วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องของประกันกันบ้างนะคะ ซึ่งทุกคงจะคุ้นเคยกับการทำประกันกันแน่นอนเพราะสมัยนี้การทำประกันถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ หรือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประกันอุบัติเหตุ หรือประกันสำหรับรถ ประกันสำหรับบ้าน ประกันสำหรับภัยพิบัติต่างๆ และประกันสุขภาพหรือประกันชีวิต หรือแม้กระทั่งการเดินทางไปไหนมาไหนก็ต้องมีประกันคุ้มครอง แม้แต่สิ่งของเครื่องใช้บางอย่างของเราก็ยังต้องมีประกันเลยนะเดี๋ยวนี้ ประกันถือว่าเป็นเครื่องรับประกันให้เกิดความมั่นใจความไว้วางใจไปแล้วเพื่อการใช้ชีวิตที่มั่นคงปลอดภัย และวันนี้เรามาพูดถึงทุนประกันกันค่ะ ว่าตัวเลขของทุนประกันสำคัญอย่างไรกับเราแล้วเราจะเลือกอย่างไรสำหรับเราค่ะ
ทุนประกัน คือ?
ทุนประกันก็คือ เงินทดแทนหรือเรียกตามภาษาทางการของเขา คือ สินไหมทดแทนที่ทางบริษัทประกันจะต้องจ่ายให้กับผู้ที่เป็นลูกค้า หรือผู้ที่ทำประกันเอาไว้ ยกตัวอย่างการทำประกันชีวิต ผู้ที่ทำประกันจะได้ทุนประกันก็ต่อเมื่อในกรณีที่เสียชีวิตหรือครบกำหนดสัญญาซึ่งส่วนมาก เงินทุนประกันที่จะได้รับนี้จะเป็นเงินในจำนวนเยอะมากๆ หลักแสนขึ้นไป เมื่อเกิดกรณีที่ว่ามาคือเสียชีวิตหรือครบกำหนดสัญญา คุณก็จะได้ทุนประกันในจำนวนที่มีการตกลงไว้ในเงื่อนไขการสมัครตั้งแต่แรก โดยจะยกตัวอย่างการทำประกันชีวิต จะแบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ ประกันชั่วระยะเวลา/ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ/ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์/ประกันชีวิตแบบควบการลงทุน/ประกันชีวิตแบบเกษียณอายุ ดังนั้นการเลือกซื้อประกันต้องเลือกอย่างดีใช้เวลาสักหน่อยในการตัดสินใจ เลือกบริษัทที่มีชื่อเสียงที่ดี หรือน่าเชื่อถือโดยสอบถามจากคนที่น่าเชื่อถือและเราไว้วางใจก็ได้ และสิ่งสำคัญอีกคือต้องทำความเข้าใจให้ดีเกี่ยวเงื่อนไขในสัญญาอ่านให้ละเอียดเสียเวลาตรงนี้สักหน่อยก่อนจะซื้อ และอาจจะเปรียบเทียบเงื่อนไขในสัญญากับประกันหลายๆบริษัทก็ได้ค่ะ วันนี้จะเอาแนวคิดในการคำนวณทุนประกันมาฝากกันค่ะ
แนวคิดในการคำนวณทุนประกันที่เหมาะสม
ในแต่ละบุคคลก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพกรณีนะคะ อาจจะเริ่มจากการคำนวณภาระรับผิดชอบที่สามารถทำได้ คือ จำนวนรายได้ทั้งหมดที่คุณคาดแล้วว่าคุณจะทำได้ในช่วงชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ หรือจนกว่าคุณจะหยุดการทำงานหรือเกษียณนั่นเอง แต่วงเงินที่คุณคำนวณมาได้นั้นก็อาจจะสูงกว่าทุนประกันที่มีขายให้กับคุณ ดังนั้นจึงมีการระบุว่าผู้ทำประกันควรมีเงินประกันเท่ากับ 5 เท่าของรายได้เพราะว่าเวลา 5 ปีเป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะพอควร ส่วนการคำนวณภาระค่าใช้จ่ายหลังจากที่คุณจากไปให้กับครอบครัวนั้น ให้ดูตามความจำเป็นของครอบครัวว่าต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้างเมื่อคุณเสียชีวิต โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็คือ ค่าใช้จ่ายรายเดือนของครอบครัว ค่าเล่าเรียนของลูกๆหลานๆ หนี้สินที่ยังคงค้างชำระอยู่ ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ที่แก่ชรา รวมถึงค่าใช้จ่ายครั้งล่าสุดอย่างการจ่ายค่าฌาปนกิจด้วยค่ะ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ต้องคิดคำนวณรวมมาให้หมดเพื่อไม่ให้ตกหล่นและเป็นภาระเพราะทุนประกันไม่พอนะคะ เพราะการมีทุนประกันเหลือเฟือนั้นจะทำให้คนที่อยู่ข้างหลังอยู่อย่างสบาย ไม่เป็นภาระสามารถจัดการทุกอย่างได้ดีกว่าไม่มีการทำประกันและการที่ทำประกันแต่เงินทุนประกันนั้นต่ำเกินไปเพราะขาดการคิดคำนวณวางแผนที่ดีค่ะ
ทุนประกันกับเบี้ยประกัน
เมื่อมีทุนประกันก็ต้องมีเบี้ยประกัน สองอย่างนี้แตกต่างกันนะคะ เบี้ยประกันก็คือ จำนวนเงินที่ตัวคุณจะต้องจ่ายให้กับบริษัทที่คุณไปสมัครทำประกันกับเขานั่นเอง ซึ่งก็เป็นไปตามที่เงื่อนไขกำหนดเช่นกัน ส่วนมากจะมีการชำระเบี้ยประกันเป็นงวดๆ และมีการกำหนดระยะเวลาเพื่อให้ครบตามเวลาที่กำหนดแล้วจะได้ทุนประกันคืนมา ไม่ว่าคุณจะทำประกันประเภทไหนก็จะมีทั้งเบี้ยประกันและทุนประกัน ดังนั้นตัวเลขเหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณต้องดูให้แน่ใจว่าเหมาะสมสำหรับคุณหรือไม่
ทุนประกันกับการเคลม
การเคลมประกัน ส่วนมากนั้นจะเป็นการทำประกันรถยนต์ การทำประกันรถยนต์ก็ถือว่าเป็นที่นิยมอย่างมากและถือเป็นกฏหทายบังคับใช้ด้วย ว่ารถยนต์อายุเท่านี้เท่านั้นต้องมีการทำประกันระยะเท่านี้ๆหรือต้องทำประกันรถยนต์ประเภทใดเพื่อให้เหมาะสมการใช้งานรถยนต์คันนั้นๆ การเคลมประกันก็จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือแม้แต่มอเตอร์ไซด์ก็ได้ ซึ่งเดี๋ยวนี้การแข่งขันประกันรถยนต์ก็ค่อนข้างสูง เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ทำประกันก็มักจะชื่นชอบบริษัทประกันที่ ดูแลอย่างดี รวดเร็วทันใจไม่เสียเวลามาก ดังนั้นประกันรถยนต์จึงทำหน้าที่ในการเจรจากับคู่กรณี หรือไม่มีคู่กรณีก็จะช่วยเหลือดูแลรถของเราต่อไปไม่ว่าจะเรื่องการซ่อม หรือถ้าเรื่องใหญ่ถึงขึ้นโรงขึ้นศาลประกันก็เป็นอีกส่วนนึงที่จะช่วยคุณ ไม่ให้คุณเผชิญปัญหาตามลำพัง หรือคุณอาจจะไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ บางบริษัทประกันนั้นจัดการให้คุณหมดแทบจะทุกอย่างทุกปัญหาที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้ แต่การเคลมประกันก็ไม่ได้ง่ายดายเสมอไปนัก บางครั้งก็ยุ่งยากอยู่เหมือนกัน วันนี้จึงนำวิธีเคลมประกันไม่ให้ยุ่งยากมาฝากกันค่ะ
ขั้นตอนการเคลมประกันที่เข้าใจง่ายๆ
- เอกสารกรมธรรม์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเก็บอย่างดีและหาเจอได้ง่าย ขอแนะนำว่าเอกสารทุกอย่างควรอยู่ในรถตลอดเวลาไว้ดีที่สุด เมื่อคุณเกิดปัญหาขึ้น ให้โทรหาบริษัทประกัน แจ้งหมายเลขกรมธรรม์ เลขทะเบียนรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และรายละเอียดเหตุการณ์ จากนั้นก็รอเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่เกิดเหตุมาตรวจเช็คเอกสารและสภาพรถยนต์ทั้งของเราและคู่กรณี 2. ระหว่างที่คุณรอเจ้าหน้าที่ประกันอยู่นั้น คุณควรเตรียมเอกสารส่วนตัวของคุณ เช่น ใบขับขี่ หน้าตารางกรมธรรม์ และเล่มทะเบียนรถ เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงจะได้ไม่เสียเวลาควานหาทีหลังจะได้ยื่นให้เขาไปเลยไม่ต้องรอเขาถามหาเอกสารนู่นนี่นั่นอยู่ 3. เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วก็จะออกใบเคลมประกันให้คุณเอารถไปซ่อม หรือไปปรับปรุงที่ร้านหรือสถานที่ที่กำหนดในระยะเวลที่กำหนดด้วย หรือถ้าเกิดในกรณีที่หาคู่กรณีไม่ได้ ชนแล้วหนี หรือความผิดพลาดอื่นๆที่เกิดจากตัวคุณก็อาจจะมีการเสียค่าเสียหายไปก่อนบ้างก็ต้องยอมจ่ายไป ไม่มากเท่าไหร่หรอกเพื่อไม่เสียเวลาและในภายหลังอาจจะมีการคืนให้คุณค่ะ 4. เมื่อคุณได้ใบเคลมประกันมาแล้ว นำรถของคุณไปซ่อมตามเงื่อนไขที่ใบเคลมออกมาให้ และทำตามอย่างเคร่งครัด ตามสถานที่ที่ทางบริษัทจัดให้เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องสำรองจ่าย จะได้เซฟเงินของคุณด้วยค่ะ เห็นมั้ยคะว่าการเคลมประกันรถยนต์ที่ยุ่งยากก็ง่ายขึ้นไปเลยด้วยขั้ตอนเหล่านี้ เมื่อเข้าใจแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นคุณคงจะรู้วิธีกันแล้วนะคะเพื่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้นไม่เสียเวลามากมาย
ข้อดีและข้อเสียของการเลือกทุนประกันสูง
ทุนประกันเป็นตัวเงินตัวเลขที่มีส่วนสำคัญที่คุณต้องคำนึงถึงเป็นสิ่งแรกๆ พอๆกันกับเบี้ยประกันเลยก็ว่าได้ดังนั้นจึงเกี่ยวข้องกับการวางแผนการเงินของคุณด้วยเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าใครก็อยากได้ผลตอบแทนที่สูงกันอยู่แล้วไม่ว่าจะเอาเงินไปลงทุนกับอะไร การทำประกันก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งก็ว่าได้ ดังนั้นเรามาพูดถึงการลงทุนหรือการจ่ายเบี้ยประกันที่สูงเพื่อจะได้ทุนประกันที่สูงตามมาด้วยนั้น มันมีผลดีผลเสียต่อตัวคุณอย่างไรบ้างค่ะ
ข้อดี
ข้อดีก็เห็นอย่างชัดเจน เมื่อทุนประกันคือค่าตอบแทนที่เราจะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายๆอย่างที่เงื่อนไขกำหนด หรือการครบสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดและเราจะได้เงินส่วนที่สัญญากำหนดซึ่งจะเป็นเงินก้อนใหญ่จากเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปในทุกๆเดือน หรือทุกๆปีไปนั้นกลับคืนมา หรือมากกว่าที่ได้จ่ายไป การเลือกตัวเลขทุนประกันที่สูงผลของเงินที่ได้ในตอนสุดท้ายก็จะได้เยอะๆมากๆนั่นเองค่ะ
ข้อเสีย
แต่ผลเสียก็มีตามมา การที่คุณเลือกสมัครหรือซื้อประกันที่มีทุนประกัน หรือค่าตอบแทนเยอะมากๆนั้น ก็คือ ค่าเบี้ยประกันที่คุณต้องรับผิดชอบชำระในแต่ละงวด บางสัญญาก็เป็นเดือนบางสัญญาก็เป็นปี ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว ถ้าเราไม่ดูอย่างรอบคอบว่าเรามีกำลังที่จะจ่ายเบี้ยประกันไหวหรือไม่อาจเป็นปัญหาในที่สุด คือเมื่อเราไม่สามารถชำระเบี้ยประกันได้อย่างต่อเนื่องเพราะเป็นจำนวนที่มากเกินไปจากรายได้ต่อเดือนต่อปีของเราเราก็อาจจะขาดการส่งเบี้ยประกัน และเมื่อเลยระยะเวลาที่กำหนดสัญญาอาจจะถูกยกเลิกได้ ส่งผลให้เราสูญเสียเงินหรือเบี้ยประกันที่จ่ายไปแล้วแบบเอากลับคืนมาไม่ได้และก็ยังไม่ทันได้ใช้ประโยชน์จากประกันที่เราซื้อมา เกิดความเสียดายแน่นอน ดังนั้นเมื่อคุณเลือกทุนประกันที่สูงการชำระเบี้ยประกันก็จะสูงตามมาด้วย จึงควรวางแผนควบคู่ไปกับการเงินของเราให้ดีเพื่อสัญญาจะไม่ถูกยกเลิกกลางคันเพราะจ่ายเบี้ยประกันไม่ไหวนะคะ
ข้อดีและข้อเสียของการเลือกทุนประกันที่ต่ำ
คุณก็ได้ทราบกันไปแล้วว่าทุนประกันคืออะไร ดังนั้นควรเลือกตามความเหมาะสมและความจำเป็นของเรา ข้างต้นได้บอกไปว่าทุนประกันที่สูงก็มีผลดี แต่ต้องเลือกอย่างระวัง ระวังที่เบี้ยประกันไม่งั้นก็จะทำให้เป็นข้อเสียไปได้ ดังนั้นสำหรับบางคนได้เลือกทุนประกันที่ต่ำก็มีทั้งข้อดีข้อเสียเช่นกันค่ะ
ข้อดี
ทุนประกันที่ต่ำข้อดี คือ การชำระเบี้ยประกันในแต่ละงวดก็จะต่ำลงไปด้วย การยกเลิกสัญญาก่อนกำหนดก็อาจจะเกิดขึ้นได้ยากเพราะยังไงก็สามารถที่จะจ่ายเบี้ยประกันเป็นประจำได้อยู่แล้ว เหมาะกับคนที่มีรายได้ไม่ค่อยมากแต่อยากได้ความคุ้มครองในด้านต่างมาเติมเต็มในการใช้ชีวิต
ข้อเสีย
แต่ข้อเสียก็คือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ทุนประกันที่ได้อาจจะไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายในการแก้ไขปัญหาก็ได้ เช่นถ้าทำประกันอุบัติเหตุ แต่ทุนประกันที่ได้นั้นไม่พอสำหรับค่ารักษาพยาบาลต้องออกเงินตัวเองเพิ่มไปอีกอย่างนี้ก็ไม่คุ้มนะคะ ดังนั้นนั่นแหละสิ่งสำคัญจึงควรจะวางแผนและดูตามความเหมาะสมเพื่อให้การซื้อประกันของคุณนั้นเกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะก็เหมือนการลงทุนถ้ามันไม่คุ้มก็ไม่น่าลงทุนลงเงินไป เมื่อคุณลงเงินชำระเบี้ยประกันไปแล้วถึงแม้จะเป็นในจำนวนที่น้อยก็ควรให้คุ้มค่ากับที่เสียไปเพราะบางครั้งเงินเล็กน้อยที่ชำระเป็นระยะเวลายาวนานก็ถือมากเป็นเงินจำนวนมากได้เหมือนกัน เมื่อชำระไปนานๆแล้วทุนประกันที่ได้เมื่อครบกำหนดสัญญาและเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นน้อยเกินไปและไม่พอก็เสียดายเปล่าๆค่ะ
นาวา
ทุนประกันหมายความว่าอย่างนี้เองเหรอครับ เราจะได้รับทุนประกันก็ต่อเมื่อเสียชีวิตหรือประสบอุบัติเหตุตามเงื่อนไขที่ทางกรมธรรม์ประกันภัยได้มีการพูดถึง บทความนี้ได้อธิบายเกี่ยวกับทุนประกันว่าเงินทุนประกันนั้นเราจะได้รับก็ต่อเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และมีจำนวนมากอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีข้อเสียของเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะครับ
น้ำฝน
สำหรับใครๆที่ทำประกันทั้งประกันสุขภาพและประกันชีวิตก็ยังจะได้รับทุนประกันที่ได้พูดคุยกันไว้หรือตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกใช่ไหมคะ บทความนี้ได้มีการพูดถึงเกี่ยวกับทุนประกัน แล้ววิธีที่เราจะสามารถขอรับทุนประกันในกรณีที่อยากจะเครมประกันหรือว่าอยู่ในเงื่อนไขแล้วด้วยค่ะ ช่วยให้เราสามารถรู้และเตรียมตัวก่อนที่จะขอทุนประกันด้วยค่ะ
อ๊อดเอง
"ทุนประกันภัย" ตัวเลขนี้บอกอะไรได้บ้าง? สำหรับผม..ตัวเลขนี้บ่งบอกว่าเราต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันสูงหรือต่ำครับ555 ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวหรอก ก็อย่างที่บทความนี้บอกล่ะครับ ทุนประกันสามารถบอกเราได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้เอาประกันว่าต้องการทำประกันแบบไหน? วัตถุประสงค์ในการทำประกันคืออะไร? เลือกที่เหมาะกับตัวเองได้ครับ
ปลาดาว
@น้ำฝนคือที่ถามว่า ขอเคลม หมายถึงการขอเคลมจากการรักษาพยาบาลหรือว่ายังไง ถ้าเป็นการขอเคลมจากการรักษาพยาบาล เพียงแค่เราแจ้งทางบัญชีโรงพยาบาล ว่าขอใบเคลมประกัน เขาก็จะเตรียมให้เรา แต่ว่าเวลาที่เราส่งใบเคลมประกัน อย่า ถ่ายเอกสารนะ ต้องเป็นตัวจริง เท่านั้น แล้วถ้าเราอยากเคลมเจ้าอื่นด้วยก็ขอใบเคลมของเราคืนด้วย ทางประกันเขาจะถ่ายเอกสารไว้เอง
แก่นแก้ว
ไหนๆก็คุยกันเรื่องประกันแล้ว ขอถามเลยเเล้วกันว่าการทำประกันชีวิตที่เป็นแบบซื้อแล้วทิ้งเลย คุ้มครอง100% กับ ประกันชีวิตแบบเงินออมอยู่จนครบสัญญาแล้วได้คืนอย่างไหนดีกว่ากันคะ? เราอยากได้ความคุ้มครองระยะยาวค่ะ แต่เบี้ยไม่สูงมาก ควรเลือกทำกับบริษัทไหนดี? ตอนนี้อายุประมาณ25 เเล้วค่ะ ต้องตรวจสุขภาพก่อนทำด้วยไหมคะ? ใครรู้ช่วยตอบทีนะคะ
ผรั่ง
เพิ่งจะรู้นี่แหละว่าทุนประกันกับเบี้ยประกันต่างกันด้วย คือเข้าใจมาตลอดว่าทุนประกันก็เหมือนกับเงินค่าเบี้ยประกันที่เราต้องจ่ายทุกงวดให้กับบริษัทประกันภัยหรือประกันชีวิตที่เราทำ ซึ่งหมายความว่า ทุนประกันเนี่ยก็คือเงินที่เราจะได้ แต่เบี้ยประกันคือเงินที่เราต้องเสีย อย่างนั้นผมชอบทุนประกันมากกว่าครับ อยากจะได้ประกันภัยหรือประกันชีวิตแบบที่จ่ายค่าเบี้ยประกันน้อยแต่ได้ทุนประกันเยอะ แบบนั้นมีไหมครับ!
ชาลี
ในการทำประกันหลายคนคิดว่าการมีทุนประกันที่สูงก็จะช่วยให้ได้รับความปลอดภัยหรือการดูแลอย่างดี แต่จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเลือกการทำประกันที่มีทุนประกันต่ำ เพราะเรื่องนี้จะส่งผลทำให้ผมจ่ายเบี้ยประกันน้อยด้วย รายการจ่ายเบี้ยประกันน้อยก็จะทำให้เราสะดวกมากกว่าในการจ่ายในแต่ละปี และเป็นการบริหารความเสี่ยงในการจะเกิดฉุกเฉินด้วยครับ
จอย
ทุนประกันสามารถบอกให้เราดูด้วยว่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายมากหรือน้อย ยิ่งทุนประกันเยอะมากเท่าไหร่เบี้ยประกันที่จะต้องจ่ายก็มากเท่านั้นด้วยค่ะ ต้องคิดดีๆนะคะสำหรับใครที่อยากได้ทุนประกันสูงในการซื้อประกัน ถ้าสามารถยอมรับภาระเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายได้ ก็จ่ายไปเถอะค่ะ แต่ถ้าถึงมือมากเกินไปก็ต้องคิดแล้วนะคะว่าคุ้มหรือเปล่า
เตชิต
น้องแก่นแก้ว ไอ้ทุนประกันซื้อทิ้ง พี่ว่าน่าจะเป็นประกันสุขภาพมากกว่านะครับ ส่วนที่ซื้อไว้เป็นเงินคืนเขาเรียก ประกันชีวิตครับ ปกติเวลาที่พี่ทำประกัน พี่จะมีประกันชีวิตเป็นตัวหลักครับ แล้วพี่ก็เลือกซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเข้าไปครับ ได้รับการคุ้มครองทั้งสองอย่างครับ พี่ว่าแบบนี้ดีนะครับแต่หลายคนอาจบอกว่าประกันสุขภาพซื้อแล้วทิ้งไม่คุ้ม พี่ว่าไม่จริงครับ
บัว
@นาวา ใช่แล้วครับก็อย่างที่หมดวันนี้บอกไว้ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ ที่เลือกทุนประกันสูงหรือทุนประกันไม่สูงก็ถ้าเลือกทุนประกันสูงก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆสูงขึ้นมาด้วยแต่ถ้าเลือกทุนประกันไม่สูงมากก็ข้อดีก็คือไม่ต้องจ่ายทุนประกันที่ไม่สูงมากก็มีการอธิบายรายละเอียดต่างๆนะผมว่าบทความนี้ดีเลย ไม่ใช่แค่อธิบายว่ายังไงแต่บอกข้อดีข้อเสียด้วยส่วนมากจะบอกแค่ข้อดีนะหลายบทความแต่นี้บอกข้อเสียด้วยผมรู้สึกชอบนะ
Winter
@แก่นแก้ว ถ้าอยากได้ประกันชีวิตระยะยาว แล้ว ออมเงินไปด้วยก็มีอยู่นะคะ เช่นของ ไทยประกันชีวิต มีแบบแผนประกันที่คุ้มครองตลอดชีพ มีเงินคืนทุกปีสิ้นสุดสัญญาก็ได้เงินคืนก็มีนะคะ แต่ขอโทษทีพอดีจำชื่อแบบแผนไม่ได้ แต่คิดว่าหาไม่ยากค่ะ ลองโทรสอบถามหรือเข้าเว็บไซต์ก็ได้นะคะ ก็จริงๆแล้วในเว็บไซต์นี้ ก็น่าจะมีนะลองหาดูสิ