หลายท่านรู้จักสินเชื่อรถยนต์ดีหรือเคยได้ยินเรื่องสินเชื่อรถยนต์มาบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถมือหนึ่งหรือมือสอง ส่วนใหญ่แล้วก็จำเป็นต้องขอสินเชื่อแทบทั้งหมด แต่มีเรื่องอะไรบ้างที่เราต้องรู้ก่อนการตัดสินใจขอสินเชื่อรถยนต์? ปัจจุบันมีการให้บริการสินเชื่อรถยนต์อยู่หลายบริษัทด้วยกัน นอกจากธนาคารทั่วไปแล้ว ยังมีบริษัทไฟแนนซ์ บริษัทลิสซิ่ง หรือแม้แต่เต็นท์รถทั่วไปก็มีการให้บริการสินเชื่อนี้ และแน่นอนว่าในแต่ละบริษัท ย่อมมีโปรโมชั่นที่แตกต่างกันไปทั้งนี้เพี่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด ดังนั้น เราในฐานะลูกค้า มีหลักอะไรบ้างที่เราจะใช้สำหรับพิจารณาว่าจะเลือกสินเชื่อจากบริษัทไหนดี? และมีอะไรที่เราต้องเตรียมความพร้อมก่อนการขอสินเชื่อบ้าง?
Rawpixel.com/shutterstock.com
เงื่อนไขสินเชื่อ
สินเชื่อรถยนต์นั้น แบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆด้วยกัน ##สินเชื่อแบบเช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อแบบเช่าซื้อ (ทั้งมือหนึ่ง มือสอง และการรีไฟแนนซ์) คือการทำสัญญาซื้อขายกับทางบริษัทสินเชื่อ โดยการให้บริษัทนั้นจ่ายค่าเช่าซื้อรถแทนคุณ และทำสัญญาเพื่อให้คุณมาผ่อนชำระกับทางบริษัท โดยที่บริษัทเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์นั้น โดยมีการตั้งข้อตกลงเรื่องระยะเวลาการโอนกรรมสิทธิ์ เมื่อคุณผ่อนรถไปถึงระยะเวลาที่กำหนด ทางบริษัทก็จะโอนกรรมสิทธิ์นั้นให้กับคุณ แต่วิธีนี้ก็มีความเสี่ยงในระดับหนึ่ง นั่นคือ หากบริษัทนั้นถูกฟ้องล้มละลาย รถยนต์ที่เราผ่อนอยู่ก็จะสูญเสียไปด้วย เนื่องจากถือว่ายังเป็นทรัพย์สินของทางบริษัทอยู่ ดังนั้น สรุปได้ว่า สินเชื่อแบบแรกคือ เรายังไม่ได้เป็นเจ้าของรถ และจะได้เป็นเจ้าของรถต่อเมื่อเราจ่ายเงินครบตามสัญญาที่ระบุไว้เท่านั้น ##สินเชื่อแบบระบบไฟแนนซ์ สินเชื่อระบบไฟแนนซ์ คือการที่เรามีรถยนต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว ทำการผ่อนชำระจนหมดสัญญา และได้เป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ในรถนั้นแล้ว แต่จำเป็นต้องใช้เงินสดจำนวนหนึ่ง จึงได้นำรถยนต์ที่มีอยู่นั้นไปเข้าไฟแนนซ์ หรือเรียกว่า จำนอง เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดออกมาใช้ โดยสินเชื่อประเภทนี้ ใช้รถยนต์เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน และทำสัญญาเพื่อผ่อนจ่ายเงินคืนตามจำนวนที่ได้ตกลงกันไว้นั้น ซึ่งวงเงินในการอนุมัติสินเชื่อนี้จะแตกต่างกันไปตามที่บริษัทต่างๆกำหนด ส่วนใหญ่จะอนุมัติที่ 75-85% ตามราคาและสภาพของรถยนต์ สินเชื่อนี้ใช้ได้กับรถยนต์ทุกประเภท ทุกรุ่น และอัตราการประเมินจะขึ้นอยู่กับช่างที่ประเมิน และนายทุนของบริษัทนั้นๆ
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น
การขอสินเชื่อรถยนต์นั้น มีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่เราต้องรู้นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ย ดังนี้ ##ค่าโอนทะเบียนรถ (ต่างจังหวัดจะสูงกว่าในกรุงเทพฯ) เช่นเดียวกับคนที่ต้องมีบัตรประชาชน รถยนต์ก็จำเป็นต้องมีทะเบียนรถ ซึ่งจะระบุความเป็นเจ้าของไว้ ซึ่งง่ายแก่การติดตามในทุกกรณี ดังนั้น การโอนทะเบียนรถจึงสำคัญเป็นอันดับต้นๆของการขอสินเชื่อค่ะ การโอนทะเบียนรถ เบื้องต้นมีค่าใช้จ่าย ดังนี้ ค่าคำขอ 5 บาท ค่าธรรมเนียมการโอน 100 บาท ค่าอากรแสตมป์ 500 บาท ต่อราคาประเมินรถ 100,000 บาท เช่น หากรถเราประเมิน 400,000 บาท ก็จะเสียค่าอากรแสตมป์ 2,000 บาท ค่าเปลี่ยนป้าย 200 บาท (ถ้ามี) ค่าเปลี่ยนเล่ม 100 บาท (หากเล่มเก่าชำรุด หรือเก่าเกินไป)
ค่าภาษีรถยนต์ เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องต่อไม่เพียงแค่ครั้งแรกของการซื้อรถเท่านั้น แต่จำเป็นที่จะต้องต่อทุกปีด้วย
ค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆ เช่น ค่าบริการต่อภาษี (หากไม่ได้ไปต่อที่ขนส่ง) ค่าธรรมเนียมการติดตามทวงถาม และค่าปรับในกรณีที่มีการชำระค่างวดล่าช้า เป็นต้น
ระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อ
ส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลาในการดำเนินงานนั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเอกสารของผู้ขอสินเชื่อ ผู้ค้ำประกัน และเจ้าของรถยนต์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ถ้าเอกสารของทุกฝ่ายครบพร้อมขอสินเชื่อ จะใช้เวลาในการขอสินเชื่อ ไม่เกิน 5-7 วันทำการ
ช่องทางการกู้สินเชื่อรถ
ปัจจุบันมีช่องทางที่หลากหลายมากในการขอสินเชื่อ ทั้งการขอกับทางบริษัทโดยตรง และการขอสินเชื่อผ่านตัวแทน ซึ่งมีช่องทางในการขอดังต่อไปนี้ ##ธนาคาร การขอสินเชื่อกับธนาคาร ถือว่าสะดวกและค่อนข้างปลอดภัย เนื่องจากธนาคารมีหลากหลายสาขา และธนาคารมีความมั่นคงสูงทางการเงิน ##ขอสินเชื่อจากโชว์รูมโดยตรง เป็นการเช่าซื้อรถจากผู้ขายโดยไม่ต้องมีตัวกลาง ซึ่งบริษัทที่ให้บริการมีหลากหลาย เช่น Toyota Leasing, Isuzu Leasing, Nissan Leasing, BMW Leasing, Mercedes-Benz Leasing และยังมีอีกหลายบริษัทให้เลือก ##ผ่านตัวแทนที่ประจำอยู่กับทางเต็นท์รถยนต์ต่างๆ ซึ่งสะดวกกับผู้ซื้อรถที่สุด เพราะสามารถเลือกรถและทำเรื่องได้เลยเมื่อเอกสารพร้อม ##ตามบริษัทไฟแนนซ์ หรือลิสซิ่งที่เราเห็นทั่วไป ซึ่งช่องทางนี้ควรศึกษาบริษัทให้ดีก่อนเนื่องจากบางบริษัทเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหม่ และอาจมีความเสี่ยงที่จะล้มละลายได้ เนื่องจากยังไม่มั่นคงทางการเงิน และอาจทำให้เราเสียทรัพย์ได้โดยไม่รู้ตัว
ช่องทางการชำระเงิน
##ชำระผ่านช่องทางของธนาคารสาขาต่างๆ สามารถชำระได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ##ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด เนื่องจากบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นบริการที่มีในร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน สามารถนำเอกสารแจ้งค่างวดไปจ่าย หรือแจ้งเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน และไม่ลืมที่จะตรวจสอบเลขที่สัญญาเช่าซื้อก่อนออกจากร้านทุกครั้ง เก็บใบรับฝากชำระไว้เป็นหลักฐานทุกครั้งที่ชำระ และมีค่าธรรมเนียมในการชำระเงินด้วย ##ชำระผ่านไปรษณีย์ไทย บางบริษัทสามารถชำระได้ทางธนาณัติ หรือผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสของไปรษณีย์ก็ได้เช่นเดียวกัน ##ชำระเป็นเงินสด ณ จุดบริการชำระเงินเทสโก้ โลตัส ทุกสาขาทั่วประเทศ (มีค่าธรรมเนียมในการชำระเงิน) ##ชำระโดยหักผ่านบัญชีธนาคารอัตโนมัติ ใช้ได้เฉพราะการชำระค่างวด และค่าปรับเท่านั้น
วันที่ต้องชำระเงิน
โดยปกติแล้ว กำหนดการชำระเงินจะเป็นวันเดียวกับวันที่รับรถในแต่ละเดือน เช่น รับรถวันที่ 30 พฤศจิกายน ค่างวดเดือนแรกก็คือ 30 ตุลาคม หรือวันอื่นๆตามที่ระบุไว้ในสัญญา แต่จะไม่เกิน 45 วัน นับจากวันรับรถ
ค่าเบี้ยประกันรถยนต์
การขอสินเชื่อรถยนต์ จำเป็นที่จะต้องมีการทำประกันรถยนต์ด้วย ซึ่งประกันรถยนต์นั้น มีทั้งหมด 5 ระดับด้วยกัน คือมีชั้น 1 ไปจนถึง ชั้น3 และมีเสริมคือ ชั้น 2+ และ 3+ ซึ่งแน่นอนว่าในแต่ละชั้นจะมีค่าเบี้ยประกันภัยแตกต่างกันไปตามราคาทุนประกันของรถยนต์ แต่บริษัทไฟแนนซ์ส่วนใหญ่มักจะแนะนำให้ทำประเภท 1 เนื่องจาก เป็นประเภทที่มีความคุ้มครองสูงที่สุด ซึ่งปกติแล้วประกันรถยนต์ ประเภท 1 จะมีค่าเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท ขึ้นไป
ข้อสรุป
เห็นได้ชัดว่าการขอสินเชื่อรถยนต์นั้น มีขั้นตอนที่ต้องพิจารณาหลายอย่าง ดังนั้น เป็นการดีที่ผู้ขอสินเชื่อจะต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของเอกสาร และนอกเหนือจากโปรโมชั่นแล้วยังต้องศึกษาบริษัทสินเชื่อนั้น เพื่อตัดสินใจว่าจะเลือกบริษัทไหนในการขอสินเชื่อดีที่สุด นอกจากนั้น การขอสินเชื่อรถยนต์ มีสิ่งจำเป็นที่เราต้องพิจารณาหลักๆเลยคือ ดอกเบี้ย เพราะเนื่องจากดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์นั้น ไม่เหมือนดอกเบี้ยในสินเชื่ออื่นๆ ดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์เป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ นั้นหมายความว่า ทางบริษัทจะคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นจำนวนเต็มเสมอไม่ว่าเราจะจ่ายไปกี่งวดแล้ว ดังนั้น ผู้กู้จึงสามารถพิจารณาเพื่อที่จะขอรีไฟแนนซ์ได้หากจำเป็น เพื่อลดภาระการผ่อนชำระหนี้สิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการรีไฟแนนซ์ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน ฉะนั้น ผู้กู้เองจึงจำเป็นต้องคำนวณถึงผลได้ผลเสียให้ถี่ถ้วนเสียก่อน
Mongkut
คนที่ไม่ค่อยสนใจรายละเอียดอื่นๆมากเท่าไหร่อย่างผมคิดว่าไม่ค่อยดีครับ ตอนที่ผมขอสินเชื่อรถยนตืนั้นผมก้ดูแค่เรื่องของการผ่อนชำระ และเรื่องรายได้ที่ผมจะผ่อนไหว แต่ผมไม่ได้คิดถึงค่าใช้จ่ายเรื่องอื่นๆลเย พอมาตอนนี้รู้แล้วว่าการมีรถยนตืสักคันมันมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมายที่เราต้องคิดคำนวรด้วย จะละเลยไม่ได้เลย เพราะจะมีผลกระทบต่อการผ่อนชำระของเราด้วยครับ
Warun
สินเชื่อรถยนต์ช่วยตอบสนองต่อความต้องการของเราในการมีรถใหม่ เมื่อเราขออนุมัติสินเชื่อรถยนต์ได้แล้ว บทความนี้ทำให้ผมเข้าใจเพิ่มมากขึ้นว่าไม่ใช่แก้การผ่อนชำระคืนให้กับทางสินเชื่อส่วนบุคคลเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื่นๆอีกที่เราจำเป็นต้องคิดถึง เพื่อที่จะช่วยให้เราสามารถจ่ายหรือชำระคืนให้กับทางสินเชื่อนี้ได้ตรงต่อเวลา
สาธุ
สินเชื่อรถยนต์ เป็นสินเชื่อหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถมีรถยนต์ใช้และทำการผ่อนชำระคืนให้กับทางสถาบันการเงิน ขึ้นอยู่กับวงเงินที่เราได้รับแต่ละเดือนจากการทำงานด้วยเพื่อที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์ด้วย บทความนี้อธิบายว่าสินเชื่อรถยนต์นั้นยังมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่นที่เราต้องเสียอีกไม่ใช่แค่ค่าดอกเบี้ยของวงเงินเท่านั้น
พายลูกตาล
ดูเหมือนจะต่างกัน แต่พอดูอีกทีก็ดูเหมือนว่ามันไม่ต่างกันเท่าไร่นะ สำหรับสินเชื่อแบบเช่าซื้อรถยนต์กับสินเชื่อแบบระบบไฟแนนซ์เนี่ยอะค่ะ หรือเพราะว่าเรางงเอง ไม่เป็นไรยังไงก็ยังไม่คิดจะทำทั้งสองอย่าง แค่อยากรู้ว่ามันคืออะไรเลยลองมาอ่านดูค่ะ เรารู้อย่างเดียวว่าดอกเบี้ยต้องแพงแน่นอน ไปกู้เงินเขาน่ะเนอะ เขาก็คิดดอกเบี้ยแพงหน่อยแหละ
ผมเอง ครับ
จะ กู้แบบไหน ผลสุดท้ายจบมาด้วยคำตอบเดียวกันหมด คือเป็นหนี้ ครับ เป็นหนี้แล้วก็ต้องคิดให้ดีแบบที่บอกครับว่าเป็นหนี้ของเจ้าไหน ดีกับเราที่สุด อย่าไปดูแค่ว่าเจ้าไหนให้กู้มากที่สุด ยิ่งบอกว่าดอกเบี้ยคงที่ด้วย ต้องเอาดีๆเลย เงินมันหามายากมากนะครับ หากเราจะไปเป็นหนี้ หรือจะไปผ่อนอะไรคิดให้หนักๆนิดหนึ่งน่ะครับ
คนจน
ไม่รู้ก็ต้องรู้นะครับเพราะเวลาชำระเงินกู้มันมีค่านู่นี่นั่นเพิ่มเข้ามาให้เราสงสัยตลอดแหละ ผมนี่พยายามหาเลยว่าค่าอันนั้นมันคืออะไรที่เพิ่มเข้ามา 100 นึงบ้าง 150 บ้าง 300 บ้าง บทความนี้ก็อธิบายได้ดีมากช่วยให้เข้าใจมากขึ้น สำหรับใครที่งงอยู่ว่าจ่ายเงินผ่อนแต่ละเดือนทำไม่เท่ากับที่ธนาคารแจ้งไว้ตอนแรก อ่านแล้วจะได้ไม่งงครับ
มดดำ
จะมีรถยนต์จะโอนรถยนต์ทั้งทีนี้ค่าใช้จ่ายเยอะนะดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับสินเชื่อรถยนต์ว่าแพงแล้วค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆแพงกว่าอีกตกใจเลยเนี่ยค่าอากรแสตมป์ 2,000 บาท บวกกับ 500 ก็ 2,500 บาทแพงกว่าค่าน้ำมันรถอีก เดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็ต้องใช้เงินมีแต่เสียกับเสีย นี่ยังไม่รวมค่าพรบค่าภาษีค่าดูแลรถยนต์อีกนะเนี่ย เพราะว่าถ้าจะซื้อรถยนต์จริงๆคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้อีกนาน
แมน
ถ้าเราอยากมีรถยนต์และขอใช้สินเชื่อกู้ซื้อรถยนต์แล้ว อย่าคิดตื้นๆว่าค่าใช้จ่ายคือการผ่อนรถเป็นงวดๆแค่นั้น ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นอีกที่ตามมาที่เราอาจจะคิดไม่ถึง ทำให้เงินที่เราต้องจ่ายเงินมากขึ้นหรือเพิ่มขึ้นนั่นเอง อย่างพ. ร บ หรือภาษีรถยนต์ประจำปี อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายจำเป็นที่จะต้องจ่ายในกรณีที่เรามีรถ ควรคิดถึงเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายแบบนี้ด้วยนะครับ
ศักดิธัช
เรื่องของการจ่ายชำระค่างวดรถยนต์ จะว่าไปแล้วก็หนักหนาเหมือนกันนะครับช่วงนี้ แต่ดีหน่อยครับที่ผ่านมา ผมไปขอพักชำระหนี้มา ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ แต่พอมาดูเรื่องการเสียดอกเบี้ย ตอนนี้ต้องคิดแล้วละครับว่าหลังจากพักชำระหนี้แล้วยังจะจ่ายไหวไหม เพราะดอกเบี้ยมันเยอะมากๆครับ นี่คิดว่าถ้าส่งไม่ไหวช่วงนี้คงต้องไปขอรีไฟแนนซ์แล้วละครับ
Manow
@คนจน จริงด้วยค่ะ จริงๆแล้วบทความนี้ก็ทำให้หลายๆคนเหมือนกับว่าตาสว่างเหมือนกันนะคะ การที่เราไปขอสินเชื่อมาไม่ใช่แค่สินเชื่อรถยนต์นอกจากดอกเบี้ยแล้ว ก็ยังมีค่านู่นนี่นั่นเยอะแยะมากมาย ค่าใช้จ่ายบางอย่างที่เพิ่มมาดูเหมือนเล็กน้อยแต่เราต้องจ่ายทุกเดือนมันก็เป็นเงินหลายบาทต่อปีนะคะ แล้วเราก็เช็คไม่ได้ด้วยว่ามันเป็นค่าอะไรบ้าง เป็นหนี้เขาแล้วก็ต้องจำใจค่ะจ่าย บทความนี้ก็ช่วยให้รู้อะไรอะไรอีกเยอะเลยค่ะ