เมื่อเพื่อนๆได้อ่านจากหัวเรื่องแล้วก็จะอยากรู้กันอย่างมากเลยใช่มั้ยคะว่า? 4 วิธีที่จะทำให้เก็บเงินหลักหมื่นได้ภายในเวลา 50 วันนั้นจะต้องทำอย่างไร ไม่ต้องตื่นเต้นเกินไปนะคะเพราะบทความนี้จะมาให้คำตอบแน่นอนใจเย็นๆกันก่อนนะคะ แต่ต้องขอบอกก่อนเลยเลยนะคะว่าการเก็บเงินภายในเวลาอันสั้นนี้และเงินหลักหมื่นมานี่อาจจะไม่สามารถทำให้เพื่อนๆเดินทางไปท่องเที่ยวได้ไกลสักเท่าไหร่ เช่น อาจจะไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้ แต่อาจจะหมายถึงการท่องเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทยบ้านเราเท่านั้นแต่จะ เป็นการท่องเที่ยวที่ผ่อนคลายหายเครียด จากความกังวลจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่เพื่อนๆต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็น ค่าที่พัก ค่าอาหารการกิน ค่าเดินทาง เป็นต้น การที่เพื่อนๆมีการวางแผนเก็บเงินเพื่อค่าใช้จ่ายเหล่านี้โดยเฉพาะก็ทำให้เที่ยวอย่างเต็มที่ไปได้เลยค่ะ
ตอนนี้เพื่อนๆคงอยากรู้กันแล้วว่า 4 วิธีที่จะมาบอกกันในบทความนี้มีอะไรบ้าง ก็คือ 1. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน 2. เก็บเงินในกระปุกออมสิน 3. หาสถานที่เที่ยวมาดูเพื่อเป็นแรงกระตุ้น 4. คิดถึงความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้า จริงๆแล้วเรื่องหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่เพื่อนๆคงคิดถึงกันอยู่แล้วแต่การที่เพื่อนๆ ลงรายละเอียดและเอาใจใส่ มากขึ้นก็จะทำให้เป้าหมายของการเก็บเงินไปเที่ยวนั้นสำเร็จผลตามเป้าหมายจริงๆและตามเวลาที่คาดคิดเอาไว้ด้วยค่ะ แต่กลับกันนะคะถ้าเพื่อนๆไม่สนใจเอาใจใส่เป้าหมายมันก็จะไม่สำเร็จสักทีหรืออาจจะสำเร็จช้ากว่าเวลาที่คาดคิดเอาไว้และทำให้เสียเวลาไปมากกว่าจะได้ไปเที่ยวทั้งที ดังนั้นมาดูวิธีเหล่านี้กันค่ะว่าจะช่วยเพื่อนได้อย่างไร?
1. ตั้งเป้าหมายชัดเจน
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้เพื่อนๆนึกภาพออกอยู่ตลอดเวลาถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เพื่อนๆอยากจะไป และเป็นการช่วยในการจินตนาการของเพื่อนๆ และการคิดถึงภาพการเที่ยวอยู่เรื่อยๆและเป็นภาพที่ชัดเจนก็จะช่วยให้เพื่อนๆมีแรงกระตุ้นและกระตือรือร้นอยู่เสมอที่จะทำตามเป้าหมายให้สำเร็จให้ได้ค่ะ ซึ่งเพื่อนอาจจะเขียนเป้าหมายออกมาให้ชัดเจนว่าต้องการไปที่ไหน? พักที่ไหน? และทริปที่ไหนบ้าง? หรือกินอาหารอะไร? การที่เพื่อนๆมีเป้าหมายอย่างชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้คำนวณค่าใช้จ่ายออกมาอย่างชัดเจนไปด้วยและมีผลต่อการเก็บเงินที่แน่นอนว่าต้องเก็บเงินเท่านี้นะ พอได้เงินเท่านี้แล้วก็ออกเดินทางได้เลยเพราะมีการคิดค่าใช้จ่ายไว้แล้วไม่มีเกินแน่นอน ตัวอย่างของบางคนนอกจากจะเขียนแล้วก็วาดรูปด้วยให้การเก็บเงินและแผนการของเพื่อนๆนั้นน่าสนใจน่าเบื่อและเห็นภาพชัดเจนอยู่เสมอ ยังไงก็ลองทำดูกันนะคะ
2. เก็บเงินในกระปุกออมสิน
การเก็บเงินในกระปุกออมสินเหมือนตอนที่เรายังเป็นเด็กๆกันอยู่นั้นได้ผลดีอยู่เหมือนกันนะคะ แต่การเก็บเงินโดยที่ไม่เอาออกมาใช้ก็ต้องขึ้นอยู่กับกระปุกออมสินที่เพื่อนๆเลือกซื้อมาด้วยนะ ให้เลือกซื้อกระปุกออมสินที่ไม่มีที่แกะออกมาได้ถ้าอยากเอาเงินออกมาต้องทุบให้แตกเท่านั้นแบบนั้นจะช่วยให้เพื่อนเก็บเงินได้มากกว่าเพราะไม่อยากทุบให้แตก และการเก็บเงินหยอดเงินในกระปุกออมสินก็สร้างความสนุกในการเก็บให้เราอีกทางหนึ่งด้วยนะคะ และเมื่อเราหยอดเงินลงไปเรื่อยๆแล้วกระปุกออมสินเริ่มหนักขึ้นเพื่อนๆจะมีความรู้สึกภูมิใจมากๆเลยหล่ะ แต่การเก็บเงินกับกระปุกออมสินก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เสริมเข้ามาเท่านั้นนะแต่ก็ต้องมีการเก็บเงินโดยฝากธนาคารด้วยเพื่อจะได้ทราบจำนวนเงินที่แน่นอนว่าตอนนี้เพื่อนๆเก็บเงินได้เท่าไหร่แล้วค่ะ
3. หาสถานที่เที่ยวมาดูเพื่อเป็นแรงกระตุ้น
การหาสถานที่เที่ยวมาดูก็คือ เพื่อนๆต้องเลือกก่อนว่าตัวเองนั้นอยากจะไปท่องเที่ยวที่ไหน ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนๆอยากจะไปเที่ยวทะเลที่ภูเก็ตก็เลือกอย่างจงเจาะเลยว่าอยากจะล่องเรือไปเกาะไหน อยากทำกิจกรรมอะไรบ้าง หรืออยากกินอะไร แล้วก็หารูปภาพของสถานที่นั้นๆมาติดไว้ในห้อง หรือในที่ที่เพื่อนๆสามารถมองเห็นได้ง่ายๆและมองเห็นได้ตลอดๆเพื่อจะได้สร้างแรงกระตุ้นให้อยากไปที่นั่น และจะเป็นแรงกระตุ้นให้เก็บออมเงินเพื่อจะได้ไปเที่ยวที่นั่นให้ได้ เพราะว่ารูปภาพนั้นช่วยสร้างจินตนาการที่ดีมากๆจึงควรหามาติดเอาไว้เพื่อกระตุ้นให้มีพลังในการเก็บเงินนะคะ
4. คิดถึงความสำเร็จที่อยู่ตรงหน้า
ก็คงหนีไม่พ้นการจินตนาการนั่นเอง การคิดถึงว่าตัวเองได้ไปเที่ยวและไปยืนถ่ายรูปสวยๆที่นั่นก็จะเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่จะทำให้เพื่อนๆตั้งใจมากขึ้นที่จะเก็บเงิน และการคิดว่าอีกไม่นานแล้วอีกไม่ไกลแล้วยังไงก็จะได้ไปเที่ยวที่นั่นแน่นอนก็จะทำให้เพื่อนไม่ท้อถอย และมีความมั่นใจว่าจะได้ไปแล้วการเก็บเงินก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย
ภายใน 50 วันคุณก็มีเงินหลักหมื่นไปเที่ยวแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างคะ 4 วิธีที่นำมามาฝากกัน ก็ไม่ได้ยากเลยใช่มั้ย จริงแล้วก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เพื่อนๆต้องทำแบบนี้แต่เพียงแค่เอาใจใส่ในรายละเอียดให้มากขึ้นไปสักหน่อยก็จะทำให้เป้าหมายที่วางเอาไว้นั้นสำเร็จได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากวิธีที่ต่างๆที่จะมาบอกกัน ผู้เขียนก็ไม่ลืมที่จำคำนวณตัวเลขมาฝากด้วยนะคะ ว่าจะต้องเก็บเงินวันละเท่าไหร่ถึงจะมีได้เงินหลักหมื่นภายใน 50 วันจริงๆ
ถ้าเพื่อนๆเก็บเงินวันละ 250 บาทตลอด 50 วัน เพื่อนจะได้เงิน 12,500 บาทไปเที่ยวแล้วค่ะ คิดอย่างนี้คือ (250 x 50 = 12,500) นั่นเองค่ะ ซึ่งเงิน 12,500 บาทนี้ถือว่าไม่น้อยเลยนะคะสำหรับทริปท่องเที่ยวในประเทศไทยของเรา สามารถไปเที่ยวได้ประมาณ 4 – 5 วันเลยทีเดียว เป็นยังไงบ้างหล่ะคะสายเที่ยวยังไงก็ลองเอาไปทำดูนะคะ อย่าลืมความตั้งใจจริงด้วยล่ะ
Nit
ก็ทำมาหมดแล้วนะครับแต่ก็ไม่สำเร็จ ผมเนี่ยอุตส่าห์ตั้งเป้าหมายชัดเจนเก็บเงินอย่างดีก็ไม้ได้ผล สงสัยจะไม่ได้ไปเที่ยงแล้วมั้งครับ แต่ที่บอกว่าเก็บเงินวันละ 250 บาทสำหรับผมมันมากเกินไปครับคงทำได้แต่เก็บวันละ 20 เท่านั้น แค่นี้ก็จะกินมาม่าทุกวันแล้วครับ เก็บกันต่อไปสักวันน่าจะได้ไปเที่ยวกับเขาบ้าง เที่ยวใกล้บ้านไปก่อนละกันนะครับทุกคน
Saruta
เดี๋ยวนี้ 50 วันแล้วก็สามารถเก็บเงินได้ถึงหมื่นไปเที่ยวในที่ที่เราอยากไปได้แล้ว เพราะผมอ่านบทความนี้ผมได้รับแรงบันดาลใจมากทีเดียวครับ ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ทำให้ผู้คนต้องอยู่บ้านช่วยชาติ ดังนั้นเป็นโอกาสดีเลยครับที่จะใช้เคล็ดลับจากบทความนี้ในการเก็บเงินสำหรับไปเที่ยว เมื่อตอนที่มีการปลดล็อคดาวแล้ว
Lula
ดีจังเลยน่ะค่ะ เราตั้งใจจะวางแผนไปเที่ยวตั้งหลายครั้งแต่ว่าติดอยู่อย่างเดียวคือ เราเป็นคนชอบจ่ายเยอะและเก็บเงินไม่ค่อยเก่ง เราเลยไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย พอมาลองอ่านดู เรารู้สึกว่า น่าสนใจ เราต้องจริงจังบ้างแล้ว แล้วเดี๋ยวจะลองนำวิธีที่ได้อ่านไปใช้ดูน่ะ เผื่อจะได้ผลและได้มีเงินเก็บไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง
วรพล..เองครับ
ต้องกลั้นใจเก็บอย่างมากเลยนะครับเนี่ยวันละ 250 บาทเลยนะ แต่แค่ 50วัน เป็นเป้าหมายระยะสั้นก็น่าสนใจอยู่หรอกครับ ว่าแต่เกือบสองเดือนนั้นที่ผมต้องกลั้นใจเก็บเงิน ผมจะเอาอะไรกินล่ะครับ ผมเก็บลดลงมาสักวันละ 150 บาทก่อนได้มั้ยครับ ผิดกติกาหรือเปล่า ได้เงินน้อยหน่อยแต่ยังพอมีเงินซื้อข้าวกิน เอาที่ผมพอไหวก่อนนะครับ
ณรงค์ศักด์
ให้เก็บวันละ 252 บาท เป็นเวลา 50 วัน มันจะได้ไหม ถ้าสมุติว่าเรา เงินเดือน 10,000 แสดงว่าเรา ได้ค่าแรงวันละ 300กว่าบาท ถ้าเราเก็บแบบที่ว่า เราจะเหลือเงินเอาไว้ใช้จ่ายพอไหม แต่ไม่ลองไม่รู้ใช่ไหม คนเราต้องได้ลอง ไม่งั๊นเขาคงไม่มาบอกหลอกว่า สามารถทำได้ ทุกอย่างเราว่ามันอยู่ที่ความพยายามมากกว่า ถ้าได้พยายามแล้วคือชัยชนะนะเราว่า
ชายทะเล
ผมกลัวว่าไปเที่ยวตอนนี้จะได้น้องโควิดกลับมาด้วยครับ ผมก็เลยอดใจรอไปก่อนดีกว่า แต่ว่าวิธีการเก็บเงินแบบที่บทความนี้บอกว่าก็คงถูกใจสายเที่ยวมากอยู่ไม่น้อยนะครับ สรุปแล้วก็เก็บเงิน 50 วันเท่ากับ หนึ่งเดือนกว่าๆ หรือตีไปเลยสองเดือนแค่นี้ก็ได้ไปเที่ยวแล้ว เออดีจัง จะว่าไปก็ไม่นานนะ แต่ตอนนี้มีเวลาเก็บเงินนานเลยหล่ะ
ผิงผิง
คุณณรงค์ศักด์ค่ะ คุณจะทำได้จริงๆหรอคะ คุณได้ค่าแรงแค่ 300 กว่าบาทแล้วคุณเก็บเข้าไปแล้ว 200 กว่าบาท แล้วจะไหวหรอคะเนี่ย เราเป็นห่วงว่าคุณจะไม่มีเงินใช้มากกว่านะ555 สำหรับเรานะคะเรามีเป้าหมายในการเก็บเงินเหมือนกัน แต่การเก็บเงินของเราจะอยู่บนพื้นฐานของความจริงคะ มีเยอะเก็บเยอะ...มีน้อยเก็บน้อย... แบบนี้จะสบายใจกว่านะคะ
ทุเรียน
ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทเก็บเงินวันละ 250 กำลังคิดคำนวณอยู่นะว่าใน 50 บาทที่เหลือนี้จะกินจะอยู่จ่ายค่าบ้านค่าน้ำค่าไฟยังไง 555 ถ้าคนเงินเดือนเยอะหน่อยก็อาจจะเก็บได้แต่ถ้าหาเช้ากินค่ำหรือทำงานประจำที่เงินเดือนไม่สูงมากอาจจะเก็บยากสักหน่อย แต่คิดว่าไอเดียนี้ดีนะเก็บเงินวันละนิดทุกวันอาจจะไม่ต้องถึงวันละ 250 บาทก็ได้แต่ตอนนี้ยังไม่อยากไปเที่ยวยังกลัว covid อยู่ แต่ไอเดียนี้ดีนะ ไว้โควิดหมดได้ใช้แน่
นิรัช
เขาแค่บอกถึงความเป็นไปได้ที่สามารถเก็บเงินได้10,000บาทภายใน50วัน ใช่ว่าเราจะต้องไปทำตาม บางทีเก็บแค่เดือนเดียวก็ได้แล้ว10,000บาท ทำไมบอกแบบนี้ คนที่เงินเดือนเยอะๆ ตอนนี้คงออกไไปไหนหรือเที่ยวห้างไม่ได้แน่นอน ถ้าสมมุติว่า มีเงินเดือนที่ 25,000 บาท ช่วงนี้ก็ใช้แค่ 15,000 บาทพอ เพราะว่าไปไหนมาไหนยาก เห็นไหมเดือนเดียวถ้าคนมีเงินเหลือๆก็ได้แล้ว บทความนี้เขาให้เป็นแนวทางเฉยๆ
แมก
ก็ต้องเป็นการหาสถานที่ท่องเที่ยวก่อนทำให้มีอารมณ์ในการเก็บเงินแล้วครับ พอจะช่วยเป็นแรงกระตุ้นที่ดีในการอยากเก็บเงิน โดยการปริ้นรูปภาพหรือโปรโมชั่นหรือโฆษณาอะไรก็ได้ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่หรือการท่องเที่ยวนั้น มาแปะไว้ที่หน้าตู้เย็นหรือหน้าทีวีเพื่อให้เราสามารถยั่วตัวเองได้ตลอดเวลา ความอยากไปนั่นแหละครับจะช่วยให้เราสามารถเก็บเงินไปเที่ยวได้
วรัญญา
เป็นบทความที่เขียนเกินความเป็นจริงมากเลยทีเดียวคะ พี่ที่เขียนบทความนี้ไม่ทราบว่าได้รองใช้วิธีที่เขียนเอาไว้หรือเปล่าคะ หรือว่าพี่เขียนเอามันเท่านั้นคะ คิดถึงตามความเป็นจริง รายได้ ของเราเองได้วัยละ 500บาท ให้เราเก็บครึ่งหนึ่ง แล้วเราจะเอาที่ไหนมาซื้อของใช้ละคะคราวนี้ ค่าบ้านเราก็ต้องจ่าย ค่าขนมลูกๆเราก็ต้องจ่าย