เคยเป็นเหมือนกันไหม! ตั้งแต่เล็กจนโต มีแต่คนบอกให้ทำ ‘บันทึกรายรับ-รายจ่าย’ แต่เราก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว  ดูเหมือนน่าเบื่อบ้างล่ะ หรือมันไม่สำคัญกับเราหรอก เพราะเงินที่อยู่ในมือเรานั้นก็ใช้จ่ายในเรื่องเดิม ๆ ไปเรื่อย ๆ ยังเห็นเงินในกระเป๋าสตางค์อยู่ และสมุดบัญชีก็โชว์ว่ามีเงินเหลือเท่าไหร่อยู่แล้ว การทำ บันทึกรายรับรายจ่าย จึงอาจจะเป็นการเสียเวลาไปกับสิ่งที่ดูไม่จำเป็น!!

แต่ความเป็นจริงในตอนนี้ หนึ่งในสิ่งที่เป็นปัญหาหลักของ มนุษย์เงินเดือน ก็คือ การไม่รู้ว่าแต่ละเดือนของตัวเองเหลือเงินเท่าไหร่ ไม่รู้รายจ่ายของตัวเองที่ชัดเจน ทำให้ต้องรับมือกับปัญหาเดิมๆ เช่น รายจ่ายประจำ รายจ่ายไม่จำเป็น ไม่มีเงินเก็บสักที  ใกล้สิ้นเดือนทีไรก็รู้สึกเหมือนว่าจะสิ้นใจ  คิดไม่ออกว่าเงินหายไปไหนหมด ดังนั้น จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถรู้ทุกความเคลื่อนไหวทางการเงินของเราว่าหลักๆ มันไปอยู่ที่ไหน ใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง และจะออมเพิ่มเพื่ออนาคตได้อย่างไร ด้วยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย ซึ่งพอทำอย่างสม่ำเสมอในทุกเดือนแล้ว เราก็จะพบกับชีวิตที่เปลี่ยนไป ช่วยเราเก็บเงินได้เพิ่มมากขึ้น วันนี้เลยอยากมาแชร์ 5 เหตุผลดีๆที่เราควรสนใจการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ไปดูกันเลย

คิดรอบคอบขึ้นได้ในแต่ละเดือน

คิดรอบคอบขึ้นได้ในแต่ละเดือน

จะดีแค่ไหนถ้าเราสามารถรู้รายรับ – รายจ่ายประจำได้ในทุกๆเดือน เพื่อการเป็นเศรษฐีจะไม่ไกลเกินเอื้อม  เพราะ ‘เงิน’ เป็นปัจจัยสำคัญในการเป็นเศรษฐี และ ‘การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย’ ก็เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราลงมือจัดการกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้อย่างจริงจัง ทราบว่าตอนนี้ รายรับมากกว่า หรือ น้อยกว่ารายจ่ายที่มี หากเรามีรายรับมากกว่ารายจ่าย เรียกว่า สภาพคล่องเป็นบวก มี Survival ratio มากกว่า 1 แสดงว่ามีโอกาสในการก่อหนี้สินต่ำ แต่เมื่อไรที่รายจ่ายมากกว่ารายรับ จะถือว่า สภาพคล่องเป็นลบ มี Survival ratio น้อยกกว่า 1 แสดงว่ามีโอกาสในการก่อหนี้สูงเอาได้ จึงตามมาด้วยปัญหา ‘ชักหน้าไม่ถึงหลัง’ หรือ จุดเริ่มต้นของการเกิดหนี้สินนั่นแหละ

ดังนั้น เพื่อทราบว่าค่าใช้จ่ายมาจากส่วนไหนมากที่สุด เราต้องเช็ครายจ่ายประจำในทุกเดือน เช่น ค่ากินอยู่ ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำมัน ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายหลักๆ ของมนุษย์เงินเดือนที่หนีไม่พ้น ข้อดีของการรู้ค่าใช้จ่ายประจำก็คือทำให้เราสามารถวางแผนในการ ‘ลด’ ค่าใช้จ่ายที่อาจไม่จำเป็นได้ ทำให้คิดรอบคอบขึ้นได้ในแต่ละเดือน หมดปัญหาใช้เงินเกินตัว หรือใช้ไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีกรอบ เช่น ค่าฟิตเนสรายเดือน 3,000 บาท แต่เล่นไม่คุ้ม  กินกาแฟทุกวัน (รวมเสาร์-อาทิตย์) วันละ 2 แก้ว หรือค่าสันทนาการบ่อยครั้งโดยไม่มีโอกาสพิเศษ เป็นต้น

ไม่สับสนพฤติกรรมการเงิน

ไม่สับสนพฤติกรรมการเงิน

ที่มาที่ไปของเงินเป็นเรื่องสำคัญ หากเราต้องการรู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะ ‘การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย’ คือ แหล่งข้อมูลที่ดีที่จะบอกเล่าถึงกิจกรรมต่างๆที่เราทำ พฤติกรรมที่เราเป็น และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆได้เมื่อรู้นิสัยทางการเงินของตัวเอง ปัญหานึงของมนุษย์เงินเดือน ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอจ่ายเงินซื้ออะไรไป อาจเป็นจำนวนที่เยอะจนอึ้งด้วย แต่ถ้าเราได้ทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย แล้วล่ะก็จะรู้ได้เลยทันทีว่าเงินหายไปไหนแค่เปิดดูข้อมูลที่มีก็จบเลย นอกจากปัญหาเรื่องเงินหายไปไหนแล้ว การไม่รู้ว่าเงินเพิ่มมาจากไหนก็เป็นปัญหาได้ เช่น จ็อบนอก หรืองานพิเศษ หากเรามีรายรับเข้ามา แล้วเผลอใช้ไปจนหมดโดยไม่รู้ตัวหรืออาจจะรู้ตัวอีกทีก็หมดไปแล้วไป การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ก็จะช่วยให้เราสามารถสร้างนิสัยการใช้เงินที่ดีได้นั่นเอง

และนอกจากนั้น การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ยังช่วยให้เราเห็นประวัติการใช้เงินย้อนหลังไปได้ตั้งแต่เราเริ่มบันทึก เมื่อต้องการย้อนกลับไปดูว่าเรามีนิสัยการใช้เงินอย่างไร ก็จะทำให้เราสามารถวางเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินได้ดียิ่งขึ้น ควบคุมการใช้เงินของเราได้ดีขึ้น  และสามารถสร้างแนวทางการไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างรัดกุมมากขึ้นอีก การทำบันทึรายรับ-รายจ่าย อย่างมีประสิทธิภาพทำให้เรารู้จักการใช้จ่ายของตัวเอง รู้ว่าเงินรั่วไหลไปกับจุดไหน และหาทางลดรายจ่ายได้สำเร็จ กระตุ้นการออมเงินได้เป็นอย่างดี ยิ่งฝึกเร็วเท่าไหร่ ก็จะสร้างนิสัยที่ดีในการใช้จ่ายและไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้เร็วที่สุด

ตั้งงบการใช้จ่ายและจัดการกับรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

ตั้งงบการใช้จ่ายและจัดการกับรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

เมื่อเราสามารถตั้งงบการใช้จ่ายและเลือกวิธีจัดการได้ โดยการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย แล้วเอามาสรุปในช่วงสิ้นเดือนจะทำให้เรารู้วินัยทางการเงินของตัวเองว่าเดือนนี้เราผิดพลาดที่ตรงไหน ทำไมเงินถึงเหลือเก็บน้อยกว่าที่คิดหรือไม่เหลือเก็บเลย เป็นการเตือนสติตัวเองได้ดีว่าเดือนหน้าอย่าหน้ามืดแบบนี้อีก และรู้จักตั้งงบการใช้จ่าย แยกออกว่าอะไรที่อยากได้ และจำเป็น ช่วยให้มีเหตุผลในการตัดสินใจมากขึ้น คล้าย ๆ เครื่องมือที่ช่วยทำให้เรารู้จัก Need กับ Want ในตัวเรา แล้วแยกออกจากกันได้ง่ายขึ้น

และการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย เอาจริงๆก็คือ การกำหนดงบประมาณในการใช้จ่ายในแต่ละหมวด เช่น ค่ากิน-ค่ากาแฟ ห้ามเกินวันละ 300 บาทต่อวัน หรือ 9,000 บาทต่อเดือน, ค่าช็อปปิ้งและซื้อของต่างๆ เดือนละ 1,000 บาท ถ้าเดือนไหนใช้งบเกิน เดือนถัดมาก็ต้องรู้จักใช้ให้น้อยลง ซึ่งการตั้งงบการใช้จ่ายแบบนี้ จะช่วยให้เห็นไลฟ์สไตล์ของเรา และจัดการกับสิ่งไม่จำเป็น เหมือนๆ กับการจดบันทึกกิจกรรมชีวิตของเราไปด้วย ว่าหมดไปกับอะไร  ที่ไหน เมื่อไร และราคาสูงเกินไปไหม เพราะมุมมองแบบนี้ จะช่วยเราในการกำหนดวิธีเก็บเงิน วิธีการลงทุน เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อในอนาคตด้วย

เพิ่มเงินเก็บและช่วยรักษาวินัยทางการเงิน

เพิ่มเงินเก็บและช่วยรักษาวินัยทางการเงิน

การมีวินัยทางการเงิน จะช่วยเพิ่มเงินเก็บได้แน่ๆ ถ้าเราต้องการตัวช่วยในการสร้างนิสัยทางการเงินที่ดี การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย นี่ล่ะ จะเป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่จะช่วยให้กำหนดเป้าหมายในชีวิตได้ชัดเจนและช่วยรักษาวินัยทางการเงินที่ดีให้กับเรา เมื่อมีการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย และมีการสรุปทุกเดือนจะทำให้เรามีวินัยในการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น และยังทำให้เรามีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าไม่ได้ทำให้เรามีเงินเก็บเพิ่มขึ้นในทันทีเพราะมีหนี้คงค้างอยู่ ก็ทำให้เราสามารถบริหารหนี้ได้ และสามารถรู้ได้ว่าจะเคลียร์หนี้หมดได้ช่วงไหน แล้วเปลี่ยนจากเงินที่จ่ายหนี้ มาเป็นเงินเก็บได้ช่วงไหนด้วย

และโดยการทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายนี้ ยังมีข้อดีตรงที่เราสามารถเก็บข้อมูลได้ว่า เราใช้เงินในส่วนไหนไปบ้าง อาจจะไม่ได้มีประโยชน์ในช่วงสั้นๆ แต่ในระยะยาวจะมีประโยชน์อย่างมาก เช่น ถ้าเดือนที่แล้วรู้ว่าเราใช้เงินอะไรไปบ้าง ถ้าเป็นรายจ่ายประจำจะช่วยให้เราสามารถกันเงินไว้ได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในทุกเดือน นอกจากนี้ ยังทำให้เราสำรวจได้ด้วยว่ามีรายจ่ายใดที่สิ้นเปลือง และสามารถตัดรายจ่ายส่วนนั้นทิ้งไปแล้วจะมีเงินเก็บที่เพิ่มมากขึ้นไปอีก

วางแผนอนาคตทางการเงินได้ดี

วางแผนอนาคตทางการเงินได้ดี

ถ้าเราอยากวางแผนอนาคตทางการเงินได้โดยไม่พลาด การทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย  จะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับการใช้จ่ายและความสามารถในการหาเงินซึ่งทำให้สามารถจัดการด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้สามารถนำเงินเหลือใช้มารวมกันได้มากขึ้น เมื่อเรามีเงินมากขึ้นเราก็สามารถนำเงินไปต่อยอดสร้างเงินเพิ่มได้อีก เช่น การลงทุน การซื้อพันธบัตรจากสถาบันการเงินหรือธนาคารต่างๆ การซื้อกองทุนต่างๆ หรือแม้กระทั่งการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น หรือการเพิ่มรายได้เสริมให้กับตัวเอง ด้วยการนำเงินที่เหลือเก็บในแต่ละเดือนมาลงทุนทำงานอดิเรก เช่น ซ่อมเครื่องมือเครื่องใช้ การทำเบเกอรี่ เย็บปักถักร้อย แถมยังเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์อีกด้วย

ถ้าจะอ้าจอิงถึงการสามารถรู้อนาคตล่วงหน้า เห็นอนาคตล่วงหน้าว่าเดือนนี้มีเงินเหลือเท่าไหร่ ก็ช่วยวางแผนการใช้ชีวิตไม่ให้วู่วามกับรายจ่ายไม่จำเป็นได้มากขึ้นด้วย เพราะเราจะรู้ลิมิตของตัวเอง ถ้าเปรียบกับการกิน ถ้าอยากหุ่นดีก็ต้องมีวินัยในการออกกำลังกาย เหมือนกัน ถ้าเราอยากมีเงินใช้อย่างสบายไปตลอด ก็ต้องมีวินัยในการออมและบริหารเงินเช่นกัน เมื่อเราทำบัญชีรายรับรายจ่าย ก็จะช่วยให้รู้สถานะการเงินที่เป็นอยู่ และบริหารเงินให้งอกเงยอย่างดีและเหมาะสมที่สุดอย่างสม่ำเสมอได้ แต่หากใครยังรู้สึกว่ายังเป็นเรื่องน่าเบื่อและไม่น่าทำเหมือนเดิม ก็ให้ลองทำสัก 1-2 เดือนก่อน พอเราเห็นภาพของตัวเองมากขึ้น ถ้าไลฟ์สไตล์ในชีวิตไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็สามารถหยุดทำและใช้ข้อมูลบัญชีรับจ่ายเดิมในการวางแผนการเงินได้ แต่ก็ต้องคอยหมั่นอัพเดททุก ๆ ปีด้วย

เริ่มต้นทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายในวันนี้ รวยก่อนไม่รอแล้วนะ!

เริ่มต้นทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายในวันนี้ รวยก่อนไม่รอแล้วนะ!

จะเห็นได้ว่าการทำบันทึกรายรับ-รายจ่าย ทุกเดือน หมายถึง การเขียนข้อความ เพื่อการเรียบเรียงความคิด  เพื่อเตือนความเข้าใจ จึงเป็นขั้นตอนที่ถูกต้องและมีประโยชน์อย่างมาก ทำให้เราไม่มีความคิดที่สับสน หรือคลาดเคลื่อน นับว่าคืออีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยให้เราเก็บเงินได้มากขึ้น ถ้าใครที่กำลังมองหาวิธีการเก็บเงินให้งอกเงย ไม่ติดลบอยู่บ่อยๆทุกเดือน ก็ต้องเริ่มต้นจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย ทุกวันนี่ล่ะ!  ด้วยการใช้จ่ายในแต่ละวันนั้นมากมายซะเหลือเกิน เราไม่มีทางที่จะจำได้ทั้งหมด เผลอๆ ถ้ารายจ่ายมากกว่ารายรับในทุก ๆ เดือนเข้า ก็ยิ่งเป็นสัญญาณว่าจะส่งผลไม่ดีต่อคุณภาพชีวิตของตัวเองเอาได้ จึงไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญอีกต่อไป ทางตรงกันข้าม การจดบันทึกนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำเป็นอันดับเริ่มแรก สำหรับเด็กที่ยังไม่รู้หนังสือ อ่านเขียนไม่ค่อยได้ แรกๆอาจจะค่อยๆสอนให้เด็กๆรู้ค่าของการใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น แต่พอเด็กโตขึ้นพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ควรสอนให้เด็กรู้จักการจดบันทึกและปลูกฝังให้เขารักการออม ดังนั้น สำหรับรูปแบบของบันทึกรายรับ-รายจ่ายนั้นก็เริ่มได้ไม่ยากเช่นกัน ก็ไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว จะจดในสมุดตามความเข้าใจของตัวเอง หรือจะบันทึกด้วยโปรแกรม หรือ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ก็สะดวกขึ้น เป็นเหมือน กระจกสะท้อนพฤติกรรมที่ช่วยให้ตระหนักถึงความจำเป็นก่อนใช้จ่าย หรือซื้อของทุกครั้ง ทำให้มีระเบียบวินัยในการใช้จ่ายมากขึ้น และควบคุมการใช้จ่ายของตัวเองได้

ยิ่งสำรับคนที่รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย หรือไม่เหลือเงินออมเลยนั้น บันทึกรายรับ-รายจ่ายจะช่วยบอกว่า ค่าใช้จ่ายประเภทไหนปรับลดได้บ้าง ข้อดีหลักๆเลย จึงเป็นการสร้างวินัยทางการเงิน และการสร้างนิสัยการใช้เงินที่ดีให้แก่เรา ทำให้เรามีเงินเหลือเก็บและสามารถนำไปลงทุนให้งอกเงยได้ แม้ว่าในช่วงแรกของการทำบันทึกรายรับรายจ่าย หลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อ หรือลืมทำไปบ้าง แต่ถ้ามีความตั้งใจและสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เราก็จะเห็นถึงประโยชน์ของ การทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายในที่สุด ช่วยให้มีเงินมาเก็บออมได้มากขึ้น เมื่อรู้ข้อดีทั้ง 5 ข้อของการทำบัญชีรายรับรายจ่ายแล้ว เราก็มาทำบัญชีรายรับรายจ่ายกันดีกว่า ออมก่อน รวยก่อน! หวังว่า การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคนเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับกลับมา คุณล่ะพร้อมเริ่มลงมือบันทึกตั้งแต่วันนี้แล้วหรือยัง!