เศรษฐกิจพอเพียง คำคำนี้คงเป็นที่คุ้นเคยคุ้นหูคุ้นตามากๆสำหรับคนไทยทุกๆคน เพราะเป็นแนวความคิด หรือ ปรัชญาของกษัตริย์รัชกาลที่ 9 ที่คิดขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไทยให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้นเพราะประชาการส่วนใหญ่ของประเทศไทยนั้นล้วนแต่มีฐานะทาง เศรษกิจที่ตกต่ำ คือ มีคนจนมากกว่าคนรวยหลายเท่า ดังนั้น แนวคิด หรือปรัชญาเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียงนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนอย่างมากเมื่อนำมาใช้และทำตามแล้วก็เกิดผลดีมากๆ โดยเฉพาะกับเหล่าเกษตรกรชาวไร่ชาวนาที่ทำงานอย่างหนักแต่ได้รับผลตอบแทนน้อย

การที่พวกเขาเหล่านนี้นำปรัชญานี้ไปใช้ทำให้สามารถเก็บเงินได้มีความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้นได้ผลผลิตทางการเกษตรที่ออกมาก็ขายได้กำไรมากขึ้น เอาเป็นว่าโดยรวมแล้วปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ส่งผลดีต่อชีวิตผู้คนในหลายแง่มุมเลยค่ะ แล้วคุณหล่ะจะได้รับประโยชน์อะไรบ้างเมื่อนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้กับการดำเนินชีวิตในปัจจุบันถึงแม้คุณไม่ใช่เกษตรกรหรือชาวไร่ชาวนา? ตอบสั้นๆให้เลยนะคะว่าคุณจะได้รับประโยชน์แน่นอนโดยเฉพาะในเรื่องของการออมเงินที่เราจะพูดถึงกันค่ะตามหัวเรื่องที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงช่วยให้คุณออมเงินอย่างฉลาดได้ แต่ก่อนอื่นคุณต้องมารู้จักกับคุณสมบัติหลักๆของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ก่อนค่ะ ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อ คือ:

  1. ความพอประมาณ = มีความพอดีในการดำเนินชีวิตทำให้ไม่เดือดร้อนทั้งตัวเองและคนอื่นๆ
  2. ความมีเหตุผล = การตัดสินใจอย่างสมดุล และมองไปถึงผลที่จะตามมาในภายหลังเมื่อตัดสินใจไปแล้ว
  3. ภูมิคุ้มกัน = การเตรียมตัวพร้อมไม่ว่าจะเกิดปัญหา หรือ สถานการณ์ใดใดที่ไม่ดีเกิดขึ้นในอนาคต

นี่ก็คือคุณสมบัติที่คุณต้องรู้เพื่อนำไปปรับใช้ในการออมเงินของคุณ การออมเงินโดยอาศัยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นมีวิธีการดังต่อไปนี้ค่ะ เรียนรู้จากการทำบัญชีครัวเรือน / การออมเงินด้วยแนวคิดความพอเพียง / การใช้จ่ายอย่างฉลาด / การใช้งานสิ่งของอย่างคุ้มค่า เรามาพิจารณาวิธีเหล่านี้ด้วยกันค่ะเพื่อจะนำไปใช้ในการออมเงินของคุณให้ได้ผลดีค่ะ

เรียนรู้จากการทำบัญชีครัวเรือน

เรียนรู้จากการทำบัญชีครัวเรือน

การทำบัญชีครัวเรือนนั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นแค่การทำบัญชีรายรับรายจ่ายของค่าใช้จ่ายเท่านั้น เรามาดูกันในตอนเริ่มต้นที่ กษัตริย์รัชกาลที่ 9 ได้เริ่มต้นการทำบัญชีครัวเรือนนี้ขึ้นมาก็เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจได้มีสถานการณ์ที่ดีขึ้นทางการเงินจึงได้มีการแนะนำการทำบัญชีครัวเรือนขึ้นมา ซึ่งจะมีการทำบัญชีที่ละเอียดมากกว่าการทำบัญชีรายรับรายจ่ายทั่วไป เช่น มีบัญชีทรัพย์สิน มีบัญชีพืชพันธุ์ มีบัญชีพันธุ์ไม้ มีบัญชีความรู้ความคิด มีบัญชีเด็กๆและเยาวชน มีบัญชีภูมิปัญญาต่างๆ คุณจะเห็นว่าเป็นการทำบัญชีที่ละเอียดและครอบคลุมทุกแง่มุมของชีวิตในชุมชนมากกว่า

ดังนั้น สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของคุณได้ เมื่อคุณใช้แนวการทำบัญชีครัวเรือนนี้มาทำบัญชีการดำเนินชีวิตของคุณก็คือ คุณต้องจดทุกอย่างในชีวิตไม่ใช่เพียงแค่รายรับรายจ่ายเท่านั้น แต่สามารถจดความสามารถในการทำงานทำเงินของคุณ การเดินทางไปไหนมาไหนของคุณ  และที่สำคัญคือ รายรับรายจ่ายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะซื้อข้าว ซื้อยา การศึกษา ค่าซ่อมแซมบ้าน และสิ่งของก็ต้องจดบันทึกทั้งหมดเลยนะคะ และจดเป็นประจำวัน ประจำเดือน ประจำปีด้วยนะคะ เพื่อคุณจะได้เห็นภาพรวมของการดำเนินชีวิตของคุณต่อปี ต่อเดือนว่าเป็นอย่างไร เพื่อที่จะนำมาแก้ไขปรับปรุง เพราะการเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตในบางจุดที่ไม่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายโดยตรงก็สามารถทำให้ประหยัดเงินมากขึ้นได้ออมเงินมากขึ้นได้โดยที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้ค่ะ

ขอยกตัวอย่างนะคะ ถ้าทุกวันคุณเดินทางกลับจากการไปทำงานตอนเย็นโดยอาศัยรถเมล์สายหนึ่งที่ต้องมาลงที่ตลาดก่อนที่ถึงบ้านของคุณและทุกๆวันคุณก็ต้องแวะที่ตลาดนั้นเพื่อจะซื้ออาหารหารกินก่อนเข้าบ้านซึ่งอาจจะทำให้คุณจ่ายเงินซื้อของไปมากกว่าความจำเป็นที่ต้องกินต้องใช้อยู่ทุกๆวันเพราะเดินซื้ออาหารกินไปเรื่อยๆ แต่เมื่อคุณเริ่มการจดบันทึกชีวิตประจำวันของคุณทำให้คุณมองออกว่าถ้าคุณเปลี่ยนพฤติกรรมการแวะตลาดทุกวันเป็นซื้อของสดเพื่อมาทำอาหารที่บ้านแทนสำหรับหนึ่งอาทิตย์ก็จะประหยัดเงินมากกว่าคุณอาจจะแวะตลาดนั้นเพียงแค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ส่วนวันอื่นๆก็ไม่ต้องแวะเมื่อรถเมล์มาส่งก็เดินตรงกลับบ้านได้เลยเพราะมีอาหารที่บ้านแล้วเรียบร้อย การทำอย่างนี้ก็ช่วยให้คุณไม่ต้องซื้ออาหารการกินไปเรื่อยและเสียเงินไปมากเกินความจำเป็นค่ะ นี่ก็เป็นแค่ตัวอย่างอย่างหนึ่งเท่านั้นนะคะ ส่วนคุณคนไหนมีการดำเนินชีวิตต่างจากนี้ก็สามารถนำไปเปรียบเทียบและปรับปรุงได้ค่ะด้วยการทำบัญชีตามแบบแนวคิดบัญชีครัวเรื่อนของกษัตริย์รัชกาลที่ 9 ที่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของประชาชนชาวไทยที่ใช้ได้ผลจริงๆค่ะ

การออมเงินด้วยแนวคิดความพอเพียง

การออมเงินด้วยแนวคิดความพอเพียง

การออมเงินนั้นมีหลายแบบหลายแนวความคิดบางคนก็ออมเงินมากเกินไปส่วนบางคนก็ออมเงินน้อยเกินไป แต่การออมเงินแบบพอเพียงก็คือ การออมเงินแบบพอดีกับตัวของคุณเองซึ่งแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปไม่เหมือนกันอย่างแน่นอนเพราะการดำเนินชีวิตการใช้ชีวิตแต่ละวันของคนเราไม่เหมือนกัน คนที่ทำงานออฟฟิศก็ไม่เหมือนกับคนที่ทำงานค้าขาย / คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจก็ไม่เหมือนกับคนที่ทำงานพาร์ททาม เป็นต้น ดังนั้นคุณเองต้องตรวจดูตัวเองว่าคุณต้องออมเงินยังไงเท่าไหร่จึงจะพอดีกับการใช้ชีวิตของคุณเอง คุณสามารถรู้ความต้องการของตัวเองได้ด้วยการหาเหตุผลกับตัวเองโดยสามารถดูการคำตอบของคำถามเหล่านี้ที่คุณต้องถามตัวเองดัง เช่น เป้าหมายในการออมเงินของคุณคืออะไร? จำนวนเงินที่คุณต้องการออมคือเท่าไหร่? เงินที่คุณออมนั้นต้องการเอาไปใช้อย่างไรในอนาคต? เมื่อได้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้แล้วก์เริ่มหาวิธีการออมเงินได้เลยแต่ต้องยึดหลักความพอเพียงนะคะ เพราะไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นการออมเงินแบบโลภเกินไปค่ะ ดังนั้นคุณคงจะเนแล้วใช่มั้ยคะว่าแนวคิดของ ความพอเพียงนั้นสำคัญมากที่จะเอาใช้เพื่อช่วยในการออมเงินของคุณ

การใช้จ่ายอย่างฉลาด

การใช้จ่ายอย่างฉลาด

คุณเองเคยมั้ยคะ? ที่ต้องบ่นตัวเองบ้างว่า โง่จริงๆ ที่ซื้อของชิ้นนั้นมาไม่น่าเลย ผู้เขียนมั่นใจว่าคุณต้องเคยบ่นตัวเองแบบนี้เพราะตัวผู้เขียนเองก็เคยเช่นกัน แต่เพื่อที่คุณจะไม่ต้องบ่นตัวเองแบบนี้บ่อยๆคุณก็ต้องมีการใช้จ่ายที่ฉลาดด้วยการนำแนวคิด ความพอเพียงมาใช้กับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคุณค่ะ โดยคิดก่อนซื้อคิดให้มากๆคิดให้นานๆ หาเหตุผลว่าเมื่อซื้อของชิ้นนั้นมาแล้วจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง?จำเป็นต้องใช้จริงๆไหม? ที่บ้านมีสิ่งของชิ้นนั้นอยู่แล้วไหม? สิ่งของชิ้นนั้นกับอีกชิ้นหนึ่งอันไหนใช้งานได้นานกว่ากันแล้วราคาต่างกันเท่าไหร่? ก่อนซื้ออะไรคุณควรตั้งคำถามก่อนและถามอย่างละเอียดด้วยนะคะ เพื่อที่สุดท้ายไม่ว่าจะซื้อสิ่งของชิ้นนั้นหรือไม่จะได้ไม่เสียดายเงินทีหลังค่ะหรือเมื่อซื้อมาแล้วก็ใช้งานได้ดีและจำเป็นจริงๆ ดังนั้นคำถามต่างๆที่บอกไปช่วยให้คุณประหยัดได้มากเหลือเงินเอาไว้ออมได้มากขึ้นและไม่ซื้อของอย่างโง่ๆอีกต่อไป แต่ฉลาดเลือกฉลาดซื้อมากขึ้นได้ค่ะโดยอาศัย ความพอเพียง คำง่ายๆที่มีพลังนี้ค่ะ

การใช้งานสิ่งของอย่างคุ้มค่า

การใช้งานสิ่งของอย่างคุ้มค่า

นอกจากจะเป็นผู้ที่คิดปรัชญาแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง ขึ้นมาแล้ว กษัตริย์รัชกาลที่ 9 ก็ยังเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตตามแนวคิดนี้เองด้วยนะคะ คุณเองที่เป็นคนไทยก็คงทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะประชาชนชาวไทยก็ชื่นชมชื่นชอบท่านเป็นพิเศษมากๆ โดยถ้าดูจากการใช้งานสิ่งของของท่านที่ใช้งานสิ่งเหล่านั้นอย่างคุ้มค่ามากจริงๆ คุณสามารถศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมเองได้ด้วยตัวเอง แต่ด้วยการดำเนินชีวิตแบบนั้นสามารถนำมาใช้กับชีวิตของคุณได้ด้วยค่ะ ไม่ว่าสิ่งของที่คุณมีจะเป็นอะไรก็ตามคุณควรมองสิ่งของเหล่านั้นและให้คุณค่าของมันมากขึ้นได้ เช่น ปากกา ถ้าคุณคิดจะซื้อปากกาด้ามหนึ่งควรตัดสินใจซื้อแบบที่จะใช้งานจริงๆและชอบจริงๆ และเมื่อซื้อมาแล้วก็ใช้งานปากกาด้ามนั้นจนกว่าจะหมึกหมดไปเลยหรือพังเสียหายไปเลยแล้วค่อยซื้อปากกาด้ามใหม่ไม่ใช่ซื้อด้ามใหม่เรื่อยๆทั้งๆที่ด้ามนี้ยังใช้งานได้ดีเพราะแบบนั้นก็เป็นการสิ้นเปลืองและไม่ได้อยู่ในแนวคิดความพอเพียงเลยค่ะ นี่เป็นแค่ตัวอย่างของปากกาด้ามเล็กๆ

แต่คุณสามารถนำแนวคิดแบบนี้ไปใช้กับสิ่งของของคุณชิ้นอื่นๆที่อาจจะมีค่ามากกว่าปากกาได้ด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเป็นสิ่งของราคาแพงหรือชิ้นใหญ่กว่าปากกา เช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ บ้านของคุณ โทรทัศน์ ตู้เย็น  และแม้กระทั่ง สิ่งของที่เล็กลงมาอีก เช่น รองเท้า เสื้อผ้า ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว หมวก สิ่งของเหล่านี้ถ้าคุณใช้อย่างดีและเห็นคุณค่าของมันใช้งานอย่างคุ้มค่ารับรองว่าคุณจะเสียเงินไม่ต้องซื้อใหม่บ่อยๆ และสามารถใช้งานสิ่งของชิ้นนั้นได้นานมากขึ้นเพราะคุณใช้งานอย่างดีค่ะ ซึ่งจะส่งผลให้คุณมีเงินเหลือมากขึ้นและเหลือเงินเอาไว้เก็บออมมากขึ้นค่ะ

ความพอเพียงช่วยให้คุณออมเงินอย่างฉลาดได้จริงๆ

ความพอเพียงช่วยให้คุณออมเงินอย่างฉลาดได้จริงๆ

คุณคงจะเห็นแล้วใช่มั้ยคะ? ว่าการนำหลักปรัชญาแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในทุกแง่มุมของชีวิตนั้นช่วยให้คุณสามารถออมเงินได้ง่ายมากขึ้น และออมเงินได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหลักปรัชญานี้ก็ไม่ได้นำไปใช้ยากเลยเพราะไม่ใช่กฎหมายที่ตายตัว แต่คุณสามารถนำหลักความคิดนี้ไปปรับใช้กับการใช้ชีวิตทุกอย่างไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้นแต่ก็จะส่งผลต่อเงินของคุณด้วยเช่นกันค่ะ แต่คุณต้องแยกให้ออกระหว่าง ความพอเพียง กับ ความขี้เหนียว นะคะ มันต่างกันแค่มีเส้นบางๆกั้นอยู่เท่านั้นเอง สรุปให้สั้นว่าถ้าคุณใช้ชีวิตพอเพียงคุณจะมีความสุขชีวิตไม่มีอุปสรรค แต่การมีความขี้เหนียวอาจจะทำให้คุณเดือดร้อนได้ค่ะ เช่น การขี้เหนียวการจ่ายค่าเดินทางไปทำงานยอมจ่ายเงินถูกกว่าแต่ต้องไปทำงานสาย หรือยอมกินอาหารที่ไม่สะอาดเพราะอยากจ่ายเงินถูกกว่าแบบนั้นก็คือความขี้เหนียวที่ทำให้เดือดร้อนค่ะ ซึ่งคุณอาจจะเก็บออมเงินได้มากขึ้นเช่นกันแต่ไม่นานคุณอาจจะต้องใช้เงินเก็บนั้นเร็วกว่าที่คิดเพราะต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะกินอาหารที่ไม่สะอาด และต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้เพราะไปทำงานสายบ่อยๆจนต้องตกงาน เป็นต้นค่ะ ดังนั้นการออมเงินโดยอาศัยหลักแนวคิดพอเพียงดีที่สุดนะคะทุกคน