เนื่องด้วยสถานการณ์ในช่วงนี้ หุ้นผันผวนสูงขึ้น ดอลลาร์อ่อนลง และดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ปรับตัวลง นักวิเคราะห์ตลาดทั้งหลายต่างกลับมาคิดกันมากขึ้นจริงๆว่า ' ช่วงนี้ทองคำน่าสนใจไหม' , 'มีแนวโน้มจะขึ้นอีกใช่ไหม' ก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะตัวทองคำนี้นับว่าเป็นสินทรัพย์ที่ครองใจคนได้ทั่วทั้งโลก ยิ่งเมื่อดูจากข่าวในตลาดการเงิน จะเห็นว่าราคาตลาดโลกพุ่งขึ้นจากต่ำสุดที่ 1,270 ไปสูงสุดที่ 1,440 ดอลลาร์/ออนซ์ ถือว่าราคาทะลุนิวไฮน์รอบห้าปี สร้างผลตอบแทนกว่า 13% ในเจ็ดเดือนโดดเด่นกว่าแทบทุกสินทรัพย์ ดังนั้น สำหรับเราหลายๆคนแล้วจึงน่าจะกลับมาวิเคราะห์อีกครั้งว่าอะไรว่า ‘ความเชื่อ’ และ ‘ความจริง’ ของตลาดทองคำจะยังคงร้อนแรงต่อไปอีกหรือไม่ เพราะไม่ใช่แค่เครื่องประดับที่ได้รับความนิยมเท่านั้นแต่ยังสามารถเก็บออมไว้เพื่อความมั่งคั่งในระยะยาวได้อีกด้วย
คืออะไร
‘ทองคำ ’ ถือว่าอยู่คู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งในฐานะเครื่องวัดความมั่งคั่งส่วนบุคคล และดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจโดยรวม เพราะคุณสมบัติพิเศษของทองคำที่ต่างจากโลหะมีค่าชนิดอื่นในแง่ของความงดงาม ความคงทน ความหายาก และการที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้นับครั้งไม่ถ้วน จากโลหะที่มีค่าทั้งหมด ‘ทองคำ’ ถือเป็นที่นิยมมากที่สุดเนื่องจากเป็นการลงทุนที่นักลงทุนมักซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าและตราสารอนุพันธ์ ตลาดทองคำอาจมีการเก็งกำไรและผันผวนเช่นเดียวกับตลาดอื่น ๆ ปัจจุบันการลงทุนในทองคำยังคงได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้คนเริ่มหันมาสนใจซื้อทองคำแท่งเก็บสะสมแทน เนื่องจากซื้อขายคล่องตัวกว่าทองรูปพรรณและไม่มีค่ากำเหน็จด้วยเพราะ
ความเชื่อเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ
เหตุผลหลักๆที่นักลงทุนเลือกใช้ในการซื้อหาและถือทองนั้นก็คือ ทิศทางตลาดทุนกำลังชะลอตัว จึงต้องหาสินทรัพย์กระจายความเสี่ยงเข้ามาเสริม แต่ต้องยอมรับความคิดนี้อาจไม่ได้ถูกทั้งหมด เช่น
- ทองคำไม่ใช่สินทรัพย์ที่ปลอดภัย , ยังไม่ได้มีความผันผวนสวนทางกับตลาดทุนโลก ความสัมพันธ์ต่อเงินดอลลาร์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และตราสารหนี้ , ทองเป็นบวกทั้งหมดราว 0.1-0.3 หรือข้อมูลแนวว่าทองคำมักปรับตัวขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวมากกว่าหดตัวจากผลของความมั่งคั่ง (Wealth effect) ไม่ต่างจากสินทรัพย์การเงินอื่นๆ
- การถือทองคำในพอร์ต ไม่ได้ลดความเสี่ยงด้วยการกระจายตัวของสินทรัพย์ (Diversify) เหมือนกรณีถือสินทรัพย์ที่มี Correlation ติดลบ เช่น เงินบอนด์ กล่าวอีกอย่างคือ การซื้อทองควรเป็นการลดความเสี่ยงจากหุ้นที่ผันผวน และบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการรับความเสี่ยงบนสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมากเกินไปด้วย
- ราคาทองจะปรับตัวขึ้นลงสวนทางกับดอกเบี้ยแท้จริงในสหรัฐฯ ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ผิด แต่ในอดีตและปัจจุบัน ความสัมพันธ์นี้เกิดจากคนละเหตุผลกัน
- วิกฤติเศรษฐกิจปี 2008 ทองคำจะมีความสัมพันธ์สวนทางกับดอกเบี้ยที่แท้จริง ด้วยการเป็นตัวแทนของ สินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ. ช่วงที่ทองโดดเด่นคือทศวรรต 1970 ที่เศรษฐกิจขยายตัวต่ำแต่เงินเฟ้อสูง ในช่วงนั้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นถึง 21% เมื่อหักเงินเฟ้อ จึงชนะทั้งหุ้นและบอนด์ที่ขาดทุนและแพ้เงินเฟ้อทั้งหมด
- ทองคำแทบไม่มีความสัมพันธ์กับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆที่เป็นตัวแทนเงินเฟ้อเ แต่ที่ความสัมพันธ์กับดอกเบี้ยแท้จริงกลับยังมีอยู่ เพราะทองสามารถปรับตัวขึ้นได้เมื่อนโยบายการเงินสหรัฐฯผ่อนคลาย จากสภาพคล่องและความกังวลกับเศรษฐกิจที่ปรับตัวสูง สรุปคือ ปัจจุบันทองคำถูกเปลี่ยนฐานะไปเป็น สินทรัพย์ป้องกันดอกเบี้ยต่ำแทน
- ทองคำเป็นสิ่งทดแทนดอลลาร์เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯมีปัญหา เพราะในอดีตสหรัฐฯและทั่วโลก วางตำแหน่งดอลลาร์ไว้เป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศ เพื่อทดแทนทองคำตั้งแต่ปี 1944 แม้จะเลิกตรึงดอลลาร์กับทองในปี 1971 ก็ยังสามารถใช้ดอกเบี้ยประคับประคองมูลค่าของดอลลาร์ไว้ได้ แม้ในช่วง Great Depression ทศวรรต 1930 ที่บอนด์ปรับตัวขึ้นถึง 37% แต่ราคาทองคำกลับแพงขึ้นเพียง 8%
ความจริงเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ
- ทองคำจะมีมูลค่าในตัวเอง. เพราะทองคำจัดเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่มีมูลค่าในตัวเอง เนื่องจากเป็นสิ่งที่หายาก เป็นของที่มีค่าไม่สามารถแสวงหาได้ง่ายๆ แล้วเมื่อเทียบกับเงินสดที่มีมูลค่าลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อนั้น ทองคำกลับไม่ได้มีมูลค่าลดลงเมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเลยด้วยซ้ำ
- ราคาทองคำขยับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อเพิ่ม.เพราะผลตอบแทนการลงทุนที่คาดหวังของการลงทุนนั้น จะมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อ เงินเฟ้อจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มูลค่าของเงินลดลง ดังนั้น การมีทองคำในพอร์ตการลงทุนนับเป็นการลดความเสี่ยงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะโดยปกติแล้วราคาทองคำจะสูงขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
- ทองคำให้ผลตอบแทนการลงทุนที่สูง. เนื่องจากทองคำมีความผันผวนของราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ในระดับที่สูงหรือนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนการลงทุนที่สูงเลยล่ะ
- โลกมีความต้องการทองคำอยู่ตลอดเวลา. ปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นก็คือ ความต้องการทองคำในตลาดโลกอยู่เสมอ เนื่องจากการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งต้องการที่จะผลิตเพิ่มปริมาณเงินในประเทศนั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะเพิ่มปริมาณเงินก็เพิ่มได้เลย แต่จำเป็นต้องมีปริมาณทองคำสำรองของประเทศที่เพียงต่อการเพิ่มปริมาณเงินของประเทศด้วย ดังนั้น จึงเป็นที่ต้องการทองคำในตลาดโลกอยู่เสมอ
- เ ป็นสินทรัพย์ที่ทั่วโลกยอมรับ. การเป็นที่ยอมรับนี้ ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถนำทองคำไปขายที่ไหนก็ได้ในโลก ต่างจากสินทรัพย์ประเภทอื่นที่อาจจะเป็นที่ยอมรับแค่ในประเทศ แต่ไม่สามารถนำไปขายในที่อื่นได้
- ทองคำเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่ควรมีไว้ในพอร์ตการลงทุน. เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เฉพาะตัว มีความมั่นคงน่าเชื่อถือ ผลตอบแทนสูง แต่ก็ไม่ควรจะมีทองคำไว้ในพอร์ตการลงทุนมากจนเกินไปเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนด้านราคาค่อนข้างสูง ทำให้พอร์ตการลงทุนอยู่ในระดับเสี่ยงเกินไปได้ด้วย สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาซับซ้อน เมื่อสหรัฐฯใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ แต่กลับห้ามไม่ให้หลายประเทศถือดอลลาร์ด้วยเหตุผลทางการค้า ขณะเดียวกัน ความมั่งคั่งก็เพิ่มมากขึ้นในโลกตะวันออก จนเหตุผลทั้งหมดที่เคยทำให้ทองไม่สามารถแทนที่ดอลลาร์ได้นั้นอาจไม่มีอีกต่อไปในอนาคต โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น. แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำอาจจะมีความผันผวน แต่การสะสมทองนั้นเป็นการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอื่นๆ ดังนั้นการมีทองคำเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งจึงช่วยให้อุ่นใจได้มากขึ้น
อนาคตของการลงทุนในทองคำ
จากสถานการณ์โดยรวมในขณะนี้ ความคิดเห็นของกูรูต่างๆ ปี 2019 เช่น
- Bank of America Merrill Lynch กล่าวคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับเฉลี่ยที่ $ 1,296 ต่อออนซ์ แต่อาจสูงขึ้นถึงระดับสูงถึง $ 1,400 โดยได้แรงหนุนจากการขาดดุลการค้าและการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในขณะนี้เพิ่มขึ้น
- จาก HSBC กล่าวแนวว่า ราคาทองคำมี upside ในปี 2019 แต่ลดลงโดยเฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้ที่ $ 1,292 ต่อออนซ์
- Lombard Odier กล่าวว่า ‘สงครามการค้าและความตึงเครียดในตะวันออกกลางจะทำให้ราคาทองคำหรือน้ำมันพุ่งขึ้น โดยเฉพาะราคาทองคำ’
- Morgan Stanley พูดถึง เราคาดการณ์ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า ซึ่งหมายความว่าเรายังคงมุมมองเชิงบวกได้ต่อทองคำ
- Societe Generale เป็นที่แน่นอนว่า ราคาทองคำอาจลดลงจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯในปี 2019
- State Street การถือทองคำในพอร์ทการลงทุนอาจช่วยบรรเทาผลกระทบของความผันผวนของตลาดและ ทองคำยังสามารถเพิ่มพอร์ตการกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวได้
- UBS เราขอแนะนำให้พิจารณาซื้อทองคำเพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง ซึ่งคิดว่าการลดลงต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์จะเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจด้วย
- การลงทุนในทองคำแท่งจะมีเรื่องที่นักลงทุนต้องคำนึงถึงก่อนการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาทองคำที่มีความผันผวน , เรื่องของการเก็บรักษา เพราะเป็นการครอบครองทองคำจริงๆ ที่ไม่ได้มีการระบุกรรมสิทธิ์ จึงมีความเสี่ยงจากการถูกลักขโมยและนำไปขายต่อ ขณะที่การขายก็ต้องคำนึงถึงส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขายด้วยเช่นกัน
- กองทุนรวมทองคำ หรือ Gold Fund เปรียบเสมือนลงทุนในทองคำแท่งทางอ้อมผ่านกองทุนหลักในต่างประเทศ มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมจึงไม่ได้ขึ้นลงตามราคาทองคำในประเทศ แต่จะอิงกับราคาทองคำโลก จึงมีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนมาเกี่ยวข้องด้วย
สรุป
จึงกล่าวได้ว่า แม้ในอดีตคนนิยมซื้อทองคำเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Heaven) เป็นอันดับต้นๆอยู่ แต่ในปัจจุบันนี้ทองคำมีความผันผวนของราคาที่สูงมากขึ้น ทำให้ไม่อาจกล่าวได้แน่ชัดว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอีกต่อไป ในระยะสั้น แนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ คือเหตุผลหลักที่กำหนดทิศทางของทอง แต่ในระยะยาว การปรับมุมมองความเสี่ยงของนักลงทุนคือสิ่งที่เราต้องจับตาไม่กระพริบ นอกจากนี้การประเมินราคาที่เหมาะสมของทองคำทำได้ยาก เพราะการขึ้นลงของราคานอกจากจะขึ้นอยู่กับ Demand และ Supply แล้วยังมีการเก็งกำไรเข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างสูงอีกด้วย ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนนั้น จึงควรใช้ทองคำเป็นการลงทุนเพื่อการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่าการทุ่มเงินลงทุนในทองคำทั้งหมด โดยแนะนำว่าการลงทุนควรมีสินทรัพย์ที่หลากหลาย ประกอบกับทองคำ 5-15% ของพอร์ต จึงดูจะเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกที่กำลังจะมาถึง และอย่าลืมพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนด้วยเมื่อเราเข้าใจบทบาทของทองคำมากขึ้น
Rosalinda
ตอนนี้พออ่านข่าวเศรษฐกิจรายวันก็มีข่าวเรื่องทองคำหลายเรื่องอยู่ ผมก็เลยเริ่มจะสนใจในการลงทุนทองคำซะแล้ว ยิง่ในข่าวมักบอกเรื่องของราคาทองคำที่มักจะมีราคาขึ้นมากว่าราคาลงผมยิ่งสนใจ พอมาได้อ่านเรื่องนี้ก็ยิ่งช่วยให้สนใจมากขึ้นไปอีก ปกติผมเองก็ลงทุนอยู่บ้างแต่เน้นลงในกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อย ผมว่าลงทุนในทองคำก็น่าจะเสี่ยงน้อยเหมือนกันนะ
Nissorn
เป็นอีกการลงทุนหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกันครับ เพราะว่าทองคำเป็นอีกสิ่งของหนึ่งที่สามารถเก็บไว้ยืนยาวไม่มีวันหมดอายุ ยิ่งซื้อไว้ในช่วงนี้ในอนาคตมีแต่ราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ พอเอามาขายก็จะได้ในราคาที่แพงกว่าราคาทุน บทความนี้ทำให้เห็นว่าการลงทุนกับทองคำ มีแต่ได้รับผลกระทบที่ดีครับข้อความผันผวนของราคาที่ดีขึ้นที่สูงขึ้น
น้ำตาล
เดี๋ยวนี้ยอมรับด้วยนะคะว่ามีการลงทุนหลายอย่างมากเลยและการลงทุนทองคำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ผู้คนสนใจกันอยู่ในตอนนี้ เพราะว่ามีราคาการผ่อนผันหรือการเพิ่มขึ้นของทองคำอย่างต่อเนื่อง บทความนี้อธิบายเกี่ยวกับการลงทุนกับทองคำว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วทำไมการลงทุนแบบนี้จะได้รับผลประโยชน์ดีในช่วงนี้น่าสนใจค่ะ
Kanmanee
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงหรือคนที่อยากจะลงทุนกับอะไรสักอย่าง เราว่าทองคำเป็นตัวเลือกทีน่าสนใจทีเดียวค่ะ จริงอยู่ที่ราคาทองคำไม่นิ่ง มีความผันผวนอยู่บ้าง แต่ในส่วนของราคาเราว่าไม่ตกลงสักเท่าไหร่หรอก ยังไงมันก็มีราคาน่ะ ช่วงก่อนหน้านี้เป็นไงราคาดีเชียว การลงทุนมันก็อยา่งนี้แหละค่ะมีขึ้นมีลง
ษาณี
ตอนนี้ หนูคงลงทุนทองไม่ไหวแล้วละคะ ช่วงนี้ บาทหนึ่งจาปาเข้าไป สามหมื่นแล้วละคะ คงลงทุนไม่ได้จริงคะ ไม่รู้ว่าจะขึ้นอะไรมากมายขนาดนี้ แต่ก็ยินดีกับเพื่อนๆที่เคยลงทุนมาก่อนหน้านี้นะคะ เป็นไงบ้างได้กำไรกันเต็มทีเลยใช่ไหมคะ ขายได้รีบขายไปก่อนนะคะเดียวเดียวราคาลงมาแล้วจะมานึกเสียดายไม่ได้นะคะ ราคาแบบนี้สูงสุดเท่าที่หนูเคยเจอมาเลยคะ
ผักกาดดอง
ไม่เคยคิดว่าจะลงทุนในทองคำจริงจังนะคะ ชั้นก็แค่ซื้อทองมาเก็บเอาไว้พอราคาขึ้นก้ขายไป แล้วรอซื้อใหม่ตอนนี้ราคมทองตกลงอีกก็แค่นั้นนะคะ คิดว่าคุณแม่บ้านหลายคนก็ทำแบบชั้นนะคะ เพราะเพื่อนบ้านของชั้นก็ทำเหมือนกันหลายคน ชั้นก็เข้ามาอ่านดูว่าที่ชั้นทำอยู่เรียกว่าการลงทุนในทองคำได้ไหมท เหมือนกันหรือป่าว ปรากฎว่าไม่เหมือนค่ะ
เต้าฮวยน้ำขิง
เพื่อนๆคิดว่าการซื้อทองคำแท่งหรือการซื้อทองคํารูปพรรณ อันไหนที่จะน่าลงทุนมากกว่ากันครับ ?? เคยได้ยินว่าการซื้อทองคำแท่งมาเก็บจะต้องมีวิธีการเก็บรักษาด้วย บางคนถึงเลือกที่จะเอาไปฝากไว้ในธนาคาร แต่ก็จะเจอค่าธรรมเนียมจากการเก็บรักษา ถ้าซื้อเป็นทองรูปพรรณบางทีราคาจะลดลงเนื่องจากการใช้งาน แล้วเพื่อนๆคิดว่าควรซื้อทองคำแบบไหนถึงจะดีที่สุดครับ?
วีระ
เมื่อก่อนนี้ผมเห็นแม่บ้านลงทุนในทองคำกันเยอะนะครับ มีเงินนี้เป็นไม่ได้พากันซื้อทองคำเก็บไว้ แต่ว่าช่วงหลังผมเห็นว่าแม่บ้านส่วนใหญ่ก็เอาเงินไปลงทุนในหุ้นอะไรมากกว่า เพราะทองคำราคามันไม่ค่อยนิ่ง แล้วยิ่งสภาพเศรษฐกิจช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยนิ่งเข้าไปกันใหญ่ ผมเองช่วงแรกก็ตั้งใจว่าจะลงทุนในหุ้นทองคำอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าไปลงทุนในพวกกองทุนก่อนดีกว่าสภาพเศรษฐกิจมันแย่ซะขนาดนี้
นิพพิชฌน์
ลงทุนในทองคำเดี่ยวนี้ไม่จำเป็นที่เราจะต้องซื้อทองมาเก็บกับตัวแล้วละครับ คุณ เต้าฮวยน้ำขิง ตอนนี้เราสามารถซื้อผ่านแอพฯลงทุนทองได้แล้วครับ มีให้เลือกหลายเจ้าครับ ส่วนเรื่องการลงทุนทอง ตอนนี้เงียบๆกันก่อนดีกว่าครับ ราคาทองแพงขึ้นมากเลยครับ แต่ขึ้นได้ไม่นานหลอกครับ เดียวราคาจะล่วงแน่นแนครับ ใจเย็นๆครับรอไปสักระยะค่อยเล่นกันใหม่
ช้าง
เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากจะลงทุนในทองคำกันแล้วครับ เพราะว่าสามารถทำได้โดยที่เราไม่ต้องไปที่ร้านทองโดยผ่าน application LINE ก็ได้ แต่ถ้าเราไม่อยากจะลงทุนในเรื่องนี้ก็สามารถไปหาวิธีการลงทุนในเรื่องอื่นๆด้วย โดยที่เราสามารถที่จะวางแผนหรือคิดหาการลงทุนที่น่าสนใจ อย่างเช่นเป็นการอุปโภคบริโภคหรือเป็นอาหารอะไรแบบนั้นที่ผู้คนใช้กันอยู่ครับ
ชวลิต
ยังไงผมก็ยังว่าการเล่นหรือว่าลงทุนในทองคำ ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดีครับ เพราะว่าราคาทองคำไม่ได้ยิดที่เงินบาทในบ้านเราเป็นหลัก แต่ด฿จากราคาของทองคำจากทั่วโลกเลย แล้วที่ชอบอีกอย่างตอนนี้เรื่องการลงทุนในทองคำ เราสามาถซื้อผ่านแอพของร้านทองได้เลยครับ ไม่ต้องซื้อครั้งละมากๆก็ได้ ค่อยซื้อเก็บไปเรื่อยๆ แถมไม่ต้องกลัวทองหายด้วย
La_da
@ชวลิต เท่าที่อ่านมาดิฉันก็คิดว่าอย่างนั้นนะคะ ดูเหมือนว่าการลงทุนในทองคำเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย รอรับผลกำไรหรือรอช่วงที่ทองคำราคาขึ้นก็รอไม่นาน ก็เป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้ดีเหมือนกันนะคะก็ว่าทำไมหลายๆคนที่เป็นคนมีเงินส่วนมากก็ชอบซื้อทองมาเก็บไว้ หรือไม่ก็ลงทุนในกองทุนเกี่ยวกับทองคำ เพราะว่ามันดีอย่างนี้นี่เอง