เคยได้ยินมาว่ามีหลายคนเคยตกเป็นเหยื่อหลงกล เซ็นเอกสารไปโดยที่ไม่รู้ตัวว่าเอกสารใบนั้นเป็นการทำสัญญาทำประกันชีวิตกับทางสถาบันการเงิน โดยส่วนใหญ่บุคคลที่จะโดนหลอกง่ายที่สุดเลยก็จะเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรานั้นเองเพราะไม่ค่อยทราบถึงศัพท์ทางการเงินต่างๆและมีความไว้เนื้อเชื่อพนักงานสถาบันการเงินสูงมีเอกสารอะไรมาก็เซ็นไปง่ายๆ วันนี้เราเลยจะมาบอกวิธีตรวจสอบให้เพื่อนๆนั้นสามารถที่จะเอาวิธีสังเกตและตรวจสอบเหล่านี้ไปบอกและไปเตือนกับญาติๆได้ โดยวิธีสังเกตตรวจสอบนั้นมีด้วยกัน 4 ข้อสงสัย แล้ว 4 ข้อสงสัยนั้นมีอะไรบ้างไปดูได้เลยในหัวข้ต่อไป
ข้อสงสัยที่ 1 การฝากเงินจะมีดอกเบี้ยสูงก็จริงแต่ไม่น่าจะเกิน 3% ต่อปี
ข้อสงสัยแรกเลย ถ้ามีการเสนอจากเจ้าพนักงานถึงเรื่องของเงินฝากที่ได้ดอกเบี้ยที่สูง ได้ดอกเบี้ยคืนเท่านั้นเท่านี้ ได้คืน 5% หรือบางที มีถึง 10% จนมีบางทีการที่มีการเสนอแบบนี้มาทำให้เราอาจจะคิดว่า เรานั้นเป็นคนพิเศษหรือป่าวว่ะ เป็นข้อเสนอที่มีแค่เราเท่านั้นที่ได้รับ เป็นการฝากเงินประจำพิเศษสุดเฉพราะเรา คล้ายกับที่เราได้รับ SMS จากค่ายมือถือ ว่ามีโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะคุณเท่านั้น บอกเลยว่าคุณคิดผิดอย่างร้ายแรง ถ้าคนที่ไม่มีความรู้แน่นอน ว่าต้องคิดประมาณแบบที่ผมบอก แต่ถ้าคนที่มีความรู้หน่อยจะรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะสมัยนี้การฝากเงินไม่ว่าจะมีดอกเบี้ยที่สูงขนาดไหนก็ตามไม่น่าจะเกิน 3% เป็นมาตรฐาน แล้วยิ่งช่วงเศรษฐกิจไม่ดี อัตราดกเบี้ยมีแนวโน้มต่ำลงไปอีก แล้วเมื่อมีใครที่มาเสนอดอกเบี้ยที่ให้สูงเกินกว่ามาตรฐาน อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันเป็นคนพิเศษล่ะ ให้ตั้งข้อสงสัยไว้เลยว่าไม่น่าจะใช่เงินฝากปกติแน่ๆ เพราะฉะนั้นก็จำให้ขึ้นใจว่าการที่มีการเสนอดอกเบี้ยที่สูงกว่ามาตรฐานต้องไม่ใช่การฝากเงินธรรมดา
ข้อสงสัยที่ 2 การฝากเงินไม่ควรมีเงื่อนไขยาวนานมากกว่า 5 ปี หรือ 60 เดือน
โดยส่วนใหญ่การหลอกทำประกันมักจะทำการพูดออมๆให้เหมือนกับการเปิดบัญชีเงินฝากประจำ โดยมีเงื่อนไขคล้ายๆกันแต่ต่างกันตรงที่เงินฝากประจำนั้น จะมีระยะเวลาที่ไม่ถึง 5 ปี ให้ความรู้เกี่ยวกับเงินฝากประจำนิดนึงเงินฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยที่สูงก็จริงแต่ก็อย่างที่บอกไปในหัวข้อแรกคือไม่เกิน 3% เป็มาตรฐานเผลอๆอาจจะน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ ส่วนเงื่อนไขการฝากเงินประจำต่างกับออมทรัพย์คือฝากแล้วไม่สามารถที่จะถอนได้จนกว่าจะครบกำหนด ส่วนกำหนดก็จะมีตั้งแต่ระยะสั้นสุด 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน ไปจนสูงสุดๆ 36 เดือน เพราะฉะนั้นถ้ามีใครที่มาเสนอแล้วมีเงื่อนไขให้ฝากเกินระยะเวลาที่บอกให้ตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าไม่ใช่การฝากเงินปกติ อาจจะเป็นรูปแบบการซื้อประกันชีวิต
ข้อสงสัยที่ 3 มีเงื่อนไขการฝากเงินแต่สามารถคุ้มครองในทุกกรณี
อันนี้ถ้าเป็นคนใส่ใจรายละเอียดก็อาจจะมีการรู้ตัวได้แต่ถ้าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่อาจจะไม่ได้สงสัยหรือสังเกต อาจจะคิดว่าเอ่อดีเว้ยเปิดบัญชีเงินฝากแต่มีการคุ้มครองเข้ามาเสริมให้ด้วยดีจริงๆ แต่ต้องบอกเลยว่านั้นเป็นความคิดที่ผิดนะครับ บอกไว้ ณ ตรงนี้เลยว่า การเปิดบัญชีเงินฝากไม่ว่าจะเป็นของธนาคารใดในประเทศไทย จะไม่มีการพ่วงความคุ้มครองชีวิตใดๆ เข้ามา แต่ก็จะมีบางอันที่มีพ่วงประกันอุบัติเหตุ แต่ทั้งสองอย่างจะแยกกันโดยสิ้นเชิง ไม่มีภาระผูกพันกนแต่อย่างใด ถ้าหากมีการเสนอแบบที่พ่วงประกันชีวิตเข้ามาในข้อตกลงหรือในสัญญาเป็นฉบับเดียวกัน ให้คิดได้เลยว่า มันไม่ใช่การเปิดบัญชีเงิน แต่เป็นการทำประกันชีวิต
ข้อสงสัยที่ 4 มีคำว่า (ผู้เอาประกัน) ในเอกสารที่คำลงท้าย
คราวนี้มาถึงขั้นตอนสุดท้ายในการทำธุรกรรมล่ะนะครับ ให้อ่านเอกสารให้ดีในการจะทำสัญญา เอกสารที่พนักงานจะให้เราทำการเซ็น ต้องอ่านให้ละเอียดว่าเอกสารนี้ป็นเอกสารอะไรกันแน่ ถ้าเป็นเอกสารที่ใช้ในการเปิดบัญชีเงินฝาก ให้สังเกตจะมีตัวหนังสือชัดเจนที่หัวกระดาษว่า เอกสารหรือแบบฟอร์มเปิดบัญชีเงินฝาก แต่ถ้ามันไม่มีคำว่าเปิดบัญชีเงินฝากแต่เป็นคำว่า ใบคำขอประกันชิวิต ไม่ต้องตั้งข้อสงสัยแล้วนะครับเพราะเอกสารมันก็เขียนชัดเจน แต่ถ้าหากหัวกระดาษไม่ได้มีตัวหนังสือ มีอีกจุดหนึ่งที่ให้สังเกต คือ ตรงจุดที่ให้เซ็นชื่อ ต้องไม่มีคำว่าผู้เอาประกัน หรือ คำว่าประกันอยู่ ถ้ามีก็อย่าไปทำการเซ็นนะครับ
สรุป
ข้อสังเกตทั้งหมดที่นำมาให้เป็นสิ่งที่สามารถนำไปใช้และตรวจสอบได้จริงๆว่าเรา เพื่อนเรา ญาติเรา นั้นถูกหลอกขายประกันในรูปแบบเงินฝากหรือไม่ แต่ถ้าเกิดเหตุการที่เซ็นชื่อไปแล้ว แล้วเพิ่งจะมาเจอบทความของผมแล้วรู้ว่าเอ่อเราถูกหลอกนี่หว่า แล้วซื้อประกันชีวิตไปแล้ว ก็สามารถที่จะยกเลิกได้นะครับถ้าเพิ่งทำไปได้ไม่เกิน 15 วัน วิธีการคือเมื่อได้รับกรมธรรม์ จะมีเอกสารมาให้อีกเพื่อเซ็นรับกรมธรรม์ เราก็ไม่ต้องทำการเซ็นรับกรมธรรม์ และไปขอยกเลิกได้ แต่เราก็นั้นแหละเรียกว่าต้องเสียค่าโง่ไปหรือเสียค่าธรรมเนียม 500 บาท ทางที่ดีที่สุดนะครับ ก่อนจะเซ็นเอกสรอะไรตั้งแต่แกให้อ่านและทำความเข้าใจให้ดีสักก่อน หรือสามารถที่จะร้องเรียนไปที่ สำนักงานกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ หรือ ปรึกษา ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินได้อกีช่องทางนะครับ
Runrot
โห...อ่านแล้วกลัวเลย ไม่กล้าทำประกันเลยนะเนี่ย อย่างนี้จะไว้ใจใครได้เนี่ย อย่างว่าแหละนะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพเยอะแยะมากมาย ดีนะที่มาอ่านก่อน ไม่นานมานี้ก็เกือบจะหลงกลอยู่เหมือนกัน มีคนชอบโทรมาหลอกให้ทำประกันทำนองแบบนี้แหละแต่เป็นในรูปแบบของการโทร ดีนะไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรไปหรือไม่ได้ตอบตกลง ไว้ใจไม่ได้เลยพวกนี้
จินตนา
ไม่เชิงโดนหลอกนะคะที่เคยเจอมาแต่เหมือนกับว่าให้ข้อมูลเราไม่หมด โทรมาแล้วพูดเยอะแยะมากมายแล้วเรายุ่งอยู่ก็เลยตอบตกลงไปแต่ปรากฎว่าเงื่อนไขมันไม่ดีเลย เราโดนมาแบบนี้แหละ และจะไม่ยอมโดนอีกแน่ๆก็เลยเข้ามาอ่านบทความนี้ดูจะได้รู้ทันระวังตัวมากหน่อยว่าเรื่องประกันไม่ควรรีบตัดสินใจให้เช็คดูก่อนแม้จะยุ่งมากก็ตาม
วายุ
ไม่เคยถูกหลอกครับ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่รู้ว่าถูกหลอก เพราะว่าดูเหมือนจะซื้อกับตัวแทนประกันทั้งหมดเลยครับ ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าการซื้อประกันจะทำให้เราถูกหลอกลวง เพราะจะรู้อีกทีก็ตอนที่เราไปเครมประกันนั่นแหละครับ บทความนี้ช่วยให้ผมเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการทำประกัน แล้ววิธีการป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกลวงจากการซื้อประกันครับ
Lalita
ยังมีการหลอกให้ทำประกันกันอีกเหรอคะ เดี๋ยวนี้น่าจะทำประกันกับทางบริษัทประกันแล้วนะหรือไม่ก็ทำกับคนที่รู้จักกัน แต่ก็ไม่แน่เนอะพวกมิจฉาชีพมีช่องทางในการหลอกคนอื่นเสมอ เราระวังมากเรื่องการทำประกันน่ะค่ะกลัวจะเจอตัวแทนไม่ดี แบบเวลามีปัญหาแล้วติดต่อไม่ได้ ไม่อยู่พร้อมจะช่วยอย่างเงี้ยอะค่ะ ดีที่มีญาติเป็นตัวแทนประกันก็ทำกับเขานี่ล่ะค่ะ
เก่งกาจ
ผมและครอบครัว ทำประกัน กับคนที่เรารู้จักครับ คนที่ไม่รู้จักเข้ามาขาย เราจะไม่ทำครับ อย่างปีนี้ ก็ทำเพิ่มให้อีกสองคนครับ เราเรียกเขามาเองครับไม่ต้องมาเสนอขายอะไร แล้วข้อดีของการทำกับคนที่เรารู้จัก เวลาที่เรามีปัญหาเรื่องการเคลมประกัน เขาสามารถช่วยเหลือได้ครับ สามารถเข้ามาช่วยดูแลได้ว่าจะเคลมยังไงดี ครับ
วอแว
เราก็ยังไม่เคยถูกหลอกแต่ก้อยากรู้ว่าต้องมีความผิดปกติยังไงถึงจะเรียกว่าถูกหลอกบ้างจะได้สังเกตดูค่ะ เพราะเราก้ซื้อประกันแบบให้หักเงินจากบัญชีอัตโนมัติเหมือนกันทุกๆปี ตอนนี้ก้รู้แล้วจะลองสังเกตดูว่าปีไหนที่หักเงินเยอะเกินไปบ้าง แต่ขอเถอะอย่ามาเกิดกับเราเลยขี้เกียจปวดหัว และไม่อยากเสียความรู้สึก และที่สำคัญไม่อยากเสียเงิน 5555
สีไม้
ผมจะไม่ซื้อพวกประกันที่ชอบโทรมานำเสนอทางโทรศัพท์ เพราะเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อถือเลยประกันแบบนั้น มักจะนำเสนอแบบว่าทุกอย่างดีไปหมดแล้วก็กดดันให้เราซื้อในทันที มันจะทำให้เราตัดสินใจได้อย่างไม่รอบคอบนะครับ ผมมักจะปฏิเสธเสมอและบอกว่าถ้าผมสนใจผมจะติดต่อกลับไปเอง บางครั้งการทำประกันต้องดูรายละเอียดอย่างดี ถ้ามากดดันแบบนี้มันเป็นอะไรที่มีเงื่อนงำหลอกลวงครับ อย่าหลงเชื่อเด็ดขาด
หวีด
ดอกเบี้ยยังไงก็ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปีหรอก ขนาดช่วงโปรโมชั่นการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยังได้ไม่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเลย ยังไงบริษัทประกันหรือสถาบันการเงินที่เราไปทำธุรกรรมการเงินด้วยก็ต้องหากำไรจากเงินของเราอยู่แล้ว เขาก็แบ่งเปอร์เซ็นต์มาให้เรานิดเดียว 3% เนี่ยยังว่ายากเลยนะปกติไปเนี่ยได้มากสุดก็ 1.5% ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
🈸🈴
คือซื้อไปแล้ว แล้วมีการให้มาเซ็นรับกรมธรรม์ อันนี้ผมคิดว่า ไม่น่าจะโดนหลอกนะครับ แต่อาจจะเป็นเพราะเราไม่เข้าใจอะไรบางอย่างแล้วจะเลิกนะครับ ตอนที่คนขายประกันมาคุยกับเรา ต้องตั้งใจฟังดีๆสิครับ เพราะประกันที่เขามาขาย มันมีรายละเอียดมากมายครับที่เราต้องสนใจ ส่วนใหญ่ คนเราจะฟังแต่สิ่งที่เราจะได้รับเท่านั้นครับ
ปิ่น
ดีเหมือนกันนะคะที่มีคำแนะนำให้เราสามารถเลือกดูว่าเราถูกหลอก ให้ทำประกันภัยกับนายหน้าถูกคนไหมเพราะว่าเราสามารถสังเกตเกี่ยวกับ อัตราดอกเบี้ยที่เราได้รับถ้าสูงเกินไปก็น่าดึงดูดใจให้เลือกทำประกันภัย แต่เราต้องสังเกตด้วยคำว่าน่าสงสัยถ้ามีอัตราดอกเบี้ยที่ให้เราสูงเกินไปมากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ส่วนนี้จะทำให้เราสามารถรู้ว่าจะถูกหลอกหรือไม่คะ
Wafer
@สีไม้ ดิฉันมีความคิดเหมือนคุณนะคะ ที่จริงก็ไม่ได้จะว่าทุกข์ตัวแทนประกันหรือว่าโบรกเกอร์ที่โทรมาขายประกันทางโทรศัพท์นะ เพียงแต่ว่า กันที่เขาอธิบายเงื่อนไขทางโทรศัพท์เรารู้สึกว่ามันไม่ค่อยชัดเจน แต่การที่เราซื้อประกันกับตัวแทนประกันแบบเจอหน้ากันจะชัดเจนกว่าเราได้ดูเอกสารหรือกรมธรรม์เป็นลายลักษณ์อักษรมากกว่า หรือว่า เดี๋ยวนี้ซื้อผ่านเว็บไซต์ก็ดีนะคะ
Martin
@Wafer ผมก็เหมือนกันครับ เวลาจะซื้อประกัน ก็ชอบที่จะนัดเจอตัวต่อตัวมากกว่า ไม่ได้จะสู้กันนะครับแต่ว่าการเจอหน้ากันมันทำให้เราสร้างความมั่นใจได้มากกว่า หรือทางที่ดีก็คือเข้าไปติดต่อที่บริษัทประกันโดยตรง แต่ว่าเดี๋ยวนี้ covid 19 ระบาด การซื้อประกันออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรงก็ทำให้เราไม่ถูกหลอกแล้วครับ
สวนกุหลาบ
@สีไม้ ทำแบบที่คุณว่าก็น่าสนใจนะคะ ดิฉันเองก็เคยทำแบบนั้น ทำบ่อยเลยล่ะ ว่าเวลาเขาโทรมาอธิบายเงื่อนไขอ่ะมันจำได้ไม่หมดอยู่แล้ว มันจะต้องได้อ่านหรือส่งมาเป็นเอกสารให้เราแบบนั้นเราถึงจะตัดสินใจได้ค่ะว่าจะซื้อ หรือไม่ซื้อ ก็เลยจะตอบปฏิเสธบ่อยๆเหมือนกัน เพราะมันเสียเวลาค่ะที่จะค่อยมาฟังเขา มันไม่ได้อะไร ส่วนข้อควรระวังจากบทความนี้ก็ดีนะคะเป็นความรู้ใหม่เลยล่ะ อันนี้น่าจะแนะนำให้ดูเกี่ยวกับเงื่อนไขกรมธรรม์เลยนะ