การเกษียณ หมายถึงการหยุดทำงาน ถึงแม้จะทำงานไหวอยู่ยังอายุน้อยอยู่ก็เลือกตัดสินใจที่จะไม่ทำงานนั้นคือ การเกษียณ ซึ่งแตกต่างจากการการเกษียณอายุนะครับ ก่อนที่เพื่อนๆจะเริ่มอ่านบทความนี้เพื่อนๆจะต้องแยกให้ได้ก่อนระหว่างการเกษียณอายุกับการเกษียณซึ่งปัจจุบัน การเกษียณเป็นที่นิยม ซึ่งเรียกกันว่าการเกษียณเร็ว คือ การที่มีเงินเยอะๆให้ได้เร็วที่สุดแล้วใช้ชีวิตแบบไม่ต้องทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยๆซึ่งการเกษียณอายุไม่ใช่แบบนั้น แต่การเกษียณอายุ หมายถึง บุคคลที่มีอายุถึงกำหนด คือ 55-60 ปี ขึ้นไป บุคคลเหล่านั้นไม่ว่าจะยังแข็งแรงหรือไม่แข็งแรง ยังทำงานไหวหรือไม่ไหว จะถูกให้ทำการหยุดงาน และเมื่อเพื่อนๆเริ่มทำงาน ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่นะครับ สักวันจะต้องมาถึงวันที่ต้องเกษียณอายุแน่นอน เรื่องการเกษียณเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ ยกเว้นคุณเลือกที่จะเกษียณเร็วแทนนะครับ
หลังจากที่เพื่อนๆได้รู้จักการเกษียณกันไปแล้ว แยกออกแล้วระหว่างการเกษียณและการเกษียณอายุ ก็มาดูกันถึงหัวเรื่องในวันนี้ที่ผมจะพูดถึง นั้นก็คือ ข้าราชการเมื่อมีการเกษียณอายุแล้ว เขาจะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ซึ่งการรับสิทธิประโยชน์ของข้าราชการจะสามารถจำแนกออกมาว่าจะได้รับเงินบำเหน็จบำนาญเท่าไรก็มาจากการเป็นสมาชิก กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งการเป็นสมาชิกกับการไม่เป็นสมาชิกนั้นก็จะได้รับเงินแตกต่างกัน และหัวข้อย่อยในบทความนี้ที่จะมาพูดถึงก็มี ดังนี้ คือ สิ่งจากการเป็นสมาชิก กองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ แล้วเลือกรับเงินบำเหน็จตอนเกษียณอายุ , สิ่งจากการเป็นสมาชิก กองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ แล้วเลือกรับเงินบำนาญตอนเกษียณอายุ , สิ่งที่จะได้รับถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1 เลือกรับเงินบำเหน็จ และ 2 เลือกรับเงินบำนาน ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้วไปดูกันเลย ว่าข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วเขาจะได้อะไรกันบ้าง
สิ่งที่จะได้รับจากการเป็น สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ แล้วเลือกรับเงินบำเหน็จตอนเกษียณอายุ
คนที่เลือกรับเงินบำเหน็จแปลว่า เขาจะต้องชอบที่จะได้เป็นเงินก้อนทีเดียวจบ ซึ่ง ประโยชน์ที่จะได้รับ ก็มี ดังนี้ คือ
1.ได้รับเงินก้อนจากกองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ
ซึ่งมีที่มา มาจากเงินสะสมเงินสมทบและเงินที่ได้จากผลประโยชน์ตอบแทน และเงินที่จะได้รับจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการก้อนนี้จะเป็นเงินก้อนแรกที่ได้มอบให้กับข้าราชการที่เกษียณอายุ โดยสามารถที่จะดูยอดเงินที่จะได้รับได้ผ่านทางใบแจ้งยอดของ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ และใบแจ้งยอดจะมาพร้อมกับใบลดหย่อยภาษีด้วยนะครับ
2.ได้รับเงินบำเหน็จถ้าผู้ที่เกษียณอายุเป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
และเลือกที่จะรับเงินบำเหน็จ ก็จะได้รับเงินก้อนหนึ่ง โดยวิธีคิดเงินก็ให้นำเงินเดือนเฉลี่ยที่มีอยู่ในช่วง 60 เดือน หรือ 5 ปี สุดท้ายก่อนเกษียณอายุ คูณกับอายุข้าราชการ ได้เท่าไร เงินนั้นแหละก็จะเป็นเงินบำเหน็จของข้าราชการ ยกตัวอย่าง เฉลี่ยแล้วได้เดือนล่ะ 50,000 บาท และมีอายุราชการ อยู่ที่ 15 ปี ก็เอา เงิน 50,000 บาท คูณ กับ 15 จะเท่ากับ 750,000 บาท นั้นแหละครับคือเงินก้อนเงินบำเหน็จ
สิ่งที่จะได้รับจากการเป็น สมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ แล้วเลือกรับเงินบำนาญตอนเกษียณอายุ
คนที่เลือกรับเงินบำนาญส่วนใหญ่คนพวกนี้เขาอยากที่จะได้รับการดูแลและช่วยเหลือให้มากที่สุดจากรัฐบาลในเรื่องของสวัสดิการต่างๆ ซึ่งประโยชน์ที่ผู้ที่เกษียณอายุข้าราชการจะได้รับ หากเป็นสมาชิก กองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ แล้วเลือกรับเงิน บำนาญ มีดังนี้
1.เงินก้อนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
โดยที่มาของเงินก้อนก้อนนี้ก็เหมือนกับเงินก้อนที่ผู้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญที่เกษียณแล้วเลือกรับเงินบำเหน็จเหมือนกันมีที่มาเหมือนกัน นั้นคือ จากเงินชดเชย เงินสะสมเงินสมทบ และประโยชน์จากผลประโยชน์ตอบแทน ซึ่งสามารถดูยอดเงินได้เหมือนกัน คือดูจากใบแจ้งยอดที่ทาง กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่งมาซึ่งใบแจ้งยอดก็จะถูกส่งมาพร้อมกับหลักฐานเอกสารที่เพื่อนๆสามารถนำไปลดหย่อยภาษีได้
2.เงินบำนาญที่จะมีการจ่ายให้เป็นรายเดือน
โดยมีวิธีคิด ดังนี้ คือ ให้ผู้ที่เกษียณอายุข้าราชการ นำเงินเดือนของตัวท่านเองมาเฉลี่ยอยู่ในช่วง 60 เดือนสุดท้ายที่ท่านจะเกษียณ คือ 5 ปี สุดท้ายนั้นเอง ก่อนที่ท่านจะเกษียณ แล้วเอาตัวเลขที่ท่านเฉลี่ยมาได้นำไปคูณกับอายุงานข้าราชการของท่านเมื่อได้ตัวเลขแล้วให้ท่านนำตัวเลขนั้นไปหาร 50 อีกก็จะได้เป็นเงินเดือนแต่ละเดือนที่ท่านจะได้รับต่อไปตอนที่เกษียณอายุแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกว่าเงินบำนาญที่ท่านจะได้รับต่อไปในทุกๆเดือนจะมีจำนวนไม่เกิน 70% ของเงินเดือนที่ท่านเคยได้รับนะครับ และท่านจะต้องมีอายุราชการไม่เกิน 35 ปี มีตัวอย่างมาให้เพื่อนดูด้วยนะครับ
ยกตัวอย่าง: วิธีการคิดเงินบำนาญต่อเดือนที่จะได้รับ
หลังจากที่เฉลี่ยเงินเดือนช่วง 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณอายุแล้วได้เท่ากับว่า มีเงินเดือนอยู่ที่ 50,000 บาท ให้นำเอาเงินเดือนที่ได้มาคูณกับอายุงาน สมมุลว่ามีอายุ 15 ปี ให้เอา 50,000 คูณ 15 จะเท่ากับ 750,000 แล้วนำตัวเลขนี้ไปหาร 50 จะเท่ากับเงินรายเดือนที่ท่านจะได้รับ ซึ่งก็คือ 15,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งจากการคำนวณแล้วเงินจำนวนนี้ไม่ถึง 70% ของเงินเดือนที่เคยได้ (70% ของ 50,000 คือ 35,000)
ประโยชน์ด้านอื่นๆที่ผู้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่เกษียณอายุจะได้รับไม่ว่าจะเลือกรับเงินบำเหน็จหรือเลือกรับเงินบำนาญ
ผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการจะได้รับอีก คือ จะได้รับเงินในด้านต่างๆตามที่ได้บอกไปตามข้างบน และจะได้รับเงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินประกันชีวิตและเงินช่วยเหลือจากสหกรณ์ ด้วย
สิ่งที่จะได้รับถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนานข้าราชการ
หัวข้อนี้สำหรับผู้ที่รับราชการแต่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สิ่งที่จะได้รับ ก็คล้ายกันกับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แตกต่างกันตรงที่ ผู้ที่ไม่เป็นสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ก็จะไม่ได้เงินก้อนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นเอง แล้วผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เขาจะได้รับบำเหน็จเท่าไรถ้าเขาเลือกรับเงินบำเหน็จ และ ถ้าหากเขาเลือกรับบำนาญ เขาจะได้รับเท่าไร ให้เรามาดูกัน
1.กรณีข้าราชการเกษียณอายุแล้วเลือกรับเงินบำเหน็จ
กรณีที่ผู้เกษียณอายุเลือกรับเงินบำเหน็จ กรณีนี้ ผู้เกษียณอายุก็จะได้รับเงินก้อนไปก้อนเดียวไม่เหมือนกับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่จะได้รับเงินไปสองก้อน ส่วนวิธีคิดว่าจะได้รับเงินบำเหน็จเท่าไรนั้นก็มีวิธีคิดคล้ายๆกับผู้เกษียณอายุข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเลย ก็คือ จากที่ผู้เกษียณอายุข้าราชการที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นต้องเฉลี่ยนเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ เปลี่ยนเป็น ให้ผู้ที่เกษียณอายุราชการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เอาเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่ตัวเองได้รับมาคำนวณแทน วิธีการคำนวณก็คือเอาตัวเลขของจำนวนเงินนั้นมาคูณ อายุราชการ ตัวเลขที่ออกมาก็จะเท่ากับเงินที่จะได้รับ ซึ่งสามารถรับไปได้ในทันทีเลย
2.กรณีข้าราชการเกษียณอายุแล้วเลือกรับเงินบำนาญ
ผู้ที่เกษียณอายุแล้วเลือกรับเงินบำนาญ ก็ คือผู้ที่ต้องการรับเงินเป็นรายเดือน ไม่ชอบรับเงินก้อน เพราะกรณีของผู้ที่เกษียณอายุและไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ผู้นั้นจะไม่ได้รับเงินก้อนเลยเท่ากับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการซึ่งผู้นั้นจะได้รับเงินก้อนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นหนึ่งก้อนและรับเงินรายเดือนเป็นเงินบำนาญ ซึ่งวิธีคิดของผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการว่าจะได้รับเงินบำนาญเท่าไร นั้นก็มีวิธีคิดคล้ายๆกับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นแหละครับ คือ จากผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นจะต้องเฉลี่ยเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณแต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นไม่ต้องเฉลี่ยนเงินเดือน 60 เดือนสุดท้าย แต่เอาเงินเดือนสุดท้ายของตัวเองมาคำนวณได้เลย ซึ่งวิธีคำนวณก็เหมือนกับผู้ที่เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนั้นแหละครับ คือ นำตัวเลขของเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่ท่านได้มา คูณ กับอายุงานข้าราชการของท่าน แล้วนำตัวเลขที่ได้มาหารด้วย 50 ก็จะได้เงินจำนวนนี้เป็นเงินเดือนของท่านไปเรื่อยๆ
ประโยชน์ด้านอื่นที่ผูเกษียณอายุราชการจะได้รับถึงแม้จะไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ไม่ว่าจะอยู่ในกรณีที่รับเงินบำเหน็จหรือรับเงินบำนาญก็ตาม มีดังนี้
1.จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตัวเอง รวมไปถึงค่ารักษาพยาบาล ภรรยา พ่อ แม่ ละลูกด้วย (ลูกต้องอายุไม่ถึง20ปีบริบูรณ์) 2.จะได้รับเงินค่าการศึกษาของบุตร ซึ่งสามารถเบิกค่าการศึกษาได้จนบุตรอายุถึง 25 ปีบริบูรณ์ 3.จะได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพ ซึ่งมีค่าเท่ากับ เงินบำนาญ คูณ 15 เท่า
อาชีพข้าราชการนั้นมีสิทธิประโยชน์มากมายจริงๆ
เป็นยังไงกันบ้างครับ หลังจากที่ได้รู้แล้วว่าข้าราชการวัยเกษียณนั้นเข้ามีสิทธิประโยชน์มากมายจริงๆผมว่านะคนที่เขารับราชการถึงแม้เงินเดือนมันจะน้อยแต่ราชการถือเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงสูงที่สุดเลยก็ว่าได้และถ้าพูดถึงสวัสดิการที่จะได้รับมาด้วยแล้ว ข้าราชการถือเป็นอาชีพที่คุ้มมากเลยทีเดียว ใครที่รับราชการอยู่แล้วคิดน้อยเนื้อต่ำใจคิดว่าเงินเดือนทำไมมันชั่งน้อยนิดจัง ให้ปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่นะครับ เพราะในระยะยาวแล้วถึงวัยเกษียณอายุแล้วผมว่าไม่มีอาชีพไหนเกษียณอายุแล้วสบายเท่ากับข้าราชการหรอกครับ ยังไงใครที่รับราชการก็ขอให้รักในงานที่ทำนะครับ สู้ๆ
Olan
ถึงว่าสินะ ใครๆก็อยากจะรับราชการ แต่ผมรับกับเงินเดือนไม่ได้ครับ พ่อแม่ผมนี่สนับสนุนให้เป็นข้าราชการมาก เพราะว่าสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ อีกอย่างก็จะได้รับบำเหน็จบำนาญด้วย แต่ผมบอกเลยว่าไม่ชอบเอามากๆ ผมอยากเรียนทางสายบริหาร ผมอยากเป็นเจ้าของธุรกิจครับ มันขัดแย้งกับความรู้สึกผมเลย แต่เดี๋ยวจะลองคิดดูอีกทีครับ
น้ำฝน
มีบางคนเคยบอกว่าอาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง ฉันก็ไม่รู้นะคะว่าหมายความว่ายังไง จนได้มาอ่านบทความนี้ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่า คนที่ทำงานราชการ เมื่อถึงวัยเกษียณก็จะได้รับการช่วยเหลือจากเงินบำเหน็จบำนาญ แล้วแต่ว่าจะเลือกแบบไหน เพื่อที่จะมีเงินก้อนใหญ่ไว้สำหรับใช้ในบั้นปลายชีวิต จะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอยู่
Chayot
อาชีพรับราชการได้เงินเดือนน้อยแต่สวัสดิการดีอยู่นะครับ คนที่ทำอาชีพนี้ต้องมีใจรักในงานของตัวเองและมีความอดทนด้วยเพราะกว่าอายุงานจะครบจนได้รับบำนาเหน็จหรือบำนาญใช้เวลาหลายปี..ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ แต่มันดีกับชีวิตหลังเกษียณมากเลยครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเรื่องค่าใช้จ่าย หากเลือกรับบำนาญได้เงินนำมาใช้จ่ายทุกเดือนๆแน่นอน
น้องพี่อ่ำ
ทำงานราชการมันดีแบบนี้เอง เข้าท่าจัง ทำไมเมื่อก่อนที่่บ้านให้เราเรียน นิติ เราถึงไม่เรียน หน่อ มาคิดตอนนี้ก็สายไปละ อืม แต่ที่เราสังเกตุคนที่ทำงานราชการบางคน ทำไมเป็นหนี้เยอะมากเลย แบบว่าบางคนก็กู้เงินมาสร้างบ้านบ้าง แล้วเงินบำนาญบางคนก็ไม่ไเอาด้วย เอาเป็นบำเหน็จ แล้วเอามาจ่ายหนี้บ้านกัน แบบนี้แก่ตัวไปเขาไม่ลำบากเหรอ
ไก่แจ้
ดูเหมือนว่าเป็นข้าราชการเนี่ยมันสบายตรงที่ไม่ต้องวางแผนเกษียณเองอะไรมากมายนะเพราะเขามีเงินให้ถึงจะไม่มากแต่ก็ยังมี แต่เดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจทำอาชีพข้าราขการมากนัก เพราะมันเงินเดือนน้อย มีงานอื่นๆเยอะแยะที่น่าสนใจมากกว่า แล้วได้รายได้มากกว่าแล้วเอารายได้นั้นมาวางแผนเกษียณเองก็ได้ไม่ต้องง้อเงินข้าราขการ
นิต้า
แต่ถ้าเราจำไม่ผิดรู้สึกว่า ถ้าใครที่เป็นข้าราชการรุ่นใหม่จะไม่ได้เงินเกษียณเหมือนข้าราชการรุ่นเก่านะคะ เพราะว่าเรามีคุณน้าที่ทำงานเป็นข้าราชการเป็นดร.อยู่มหาวิทยาลัย เห็นคุณน้าบอกว่าจะไม่ได้เงินบำนาญหรือว่าเงินเกษียณแล้ว เพียงแต่ว่าเงินเดือนที่ได้ตลอดเวลาการทำงานจะมากกว่าข้าราชการรุ่นเก่าอยู่ 1.7 เท่า แต่ว่าจะไม่มีเงินบำนาญหลังเกษียณไปแล้วค่ะ
P-Ussa
เพื่อนๆคิดว่าอาชีพข้าราชการเป็นอาชีพที่น่าสนใจไหม? มีข้อดีแตกต่างกับงานเอกชนยังไงบ้าง? เรามีเพื่อนเป็นข้าราชการเห็นได้ชัดเลยว่า งานแบบสบายมาก งานกลับบ้านได้แบบตรงเวลา ไม่ต้องทำ OT ค่อนข้างมั่นคงถ้าไม่ได้ทำผิดจริงๆก็ไม่โดนไล่ออก แตกต่างจากเอกชนเลยนะผิดนิดนึงไล่ออกทันที อันนี้จากความคิดเห็นของเราเองนะ เพื่อนๆมาแชร์ความคิดเห็นกันได้ค่ะ
นพัสกร
เงินเดือนน้อยแต่มีความมั่นคงสูง อันนี้จริงครับแถมยังมี สินเชื่อหรือเงินกองทุนสำหรับค่าราชการอีกมากมายครับ แล้วก็ได้อะไรมากกว่ากว่าคนปกติธรรมดาด้วยครับ อย่างเช่นถ้าเราไปขอสินเชื่อ คนที่ทำงานรับราชการก็ได้ไปก่อนคนธรรมดาด้วย แต่ที่ดีที่สุดคือเรื่องของการเบิกค่ารักษา ที่พ่อแม่ก็ยังได้ส่วนนี้ไปด้วยถือว่าดีจริงๆนะ
เบล
เป็นอาชีพที่ดีเหมือนกันนะคะข้าราชการเนี่ย เพราะว่าดูเหมือนว่าจะมีวันหยุดให้ด้วยกับการทำงาน ตามปีปฏิทินของชาวไทย ตอนที่เกษียณหรือว่าอายุมากขึ้นก็ได้รับผลประโยชน์จากเงินบำเหน็จบำนาญด้วย แต่ถ้าเราลองคำนวณดูนะคะการทำอาชีพอื่นๆก็สามารถที่จะเก็บเงินหรือเลือกกองทุนที่จะช่วยให้เราได้รับผลประโยชน์ในวัยเกษียณได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องยึดติดเกี่ยวกับงานข้าราชการอย่างเดียวค่ะ
สุภัสสรา
อาชีพราชการ เป็นอาชีพที่ใครๆก็ต้องการ ถึงเงินเดินจะได้ไม่มากเท่าไร แต่ผลตอบแทนก็จะมากกว่าของเอกชนด้วยนะคะ นี้แหละคือข้อไปด้เปรียบ แต่ ถ้าเป็ฯชาวบ้านธรรมดาๆอย่างเราๆ ก็ได้เงินผู้สูงอายุ เดือนละ 5-6 ร้อยบาท มันน่าจะมีอะไรที่ช่วยให้คนสูงอายุได้รับเงินพอๆกับคนที่รับราชการบ้างนะคะ จะได้ไม่ลำบากตอนที่เขาทำงานไม่ได้