แน่นอนว่า พ่อกับแม่และหลายคนก็ต้องเตรียมตัวเรื่องนี้ ก่อนที่จะมีลูกนั้นจะต้องทำอะไรบ้าง? พ่อกับแม่ก็ต้องดูไปถึงอนาคตว่า ลูกของเราจะโตมาเป็นแบบไหน และเรื่องเงินนั้นก็เป็นหลักหลักเลยที่จะพูดถึงในบทความนี้เพราะการวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้ลูกมีชีวิตที่ดี แต่สิ่งที่เราควรจะคิดถึงและวางแผนก็คือค่าใช้จ่ายของเด็กเมื่อเราตั้งใจที่จะมีบุตรแล้ว ซึ่งแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงินของตนเองและครอบครัวด้วย ดังนั้น ให้เรามาดูกันว่า มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างที่คุณพ่อคุณแม่ จะต้องเตรียมเงินไว้ส่วนนี้ ให้เราดูได้กันดังต่อไปนี้ มีอยู่ทั้งหมด 5 ค่าใช้จ่ายด้วยกันที่ควรจะมีเงินส่วนนี้เอาไว้ ทำให้ชีวิตครอบครัวและลูกมีชีวิตที่ดี
1.ค่าใช้จ่ายช่วงตั้งครรภ์
ค่าใช้จ่ายช่วงตั้งครรภ์นั้น ปกติแล้วเขาจะมีค่าทำคลอด ประมาณ 20,000 บาทค่ะ และถึง 1 แสนบาทด้วยซ้ำ แล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงต้นๆเดือนที่จะมีค่าใช้จ่ายเมื่อจะต้องพบแพทย์บ่อยครั้ง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย 1,500 บาทถึง 2,000 บาทต่อเดือนนั้นเองค่ะและค่าทำคลอดก็อยู่ที่ 30,000 ถึง 60,000 บาท ค่าทำคลอดนั้นก็จะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกแพ็คเกจแบบไหนรวมๆแล้วที่ได้คิดมานั้นก็จะอยู่ที่ 50000 บาทแต่ถ้าหากว่าเราไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลเอกชนซึ่งเราไปโรงพยาบาลที่ไม่ใช่คนนั้นอาจจะมีข้อใดจ่ายประมาณ 1 แสนบาทซึ่งเราจะเห็นว่าก็เป็นค่าใช้จ่ายที สูงพอสมควรนะคะ ดังนั้น ให้ดีที่สุดก็คือคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ ก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาจะไปโรงพยาบาลไหนเพื่อที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้มากที่สุดและดูว่าแพ็คเกจที่เราจะเลือกนั้นมีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
2.ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูกเล็ก
มาถึงค่าใช้จ่าย ที่เราต้องเตรียมเมื่อคลอดลูก มาแล้วก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายในช่วงแรกเกิดอายุประมาณ 2 ปีค่ะ คุณพ่อและคุณแม่ก็จะต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมหนูน้อย เช่น เสื้อผ้า ผ้าอ้อม นม ที่นอน อาหาร สำหรับเด็กๆ ทารกแรกเกิดก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายเหล่านี้อันนี้พูดถึงคร่าวๆเท่านั้นนะคะจริงๆมีมากกว่านี้เราสามารถไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้หรือว่าสามารถถามพ่อกับแม่ของเราว่าจะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายหรือของจำเป็นอะไรบ้างสำหรับเด็กทารกแรกเกิดพวกเขาก็จะรู้ดีที่สุดเพราะว่าเขาเคยเลี้ยงพวกคุณมานั่นเอง
ต่อไปนี้ก็จะพูดถึงค่าใช้จ่ายอย่างที่เราได้อ่านกันมา อยากได้คือ ค่านม เมื่อเด็กทารกได้หย่านมแล้วก็จะต้องมีค่านมตามมาหรือว่าดื่มนมผงตั้งแต่แรกเกิดก็จะมีค่าใช้จ่ายเดือนละประมาณเฉลี่ยเดือนละ 1,500 ถึง 3,500 บาท และถ้าคิดเป็นปีก็จะอยู่ที่ 18,000 บาทถึง 42,000 บาท ค่ะ อย่างที่สองก็คือค่าวัคซีนของเด็กทารกค่ะ เฉลี่ยครั้งละ 500 ถึง 1800 บาท ไม่เข้าขึ้นอยู่กับว่าชนิดของแต่ละวัคซีนนั้นเป็นชนิดแบบไหนและอาจจะอยู่ที่แพ็คเกจที่เราซื้อด้วยอีกเหตุผลหนึ่งก็คือโรงพยาบาลที่เราไปนั้นจะมีค่าฉีดวัคซีนเท่าไหร่
3.ค่าอาหาร
อาหารของลูกพ่อแม่ก็จะต้องเตรียมเงินสำรองสำหรับส่วนนี้ไว้อยู่ที่ประมาณ 3,000 ถึง 5,000 บาทต่อเดือนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าถ้าเราซื้ออาหารให้ลูกเป็นส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ประมาณนี้ แต่ถ้าหากว่าเราทำเองหรือไม่ค่อยได้ซื้อก็อาจจะน้อยกว่านี้ต่อเดือน ซึ่งเด็กๆที่ยังเป็นทารกก็อาจจะเป็นอาหารที่พิเศษหน่อยและราคาสูงพอประมาณหนึ่ง แต่ถ้าเด็กแรกเกิดโตแล้วจนถึง 7 ขวบแล้วก็สามารถรับประทานอาหารได้เหมือนกับผู้ใหญ่เลยค่ะ
4.ค่าศึกษาเล่าเรียน
การศึกษาเล่าเรียนเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องเผชิญในเรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ? ซึ่งการศึกษาทั้งหมดของลูกประมาณ 20 ปีค่ะตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาตรี ค่าเทอมหรือค่าการศึกษาเล่าเรียนนั้นอยู่ที่โรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกให้ลูกด้วยนะคะว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่แต่เราได้คิดมาแล้วจะเหลืออยู่คนละ 200,000 บาทขึ้นไปค่ะ ที่กล่าวมานี้เป็นเฉพาะค่าเล่าเรียนที่ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์การเรียนต่างๆที่จะต้องมีและปรับเปลี่ยนทุกครั้ง ในแต่ละระดับชั้นนั่นเอง
แต่เมื่อลูกโตขึ้นมาแล้วเริ่มที่จะต้องเข้าอนุบาลค่าเทอมเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องคำนึงถึงในเรื่องนี้นะคะจะต้องมีค่าใช้จ่ายเรานี้อยู่แล้วซึ่งเราจะต้องรับมือเอาไว้ ถ้าพ่อแม่ได้เลือกโรงเรียนให้ลูกเป็นโรงเรียนรัฐบาลราคาหรือค่าเทอมก็จะไม่สูงเท่าไหร่แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่เลือกให้ลูก อยู่ที่โรงเรียนเอกชนก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นค่ะ และเมื่อลูกโตไปถึงชั้นประถมและมัธยมก็จะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่ควรจะวางแผนการเงินสำหรับค่าเทอมลูกและคำนวณถึงความเหมาะสมของสภาพการณ์ของเราเองด้วยว่า เราควรเลือกโรงเรียนไหนให้เหมาะกับสภาพการณ์ของเรา และเหมาะกับลูกของเรา เมื่อเราประเมินมาแล้วตลอด 9 ปีอนุบาลจนถึงประถม จะอยู่ที่ 200,000 ถึง 500,000 บาทค่ะ และนี่ก็หมายความว่าไม่ได้รวมถึงค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าใช้จ่ายของลูกส่วนตัวด้วย
ดังนั้น ถ้าสำหรับพ่อแม่คนไหนที่ต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย มากขึ้นในบ้านก็อาจจะเลือกโรงเรียนที่มีคุณภาพและราคาไม่แพงเหมาะสมกับสภาพการณ์ของเราก็จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปบ้างนั่นเองค่ะ
5.ค่าพี่เลี้ยงเด็ก
ถ้าเกิดว่าคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ทำงานประจำก็อาจจะมีเวลางานน้อย ที่จะเลี้ยงลูก จึงจะต้องพึ่งพี่เลี้ยงเด็ก แต่ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง ค่าใช้จ่ายสำหรับพี่เลี้ยงปัจจุบันนี้ ก็อยู่ที่ประมาณ 5,000 - 10,000 บาทเพราะปัจจุบันนี้พี่เลี้ยงเด็กหลายคนก็จะต้องเวลานี้กันส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับเด็กด้วยค่ะ แต่ถ้าเราอยากจะประหยัดมากขึ้น ก็สามารถถามทางญาติของเราว่ามีใครสามารถช่วยเลี้ยงได้ไหม ซึ่งถ้าชัดๆช่วยดูแลเราได้ก็จะลด ค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียวค่ะและพวกเขาก็จะดูแลอย่างดีรักเด็ก เพราะเป็นลูกหลานของพวกเขาและไว้ใจได้นั่นเอง
วางแผนอะไรก่อน?
การวางแผนอย่างฉลาดเป็นสิ่งที่สำคัญมากซึ่งการวางแผนทางการเงินนั้นก็คือหลัก ที่เราจะต้องคำนึงถึง ไม่ว่าอะไรก็ตาม เราก็ต้อง คำนึงถึงเรื่องนี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ? ยิ่งเป็นเรื่องของเงินเราก็จะต้องมีการวางแผนจัดระเบียบอย่างดี ซึ่งการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นเป็นวิธีที่ดีด้วยหลายๆคนก็เห็นด้วยกับวิธีนี้ทำให้ลูกปลอดภัยได้และมีคุณภาพลูกก็จะมีภูมิต้านทานที่ดีและช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงด้วยค่ะ และลูกกับแม่ก็จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งและผูกพันกันเป็นอย่างดีซึ่งนี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งนะคะที่เราสามารถประหยัดแทนที่จะซื้อนมผงกิน และมีคุณภาพยิ่งกว่าในช่วงเวลา 6 เดือนจนไปถึง 1 ปีหรือจนลูกอย่านมได้ เราก็จะประหยัดตรงนี้ได้มากเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับผ้าอ้อมของเด็กน้อยแบบใช้แล้วทิ้งสะดวกสบายและไม่จำเป็นต้องซักให้เปลืองแต่ถ้าหากว่าเราอยากจะประหยัดเราควรที่จะใช้เมื่อออกไปข้างนอกบ้านดีกว่าเพราะว่าอยู่ในบ้าน แล้วก็จะมีผ้าอ้อมของเด็กที่เราสามารถซักได้ใช้ผ้าอ้อมที่ สามารถซักได้ก็จะดีกว่าเพราะว่าประหยัดกว่าอยู่ที่บ้านเราจะซักได้อยู่ข้างนอกเราก็ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปวิธีนี้เป็นวิธีนึงที่เรา ซึ่งถ้า ใครๆก็รู้ดีว่าค่อนข้างราคาแพง และเราก็ควรที่จะประหยัด เพราะถ้าอ้อมสำเร็จรูปนั้นไปได้ก็จะไปอยากเรียนในแต่ละเดือนและมีเงินเก็บด้วยค่ะ
ถึงแม้ว่าเราหรือพ่อแม่ทั้งคู่มีฐานะการเงินที่ดีและมีเงินเดือนที่สามารถเลี้ยงลูกได้ อย่างสุขสบายและไม่ต้องกังวลอะไรแต่ความเป็นจริงแล้ว มันก็ไม่ได้เป็นแบบที่เราคาดหวังไว้เสมอไปนะคะเพราะว่าถ้าหากวันใดวันหนึ่งเราไม่มีการงานหรือตกงานแบบกระทันหันเราจะมีเงินมาเลี้ยงลูกได้อย่างไรล่ะ? และไม่ใช่แค่เรื่องลูกเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านของเราอีกนี่จะเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวถ้าหากว่าเราไม่กันเงินส่วนหนึ่งเอาไว้สำหรับลูก และถ้า เจ็บป่วยขึ้นมาหรือมีอุบัติเหตุซึ่งทำให้ทำงานต่อไปไม่ได้ก็จะทำให้ลูกลูกไม่มีหลักประกันอะไรในชีวิต ดังนั้น ดีที่สุดคือการวางแผนและเตรียมพร้อมอยู่เสมอสำหรับอนาคต และทุกคนมีความหวังดีกันทั้งนั้น เช่น อยากให้ลูกและครอบครัวทุ่ม การเรียนมากเกินไปจนไม่ได้คิดถึงว่าอนาคตนั้นจะมีอะไรที่เป็นหลักประกันว่าครอบครัวของเราจะมั่นคง ฉะนั้นแล้วการวางแผนเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ค่ะ # วิธีเลี้ยงลูกน้อยแบบประหยัด
แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่หลายๆคนต้องการคำแนะนำที่อยากจะประหยัดเมื่อมีเด็กน้อยซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควรแต่อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะจริงๆแล้วเรามีวิธีที่สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากเลยทีเดียว เพราะว่าเราเอง ก็มีค่าใช้จ่ายมากในครอบครัวในบ้าน มันก็หนักพอสมควร ดังนั้น ให้เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง ที่เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้เมื่อมีลูก ดังต่อไปนี้ค่ะ
1.อย่าเพิ่งเตรียมของล่วงหน้า
การเตรียมของล่วงหน้า เป็นจำนวนมากเป็น เรื่องที่เราจะต้องคิดอีกทีนะคะเพราะว่าตอนที่เรามีลูกเป็นครั้งแรกทำให้เราตื่นเต้นและซื้อของให้ลูกตัวเองตั้งแต่ยังไม่คลอดลูก ถ้าหากว่าเราไม่มี ประสบการณ์ เคยเลี้ยงลูกมาก่อน เราอาจจะเตรียมของจำนวนมากเยอะแยะมากมายรอลูกเอาไว้ แต่ที่จริงแล้วเป็นการสิ้นเปลืองมากเพราะว่าเรายังไม่รู้เลยว่าของแต่ละชิ้นนั้นมีความจำเป็นขนาดไหน ดังนั้น ดีที่สุดก็คือควรจะกันเงินเอาไว้รอลูก คลอดออกมาก่อนจะดีกว่า เราอาจเตรียมตัวเล็กน้อยเท่านั้นตอนลูกคลอดออกมาไม่เตรียมมากจนเกินไป ก็จะช่วยได้มากเลยทีเดียวค่ะ
2.รับของที่ส่งต่อกันมา
ของที่ส่งต่อกันมาอาจจะเป็นของเพื่อนๆหรือลูกของญาติๆและหลายๆคนที่พวกเขาโตแล้ว และใส่ไม่ได้จะเป็นพวกมือสองหรือมือสาม ถ้าสภาพดีและยังใช้การได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเราก็สามารถนำของที่ส่งต่อกันมานั้นมาใช้ โดยไม่จำเป็นจะต้องซื้อสิ่งของโดยไม่จำเป็น ที่ทำให้สิ้นเปลือง ดังนั้น ดีที่สุดเราควรรับของจากคนอื่นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ารำบากใจหรือน่าอายอะไร เพราะว่าถ้าเป็นเราเราก็อยากจะให้คนอื่นแล้วเราก็ไม่อยากทำให้ใครรู้สึกอายจริงๆเราอยากจะให้ของกับคนอื่นเพื่อเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่กำลังจะมีลูกด้วย เป็นเรื่องที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจริงๆ ค่ะ
3.หาสินค้าราคาถูกจากอินเตอร์เน็ต
แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนอยากจะเตรียมขอให้เด็กๆและอยากจะซื้อ เราก็อาจจะหาสินค้าทางอินเตอร์เน็ตที่มีโปรโมชั่นหลายๆอย่าง ก็จะช่วยให้ซื้อสินค้าเหล่านี้มีประหยัดมากขึ้นกว่าเดิมมีส่วนลดต่างๆด้วย การหาซื้อในอินเตอร์เน็ตบางทีก็ถูกกว่าไปซื้อตามร้านห้างสรรพสินค้าทั่วไปด้วยค่ะ ดังนั้นมีหลายช่องทางที่เรา สามารถหา ของถูกและมีคุณภาพ และจำเป็นจะต้องใช้
4.ให้นมแม่นาน ๆ
ทางการแพทย์แนะนำว่าในระยะ 6 เดือนแรกคุณแม่ควรให้นมลูกอย่างเดียวเพราะว่า นมแม่นั้นสำคัญมากที่สุดสำหรับเด็กทารกแรกเกิด เพราะว่านมคุณแม่นั้นมีสารอาหาร และคุณภาพทางโภชนาการครบถ้วนนั่นเองค่ะ จึงจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และถ้าหลังจาก 6 เดือนแล้วเห็นว่าลูก ทานนมผง ได้แล้วก็สามารถให้ลูกทานได้แต่ถ้าคุณแม่อยากให้ประหยัดค่าใช้จ่ายนะคะ ข้อสามารถที่จะให้นมลูกได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ดีมากที่เราให้นมลูกน้อยนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพราะนมลูกมีประโยชน์มากกว่านมผง หลายเท่า มีภูมิต้านทานที่ดีมากและทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงด้วยค่ะ
สรุป ต้องเตรียมพร้อมเมื่อมีบุตร
เมื่อเราพร้อมที่จะมีลูกเราก็ต้องพร้อมที่จะมีเงิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องเตรียมให้พร้อมเรื่องนี้ ไม่เพียงแค่นี้เราจะต้องรู้วิธีประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปก็จะช่วยให้เรารู้วิธี ประหยัดค่าใช้จ่าย ได้มากขึ้นในครอบครัว ที่สำคัญที่สุดควรที่จะคิดอย่างรอบคอบในเรื่องค่าใช้จ่ายและการดูแลลูกให้โตมาสมบูรณ์แข็งแรงนั่นเองค่ะ
Akkanee
ตอนนี้ท้องได้ 6 เดือนแล้วค่ะ ตอนท้องว่ามีค่าใช้จ่ายเยอะแล้ว พอคิดถึงตอนลูกคลอดก็คงมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้แน่ๆ กังวลอยู่ว่าเงินที่เตรียมจะพอไหม นี่ถ้าได้มาอ่านเรื่องนี้ก่อนคงดีคงเตรียมวางแผนพร้อมกว่านี้นะเสียดายอ่านช้าไปนิด แต่ก็ยังดีกว่าลุกจะคลอดอีก 3 เดือนน่าจะพอปรับแผนทันค่ะ เดี๋ยวลองปรึกษาสามีก่อนแล้วเอาเรื่องนี้ให้สามีอ่านด้วยค่ะ
Toy
โอ้โหการมีลูกเนี่ยต้องเตรียมค่าใช้จ่ายมากเลยนะคะ ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าการมีลูกจำเป็นต้องเตรียมตัวมากมายขนาดนี้ บทความนี้ดีมากเลยค่ะช่วยให้คนที่ตั้งใจจะมีลูก ต้องเตรียมตัวสำหรับอนาคตในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่จะตามมา และการวางแผนหลายทางเพื่อจะช่วยให้พัฒนาการของเด็กได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้น คนที่เป็นพ่อแม่ที่อยากมีลูกควรอ่านเลยค่ะ
นาวา
ใครที่กำลังเตรียมตัวจะมีลูกต้องดูบทความนี้เลยครับ การที่เราจะดูแลชีวิตชีวิตหนึ่งจำเป็นต้องเตรียมตัวหลายอย่างทีเดียวสำหรับทั้งค่าใช้จ่าย ทำการอบรมสั่งสอนและสิ่งที่จะอำนวยความสะดวกให้กับข้าวในการเติบโตเป็นอย่างดีด้วย คนที่เป็นพ่อแม่มือใหม่ก็คงจะหาความรู้จากอินเทอร์เน็ต แต่บทความนี้จะบอกทั้งหมดเลยเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นที่จะต้องเตรียมสำหรับลูกน้อยครับ
ปรีดิท
ต้องวางแผนตั้งแต่ก่อนแต่งงานเลยมั้ยครับเนี่ยถ้าจะมีลูก วางแผนเก็บเงินไว้ก่อน เก็บพร้อมกับค่างานแต่งงานไปเลยน่ะครับ ผมอ่านแล้วคิดถึงพ่อกับแม่กว่าจะเลี้ยงผมโตมาได้หมดเงินไปเยอะเหมือนกัน ไม่ใช่แค่เงินแต่ต้องใช้เวลา กำลังแรงกายอีกต่างหาก คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องเข้มแข็งและแข็งแกร่งยิ่งกว่าซูเปอร์ฮีโร่อีกนะครับ
นุชนาฏ
อ่านเรื่องนี้ใช่เลยคะ พ่อแม่มือใหม่ๆหลายคน ตื่นเต้นเวลามีลูกคนแรก เวลาใกล้คลอด มักไปซื้อของมาเตรียมเยอะมากเลยคะ ทั้งที่ไม่ต้องมีมากมายขนาดนั้นก็ได้ อย่างที่เรื่องนี้บอกเลยคะ เก็บเงินไว้ดีกว่าคะ ซื้อเฉพาะที่จำเป็นคะ เช่น ที่นอนของน้อง หรือ ผ้าอ้อม แค่นั้นเราก็ว่านะจะพอแล้ว ส่วนเรื่องของบำรุงค่อยๆซื้อคะ
เต่าทองตัวน้อย
คนที่อยากมีลูกต้อง พยายามเก็บเงินให้เป็นระบบ อย่างน้อยๆต้องมีเงินหลักแสนขึ้นไป ย้ำนะคะว่า ก่อนมีลูก!!! ไม่ใช่มีลูกแล้วค่อยมาคิด อีกอย่างหนึ่งควรซื้อประกันชีวิตติดตัวไว้ด้วยค่ะ การทำประกันชีวิตจะช่วยให้เราสามารถที่จะออมเงินได้ยาว ซึ่งถือเป็นการประกันหลักทรัพย์ของเราได้ และถ้าเป็นไปได้ให้ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกค่ะมีแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น
ลูกยอ
เราว่าถ้าจะมีลูกจริงๆนี่เราต้องจัดหาเวลาให้ลูกนะค่าใช้จ่ายอย่างอื่นแล้วว่าเป็นสิ่งจำเป็นแต่ว่าค่าพี่เลี้ยงเด็กเนี่ยมันก็จำเป็นแต่ลูกเราเราควรจะให้เวลาสิ เพราะว่าตอนที่ลูกเด็กๆเป็นช่วงที่เขาสามารถเรียนรู้ได้เยอะที่สุด ถ้าจะหาพี่เลี้ยงเด็กจริงๆก็ต้องหาคนที่ไว้ใจได้ไม่รังแกลูกของเรา เพราะถ้าพี่เลี้ยงเด็กนิสัยไม่ดีลูกเราก็จะได้รับอิทธิพลที่ไม่ดีตามไปด้วย จริงนะ
วรดร
เห็นเงินที่ต้องเก็บเอาไว้ให้ลูกๆตอนเรียน ถ้าเอามาเทียบเป็นเดือนอาจจะทำให้เห็นว่าน้อยกว่าเอามารวมแบบนี้นะ ถ้าเราดูเรื่องค่าเรียน อนุบาล-ปฐม ใช้เวลาทั้งหมด 9-10 ปี ถ้าเราตีออกมาแบบนี้ก็จะเห็นแต่ละปี ก็ตกที่ปีละสองหมื่นกว่าบาทเอง แล้วถ้าเอามาคิดเป็นรายเดือน ก็ตกเดือนละไม่ถึงสองพันบาท ทำแบบนี้แล้วไม่ได้มากอย่างที่เราคิดใช่ไหม
วายุ
การมีลูกก็ต้องคิดถึงเกี่ยวกับค่าอาหารของลูกด้วยนะครับว่าเดือนนึงต้องจ่ายไปเท่าไหร่ ไม่ใช่คิดถึงแต่เรื่องอาหารอย่างเดียวก็ต้องคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องว่าอาหารแบบไหนที่มีโภชนาการ เหมาะสมต่อสภาพวัยของเด็กด้วย เพราะว่าเด็กๆเป็นวัยที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาทางด้านร่างกายและสมองเยอะ ต้องเลือกอาหารที่เหมาะสมกับอายุและวัยของเขาครับ
อินดี้
@ลูกยอ บทความนี้ก็แนะนำดี แล้วผมก็เห็นด้วยกับคุณนะที่บอกว่ามีลูกเราก็ต้องให้เวลากับลูก ถ้าไม่จำเป็นจริงๆไม่ต้องมีพี่เลี้ยงก็ได้นะครับ เราเลี้ยงลูกเองดีที่สุด แต่ถ้าใครอยากจะหาพี่เลี้ยงก็ลองมองหาญาติมาเลี้ยงให้ก็จะดีกว่า ถ้าสมมุติว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานทั้งสองคน เพราะเดี๋ยวนี้พี่เลี้ยงเด็กก็ไว้วางใจไม่ได้นะครับ
กฤษณา
อ่านบทความนี้แล้ว สำนวนค่อนข้างที่จะแปลกๆเลยนะคะ ไม่ค่อนคุณกับการเขียนบทแบบนี้เลยคะ ส่วนเรื่องการคลอดบุตร ถ้าเราเข้าโรงพยาบาลของรัฐบาลไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายที่มากขนาดนั้นเลยนะคะ ที่จริงถ้าจะให้ถูกต้องแล้วก็ช่วยเหลือเรื่องการวางแผนน่าจะศึกษาข้อม฿ลเกี่ยวกับโรงพยาบาลแบบนี้ด้วยนะคะ เพื่อคนที่ตั้งครรณจะได้วางแผนได้เลย
Saranya
@Toy มันก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะค่ะ จะต้องเลี้ยงเด็ก 1 คนเลยนะคะ ชีวิตชีวิตหนึ่งเลยนะ ต้องมีค่าใช้จ่ายมากอยู่แล้ว ฉันเป็นแม่ลูก 2 ค่ะ บอกเลยว่าช่วงที่มีค่าใช้จ่ายเยอะที่สุดก็น่าจะเป็นช่วงที่ลูกๆเริ่มเข้าโรงเรียน กว่าจะเรียนจบบอกเลยว่าเสียเงินไปเยอะ พอดีว่าดิฉันให้ลูกเรียนโรงเรียนเอกชนด้วยมีค่าเทอมก็แพงพอสมควร แต่ก็เพื่อความมีคุณภาพของเขาแม่อย่างเราก็ยอมค่ะ