บัตรเดบิต พูดง่ายๆก็คือ บัตรที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร เพื่อใช้ทำรายการที่เครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด และชำระค่าสินค้าและบริการ และใช้ทำรายการชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้า รวมถึงการซื้อสินค้าออนไลน์ได้ โดยจะเป็นการหักเงินออกจากบัญชีเงินฝากทันที ในการชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้า ด้วยความสะดวกสบายขนาดนี้ ทำให้หลายคนอยากที่จะมีบัตรเดบิตติดตัวไว้สักใบ วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า บัตรเดบิต คืออะไร สมัครยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง
บัตรเดบิต คืออะไร
บัตรเดบิต (Debit Card) คือ บัตรที่ธนาคารออกให้โดยผูกบัตรไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร ซึ่งสามารถใช้ในการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด และ จ่ายค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านบัตรเดบิตนี้ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด
โดยจะมีข้อความว่า “Electronic Use Only” ไว้บริเวณด้านบนหรือด้านล่างของบัตร และผู้ที่ใช้บัตรเดบิตจะต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปีตามราคาที่ทางธนาคารแต่ละธนาคารกำหนด
บัตรเดบิต เน้นการควบคุมการใช้จ่าย รวมถึงผู้ที่ควบคุมการใช้จ่ายด้วยตัวเองไม่ได้ และมีแนวโน้มว่าจะใช้เงินเยอะกว่าความสามารถในการชำระหนี้ เพราะทุกการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตจะถูกตัดยอดออกจากบัญชีธนาคารที่ผูกไว้ทันที เราจึงไม่มีโอกาสใช้เงินเกินกว่ายอดเงินที่มีอยู่จริงในบัญชี นอกจากนั้นแล้ว เรายังสามารถกำหนดวงเงินสูงสุดที่จะใช้จ่ายต่อวันได้ เช่น ถึงแม้เราจะมีเงินในบัญชี 100,000 บาท เราสามารถกำหนดวงเงินสูงสุดต่อวันไว้ที่ 5,000 บาท 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของธนาคารเจ้าของบัตร
วิธีนี้นอกจากจะเป็นการควบคุมค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นการจำกัดความเสียหายกรณีที่บัตรถูกโจรกรรมอีกด้วยซึ่งผู้ที่ไม่ชอบความรู้สึกของการเป็นหนี้ หรือ ผู้ที่ไม่ชอบการมีภาระในการชำระหนี้รายเดือน เพราะ การใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตไม่มีภาระของการชำระหนี้ ทันทีที่บัตรเดบิตถูกรูดที่จุดชำระเงิน ยอดการใช้จ่ายจะถูกตัดออกจากบัญชีของเราทันที ซึ่งต่างจากบัตรเครดิตที่การใช้จ่ายจะถูกรวมในรอบบัญชี และส่งมาเป็นยอดชำระรายเดือน โดยเราต้องชำระเงินให้ตรงตามกำหนดเวลาเพื่อป้องกันดอกเบี้ยการผิดนัดชำระโดยผู้ที่ยังไม่สามารถสมัครบัตรเครดิต
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ บัตรเดบิตต่างจากบัตรเครดิตอย่างไร ที่นี่
ใครบ้างที่สามารถทำบัตรเดบิตได้
บัตรเครดิตไม่ได้มีข้อจำกัดอะไรมากมาย ไม่ต้องใช้เอกสารที่เยอะเท่ากับการสมัครบัตรเครดิต ซึ่งคุณสมบัติของคนที่สามารถทำบัตรเดบิตได้ มีดังนี้
- บุคคลธรรมดาอายุตั้งแต่ 12 - 70 ปีบริบูรณ์
- มี บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ และ / หรือ บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ที่เป็นบัญชีบุคคลธรรมดา หรือบัญชีร่วมสองคนที่มีเงื่อนไขว่าคนใดคนหนึ่ง สามารถถอนได้ หรือบัญชีร้านค้าที่มีชื่อเจ้าของบัญชีคนเดียว
ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างเพื่อจะสมัครบัตรเดบิต
โดยทั่วไป สำหรับการทำบัตรเดบิต สามารถนำบัตรประจำตัวประชาชนและสมุดบัญชี ติดต่อผ่านสาขาของธนาคารที่ต้องการที่จะทำบัตรเดบิตของธนาคารนั้นๆได้เลย แต่ปัจจุบันสามารถเข้า E-Banking แล้วสมัครผ่านช่อทางออนไลน์ พร้อมรออนุมัติได้เลย
ประโยชน์ของบัตรเดบิต
นอกจากจะใช้ถอนเงินสดที่ตู้เอทีเอ็มและรูดซื้อสินค้าตามร้านค้าที่รับแล้ว บัตรเดบิตยังสามารถ...
-
ไม่ต้องพกพาเงินสดจำนวนมากในการไปไหนมาไหนให้กังวล ในเรื่องของการถูกปล้นหรือจี้เอาเงินหากทำบัตรหายก็เกิดความเสียหายน้อยกว่าการทำเงินหายเพราะถึงถูกคนขโมยบัตรเดบิตไปใช้ ก็ใช้ได้แค่จำนวนเงินที่อยู่ในธนาคารเท่านั้น เเละการพกบัตรเดบิตช่วยให้สะดวก รวดเร็วในการชำระเงิน และไม่ต้องเสียเวลาในการทอนเงินด้วย
-
บัตรเดบิต เป็นบัตรเงินสดที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้ ดังนั้น การใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าเเละบริการจึงไม่ใช่สินเชื่อ เราไม่ได้กู้เงินธนาคารมาใช้ แต่เป็นการใช้เงินของเราผ่านบัตรเท่านั้น เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรบัตรเดบิตจะทำการตัดเงินเราจากบัญชีธนาคารทันทีซึ่งถือว่าเป็นการใช้จ่ายด้วยเงินของเจ้าของบัญชีโดยตรง จึงทำให้ไม่มีการคิดดอกเบี้ยอีกด้วย
-
การสมัครขอใช้บัตรเดบิตนั้นสามารถทำได้ง่ายมากๆ เพียงแต่คุณมีบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันกับธนาคารเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบเครดิตแต่อย่างใด
-
ได้รับสิทธิประโยชน์อื่นเพิ่มเติมตามโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เช่น ส่วนลดในการซื้อสินค้า ความคุ้มครองตามการประกันชีวิต การโอนเงินโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรและเงื่อนไขการใช้บริการ
-
สามารถใช้ซื้อสินค้าเเละบริการต่างๆได้สะดวกขึ้น เช่น ใช้บัตรเดบิตจองตั๋วเครื่องบินได้ ใช้บัตรเดบิตซื้อ App ในโทรศัพท์มือถือได้ สามารถใช้ซื้อสินค้าใน 7-11 ได้ เป็นต้น เเละสามารถ ใช้บัตรเดบิตที่ต่างประเทศได้อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดี - ข้อเสีย ของบัตรเดบิต ที่นี่
ใช้บัตรเดบิตอย่างไรให้ปลอดภัย
เพราะบัตรเดบิตเป็นช่องทางนึงที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้เงิน จึงมีการโจรกรรมหรือสแกรมบัตรเดบิตด้วยเหมือน ถ้าหากอยากใช้บัตรเดบิตให้ปลอดภัย มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- ทุกครั้งที่มีการรูดซื้อสินค้า ควรตรวจสอบยอดเงินที่ปรากฏในสลิปทำรายการด้วยว่าตรงกับการใช้จ่ายจริงหรือไม่
- ควรเซ็นลายเซ็นไว้บนหลังบัตร เพราะไม่อย่างงั้นหากใครได้บัตรไป แล้วก็เซ็นลายเซ็นของเขาลงไป และนำไปรูดกับร้านค้าต่างๆได้อย่างสบาย
- สมัครบริการข้อความแจ้งเตือนเงินเข้า
- ไม่จดรหัสบัตรไว้ที่ตัวบัตร และหมั่นเปลี่ยนรหัสบัตรบ่อยๆ เพื่อป้องกันบุคคลใกล้ชิดคาดเดาหรือจดจำรหัสบัตร และนำบัตรไปใช้ให้เกิดความเสียหาย
- เราสามารถกำหนดวงเงินการใช้จ่ายในแต่ละวันได้โดยกำหนดที่ตู้ ATM เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินกำหนด หากต้องการเพิ่มหรือลดจำนวนเงินก็สามารถเปลี่ยนแปลงวงเงินได้ตลอดเวลา แต่ต้องอยู่ภายในวงเงินที่ธนาคารกำหนดให้ถอนได้ต่อวันด้วย
- การซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตควรพิจารณาเรื่องความปลอดภัยของทั้งร้านค้าออนไลน์และผู้ให้บริการชำระเงิน ร้านค้าออนไลน์ที่เชื่อถือได้จะได้รับใบรับรองดิจิตอล (Digital Certificate) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีระบบความปลอดภัยของข้อมูลโดยการเข้ารหัสก่อนส่งทุกครั้ง โดยมีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยของการส่งผ่านข้อมูลแบบ SSL (Secure Socket Layer) ซึ่งแสดงว่าเว็บไซต์นี้ได้รับการรับรองความปลอดภัยในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างกัน หรือร้านค้าออนไลน์บางแห่งอาจมีการใช้ระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) ด้วย
- แจ้งธนาคารทันทีที่รู้ว่าบัตรหาย หรือมีรายการที่เจ้าของบัตรไม่ได้เป็นผู้ทำรายการเกิดขึ้น
ดังนั้นการมีบัตรเดบิตอยู่ในกระเป๋าสตางค์แค่เพียงใบเดียวช่วยทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้นมากได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรระมัดระวังการใช้จ่ายด้วยบัตรเดบิตเพราะถ้าใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจมีผลเสียต่อชีวิตของเราไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว หากอยากได้ที่ปรึกษาก่อนสมัครบัตรเดบิตสามารถ**สอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck **ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่าง
Marge
ชอบลืมรหัส ยิ่งเดี๋ยวนี้บัตรเดบิตเปลี่ยนรหัสใหม่จาก 4 ตัวเป็น 6 ตัว ลืมสนิทมาก ก็ดีสะดวกกว่าATM แต่พูดถึงว่าถ้าไม่ค่อยได้เอาไปใช้รูดสินค้าอะไรไว้ใช้เเค่กดเงินก็ไม่ต้องสมัครทำบัตรก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้หลายธนาคารมีการกดเงินแบบไม่ต้องใช้บัตรกันแล้ว แค่พกโทรศัพท์ไปแค่เครื่องเดี๋ยวก็กดเงินได้ เราก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำบัตรเลยจะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมรายปีด้วย
ปลาบู่
"บัตรเดบิต เน้นการควบคุมการใช้จ่าย รวมถึงผู้ที่ควบคุมการใช้จ่ายด้วยตัวเองไม่ได้ และมีแนวโน้มว่าจะใช้เงินเยอะกว่าความสามารถในการชำระหนี้" เราชอบข้อความนี้มากเลยค่ะ ขอยืมเอาไปบอกเพื่อนสนิทของเราหน่อยนะ รายนั้นอยากจะมีบัตรเครดิตมากทั้งที่เพิ่งทำงานประจำมาได้ยังไม่ถึงปีเลย ชอบช้อปซะด้วย ถ้าทำบัตรเครดิตเราว่าน่าห่วงมากเลยค่ะ
สายไหม
เดี๋ยวนี้เมื่อเมื่อเราอยากใช้บริการของตู้ atm ในการทำธุรกรรมการเงิน ถ้าเรามีบัญชีออมทรัพย์สามารถสมัครใช้บริการของบัตรเดบิต เพื่อทำธุรกรรมการเงินที่ตู้ atm ได้ แต่ว่าเดี๋ยวนี้บัตรเดบิตมักจะมีค่าบริการรายปี ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ทำให้บางคนเลือกใช้วิธีการอื่น บทความนี้ช่วยให้เราเห็นถึงประโยชน์ของบัตรเดบิตว่าจะสามารถใช้ยังไงได้บ้างค่ะ
Pornpoj
การใช้บัตรเครดิตจะได้สิทธิประโยชน์หรือสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย แต่ถ้าใครไม่เน้นเรื่องนี้ เอาแค่ใช้จ่ายสะดวก ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะใช้ได้เท่าที่เงินในบัญชีมีอยู่ ถือว่าบัตรเดบิตน่าใช้นะครับ ที่บทความนี้แนะนำมาบางบัตร มีสะสมคะแนน ได้เงินคืน และมีโปรโมชั่นเสริมให้ด้วย น่าสนใจครับไม่รู้ตอนนี้ธนาคารต่างๆยังให้สิทธิพิเศษแบบนี้อยู่หรือเปล่านะ
Nuchsung
เราไม่ค่อยใช้บัตรเดบิตแล้วเดี๋ยวนี้เพราะว่าเดี๋ยวนี้หลายร้านสามารถจ่ายเงินได้ทางมือถือ อีกอย่างสแกน QR Code จ่ายเงินก็ได้ แถมไปกดเงินที่ตู้ atm ได้โดยที่ไม่ต้องใช้บัตรด้วย ทำให้ประหยัดค่าธรรมเนียมไปได้เยอะเลย ชอบใช้บัตรเครดิตมากกว่าเพราะว่ามีส่วนลดแล้วก็สะสมเเต้มได้ ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย ในอนาคตสงสัยหมดยุคบัตรเดบิตแน่...
บ่าวนา
คุณ ปลาบู่ ครับ บทความนี้บอกเกี่ยวกับการใช้งานบัตรเดบิต ครับ ไม่ใช่บัตรเครดิต ครับ ถ้าเพื่อนจะทำบัตรเดบิต ไม่ต้องห้ามครับ ปล่อยให้เพื่อนทำไปเลยครับ เพราะว่าบัตรเดบิต มันหักเงินโดยตรงจากบัญชีของเพื่อนครับ ดังนั้นไม่ต้องกังวลครับว่าเพื่อนจะไปเป็นหนี้ใครที่ไหนครับ อย่างน้อยก็ถ้าใช้เยอะ เงินในบัญชีเพื่อนก็หมด แค่นั้นเองครับ
มะตะบะไก่
บัตรเดบิตกับสแกน qr code จ่ายก็คล้ายๆกันแหละค่ะ แต่บัตรเดบิตดีสำหรับคนที่เนตหมดหรือโทรศัพท์สัญญาณไม่ดี สามารถใช้บัตรกดเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ทันที และใช้รูดซื้อของได้เหมือนกับบัตรเครดิตเลย แตกต่างแค่ว่าหักเงินจากบัญชีเราโดยตรงทำให้เราไม่ต้องเป็นหนี้เหมือนกับบัตรเครดิต ซึ่งเวลาที่เรารูดจะมี sms แจ้งเตือนให้รู้ด้วยว่าเราใช้รูดไปกี่บาท ที่ไหน เมื่อไหร่ ดังนั้นสำหรับเรามีติดกระเป๋าไว้บ้างก็ดีค่ะ
วาน
เราว่าบัตรเดบิตเนี่ยมันเหมือนเป็นบัตรลูกผสมระหว่างบัตรเครดิตกับบัตร ATM เลยนะเพราะว่าบัตรเดบิตเนี่ยสามารถถอนเงินออกจากตู้ atm ได้ ใช้จ่ายซื้อของ ผ่านทางเคาน์เตอร์ได้แล้วก็มีวงเงินให้ด้วยแต่บัตรเครดิตเนี่ยเป็นเหมือนบัตรที่ทำให้กู้ได้สะดวกอย่างเดียวส่วนบัตร ATM ก็กดออกมาได้จากตู้ atm อย่างเดียวใช้จ่ายหน้าเคาน์เตอร์ไม่ได้รู้สึกชอบบัตรเดบิตนะมีบัตรเดียวใช้ได้ 2 ฟังก์ชันเลย
สมชาย
ผมคิดว่าเดี๋ยวนี้บัตรเดบิตไม่ค่อยเป็นที่สนใจหรือผู้คนจะใช้บริการกันแล้วนะครับ เพราะว่ามีบริการของอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้งช่วยเราสามารถที่จะทำธุรกรรมการเงินผ่านทางโทรศัพท์มือถือได้และสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางไปยังตู้ atm ให้เสียเวลา แถมยังไม่มีค่าบริการรายปีเหมือนบัตรเดบิตด้วย ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของบัตรเดบิตเลยนะครับสำหรับเรื่องนี้
ปุณณดา
แต่เราก็ยังใช้บัตรเดบิต อยู่คะ ถึงแม้จะมีแอพฯของทางธนาคารด้วยก็ตาม บัตรเดบิตเมื่อเราใช้มันก็มีประโยชน์ของมัน อย่างเช่น ผ่อนสินค้าได้ เหมือนกับบัตรเครดิต แล้วบ้างร้านก็อาจไม่รับการโอนเงินเข้าบัญชีด้วย บัตรเดบิตก็ยังทำหน้าที่ตรงนี้ได้เป็นอย่างดี เอาเถอะคะ พูดไปถ้าคนไม่เคยใช้อธิบายยังไงก็ไม่เข้าใจ ต้องได้ใช้เองคะ
!!Pachanan!!
บัตรเดบิตดีตรงที่เวลาเอาบัตรไปใช้มันจะหักเงินจากในบัญชีธนาคารของเรา ถ้าเป็นบัตรเครดิตจะเป็นการใช้เงินล่วงหน้า ซึ่งเราต้องไปหาเงินมาใช้คืน ถ้าหามาคืนไม่ทันต้องจ่ายดอกเบี้ยหลายบาท พูดถึงบัตรเดบิต เดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้ก็ได้ เวลาออกไปซื้อของหรือไปใช้บริการอะไร ชำระเงินผ่าน mobile application ของธนาคารในโทรศัพย์เราก็ได้ค่ะ
//Bancha\\
ใช้บัตรเดบิตก็ดีกว่าใช้บัตรเครดิตอยู่นิดนึง ตรงที่ทุกๆการใช้งานผ่านบัตรเดบิตเป็นการใช้เงินจากบัญชีธนาคารที่เรามีอยู่ ไม่ได้เป็นการใช้เงินล่วงหน้าเหมือนกับบัตรเครดิต ซึ่งการทำอย่างนั้น โอกาสที่เราจะเป็นหนี้ที่เกิดจาการใช้บัตรเครดิตจะมีมาก บางคนเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบัตรเยอะขนาดนั้น
-Noona-
จะใช้บัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต ต้องตรวจสอบทุกครั้งหลังจากใช้งานค่ะ ยอดเงินเข้า ยอดเงินออกตรงกับที่เรารับและจ่ายไปจริงๆหรือเปล่า เดี๋ยวนี้มีผู้ไม่หวังดีและไม่ประสงค์ออกนามเยอะ นิดๆหน่อยๆก็อยากจะมาเอาเงินของเราไป เมื่อใช้บัตรแล้วต้องเก็บไว้ให้ดีด้วย อย่าให้หายและไม่ควรให้บัตรชำรุด ไม่งั้นต้องทำใหม่อีก