สังคมมนุษย์ทุกวันนี้กดดันให้ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตตามๆกัน แข่งขันกัน โอ้อวดกัน ด้วยค่านิยมที่มองคนแค่ภายนอกของสังคมสมัยนี้ทำให้ผู้คนต้องดิ้นรนทำตัวเองให้ดูดี มีชีวิตที่ดี สะดวกสบาย หรูหรา แต่ทั้งหมดก็แค่ภายนอกเท่านั้น เพราะแต่ละคนก็มีต้นทุนชีวิตที่ไม่เหมือนกันไม่เท่าเทียมกันไม่มีใครสามารถเอาชีวิตของตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นได้อย่างเต็มร้อยหรอกค่ะ ถึงแม้จะพยายามทำให้เหมือนคนอื่นๆอย่างไรคุณก็คงทราบดีอยู่แก่ใจว่าตัวตนจริงๆของคุณ สภาพการณ์จริงๆของคุณ โดยเฉพาะสถานะทางการเงินของคุณจริงๆแล้วเป็นอย่างไร แต่หลายคนกลับเลือกมองข้ามความเป็นจริงที่ตัวเองเป็นอยู่ดำรงอยู่จึงทำให้เกิดการกระทำที่ผิดพลาดทางการเงินเกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง เรื่องมันเป็นอย่างไร? ก็คือว่าบางคนทำงานหาเช้ากินค่ำเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนพนักงานออฟฟิศแต่กลับพยายามทำตัวเองให้ดูดีด้วยข้าวของเครื่องใช้ราคาแพงๆใส่เสื้อผ้าแบรนเนมด์ราคาสูงๆเพื่อโอ้อวดและแข่งขันกับเพื่อนร่วมงานแต่เงินไม่พอใช้ต้องเป็นหนี้ ตัวอย่างอย่างนี้เป็นต้นที่เกิดขึ้นมากมายในสังคมไทยบ้านเรา จึงสามารถพูดสุภาษิตไทยข้อนี้ได้ที่ว่า “เห็นช้างขี้...ขี้ตามช้าง”
บางคนสามารถที่จะชีวิตฟุ่มเฟือยฟู่ฟ่าได้เพราะเขามีต้นทุนชีวิตที่สูงกว่า อาจจะมาจากครอบครัวที่มีพื้นฐานทางการเงินที่แน่นๆร่ำรวย แต่บางคนไม่มีเลยก็แค่มาจากครอบครัวจนๆต้องทำงานเพื่อสร้างเรื่อสร้างตัวแต่กลับตกหลุมพรางของสังคมสมัยนี้ทำให้เขาไปผิดทาง แล้วก็ตามมาด้วยความผิดพลาดทางการเงินหลายอย่าง ซึ่งบทความนี้จะมาบอกว่าข้อผิดพลาด 4 ข้อ ที่คุณอาจจะมี แม้คุณจะมีฐานะทางการเงินดีก็ล้มลงได้ถ้าไม่ระวังค่ะ เช่น 1. สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้ตัวเองมากเกินไป / 2. สร้างนิสัยการเป็นหนี้ให้ตัวเอง / 3. แยกไม่ออกระหว่างสิ่งจำเป็นและไม่จำเป็น / 4. สร้างหนี้อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด นี่คือข้อผิดพลาดที่คุณต้องเช็คว่าตัวคุณเองมีบ้างหรือเปล่านะคะ
1. สร้างภาระค่าใช้จ่ายให้ตัวเองมากเกินไป
ก็เหมือนกับที่พูดไปในคำนำนั่นแหละค่ะว่า บางคนเลือกที่จะมองข้ามความเป็นจริงทางการเงินของตัวเอง แล้วสร้างภาพที่ดีเพื่อให้คนอื่นได้เห็นว่าตัวเองนั้นสุขสบาย ชีวิตดี แต่งตัวดี มีรถหรูขับ มีบ้านหลังใหญ่อยู่ แต่การเงินของตัวเองนั้นกลับไม่ได้มากอย่างที่เห็น สิ่งที่มีทั้งหมดนั้นยังไม่ได้เป็นของคุณเองจริงๆทั้งหมด คือภาระหนี้สินที่คุณต้องรับผิดชอบอยู่ งั้นทั้งหมดนี้ก็คือค่าใช้จ่ายที่มากเกินไปสำหรับตัวคุณค่ะ เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็อยากมีทุกสิ่งครบในชีวิตตามที่กล่าวมา แต่คุณสามารถมีสิ่งเหล่านี้ได้แต่ต้องไม่ใช่แรงกระตุ้นจากการสร้างภาพเท่านั้น คุณต้องเก็บออมเพื่อจะได้สิ่งเหล่านั้นทีละเล็กทีละน้อยเพื่อความสุขของตัวเอง และครอบครัว ไม่ใช่เพื่อให้คนอื่นเห็นเท่านั้น แต่บางคนไปผิดทางเลือกที่จะซื้อของใหญ่เกินตัวเพื่อจะโชว์คนอื่นๆ แต่ผลสุดท้ายสิ่งที่คนคนนั้นได้รับก็คือภาระหนักทางการเงินที่สร้างความเดือดร้อนใหญ่หลวงให้ตัวเองค่ะ คุณสามารถเห็นประสบการณ์ของคนแบบนี้ได้ทั่วๆไปใกล้ๆตัว หรือตัวคุณเองก็กำลังทำ หรือคิดผิดอยู่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนความคิด และการกระทำเถอะค่ะไม่อย่างนั้นชีวิตด้านการเงินของคุณจะได้รับผลเสียแน่ๆ
อะไรบ้างที่บอกได้ว่าเกินตัวมากเกินไป? สมุติว่าคุณได้เงินเดือนละ 15,000 บาท คุณอยากซื้อรถสักคันแล้วเลือกซื้อรถที่ราคาสูงมากเพื่อให้ตัวเองดูดี แล้วคุณต้องผ่อนชำระรถยนต์คันนี้เดือนละ 9,000 บาท คุณจะเหลือเงินไว้ใช้จ่ายเท่าไหร่ ก็จะเหลือแค่เดือนละ 6,000 บาทเท่านั้น แล้วคุณยังคงมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมันรถ ค่ากิน คุณคิดว่าจะพอไหม คงตอบไม่ยากว่า ไม่พอแน่ๆ นี่คือตัวอย่างของคนที่สร้างภาระค่าใช้จ่ายมากเกินไปให้กับตัวเองค่ะ คุณลองตรวจสอบตัวเองดูว่าเป็นแนวนี้หรือไม่นะคะ
2. สร้างนิสัยการเป็นหนี้ให้ตัวเอง
นิสัยการเป็นหนี้เป็นนิสัยที่ไม่ดีอย่างหนึ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัตินะคะ เป็นนิสัยที่ถูกสร้างขึ้นมา หนี้ในที่นี่อาจจะไม่รวมหนี้รถ หนี้บ้าน นะคะ เพราะสองอย่างนี้เป็นของที่ต้องใช้เงินเยอะเพื่อซื้อแล้วก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะต้องซื้อเงินผ่อน แต่หนี้ที่จะพูดถึง คือ สิ่งของที่ไม่ใช่ของใหญ่อะไรมากมายที่คุณสามารถซื้อได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้เลย เช่น โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ทำให้คุณเป็นหนี้ได้ง่ายๆมากเพราะความต้องการอยากมีอยากได้ของใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ และของพวกนี้ก็มีการตลาดมาเชื้อเชิญอยู่เรื่อยๆจนอดใจไม่ไหวทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ที่ไม่จำเป็น ทั้งหนี้ในระบบ และนอกระบบ เลยหล่ะค่ะ ดังนั้นคุณควรเลิกนิสัยการเป็นหนี้โดยพยายามซื้อแต่ของที่จำเป็นและสามารถซื้อได้เท่านั้นถ้าเกิบงบเกินกำลังก็ควรตัดใจ และเก็บเงินซื้อดีกว่าไปเอาเงินล่วงหน้ามาซื้อ เพราะสิ่งที่พูดมาก็ไม่ใช่สิ่งของที่จะสร้างประโยชน์อะไรมากมาย เช่น เสื้อผ้า หรือรองเท้า ไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลยที่คุณต้องเป็นหนี้เพราะสิ่งเหล่านี้ค่ะ คุณคงเห็นด้วยนะคะ แล้วไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรอยากให้คุณพยายามไม่เป็นหนี้นะคะ
3. แยกไม่ออกระหว่างสิ่งจำเป็นและไม่จำเป็น
ความผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งของคุณ อาจจะมาจากการแยกไม่ออกระหว่างสิ่งจำเป็น และสิ่งที่ไม่จำเป็น ซึ่งจะอาเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกันไม่ได้เพราะชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกันเลย คุณต้องตรวจเช็คตัวเองถึงจะรู้ความเป็นจริงของการดำเนินชีวิตตัวเอง และสภาพทางการเงินของตัวเองจริงๆ จะยกตัวอย่างของคนที่แยกไม่ออกในเรื่องนี้ และคนที่สามารถแยกออกได้มาให้อ่านกันนะคะ
1.คนที่แยกไม่ออก = สมชายมีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท ใช้ชีวิตทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศที่บริษัทแห่งหนึ่ง เช่าบ้านอยู่เดินทางไปทำงานด้วยรถโดยสารอย่างสะดวกสบายไม่เดือดร้อน แต่ซื้อรถยนต์เอาไว้ขับไปทำงาน ค่าอาหารการกินไม่ต้องจ่ายเมื่อไปทำงาน แต่สมชายสร้างค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้ตัวเอง ทุกเดือนสมชายมีค่าใช้จ่ายดังนี้ ค่าเช่าบ้าน = 5,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟค่าสิ่งจำเป็นอื่นๆ = 1,500 บาท ค่าผ่อนรถยนต์ = 8,000 บาท เงินที่สมชายจะเหลือต่อเดือน = 500 บาทเท่านั้น แล้วสมชายยังต้องใช้จ่ายอะไรอีก? ตอบคือ ค่าน้ำมันรถ ค่าอาหารการกินมื้ออื่นๆ ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น
2.คนที่แยกออก = สมปองมีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท ใช้ชีวิตเป็นพนักงานออฟฟิศที่บริษัทแห่งหนึ่ง เช่าบ้านอยู่เดินทางไปทำงานด้วยรถโดยสารอย่างสบายไม่เดือดร้อน ค่าหาการกินไม่ต้องจ่ายเมื่อไปทำงาน ทุกเดือนสมปองมีค่าใช้จ่ายดังนี้ ค่าเช่าบ้าน = 5,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟค่าสิ่งจำเป็นอื่นๆ = 1,500 บาท ค่าเดินทางไปทำงาน = 1,000 บาท สมปองจะเหลือเงินเท่าไหร่? = คือ 6,000 บาท ทำให้สมปองสามารถนำไปใช้จ่ายอื่นๆได้อีกรวมทั้งค่าอาหารการกินมื้ออื่นๆ และมีเงินเหลือเอาไว้เก็บออมได้ค่ะ
คุณคงเห็นชัดเจนแล้วใช่มั้ยคะว่า มันแตกต่างกันอย่างไร หวังว่าคุณจะเป็นคนที่แยกออกนะคะจะได้ไม่ผิดพลาด และเดือดร้อนค่ะ
4. สร้างหนี้อย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
ไม่มีใครทำถูกต้องเสมอ คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่ผิดพลาดมาแล้วกับการตกเป็นทาสของหนี้ แต่คุณสามารถจัดการให้ปัญหานี้มันจบลงไปได้ถ้าคุณตั้งใจจะจบมัน และวางแผน แต่ถ้าคุณไม่คิดจะจบปัญหาการเป็นหนี้ แต่กลับเป็นหนี้ต่อไปเรื่อยๆนั่นแหละความผิดพลาดค่ะ ถ้าคุณไปกู้เงินมาเพื่อจะเอาหนี้นี้มาใช้หนี้นั้นแบบนี้ถึงเรียกว่า การสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องค่ะ แต่ความถูกต้องก็คือคุณต้องพยายามเก็บเงินเพื่อปลดหนี้ด้วยตัวเอง แล้วอย่าสร้างหนี้เพิ่มต่างหากจึงจะไม่ผิดพลาดค่ะ อย่าปล่อยให้ชีวิตคุณได้เงินมาแล้วต้องนำไปใช้หนี้อย่างเดียวจนหมดสิ้นความสุขเลยนะคะ อย่าให้ชีวิตของคุณดำเนินไปอย่างนั้นเลยค่ะ คุณสามารถนำวิถีการใช้ชีวิตพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้เพื่อจะไม่เป็นหนี้อีกต่อไปแม้จะเคยผิดพลาดมาแล้วก็ตาม ไม่ว่าหนี้นั้นจะเป็นหนี้ในระบบ หรือนอกระบบก็ไม่ควรสร้างขึ้นมาเลย ขอให้หยุดสร้างหนี้ซะตั้งแต่ตอนนี้เลยนะคะ
นี่คือความผิดพลาดที่จะเป็นปัญหาใหญ่ถ้าไม่แก้ไขโดยเร็ว
4 ข้อผิดพลาดนี้คือ ปัญหาที่คุณต้องรีบแก้ไขโดยเร็ว แต่คุณจะแก้ไขปัญหานี้ได้คุณต้องรู้ตังเองก่อนว่าคุณข้อผิดพลาดข้อใดใน 4 ข้อนี้หรือไม่ด้วยการตรวจเช็คตัวเองก่อนค่ะ เมื่อคุณตรวจเช็คตังเองแล้วคุณก็จะทราบถึงปัญหาและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด อีกทางหนึ่งที่จะช่วยได้มาก คือ การวางแผนการเงินมองความเป็นจริงถึงสภาพทางการเงินของตัวเราเอง ยอมรับความจริงนั้นแม้คุณอาจจะไม่มีมากมายเหมือนใครๆก็สามารถมีความสุขได้ถ้าไร้ปัญหาความเดือดร้อน แต่ถ้าคุณพยายามมากเกินไปที่จะมีเหมือนคนอื่นๆแต่เบื้องของคุณนั้น คือปัญหาความเดือดร้อนทางการเงินแบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่ ขอให้คุณยอมรับข้อผิดพลาดแล้วเลิกนิสัยที่ไม่เหล่านี้ที่บทความนี้ได้นำมาบอกกันนะคะ
ถึงแม้ว่าการอยู่ในสังคมทุกวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่การที่คุณยืนหยัดเป็นตัวของตัวเองจะช่วยให้คุณไม่มองที่คนอื่นๆมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อตัวเอง จริงอยู่ความสะดวก สบาย ดูดี เป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากได้อยากเป็นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อย่าให้คุณได้มันมาจากความผิดพลาดทั้ง 4 ข้อนี้เลยนะคะ เพราะคุณอาจจะได้มาเร็วแต่เสียมันไปเร็วด้วยเหมือนกัน แล้วมันก็จะเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน อาจจะเป็นความสุขบนความทุกข์ของตัวคุณเองเลยก็ว่าได้ ฟังคำเตือนของบทความนี้แล้วไปปรับปรุงตัวเองกันเถอะค่ะ
สุนทรี
ถูกทุกข้อเลยตั้งแต่อ่านมา แต่ไม่ใช่ตัวเรานะ...เป็นเพื่อนร่วมงานซะมากกว่าที่ชอบขี้อวด ชอบซื้อเสื้อผ้าแบรนเนมด์ กินหรู ทำตัวแบบเวอร์ถ่ายรูปลง facebook อวดชาวบ้าน แต่ในที่สุดสิ้นเดือนก็ชอบมาหยิบยืมเงินชาวบ้านเป็นประจำ สร้างหนี้แบบไม่มีจุดสิ้นสุดจริงๆ สงสัยคงต้องเอาบทความนี้ไปให้ลองอ่านดูแล้วมั้ง จะได้ตาสว่างซักที
Choonhavan
อันนี้จริงค่ะ เพราะค่านิยมที่ต้องใช้ของฟุ่มเฟือยทำให้บางคนต้องเป็นหนี้สินสร้างภาระค่าใช้จ่ายให้ตัวเองมากเกินไปยิ่งพวกโฆษณาในทุกวันนี้พวกแบรนด์เนมบอกว่าของมันต้องมีทำให้หลายคนต้องใช้เวลามากเกินเพื่อจะหาเงินมาจ่ายในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้จำเป็นต้องใช้จริงๆ เป็นหนี้โดยไม่จำเป็นอีก แล้วถ้าหลุดเข้ามาในวงพวกนี้แล้วจะออกไปไม่ได้เลยค่ะ
น้ำหวาน
ความผิดพลาดทางการเงินอีกเรื่องนึงที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา ยิ่งถ้าเราเป็นคนที่ถือเงินเยอะหรือว่าได้รับเงินเดือนเยอะ เราก็อยากจะวางแผนการใช้จ่ายให้มีเงินคงเหลือไว้เก็บสำหรับอนาคต บทความนี้ทำให้เห็นว่ามีความผิดพลาดอะไรบ้างเกี่ยวกับการบริหารใช้เงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน ที่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยง เพื่อที่จะไม่ใช้เงินเยอะเกินไปสำหรับสิ่งที่ไม่จำเป็นค่ะ
นิชาภา
แต่ละอย่าง น่ากลัวทั้งนั้นเลยค่ะ แล้วจะมีคนที่เป็นครบทั้ง 4 อย่างมั้ยเนี่ย ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรถ้ามีนิสัยอย่างที่กล่าวมาก็แย่ด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเป็นมนุษย์เงินเดือนด้วยแล้วน่าห่วงหน่อยเพราะเงินเดือนได้เท่าเดิมทุกเดือนไงคะ ถ้าเป็นหนี้สินขึ้นมามันก็ลำบากน่ะ จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย เพราะค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนก็มีอยู่แล้ว
เพชรสยาม
ใช่เป็นแยยนั้นจริงๆด้วย คนที่ทำงานจบมาใหม่นะ เป็นแบบที่ว่าเลย ไม่รู้ว่าจะอวดรวยกันไปถึงไหน เงินเดือนได้แค่เดือนละ 20,000 บาท พี่เล่นออกรถยนต์ป้ายแดงซะแล้ว คงคิดว่าจะเอาไปอวดเพื่อนหรือยังไงไม่ทราบ รถป้ายแดง ส่งเดือนละ 10,000 กว่าบาท คราวนี้ตัวเองเหลือเงินเท่าไร มันไม่พอใช้ก็หันไปใช้บัตรเครดิต พอใช้ก็เป็นหนี้ ผลสุดท้าย หนี้บาน
TTOO
ผมว่าร้อยทั้งร้อยมนุษย์เงินเดือนเป็หนี้กันทั้งนั้นแหละครับ ส่วนมากเลยก็เป็นหนี้เพราะกู้ซื้อรถ และหนี้ต่อมาก็กู้ซื้อบ้าน แล้วก็มีอย่างพวกบัตรเครดิตด้วย และด้วยความที่ได้เงินเดือนแน่นอนได้เงินเป็นประจำก็เลยใช้เงินแบบประมาทมากกว่าคนทำงานอาชีพอื่นๆครับ นี่พูดถึงตัวเองล้วนๆเลยนะ พอเข้ามาอ่านบทความนี้คือตรงกับตัวผมหมดเลยครับ
ตุ่น
เอาจริงๆนะคะมนุษย์เงินเดือนหลายคนมักจะคิดว่าตัวเองมีเงินเดือนประจำออกมาทุกสิ้นเดือนอยู่แล้ว ทำให้ชอบสร้างหนี้สินโดยที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะหนี้เสียพวกหนี้บัตรเครดิตที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้หรือก่อประโยชน์อะไรเลย บางคนบริหารดีหน่อยก็เดือนชนเดือน แต่บางคนบริหารไม่ดีนี้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไปกู้สินเชื่อกู้หนี้มาเพิ่มเป็นหนี้หนักกว่าเดิมอีกค่ะ ใครว่าพนักงานเงินเดือนสบายกัน
ปลายรุ้ง
ดีนะที่ได้มาอ่านเจอบทความนี้ เราเป็นคนที่ใช้เงินเก่งมากค่ะแทบจะไม่มีเงินเก็บเลย เป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะมาก แต่ก็ยังดีที่เราได้รู้ข้อผิดพลาดของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เราจะได้เริ่มวางแผนการเงินของเราให้ดีขึ้นกว่านี้ หลังจากนี้ไปเราคงจะต้องเก็บออมให้มากขึ้น และคงต้องเรียนรู้ว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งจำเป็นและสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
โนเบล
วางแผนเรื่องเงินผิดชีวิตก็เป็นหนี้ โดยเฉพาะคนที่คิดว่าตัวเองมีงานที่มั่นคง(แค่คิดนะ) ก็พยายามหาซื้อของชิ้นใหญ่ขึ้น เพราะคิดว่าตัวเองสามารถจ่ายไหว หรือบางคนอาจคิดว่า ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้แน่นอนเพราะว่าเงินเดือนดี แต่พอมีปัญหาเรื่องการเงินเป็นยังไงละ บางคนตกงานบางคนเงินเดือนลดลง เลยมีผลต่อการใช้เงินและกลายเป็นหนี้ในที่สุด
นุช
ก็ต้องเป็นแยกไม่ออกเขาว่านายจะเป็นอันไหนต้องการ เนื่องจากการทำงานทำให้มีเงินได้รับเยอะ และความต้องการที่จะได้สินค้าหรือของก็มีเยอะไปด้วย ทำให้มีการซื้อแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่เงินขาดมือแล้วเราก็ เพิ่งจะมาแยกออกเขาว่าอะไรจำเป็นกับอะไรต้องการ ควรจะเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นก่อนนะคะ อย่างเช่นอาหารหรือเสื้อผ้า
MR>Bear
ตั้งแต่มีโควิดมาเนี่ยมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายคงต้องกลับไปคิดเรื่องการเก็บออมใหม่ เพราะนั่งๆอยู่ก็หัวหลุดได้ บางคนตกงานแบบงงๆก็มี บางคนถูกบีบให้ออกโดยไม่ได้รับเงินสักบาท บางคนถูกลดเงินเดือนลงทั้งที่ทำงานที่บ้าน ทั้งๆมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่ใช่แค่มนุษย์เงินเดือนหรอกนะที่จำเป็นจะต้องเก็บออม คนที่เป็นเจ้าของธุรกิจก็เหมือนกันคงต้องปรับตัวถ้าไม่อยากเจ๊ง