สภาพคล่องทางการเงิน ก็เหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยงให้เรามีชีวิต ดังนั้นการาดสภาพคล่องทางการเงินหรือการาดงินสดหมุนเวียนถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ใครหลายต่อหลายคนเกิดความเครียด และอยากจะเอามือกุมหัว ยิ่งตอนสิ้นเดือนก็เหมือนจะสิ้นใจกันเลยทีเดียว แต่ปัญหาเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องทางการเงินส่วนบุคคลและการเงินทางด้านธุรกิจด้วย การทำธุรกิจหากเกิดปัญหานี้ขึ้นคือถ้าเกิดขาดเงินสดขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็อาจถึงขั้นพังได้เลยทันที แต่เพื่อเราจะไม่ต้องเจอกับวิกฤติแบบนี้เรามาดู 7 วิธีแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินที่จะช่วนเราได้ไม่มากก็น้อยค่ะ

7 วิธีแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน

7 วิธีแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน

เพื่อเราจะรู้ต้นสายปลายเหตุได้เราต้องเริ่มจากการวางแผนทางการเงินของเรา เพื่อเราจะรู้รายรับรายจ่ายของเราและแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีและตรงจุดทำให้ไม่ว่าการเงินส่วนตัวของเราหรือการทางด้าธุรกิจก็จะไม่พังลงไป สิ่งสำคัญที่เราต้องจำไว้ก็คือเราต้องวางแผนการเงินของเราตามความเป็นจริง เน้นว่าตามความเป็นจริงนะคะ เพราะจะได้ไม่มีส่วนที่ขาดและส่วนที่เกิน การทำแบบนี้ช่วยให้เราเริ่มต้นได้อย่างดีเลยล่ะ เมื่อพูดถึงการทำรายรับรายจ่ายเราก็มาดูข้อต่อไปกันเลค่ะ

การทำบัญชีรายรับรายจ่าย

นี่เป็นวิธีเบสิคพื้นฐานสุดๆ ก็ต้องขอยกให้การทำบัญชีและบันทึกรายรับรายจ่ายเลยนะ เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเราควบคุมการเข้าออกของเงินได้อย่างดี เราจะรู้ถึงรายรับที่ได้รบและรายจ่ายที่จ่ายออกไป ช่วยเราควบคุมและตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้ และยังช่วยให้เราประหยัดมากขึ้นได้ด้วยและการทำบัญชีรายรับรายจ่ายยังเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจด้วย สิ่งสำคัญที่ควรจำคือเราต้องทำเป็นประจำนะ ต้องจดบันทึก ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี เพื่อจะได้ผลที่ดีทางการเงิน

การรู้จักวิธีบริหารเงิน

เงินมีบทบาทกับการดำเนินชีวิตของคนเราในทุกวันนี้และในทุกแง่มุมของชีวิตและไม่มีใครจะปฏิเสธเรื่องนี้ไปได้ เพราะเงินสามารถเป็นสิ่งที่นำไปแลกเปลี่ยนสิ่งอำนวยความสะดวกใช้ซื้อสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เราทุกคนึงคุ้นเคยกับการใช้เงินมากกว่าการบริหารเงิน ดังนั้นเงินที่หามาได้เมื่อใช้ไม่เป็นระบบเพราะขาดการบริหารจึงกลาเป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดหนี้สินตามมา จึงอาจจะแก้ปัญหาได้จากวิธีต่อไปนี้

  1. หาเงินก่อนใช้เงินเสมอ

เมื่อเราต้องการที่จะใช้เงินเราก็ควรมองหาหนทางเพื่อให้ได้เงินมาอย่างถูกต้องไม่ควรให้ความต้องการใช้เงินของเรานั้นไปรบกวนหรือทำร้าคนอื่น หลีกเลี่ยงการนำเงินในอนาคตมาใช้เช่นการกู้ยืมเงิน เพราะการทำแบบนั้นจะจำปัญหามาให้เราไม่มีวันจบสิ้นและไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเลย

  1. เงินมีความสำคัญแต่ไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต

เงินสามารถใช้ซื้อและแลกกับความสะดวกสบายหลายอย่างทำให้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเงินจนลืมไปว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งชีวิต เพราะเมื่อเราคิดว่าเงินคือทุกสิ่งและให้ความสำคัญมากเกินไปจะเกิดการแข่งขันกันในทุกๆด้าน ดังนั้นความจริงก็คือ การมีเงินอาจทำให้เราไม่มีความสุขก็ได้ ดังนั้นเราต้องบริหารจัดการให้ดี โดยการเก็บออมไว้บ้างและใช้เงินอย่างมีวินัย ลองหาความสุขจากการที่ไม่ใช้เงินซื้อกันดูนะคะ

การตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

วิธีประหยัดเงินในกระเป๋า ใครว่าต้องใช้เงินน้อยลง เพียงแค่คุณตัดรายจ่ายเกินความจำเป็นเหล่านี้ทิ้งไป ก็มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นได้แล้ว รู้ไหมคะว่าค่าใช้จ่าเกินความจำเป็นแอบแฝงอยู่รอบตัวเราราวกับอากาศที่เราใช้หายใจเลยทีเดียวเชียวล่ะ ที่สำคัญหลายคนยังมองไม่ออกด้วยว่า เงินที่เราเสียไปในทุกๆวันแล้วเราไม่จำเป็นต้องจ่ายออกไปด้วยซ้ำ อย่าง 11 ค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยเหล่านี้ หากคุณสามารถลดหรือตัดค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็นเหล่านี้ได้ ก็จะมีเงินเหลือในกระเป๋าเพิ่มขึ้น

  1. ค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างธนาคาร

บางครั้งแค่เราเช็คยอดเงินผ่านตู้ธนาคารที่ไม่ใช่เจ้าของบัตร ATM ก็โนเก็บค่าธรรมเนียมต่างธนาคารไป 10 บาทแล้ว อีกทั้งหากยังดันทุรังกดเงินต่างธนาคารอีก ค่าธรรมเนียมก็จะถูกหักไปอีก 10 บาท หรือบางธนาคารก็เรีกเก็บค่าธรรมเนียม 15-25 บาทต่อการกดเงิน 1 ครั้งเชียวนะเนี่ย เงินที่ไม่ควรเสียที่หลายคนชอบคิดไปถือว่าเป็นค่าความสะดวกสบาย จะได้ไม่ต้องเดินไกลไปหาตู้ ATM เจ้าของบัตร แต่หากลองนึกดูดีๆ เงินจำนวนไม่กี่บาทนั้นสามารถซื้ออะไรๆได้หลายอย่างเลย และถ้านำเงินส่วนนี้ไปเก็บออม เดือนนึงเราก็จีมีเงินเก็อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 300 บาทแล้วว่าไหม

  1. เคเบิลทีวี

ลองนึกดูสิคะว่าในแต่ละวันคุณมีเวลาเปิดดูทีวีกี่ชั่วโมงกันเชียว เพราะต้องยอมรับจริงๆว่ากิจกรรมในชีวิตประจำวันก็แทบทำให้อยู่ไม่ติดบ้าน กลับเข้าบ้านอีกทีก็ถึงเวลาอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนแล้ว ฉะนั้นหากนึกได้ว่าทีวีไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ แถมหากเปิดดูทีวีก็ดูอยู่แค่ช่องที่ไม่ใช่เคเบิล แบบนี้อาจต้องลดทอนค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปเพื่อเซฟค่าใช้จ่ายมากขึ้น

  1. ค่าส่งของออนไลน์

สำหรับสาวนักชอปออนไลน์ทั้งหลาย เคยลองคำนวณบ้างไหมคะว่า ค่าส่งสินค้าที่คุณซื้อผ่านทางออนไลน์แต่ละชิ้น เดือนนึงรวมกันแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ เพราะต้องบอกว่าบางคนซื้อขอทางออนไลน์หลายเจ้ามากๆ และมักต้องเลียค่าส่งสิ้นค้าชิ้นละ 50 บาทเป็นขั้นต่ำ ซึ่งถ้าซื้อมา 5 เจ้าก็ต้องเสียค่าส่งสินค้าไปฟรีๆ 250 บาท โอ้เยอะอยู่นะ ฉะนั้นหากเป็นไปได้พยายามชอปออนไลน์น้อยๆจะดีกว่าแล้วค่อยหาโอกาสไปชอปด้วยตัวเองสักเดือนละครั้งก็พอ

  1. เครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำเปล่า

ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือน้ำหวานต่างๆ ที่ไม่ใช่น้ำเปล่า สินค้าเหล่านี้มีราคามากกว่า 10 บาททั้งนั้น ซึ่งหากคุณซื้อเครื่องดื่มเหล่านี้มาดื่มวันละ 2 ชนิดเป็นอย่างต่ำ ก็ตกเป็นเงินวันละ 20 บาท เดือนนึงก็ตกราวๆ 600 บาท นี่ยังไม่นับกาแฟมีแบรนด์แก้วละ 50-150 บาทเลยนะ ลองคิดดูสิว่า เดือนหนึ่งคุณต้องจ่ายค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้ไปเท่าไหร่ ดังนั้นหันมาดื่มน้ำเปล่าแทนดีกว่า และหากจะดีที่สุด คสรเป็นน้ำเปล่าจากขวดที่เราพกไปด้วย จะได้ช่วเซฟค่าน้ำเปล่าขวดพลาสติกยังไงล่ะ

  1. ขนมขบเคี้ยว

เข้าใจว่าคนเราก็มีอารมณ์อยากกินขนมขบเคี้ยวแบบเด็กๆกันบ้าง แต่เชื่อไหมคะว่า ขนมที่ขายห่อละ 5-10บาท บางครั้งราคาที่ดูน้อยนิดก็ทำให้เราเผลอซื้อกินทุกวัน วันละหลายถุงด้วยแหละ ซึ่งหากมานั่งนึกดูดีๆ นี่เรากินขนมพวกนี้ตกวันละไม่ต่ำกว่า 20 บาทเลยอะ หนำซ้ำก็สังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าน้ำหนักตัวขึ้นมาหลายกิโลกรัมเพราะขนมเหล่านี้

  1. ค่าอาหารสนองความอยาก

ยอมรับมาซะดีๆว่าบางครั้งเราก็รู้สึกอิ่มแสนอิ่ม แต่พอเจอขนมหรืออาหารที่อยากกินก็อดไม่ได้ที่จะซื้อ แล้วพอกินได้ไม่กี่คำก็อิ่มเกินจนกินต่อไม่ได้ สุดท้ายจุดจบของอาหารตามใจปากที่รั้นซื้อมาก็ไปอยู่ในถังขยะเรียบร้อย เรียกได้ว่า ค่าอาหาร 30 บาท กินไปแค่ 10 บาทยังไม่ถึงซะด้วยซ้ำ นี่ล่ะที่เขาเรียกว่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

  1. ค่ากินข้าวนอกบ้าน

ในหนึ่งเดือนเราควรจำกัดครั้งในการรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร อย่างมากควรไม่เกิน 2 ครั้งต่อเดือนเนื่องจากเวลาที่เราไปกินอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะในร้านอาหารหรือภัตตาคารหรูๆ เราไม่เสียแค่ค่าอาหารที่เรากินจนอิ่มท้องเท่านั้นหรอกนะ ตั่งมีค่าภาษีและค่าบริการ เช่น ค่าพนักงานเสิร์ฟ ทิปส์พนักงาน ค่าแอร์ ค่าที่จอดรถ รวมค่าเดินทาง เบ็ดเสร็จแล้วในหนึ่งมื้อที่ร้านอาหาร ก็ต้องควักเงินเกิน 1,000 ต่อครั้งแน่ๆ

  1. ดอกเบี้ยบัตรเครดิต

ใช้จ่ายเกินตัวจนเผลอรูดบตรเครดิตในวงเงินที่เกินจะจ่ายไหว จนต้องยอมแบ่งทีละครึ่ง ซึ่งก็ย่อมต้องเสียค่าดอกเบี้ยในส่วนที่ค้างจ่ายไปด้วย และหากเดือนต่อไปคุณไม่รัดเข็มขัด รูดบัตรเครดิตไปเพิ่ม นี่ก็จะเป็นการทบดอกเบี้ยและเงินต้นให้ทวีคูณขึ้นไปอีก ดังนั้น พยายามใช้บัตรเครดิตเท่าที่สามารถจ่ายไหว และชำระให้ตรงตามกำหนดเพื่อเลี่ยงดอกเบี้ยค่ะ

  1. ค่าอินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ตรายเดือนความเร็วสูง ราคาก็จะสูงไปด้วย ซึ่งถ้าว่าไปตามจริงแล้ว หากคุณเป็นแค่คนที่ท่องเว็บวาไรตี้ และดูยูทูบ ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเกินไป ใช้แค่ความเร็วพอดีๆก็พอแล้วเพราะจะทำให้เราประหยัดด้วย

  1. แพ็กเก็ตมือถือ

บางคนต้องจ่ายค่ามือถือเดือนละเกือบ 1,000 บาท ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ค่อยได้ใช้ เพราะใช้ Wifi ที่บ้านและที่ทำงานมากกว่าแล้วจะมามัวเสียค่าโทรศัพท์รายเดือนกันทำไม เอาเงินส่วนนี้ไปออมดีกว่านะ

  1. ค่าไฟฟ้าส่วนเกิน

นอกจากตู้เย็นแล้ว ปลั๊กอย่างอื่นในบ้านก็ควรถอดออกทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน โดยเฉพาะปลั๊กตู้เย็น พัดลม ไมโครเวฟ หรือคอมพิวเตอร์ที่ชอบเสียบทิ้งไว้ตลอด

การหารายได้เสริม

การหารายได้เสริม

หลายๆคนประกอบ อาชีพ เดียวก็สามารถสร้างฐานะ หรือมีเงินใช้ในแต่ละเดือนได้โดยไม่เดือดร้อนและมีเงินเหลือเก็บ แต่อีกหลายๆคนที่ประกอบ อาชีพ เดียวก็ยังไม่สามารถที่จะหาเลี้ยงตัวเองได้ จึงต้องหา อาชีพเสริม เพื่อเพิ่มการทำเงินเพิ่มอีก 1 ช่องทาง หรือบางคนมี อาชีพเสริม หลายอาชีพเพื่อเพิ่มเงินอีกหลายๆช่องทาง การทำวิธีนี้ก็สามรถช่วยเรามีสิ่งที่จะรองรับเมื่อเราเกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้ดีเลย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ชี้เป้า 5 อาชีพเสริม 2566 ที่นี่

การประหยัดเงินเพื่อลดรายจ่าย

การประหยัดเงินเพื่อลดรายจ่าย

ใครๆ ก็อยากมีเงินเหลือ แต่พอถึงขั้นลงมือปฏิบัติในชีวิตประจำวัน บางครั้งรู้ตัวอีกทีก็เผลอใช้เงินจนเหลือเงินเก็บนิดเดียว รายจ่ายในชีวิตประจำวันนั้นมีอยู่มากมายแบบนี้จะมีวิธีอุดรายจ่ายอย่างไร? เรามาลองมาดูกันว่าถ้าอยากมีเงินเก็บมากขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต มีเทคนิคอะไรที่ทำได้ในชีวิตประจำวันกันบ้าง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ วิธีประหยัดเงิน ชีวิตมนุษย์เงินเดือน ที่นี่

การหาความรู้ใหม่ๆเพื่อนำมาสร้างรายได้และแก้ปัญหา

การหาความรู้ใหม่ๆเพื่อนำมาสร้างรายได้และแก้ปัญหา

ในสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ทั่วโลกเต็มไปด้วยข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ที่ล้วนส่ง ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการตัดสินใจของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ที่สามารถเข้าถึง และมีความแม่นตรงของข่าวสารและข้อมูลมากกว่าย่อมตัดสินใจในสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมและถูกต้อง การรับรู้ข่าวสารและข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตบน พื้นฐานของการเรียนรู้ด้วยตนเอง

สรุปก็คือวิธีต่างๆเหล่านี้ทำให้เราแก้ปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างแน่นอนถ้าเราเริ่มลงมือทำตามคำแนะนำนั้นจริงเรื่องทั้งหมดก็อยู่ใกล้ตัวเรานี่เองอยู่ที่ว่าเราจะสังเกตหรือไม่ ยังไงก็เอาใจช่วยคนทำงานและทำธุรกิจที่ต้องประสบปัญหาหาทางการเงินในช่วงวิกฤติของเศรษฐกิจแบบนี้นะคะ หากอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ฟรี ที่ลิงก์ด้านล่างเลย