สูงสุดถึง 5,000 บาทต่อครั้งเลยทีเดียว
- รับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท หากมียอดค่าใช้จ่าย 10,000 บาทขึ้นไป หลังเปิดบัตรเครดิต 30 วัน
บัตรเครดิต KTC Cash Back Visa Platinum
บัตรเครดิตจากธนาคารกรุงไทย ใครทำงานเป็นพนักงานบริษัท หรือเป็นข้าราชการ บอกเลยว่าสมัครง่าย ถูกใจสุดๆ ที่สำคัญคือ ไม่มีทั้งค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปี ใครจัดสรรการเงินได้ดี จ่ายเต็มยอดเป็นประจำทุกเดือน รับรองว่ามีแต่ได้กับได้แน่นอน แถมบัตรใบนี้ยังมอบสิทธิพิเศษด้วยเครดิตเงินคืนโดยเฉพาะอีกต่างหาก รายละเอียดมีดังนี้
- รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 0.8% เมื่อใช้จ่ายทุกครั้งแบบไม่กำหนดเงื่อนไข ยิ่งใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเยอะ ยิ่งได้รับเงินคืนเยอะตามไปด้วย
- ประกันอุบัติเหตุสูงสุด 300,000 บาท ยาวนาน 90 วัน หลังจากเปิดใช้บริการ
- ประกันเดินทางทั้งในประเทศ และต่างประเทศ คุ้มครองกระเป๋าเดินทางเสียหาย หรือสูญหายจากการเดินทาง
- สามารถเบิกถอนเงินสดได้ 100%
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชี้เป้า 6 บัตรเครดิต สำหรับฟรีแลนซ์ ที่นี่
สรุปแล้ว เทียบ 5 บัตรเครดิต Cash Back เจ้าไหนดี คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับว่าบัตรจากธนาคารไหนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เรามากกว่ากัน ถ้าเราเป็นสายไปเรื่อย ไม่มีค่าใช้จ่ายที่เฉพาะเจาะจงเป็นหมวดหมู่ถึงขนาดนั้น ขอแนะนำให้เลือกบัตรเครดิตที่มอบเครดิตเงินคืนให้กับเราจากการใช้จ่ายทุกหมวดหมู่ หากเรามีค่าใช้จ่ายเฉพาะเจาะจง อย่างเช่น เป็นคนชอบแฟชั่น ท่องเที่ยวบ่อย ก็ให้เลือกบัตรเครดิตที่มอบเครดิตเงินคืนจากหมวดนั้นๆ ก็จะช่วยให้เราใช้เงินได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้นนั่นเอง หากใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
บอกเล่าความคิดเห็นและสิ่งที่คุณรู้ที่นี่