ใครหลายคนคงรู้จักบัตรเครดิตเพราะว่าบัตรเครดิตนั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่างอย่างเช่นเราสามารถซื้อสินค้าและบริการได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินทันทีและยังสามารถถอนเงินสดมาใช้จ่ายในยามฉุกเฉินและสามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกของรางวัลด้วยแต่อย่างไรก็ดีผู้ที่ใช้บัตรเครดิตนั้นจะต้องรู้จักใช้อย่างมีวินัยและมีกฎอย่างเคร่งครัดเพื่อจะใช้เพื่อไม่ให้เกิดหนี้ด้วยให้เหมาะกับสภาพการณ์และความสามารถในการชำระหนี้ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะทำให้เราก่อนนี่โดยไม่รู้ตัว
บัตรเครดิตนั้นหากว่าเรารู้จักวิธีการใช้งานมันให้เป็นถูกวัตถุประสงค์จริงๆ มันก็มีแต่จะได้ประโยชน์ทั้งนั้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความมีวินัยทางการเงินของคุณเองด้วย และต้องรู้จักวิธีการบริหารเงินที่มีอยู่ เพราะการที่เรามีบัตรเครดิตนั้นช่วยให้เราไม่ต้องพกเงินสดติดตัวตลอดเวลา หากแต่ว่าเราต้องรู้จักประมาณการค่าใช้จ่ายให้ดี และอีกอย่างบัตรเครดิตก็ยังเป็นตัวช่วยในการจัดการบันทึกรายรับรายจ่ายของเรา เพราะในรายการใช้บัตรก็จะมียอดการใช้งานต่างๆบอกให้อยู่แล้ว ถือเป็นการทำบัญชีการใช้เงินของเราไปด้วยในตัว อีกทั้งยังอาจได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆตามมาอีก เห็นไหมว่าบัตรเครดิตนั้นถ้าใช้ให้เป็นก็มีข้อดีมากมาย และจะได้ประโยชน์มากขึ้น หากคุณรู้ทันและสามารถจัดการกับการใช้บัตรนั่นเองค่ะ
ดังนั้นให้เรามาอ่านบทความนี้ด้วยกันเพื่อจะทำให้เรารู้ทันบัตรเครดิต ดังต่อไปนี้ค่ะ
ใช้จ่ายอย่างระวัง
การใช้จ่ายอย่างระวังนั้นมีอยู่ 4 อย่างด้วยกันที่รวมถึงในหลายๆอย่างด้วย
1.พยายามที่จะไม่ติดหนี้บัตรเครดิตเพราะว่าในหลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าแม่ติดหนี้บัตรเครดิตแล้วจะมีบัตรเครดิตไว้ทำไมล่ะงั้นก็คงไม่ต้องใช้กันเลยล่ะสิจริงๆแล้ว พยายามที่จะไม่ติดหนี้บัตรเครดิตเพราะว่าในหลายคนอาจจะสงสัยว่าถ้าแม่ติดหนี้บัตรเครดิตแล้วจะมีบัตรเครดิตไว้ทำไมล่ะงั้นก็คงไม่ต้องใช้กันเลยล่ะสิจริงๆแล้วสำหรับข้อห้ามนี้ เราไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่ให้คุณรู้ใช้บัตรเครดิตเลยแต่เมื่อเราได้ เอาบัตรเครดิตรูดไปแล้วมียอดการใช้งานเมื่อไหร่ให้คุณรีบจัดการปิดยอดเงินให้เร็วที่สุดเพราะว่าถ้าหากเราให้มีบินมาเรียกเก็บที่บ้านยอดนั้นจะมาพร้อมกันกับดอกเบี้ยอาจจะมีค่าธรรมเนียมจากการใช้งานอื่นๆแล้วแต่ว่าบัตรเครดิตมีข้อแม้อย่างไรค่ะ หรือถ้าหากว่าเราจำเป็นจะต้องใช้บัตรซื้อของที่เป็นเงินก้อนใหญ่จริงๆ ในระหว่างเดือนก็ไม่สามารถจะนำเงินมาปิดยอดไก้เพราะต้องเอาไว้ใช้ ก็พอจะอะลุ้มอะล่วยให้ไปปิดยอดตอนรอบบิลมาแล้วเงินเดือนออกเลยก็ได้ แต่นะนำว่าให้จ่ายให้หมดทั้งก้อนจะดีที่สุด เราจะไม่ติดกับดักดอกเบี้ยของบัตรเครดิต ไม่แน่นำให้ผ่อนตามอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำไปเรื่อยๆ เพราะจะทำให้เรายิ่งมีหนี้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัวนั่นเองค่ะ
2.ไม่ควรทำบัตรเครดิตใหม่ เพราะมันจะทำให้คุณตกอยู่ในวังวลแห่งหนี้ ที่มีบัตรเครดิตใบเล็กๆนี่แหละคอยควบคุมอิสรภาพทางการเงินของคุณอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจุดประสงค์ในการเปิดบัตรเครดิตของคุณจะคืออะไร ถ้าหากเรายังสามารถจัดการกับบัตรใบเดียวที่มีอยู่ได้ ก็ไม่ควรจะไปเปิดบัตรเครดิตเพิ่มอีก ถึงแม้คุณคิดว่าบัตรเครดิตใบนี้คุณจะจัดการมันอยู่มันอยากได้บัตรอื่นหรือวงเงินเพิ่มตามมาใช้มากขึ้นก็อย่าคิด จะไปเปิดบัตรใหม่นะคะเพราะว่านั่นจะทำให้คุณมีประสิทธิภาพในการจัดการหนี้ลดลงและถ้าหาก มีรายได้เพิ่มขึ้นหรือมีประวัติเครดิตที่ดีให้เราไปคุยกับธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อขอเพิ่มวงเงินเอาจะดีกว่านะคะ
3.การเปิดบัตรเสริม ที่บอกว่าการเปิดบัตรเสริมเป็นหนึ่งในข้อห้ามในการใช้บัตรเครดิตก็เพราะว่า เมื่อคุณเปิดบัตรเครดิตเสริมให้คนอื่นไปแล้ว คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาคนนั้นจะจัดการปิดยอดหรือน้อยที่สุดคือชำระยอดขั้นต่ำครบและตรงเวลาทุกเดือน เพราะอย่าลืมว่าชื่อหลักของบัตรนั้นจะยังเป็นชื่อของคุณอยู่ หรือแม้แต่คุณเปิดบัตรเสริมที่เป็นชื่อคนอื่นเลย สุดท้ายแล้วหากเขาไม่จ่าย ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตก็จะมาเรียกเก็บยอดการใช้งานจากคุณอยู่ดีค่ะ หากคุณไม่พร้อมที่จะจ่ายเงินได้สองบัตรพร้อมๆกัน หรือไม่มั่นใจว่าคนที่เปิดให้จะสามารถดูแลบัตรนั้นได้จริงๆ เราก็ควรที่จะไม่เปิดบัตรเสริมดีกว่าค่ะ
4.ควรกดเงินสดจากบัตรเครดิตออกมาใช้เป็นอันขาด แม้ว่าจะรู้ทั้งรู้ว่าธนาคารมีofferนี้ให้มาในบัตรด้วย เพราะการกดเงินสดจากบัตรเครดิตนั้น คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารในอัตราที่สูง และที่สำคัญก็คือค่าธรรมเนียม 3% ที่เรียกเก็บจากการกดเงินออกมาให้ในแต่ละครั้ง นั่นหมานความว่ายอดหนี้ของคุณจะเพิ่มมากกว่าจำนวนเงินที่กดจริง และถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงทีเดียวค่ะ
การคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิต
แต่ในการรูดบัตรแต่ละครั้งนั่นหมายความว่าจะต้องมีดอกเบี้ยตามมาเมื่อจ่ายไม่ทันกำหนดหรือมีการแบ่งจ่าย ดังนั้นเพื่อคงประสิทธิภาพให้วินัยทางการเงินของคุณ เราลองมาทำความรู้จักกับดอกเบี้ยบัตรเครดิต โดยการคิดคำนวณเพื่อที่จะได้ใช้บัตรเครดิตอย่างมีประโยชน์ค่ะ
กรณีที่ชำระค่าสินค้าไม่เต็มจำนวนหรือทยอยผ่อนชำระ และไม่ได้อยู่ภายใต้เงื่อนไขปลอดดอกเบี้ย หรือดอกเบี้ย 0% หรือกรณีที่มีการเบิกถอนเงินสดมาใช้จ่ายล่วงหน้า แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดได้ไม่เกิน 20% ต่อปี ซึ่งการคิดดอกเบี้ยทั้งสองรูปแบบสามารถคำนวณได้ โดยปกติแล้ว เมื่อมียอดบัตรเครดิตมา จะมีช่องข้างๆแจ้งว่า ชำระเงินขั้นต่ำจำนวนกี่ % เป็นเงินเท่าไหร่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับทางธนาคารของบัตรเครดิตนั้นๆว่าเท่าๆไหร่ ส่วนมาก 20-25% ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณ ใช้บัตรเครดิตในวันที่ 5 ต.ค.เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท สรุปยอดใช้บัตร วันที่ 25 ของทุกเดือน (ระยะเวลาหลังจากสรุปยอดประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งจะแจ้งเตือนก่อนผ่าน SMS หรือ Email เพื่อให้เรามีเวลาหาเงินมาชำระก่อนวันสุดท้ายของการเรียกเก็บเงิน) และวันที่ 8 พ.ย. เป็นวันที่มีบิลมาเรียกเก็บเงินถึงบ้านหรือข้อความแจ้งเตือนเพื่อให้คุณชำระเงิน
หากคุณเลือกที่จะชำระขั้นต่ำในวันที่ 8 พ.ย.(10%) = 2,000 บาท ดอกเบี้ยเงินต้นที่เกิดจะคำนวณ 2 ขั้น รวมกัน ขั้นที่ 1 วันที่ใช้บัตรเครดิต ถึง วันที่ปิดยอดบัตรเครดิต 5 – 25 ต.ค. 20,000 x 20% x 21 วัน / 365 วัน =230.14 บาท ขั้นที่ 2 วันถัดจากวันที่ปิดยอด – วันที่ค้างชำระ 26 ต.ค. – 8 พ.ย. 20,000 x 20% x 14วัน / 365 วัน = 153.42 บาท
แต่เมื่อชำระขั้นต่ำต่อไปเรื่อยๆ จะนำเงินต้นมาหักออก 2,000 เป็น 18,000 และคิดดอกเบี้ยในรูปแบบเดิมคือคิด 20%จากวันที่เรียกเก็บชำระย้อนหลัง ถึงวันที่ชำระเงินจริง โดยคำนวณเหมือนข้างต้น ดอกเบี้ยบัตรเครดิต จะไม่ลดลงตามเงินต้น เพียงแค่คูณวันเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่เราจะชำระเท่านั้นเอง ดังนั้นเมื่อเรามีความสามารถหาเงินมาชำระได้เร็วที่สุดเราก็จะเสีย ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ไม่เยอะมากเท่าไหร่ ทางที่ดี ไม่มีดอกเบี้ย เครดิตทางการเงินของเราก็จะดีไปด้วย ซึ่งมีผลต่อการพิจารณางวงเงิน การกู้เงินต่างๆนั่นเองค่ะ
ตรวจสอบและศึกษาเงื่อนไข
เราในฐานะผู้บริโภคจะได้รับความคุ้มครองจากทางราชการในระดับหนึ่ง แต่ในการใช้บัตรเครดิตนั้น หากใช้ในทางที่ดี ก็จะมีประโยชน์มากมาย แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ก็อาจเกิดผลไม่ดีตามมาได้ ดังนั้น เราควรทำความเข้าใจกับเรื่องพื้นฐานบางเรื่องก่อนจะสมัครบัตรเครดิตกันค่ะ
ต้องมีคุณสมบัติขั้นต่ำตามที่กำหนด - คนที่จะทำบัตรเครดิตได้จะต้องมีรายได้ประจำรวมกันไม่น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือน หรือหากไม่มีรายได้ประจำ (เช่น ทำธุรกิจส่วนตัว) ก็ต้องมีเงินฝากระดับหนึ่ง เช่น มีเงินฝากประจำกับธนาคารไม่น้อยกว่า 500,000 บาทเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน เป็นต้น
2.วงเงินที่จะได้รับอนุมัติให้ใช้ได้ - หากเราขอบัตรเครดิต วงเงินสูงสุดที่เราจะได้รับอนุมัติสำหรับการซื้อสินค้า และบริการจะไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือไม่เกิน 10% ของยอดเงินฝากเสมอตามกฎแบงค์ชาติ
3.ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปี - บัตรเครดิตแต่ละธนาคารจะคิดแตกต่างกัน โดยการเรียกเก็บจะขึ้นอยู่กับประเภทของบัตรเครดิต ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ
800 - 1,000 บาท สำหรับบัตรพื้นฐาน 1,500 - 2,000 บาท สำหรับบัตรระดับกลางกึ่งสูง 4,000 - 8,000 บาท สำหรับบัตรระดับสูง
- เครือข่ายบัตรเครดิต - ปกติบัตรเครดิตทุกใบ (ไม่ว่าจะออกโดยธนาคาร หรือ Non-Bank ก็ตาม) จะต้องอยู่ภายใต้เครือข่ายของ "ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิต" ซึ่งผู้ให้บริการรายหลักๆ ของโลกก็มี Visa, Master Card, JCB, Union Pay ซึ่งเราจะใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้า และบริการได้ที่ร้านค้าที่รับบัตรเครดิตในเครือข่ายบัตรเครดิตเดียวกันเท่านั้น
5.ระยะเวลาชำระคืนโดยปลอดดอกเบี้ย (Grace Period) - ปกติเราใช้บัตรเครดิตกันก็เพราะเราได้เครดิตไม่ต้องชำระเงินสดทันที คำถามว่าเครดิตนานแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนวันที่ธนาคารผู้ออกบัตรไม่คิดดอกเบี้ยจากยอดเงินที่ผู้ถือบัตรชำระผ่านบัตรเครดิตนั่นเอง
6.การเบิกเงินสดล่วงหน้า (Cash Advances) - ถือเป็นสินเชื่อประเภทหนึ่งที่เราสามารถใช้ได้โดยการกดจากตู้ ATM หรือเบิกจากเคาน์เตอร์ธนาคารได้ โดยจะคิดดอกเบี้ยทันทีนับจากวันที่กดเงินสดออกไป
7.จำนวนผ่อนชำระขั้นต่ำ - หากถึงเวลากำหนดชำระแต่ละงวดแล้วท่านมีเงินไม่พอ ท่านสามารถชำระขั้นต่ำได้ในงวดนั้น โดยจะต้องชำระไม่น้อยกว่า 10% ของยอดคงค้างงวดนั้น
8.ดอกเบี้ยค่าธรรมเนียม - หากท่านใช้บัตรเครดิตเบิกเงินฉุกเฉินล่วงหน้าจากตู้ ATM หรือท่านใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้า แล้วต่อมาจ่ายไม่ครบเต็มตามจำนวนในแต่ละงวด ท่านจะต้องจ่ายดอกเบี้ย ดอกเบี้ยผิดนัด หรือค่าปรับตามอัตราที่ผู้ออกบัตรเครดิตกำหนด
ทำความเข้าใจกับคู่มือของบัตรเครดิต
1.ไม่ใช้จ่ายเกิน 30% ของวงเงินบัตรเครดิต
ตัวอย่างเช่น หากคุณได้วงเงินบัตรเครดิต 50,000 บาท ก็ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในแต่ละเดือนเพียง 30% ซึ่งก็คือ 15,000 บาท โดยสามารถติดต่อธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อจำกัดการใช้วงเงินบัตรเครดิตของคุณได้ 2.การชำระบิลบัตรเครดิตเต็มจำนวน จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเลยแม้แต่บาทเดียว ถือเป็นวิธีที่ชาญฉลาดที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงินทุกสำนักแนะนำ
3.นอกจากการชำระเต็มจำนวนแล้ว การชำระให้ตรงเวลาก็สำคัญ หากคุณไม่ต้องการให้ประวัติการเป็นหนี้ของคุณด่างพร้อย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าหากประวัติไม่ดี จะกู้หนี้สินอะไรในอนาคตก็ยากแล้ว
สรุป
ดังนั้น จากที่เราได้อ่านไปก็ทำให้เรารู้ว่าบัตรเครดิตนั้น เราจะรู้ทันมันได้ถ้าหากเรามีวินัยอย่างเคร่งครัดกับตัวเองเราก็จะ ใช้บัตรเครดิต ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ หวังว่าหลายๆคนที่กำลังเริ่มใช้บัตรเครดิต จะนำคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อ เป็นประโยชน์ กับตัวคุณเองด้วยค่ะ
Pichamon
บทความนี้ก็เหมือนบทความหลายๆบทความนี้ผมอ่านมานะให้คำแนะนำที่ดี แต่ผมเนี่ยยังไงๆก็นิสัยเสียไม่ค่อยมีวินัยในการใช้บัตรเครดิต ก็เลยมีการค้างชำระอยู่บ้าง แต่ไม่บ่อยนะครับ ตั้งใจจะนำวิธรต่างไปใช้ก็ล้มเหลวทุกที แต่คราวนี้ผมจะลองใช้บัตรเครดิตแบบไม่ฟุ่มเฟือยดู แบบใช้ไม่เกินวงเงินให้ได้ พอถึงคอนจ่ายเงินจะได้ไม่มากเกินอาจจะลดการค้างชำระได้บ้าง ลองกันอีกสักตั้งครับ
Thitiwut
เป็นทริคที่ดีจริงๆครับ ถ้าพูดถึงเกี่ยวกับบัตรเครดิตใครๆก็อยากมี แต่ถ้ามีหนี้บัตรเครดิตอันนี้ไม่อยากมีครับ บทความนี้ดีมากเลยครับที่แนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้บัตรเครดิตให้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยจะทำให้เราไม่จำเป็นต้องเป็นหนี้บัตรเครดิตถ้าเราทำตามวิธีเหล่านี้ จริงๆแล้วบัตรเครดิตออกแบบมาเพื่อให้ได้เราได้รับผลประโยชน์ ไม่ใช่ได้รับหนี้สินครับ
ใบตอง
บัตรเครดิตอำนวยความสะดวกให้กับเราในการที่จะสามารถเป็นวงเงินในการใช้จ่ายในเวลาที่ลำบากหรือต้องการใช้เงิน เป็นเหมือนกับวงเงินที่เอาไว้ใช้สำรอง ถึงนั้นเราก็จำเป็นต้องมีการผ่อนชำระคืนในภายหลัง ซึ่งเป็นเหมือนการเอาเงินของอนาคตมาใช้ บทความนี้ช่วยให้เรารู้ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ใช้บัตรเครดิตอย่างที่เป็นหนี้ได้ค่ะ
สุนิติ
ใครที่อยากใช้บัตรเครดิตต้องมาอ่านก่อนเลยนะบทความนี้ จะได้ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิตในภายหน้าครับ ใช้ถูกวิธีก็มีประโยชน์หลายอย่างแต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็มีหนี้แน่นอนครับ ไม่งั้นไม่มีคลินิกแก้หนี้เสียขึ้นมาหรอก บางคนเป็นหนี้บัตรเครดิตตั้งหลายใบ ผมละสงสัยจริงๆว่าเขาทำยังไงถึงไปเป็นหนี้ได้มากขนาดนั้น เมื่อไหร่จะใช้คืนหมด
เชาวภัท
งั๊นถ้าบอกว่าการทำบัตรเสริมเป็นเรื่องที่สมควรเลี่ยง แบบนี้ คนในบ้านผมก็ต้องทำบัตรเครดิต กันทุกคนเลยไหมครับ ผมว่า ถ้าทำบัตรเสริมมันจะดีกว่านะครับ แถมบัตรแต่ละใบที่ผมให้คนในครอบครัวใช้ผมก็จำกัดวงเงิน ของบัตรใบนั้นด้วยครับ ไม่ต้องเป็นห่วงว่า เขาจะใช้กันจนเกินงบหลอกครับ ผมว่ามันมีทางแก้ไขของมันครับไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ว่าไหมครับ
Lovely
หนูมีบัตรเครดิตนะคะ ตั้งใจเอาไว้ว่าไม่ว่ายังไงจะไม่ขอเพิ่มวงเงินเด็ดขาด ต่อให้ใช้จนครบวงเงินก่อนกำหนดก็จาม เพราะยังไงก็จ่ายไม่ไหวหรอก ตั้งใจไว้แบบนี้ก็ดีนะคะ แต่ก็ยังหวั่นกลัวชำระไม่ไหวอยู่นะ พอดีพึ่งได้บัตรเครดิตมาด้วยกำลังใช้มันมือเลย ต้องเอาทริคในบทความนี้มาใช้แล้วจะได้ไม่เป็นหนี้ เป็นหนี้แล้วตายเลย
Beautie
เคยกดเงินสดจากบัตรเครดิต ดอกเบี้ยโหดมาก ไม่น่าเลย...ด้วยความที่เราไม่รู้ บิลมาเก็บแทบทรุด....ต้องระวังนะคะเพื่อนๆอย่ากดเงินจากบัตรเครดิตออกมาใช้เด็ดขาด อีกอย่างถ้าบิลมาอย่าจ่ายแค่ขั้นต่ำ ธนาคารคิดดอกเบี้ยด้วยนะเออ... ด้วยความที่ไม่รู้อีกเหมือนเคย....จ่ายแค่ขั้นต่ำ ก็คิดว่าทำไมหนี้ไม่หมดซะที พอมาคำนวณดู อ้าว...โดนคิดดอกเบี้ยนี่เอง ถ้ามีหนี้ควรรีบจ่ายให้หมดเร็วที่สุดยิ่งดีค่ะ
มะขาม
บัตรเครดิตใช้ยังไงไม่ให้เกิดหนี้สำหรับเรารู้สึกว่าแค่มีบัตรเครดิตอยู่ในมือขวาของเราข้างนึงก็อยู่ในกองนี้แล้วเพราะการใช้งานบัตรเครดิตยังไงก็เป็นการยืมเงินในอนาคตมาใช้ ถึงแม้จะมีโปรโมชั่น ถึงจะได้เงินคืนจากการใช้เราก็ยังคิดว่าการใช้บัตรเครดิตเป็นการก่อหนี้อยู่ดีเพียงแต่น่าจะบอกว่าพริกการใช้บัตรเครดิตยังไงไม่ให้เกิดหนี้ท่วมหัวเสียมากกว่า เพราะยังไงใช้บัตรเครดิตก็เป็นหนี้ค่ะ
ชาย
เมื่อเราใช้บัตรเครดิตแล้วเราจำเป็นต้องอ่านเกี่ยวกับเงื่อนไขการใช้บริการให้ดี เพราะเงื่อนไขการใช้บริการเราจะเห็นว่าเป็นตัวหนังสือเล็กๆแต่ยาวเหยียด บางครั้งอ่านแล้วก็ต้องทำความเข้าใจด้วย เพื่อจะช่วยให้เรารู้ว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในกรณีอื่นๆ จะช่วยให้เราสามารถใช้บัตรเครดิตได้อย่างมีสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ ได้หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมที่ไม่จำเป็นที่ตามมาอีกครับ
กันต์พัทธ์
ปกติเวลาเราได้บัตรเครดิตมา สิ่งแรกที่ทำเลยคือ โยนคู่มือการใช้งานทิ้ง ทั้งๆที่ในนั้นก็บอกเรื่องการใช้งานอย่างละเอียด แล้วเรื่องการจำกัดวงเงินก็เป็นเรื่องหนึ่งนะที่เราจะใช้บัตรเครดิตแล้วเป็นหนี้น้อยที่สุด หลายๆคนไม่ทำกัน ปล่อยเลยเต็มจำนวน พอสิ้นเดือนมาทีก็มาบ่นว่าต้องจ่ายค่าบัตรแพงมาก แต่น่าแปลกใจคือตอนที่เอาไปใช้ทำไมไม่คิดให้ดีๆก่อนละ
Nala
@Thitiwut เห็นด้วยครับที่บอกว่าเป็นทริปที่ดีในการใช้จ่ายไม่ว่าเราจะมีบัตรเครดิตที่เยอะขนาดไหนมีเครดิตเยอะขนาดไหนก็ต้องควบคุมการใช้จ่ายของเราอยู่ดี ถ้าเราไม่ได้ควบคุมการใช้จ่ายเลยแล้วก็จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อมามากมาย อยู่ดีๆก็คิดถึงการ เก็บออมขึ้นมาครับเพราะว่าช่วงนี้มีภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีเนาะผมอยาก อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการพยากรณ์มากขึ้นด้วย ตอนนี้กำลังหาอยู่นะครับ ถ้าใครมี ข้อมูลดีๆขอฝากไว้หน่อยนะครับ
กุสุมา
พอเราได้บัตรเครดิตมา เอาจริงๆนะคะ พวกคู่มือนี้เราแทบไม่ได้อ่านเลยคะ แล้วคิดว่าหลายๆคนก็น่าจะเป็นแบบเราแน่ๆ แบบนี้ต้องกลับไปค้นมาอ่านหรือเปล่าจะได้ใช้อย่างถูกต้อง ส่วนคำแนะนำอื่นๆของบทความนี้มันอยู่ที่คนใช้บัตรจริงๆคะ บางคนใช้แบบไม่คิดอะไรเลย แต่บางคนกว่าจะใช้ ก็คิดแล้วคิดอีกคะ แบบนี้ก็กลัวเกินไปหรือเปล่า