กว่าจะหางานใหม่ได้แต่ละครั้งก็เป็นเรื่องยากแล้ว  เมื่อได้งานแล้วก็อยากจะทำงานนั้นให้นานที่สุด และดีที่สุด เพราะสมัยนี้งานดีๆ และรายได้มั่นคงหายาก เชื่อว่าถ้าไม่จำเป็น คงไม่มีใครอยากเปลี่ยนงานบ่อยๆหรอกใช่มั้ยคะ? เพราะสมัยนี้คนตกงานก็เยอะ หลายๆบริษัทเจอกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจำเป็นต้องลดพนักงานลง การคิดจะเปลี่ยนงานใหม่ก็มีเรื่องให้กังวลอีกเยอะ ไหนจะเป็นนายจ้างคนใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ ลักษณะของงานก็อาจจะใหม่ด้วย ทำให้เราจำเป็นต้องเจอความท้าทายในการปรับตัวในหลายด้าน เราต้องสร้างความคุ้นเคย และสร้างความสัมพันธ์กับทุกคนเพื่อจะทำงานนั้นได้อย่างมีความสุข ทั้งๆที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆหลายอย่างก็ตาม แต่ก็ยังมีหลายคนที่ตัดสินใจเปลี่ยนงานบ่อยๆ แน่นอนว่า แต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตัวเองในการเปลี่ยนงาน

ส่วนใหญ่แล้วเหตุผลหลักๆในการเปลี่ยนงาน เพราะที่ทำงานใหม่ให้เงินเดือนมากกว่าเดิม แน่นอนใครๆก็อยากได้เงินเดือนเยอะๆ เพราะค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนบางคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ชอบความท้าทายอาจจะรู้สึกว่า งานที่ทำมันจำเจ ซ้ำซาก ไม่ได้ใช้ความสามารถในการทำงานอย่างเต็มที่เริ่มรู้สึกเบื่อไม่สนุกและไม่ท้าทาย พอมีงานใหม่ที่ได้ท้าทายความสามารถก็อยากจะเปลี่ยน อยากพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้มากขึ้นตอนที่ร่างกายพร้อมและสมองพร้อม  หรือบางกรณีความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและเพื่อนร่วมงานไม่ค่อยจะราบรื่น เห็นหน้ากันทุกวัน คุยกันก็ไม่เข้าใจ คงจะทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ งานอาจจะไม่เดินด้วย ถึงแม้พยายามปรับความเข้าใจแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จดังนั้นถ้าฝืนอยู่ต่อไปคงจะไม่มีความสุขแน่นอน และบางครั้งสภาพการณ์ในชีวิตเปลี่ยนไป งานที่เคยทำอาจจะไม่เหมาะกับเรา หรือนายจ้างอาจจะไม่จ้างเราอีกต่อไป เช่นอายุที่มากขึ้น สุขภาพเราแย่ลง หรือเรามีภาระมากขึ้นงานเดิมอาจจะไม่สะดวก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามเมื่อเปลี่ยนงานแล้วก็ต้องให้ได้งานที่ดีกว่าเดิม ดังนั้นในบทความนี้จะมาเล่าสู่กันฟังถึงเหตุผลที่น่าสนใจในการเปลี่ยนงานของแต่ละคนให้เพื่อนๆได้อ่านกันค่ะ

งานใหม่รายได้มากกว่าเดิม

งานใหม่รายได้มากกว่าเดิม

ไม่มีใครปฎิเสธว่าต้องการเงินเดือนเพิ่ม เพราะสมัยนี้ข้าวของทุกอย่างราคาแพงขึ้นทุกปี แต่รายได้ยังเท่าเดิม มันเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสจริงๆที่จะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เราเข้าใจได้ว่า งานมันหายาก แต่ถ้างานที่ทำมานาน เงินเดือนไม่ขึ้น หรือขึ้นน้อยมาก อาจจะทำให้รู้สึกว่า ไปไม่รอด รู้สึกว่าเสียเวลา อาจจะทำให้บางคนเริ่มมองหางานใหม่ๆ เพราะหลายคนพบว่า เมื่อมีการเปลี่ยนงานใหม่มักจะมีอะไรดีๆเข้ามาเสมอ

นักวิจัยบางคนแนะนำว่า ระยะเวลาในการเปลี่ยนงานที่เหมาะสมที่สุด คือ 3 ปี เพราะในช่วงเวลา 3 ปีนั้นเป็นเวลามากพอที่เราได้เรียนรู้ สะสมประสบการณ์ และได้ ฝึกทักษะเกี่ยว  กับอาชีพนั้นและมีความชำนาญพอสมควร เมื่อความสามารถของเรามีมากขึ้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลงานเป็นที่น่าพอใจ และรายได้ก็เพิ่มขึ้นด้วยก็อาจจะทำงานนั้นต่อไป แต่ถ้าเงินเดือนยังเท่าเดิม แต่ความสามารถเรามีมากขึ้น ช่วงเวลานี้แหล่ะที่เราควรจะคิดถึง

การเปลี่ยนงานใหม่ที่จะสร้างโอกาสที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้ตำแหน่งใหม่ที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ชีวิตการงานของเราก้าวหน้ามากกว่าเดิม แต่แน่นอนว่างานใหม่ที่เราจะทำ อย่างแรกเลย ต้องได้เงินเดือนมากกว่าเดิม เพราะเรามีประสบการณ์ ทักษะ ความสามารถในการทำงานมาก่อนแล้ว เมื่อไปทำงานใหม่เราสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้น รู้ระบบ ระเบียบ และเข้าใจรูปแบบ รวมถึง ลักษณะของการทำงานมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปฝึกงานเหมือนเด็กที่พึ่งจบมาใหม่ๆ ความได้เปรียบตรงนี้ทำให้สามารถขอเงินเดือนเพิ่มจากที่ทำงานใหม่ได้

แต่เราเองก็ต้องมีมั่นใจด้วยว่า เราสามารถทำงานใหม่ได้จริงๆ ช่วงที่เรากำลังวางแผนในการหางานใหม่ เราต้องหาความรู้เกี่ยวกับงานและระบบการทำงานของบริษัทใหม่นั้นด้วย ว่าเขาต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถในด้านไหน เราต้องพัฒนาตัวเองในด้านไหนเพิ่มอีก  ถ้าเราเตรียมพร้อม และมั่นใจว่าเราทำได้ แต่ปัญหาที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเปลี่ยนงาน ถ้าเราคิดแค่เพียงว่าขอให้ได้เงินเดือนมากกว่าเดิมก็พอแล้วสำหรับการเปลี่ยนงานใหม่อาจจะไม่พอ ถึงแม้เขาอาจจะรับเราเข้าทำงาน แต่ถ้าเราทำงานนั้นไม่ได้ตามความต้องการของบริษัท เขาอาจจะไม่จ้างเราให้ทำงานนั้นต่อไปอีกก็ได้  ดังนั้นถ้าการเปลี่ยนงานใหม่แล้วทำให้ได้เงินเดือนมากกว่าที่เดิม และทำให้ความเป็นอยู่ของเราดีขึ้นเราก็มั่นใจได้ว่าเราไม่ได้คิดผิด.

งานใหม่ท้าทายความสามารถ

งานใหม่ท้าทายความสามารถ

สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความท้าทาย และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลาอาจจะเริ่มรู้สึกว่า งานที่ทำอยู่มันไม่ตื่นเต้น ไม่ได้ใช้ความสามารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่ รู้สึกทำงานแบบเดิมทุกวัน ไม่ได้ความรู้ หรือทักษะในด้านอื่นๆเพิ่มขึ้นมาเลย อาจจะเริ่มรู้สึกว่าไม่มีแรงกระตุ้นในการทำงาน และอาจจะถึงกับรู้สึกว่า กำลังจะหมดไฟ ถ้ายังทำงานที่เดิมต่อไป ยิ่งสมัยนี้การทำงานต้องใช้ความรวดเร็ว และเทคโนโลยี  เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ถ้างานที่เราทำยังใช้ระบบเอกสาร หรือระบบเดิมๆ อาจจะทำให้เราไม่มีโอกาศในการพัฒนาตัวเองในด้านนี้ได้เท่าที่ควรบางที่อาจจะถึงกับทำให้ตามคนอื่นไม่ทันก็ได้ ถ้าคุณเป็นคนรุ่นใหม่ ที่รักความก้าวหน้า ชอบความท้าทาย ชอบใช้ความคิดและจินตนาการมีความคิดสร้างสรรค์ ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ อยากก้าวให้ทันกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เหตุผลข้อนี้จึงเหมาะกับคุณที่จะเปลี่ยนงาน ยิ่งงานใหม่เป็นงานที่น่าสนใจ ต้องใช้ทักษะ ความรู้ ความสามารถเป็นพิเศษ และต้องพัฒนาตัวเองทุกวันก็จะยิ่งทำให้รู้สึกตื่นเต้น ทำให้คุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกกระตือรือร้นในการทำงานมากขึ้น และสนุกกับงานได้ทุกวัน .

ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและเพื่อนร่วมงานไม่ราบรื่น

ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและเพื่อนร่วมงานไม่ราบรื่น

ความสุขในการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์ เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับบรรยากาศในที่ทำงานด้วย เพราะการทำงานของเราไม่ได้นั่งทำอยู่แต่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น การทำงานทุกอย่างจำเป็นต้องมีการ ติดต่อสื่อสาร ปรึกษาหารือ และพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราได้ทำงานกับนายจ้างที่มีความกรุณา เห็นอกเห็นใจ เพื่อนร่วมงานมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือ ต่อให้งานจะหนัก จะยุ่ง หรือ มีปัญหาขนาดไหนก็สามารถผ่านไปได้

แต่ตรงกันข้าม ถ้าเราได้ทำงานที่ชอบ และเงินเดือนสูงขนาดไหน ก็ไม่สามารถมีความสุขได้ถ้าต้องอยู่กับนายจ้าง และ เพื่อนร่วมงานที่เห็นแก่ตัว ชอบเอารัดเอาเปรียบ ชอบพูดจาดูถูก ประชดประชัน ประจบประแจง และชอบทำดีเอาหน้า และชอบหาเรื่อง ไม่ให้ความร่วมมือ ถ้าเราต้องทำงานกับคนที่มีนิสัยแบบนี้ทุกวัน เจอหน้ากันทุกวัน เราคงจะไม่สบายใจ รู้สึกอึดอัด ไม่มีความกระตือรือร้นในการทำงานแน่นอนถ้าปล่อยไปนานๆตัวเราจะหมดแรง และไม่มีพลังที่จะทำงานต่อไปได้ ถึงแม้เราจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศและนิสัยของคนเหล่านั้นได้ เราจะทนอยู่ไปทำไม ชีวิตเรายังต้องก้าวต่อไป งานดีๆ เพื่อนดีๆยังรอเราอยู่ แน่นอนถ้าความสัมพันธ์ของเรากับนายจ้างและเพื่อนร่วมงานไม่ราบรื่น งานก็จะไม่ราบรื่นด้วย

สภาพการณ์ในชีวิตเปลี่ยนไป

สภาพการณ์ในชีวิตเปลี่ยนไป

เราทุกคนมีชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอน ทุกช่วงของชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มเรียน เริ่มทำงาน เริ่มมีครอบครัว เริ่มมีอายุมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเราเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง สภาพการณ์ของโลก เศรษฐกิจ การค้า สังคม วัฒนธรรมก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วย เมื่อสภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป มีผลทำให้การทำงาน การจ้างงาน หลายบริษัทเจอกับความกดดันของเศรษฐกิจ รายได้ลดลง บริษัทขาดทุน จำเป็นต้องปลดพนักงานบางคนออก หรือบางบริษัททนกับพิษเศรษฐกิจไม่ไหวถึงกับต้องปิดบริษัทไปเลยก็มี  หรือบางบริษัทอาจจะต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน คุณสมบัติของเราไม่ตรงกับลักษณะของงาน ทำให้เราทำงานนั้นต่อไปไม่ได้

หรือบางครั้ง ครอบครัวของเราอาจจะเกิดปัญหาเจ็บป่วยเรื้อรัง ทำให้เราต้องลางานไปดูแลบ่อยๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ และถ้านายจ้างไม่เข้าใจ เราอาจจะทำงานนั้นต่อไปไม่ได้ หรือว่าตัวเราเองเจ็บป่วย ไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิมทำให้งานในส่วนที่รับผิดชอบไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด เราอาจจะทำงานต่อไม่ได้ หรือบางคนอาจจะย้ายบ้านไปอยู่ไกลจากที่ทำงาน หรือย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนงานใหม่ หรือบางทีอายุที่มากขึ้นก็มีผลต่อการทำงาน เพราะสมัยนี้ระบบการทำงานใช้เทคโนโลยีมากขึ้น คนที่มีอายุมากขึ้นอาจจะตามไม่ทัน ทำให้ทำงานไม่ได้ งานมีปัญหา แก้แล้วแก้อีก นายจ้างอาจจะต้องพิจารณาความสามารถของเราตรงจุดนี้ บางครั้งทำให้เราจะต้องยอมรับกับสภาพที่เปลี่ยนไป.

ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงแต่เราก็มีความพร้อมได้

ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงแต่เราก็มีความพร้อมได้

แต่ละคนย่อมมีเหตุผลของตัวเองในการเปลี่ยนงานใหม่ในแต่ละครั้ง ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ทำงานที่ตนเองชอบ และได้เงินเดือนสูง มีสวัสดิการดีๆ มีโบนัสทุกปี เงินเดือนขึ้นทุกปี บางครั้งงานดี เงินดี ขึ้นอยู่กับ เส้นสาย ความสามารถพิเศษ และจังหวะของชีวิต แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้โชคดีขนาดนั้น บางคนอาจจะได้งานที่ชอบก็จริง แต่ทำเท่าไหร่เงินเดือนก็ไม่ขึ้นซักที ส่วนบางคนเงินเดือนดี แต่บรรยากาศในที่ทำงานไม่เอื้ออำนวยทำให้ไม่มีความสุขและความชื่นชมยินดีในการทำงาน ส่วนคนที่มีครอบครัวก็มักจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นที่ทำให้ทำงานที่เดิมไม่ได้ บางคนทำงานมาหลายปี แต่มีขีดจำกัดทำให้ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีได้ ส่วนคนรุ่นใหม่ ชอบความท้าทาย และชอบหาประสบการณ์ใหม่ให้กับตัวเอง ก็รู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไม่สามารถตอบโจทย์ตามที่ตัวเองต้องการได้ คิดว่าตัวเองสามารถไปได้อีกไกล

เหตุผลเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการเปลี่ยนงานใหม่ของหลายคน บางคนก็เต็มใจ และมีความพร้อมเต็มที่กับการเริ่มต้นงานใหม่ บริษัทใหม่ เพื่อนร่วมงานใหม่ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่จำใจต้องเปลี่ยนงาน เพราะฉนั้น ก่อนที่จะเปลี่ยนงาน และไม่ทำให้ตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน  และตกงานเป็นเวลานานจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจต้องชั่งน้ำหนักให้ดีก่อน ถึงผลดี ผลเสียที่จะตามมา และในขณะเดียวกันเราต้องไม่หยุดในการพัฒนาตัวเอง และเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆเพื่อจะก้าวให้ทัน และพร้อมรับมือกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป.