ในปัจจุบันนี้มีสินค้ามากมายที่ให้เลือกซื้อสำหรับการลดหย่อนภาษี ไม่ว่าจะเป็น RMF หรือ LTF ก็ต่างได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง LTF กันค่ะ หากเพื่อนคนไหนสงสัยว่า LTF นั้นคืออะไร ซื้อ LTF ยังไงให้ลดหย่อนภาษีได้คุ้มเกินคุ้ม! ใครบ้างที่ควรซื้อLTF เราสามารถซื้อLTFได้มากแค่ไหน ซื้อแล้วต้องถือไว้นานแค่ไหนถึงขายคืนได้? ช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการซื้อ LTF? ซื้อ LTF ตัวไหนดี เลือก LTF ได้แล้วจะซื้อยังไง วันนี้เรามีคำตอบมาให้เพื่อนๆทุกข้อสงสัยเลยค่ะ
LTF คืออะไร แล้วดียังไง?
Long Term Equity Fund ที่มีชื่อย่อว่า LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งกองทุนนี้เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่มที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาวและใช้สำหรับการลดหย่อนภาษี แต่อาจไม่มีเวลาในการติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด หรือไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LTF ที่นี่
ซื้อ LTF ยังไงให้ลดหย่อนภาษีได้คุ้มเกินคุ้ม!
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี นอกจากจะมีเทศกาลวันหยุดมากมายแล้ว นอกนั้นยังเป็นเทศกาลสู่ช่วงการซื้อกองทุนไว้สำหรับลดหย่อนภาษีของคนที่ทำงานกันอีกด้วย กองทุนที่นิยมในการซื้อมาที่สุดก็คงไม่พ้นจากเจ้ากองทุน LTF และ RMF ด้วยเหตุผลที่สำคัญเลยก็คือเราสามารถนำกองทุนเหล่านี้ไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ แต่คุณจะรู้จักเจ้ากองทุน LTF มากแค่ไหนวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้านี่แบบลึกซึ้งกันค่ะ
- ใครบ้างที่ควรซื้อLTF?: สำหรับคนที่ควรซื้อเจ้ากองทุน LTF นะคะ คือคนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี โดยคนที่มีฐานภาษีสูงก็จะได้ผลประโยช์จากการซื้อ LTF มากว่าคนที่มีฐานภาษีที่ต่ำกว่า อย่างเช่น สมมุติฐานภาษีของเราอยู่ที่ 40% ถ้าซื้อ LTF 2,000 บาท เราจะนำเงินตรงส่วนนี้มาหักจากรายได้พึงประเมิน 2,000 บาท ถ้าคำนวณแล้วเราสามารถประหยัดภาษีได้ 2,000 x 40% = 800 บาท นั่นมันเหมือนกับการซื้อกองทุน LTF ราคา 2,000 บาทที่มีมูลค่า 1,200 บาท แต่ถ้าหากฐานภาษีของเราอยู่ที่แค่ 20% คำนวณแล้วเราจะประหยัดภาษีได้ 1000 x20% = 200 บาท (เหมือนซื้อ LTF ราคา 1,000 บาท ที่ต้นทุน 800 บาท)
- เราสามารถซื้อLTFได้มากแค่ไหน: เราสามารถซื้อกองทุน LTF เท่าไหร่ก็ได้ค่ะ โดยที่ไม่จำกัดจำนวนเงินสูงสุด แต่ว่าทางกฎหมายนั้นได้กำหนดให้เราสามารถใช้สิทิ์ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และจำนวนเงินต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี เช่น มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีรวมทั้งปี 1,500,000 บาท จะสามารถลงทุนในกองทุนรวม LTF ได้สูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาท x 15% = 225,000 บาท ถ้าซื้อเกินสิทธิ เงินส่วนที่เกินมานั้นจะไม่สามารถนำมาใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีได้ และเราต้องถือต่อไปจนครบระยะเวลา แล้วระยะเวลาที่กำหนดไว้ก็คืออย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน ตั้งแต่ปีภาษี 2559 เป็นต้นไป และกำไรจากการขายกองทุนที่ซื้อเกินสิทธิต้องนำมารวมเป็นรายได้ประจำปี แล้วยื่นเสียภาษีอีกต่อด้วยค่ะ
- ซื้อแล้วต้องถือไว้นานแค่ไหนถึงขายคืนได้? : ตามกฎหมายได้กำหนดให้ผู้ซื้อกองทุน LTF ต้องถือครองกองทุนเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน ถ้าจะให้คิดง่ายๆเลยคือ อย่างน้อย 5 ปี 2 วัน อย่างเช่น ซื้อ LTF ในวันที่ 25 ธันวาคม 2559 จะต้องถือไปจนถึงวันที่27 มกราคม 2564 หากว่าเราขายกองทุนก่อนที่จะถึงเวลาครบกำหนด เราจะต้องเสียภาษีย้อนหลังพร้อมกับเงินเพิ่ม และถ้ามีกำไรจากการขายคืนต้องนำไปรวมเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีอีกด้วยค่ะ
- ซื้อLTFแล้วจะลดหย่อนภาษีได้กี่ครั้ง? : ถ้าเราเจ้าซื้อกองทุน LTF ในปีไหน เราก็สามารถนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้เพียงแค่ครั้งเดียวค่ะ หากว่าในปีต่อมาเราต้องการสิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีอีกเราก็ต้องซื้อกองทุน LTF อีกครั้งค่ะ
- กำไรจากการขายต้องเสียภาษีหรือไม่? : กำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน (กรณีที่เป็นไปตามเงื่อนไขการลงทุน) ไม่ต้องเสียภาษีค่ะ
- ช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการซื้อ LTF? : โดยปกติแล้วเวลาที่คนส่วนมากนิยมซื้อกองทุน LTF ก็คือช่วงปลายปี แต่อันที่จริงแล้วกองทุน LTF นั้น สามารถซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งถ้าเราซื้อในช่วงที่ราคาหุ้นนั้นเริ่มปรับตัวลงน่าจะดีที่สุด เพราะเราจะซื้อกองทุน LTF ด้วยต้นทุนที่ต่ำ แต่ถ้าหากว่าเราไม่มีความรู้เรื่องหุ้นหรือเราไม่มีเวลาที่จะไปซื้อเลย ก็ยังมีอีกวิธีหนึ่ง นั่นก็คือ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือที่เราเรียกว่า การทยอยซื้อแบบเฉลี่ยต้นทุน นั่นก็คือ การทยอยซื้อกองทุนทุกๆเดือน เดือนละจำนวนเท่าๆกันโดยที่ไม่สนใจว่าช่วงนั้นราคาหุ้นจะเป็นอย่างไรก็จะทำให้ต้นทุนการซื้อเราออกมาเป็นค่าเฉลี่ยของทั้งปีค่ะ
ซื้อ LTF ตัวไหนดี
หลักการของการซื้อกองทุนรวมนั้นก็เหมือนกับการที่เราเอาเงินลงทุนไปให้ผู้เชี่ยวชาญลงทุนให้ เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกลงทุนกับกองทุนใดกองทุนหนึ่งต้องทำการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ค่ะ
1.นโยบายการลงทุนของกองทุน
เราลงทุนในธุรกิจประเภทไหน โดยเน้นที่หุ้นปันผล หุ้นขนาดใหญ่ หุ้นเติบโต หรือว่าเราอ้างอิงตามดัชนี SET50 โดยเราสามารถหาอ่านได้จากหนังสือชี้ชวนได้เลยค่ะ ซึ่งในนั้นจะมีข้อมูลอยู่ในเว็บไซต์ของแต่ละกองทุน
2.เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน?
เพื่อนอาจจะเคยได้ยินคำนี้นะคะ ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ซึ่งก็ถูกจริงๆค่ะแน่นอนค่ะว่าทุกการลงทุนนั้นมีความเสี่ยง หากเราสามารถที่จะรับความเสี่ยงได้มากก็สามารถที่จะลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงมากได้เช่นกัน แต่ถ้าหากเรารับความเสี่ยงได้ค่อนข้างจำกัด แนะนำให้เราซื้อกองทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ซึ่งโดยผลที่ตามมาเราอาจะได้ผลตอบแทนน้อยกว่าในกรณีที่ได้กำไร แต่ถ้าหากขาดทุน ก็เจ็บน้อยกว่าเช่นเดียวกันค่ะ เจ็บนิดๆค่ะ
3.มีการจ่ายเงินปันผลหรือไม่?
นอกจากกองทุน LTF สามารถลดหย่อนภาษีได้แล้วนั้น ถ้าหากกองทุนนั้นมีการจ่ายเงินปันผลด้วย ก็เหมือนกับว่าเรานั้นได้กำลังสอง
เด้งเลยแหละค่ะ หลายๆคนก็เลยเลือกซื้อกองทุน LTF ที่มีนโยบายเกี่ยวกับการจ่ายปันผลค่ะ(ซึ่งเราก็ต้องเสียเงินภาษี 10% ของเงินปันผลนั้นด้วยค่ะ แล้วเรายังสามารถเลือกได้ว่าจะหัก ณ ที่จ่าย หรือว่าจะยังไม่หัก ณ ที่จ่าย ต้องนำเงินปันผลนั้นมารวมกับเงินได้ประจำปีด้วย เพื่อเสียภาษีตามฐานภาษีของเราค่ะ) ส่วนใครที่เลือกกองทุนแบบไม่จ่ายปันผล ก็ไม่ต้องจ่ายภาษีในส่วนนี้เช่นกันค่ะ
4.ผลการดำเนินงานย้อนหลังเป็นอย่างไร?
เช็คประวัติการดำเนินงานของ LTF กองที่เราสนใจซื้อ ตรวจสอบผลการดำเนินงานในรอบ 1 ปี 3 ปี หรือ 5 ปี ถ้าเป็นกองทุนที่จ่ายปันผลก็ต้องดูว่าจ่ายปันผลเท่าไหร่ สม่ำเสมอหรือไม่ และท่องไว้ในใจสักหน่อยว่า ผลการดำเนินงานในอดีตและปัจจุบัน ไม่ได้เป็นตัวการันตีผลการดำเนินการในอนาคต
เลือก LTF ได้แล้วจะซื้อยังไง
1.เตรียมเอกสารให้พร้อม
เอกสารที่สำคัญสำหรับการเปิดบัญชีกองทุนหลักๆมีด้วยกัน 2 อย่างนั้นก็คือ "สำเนาหน้าแรกของสมุดเงินฝากธนาคาร" และ "บัตรประจำตัวประชาชน" ซึ่งจะใช้ในกรณีที่รับเงินค่าขายคืน หน่วยลงทุน ผ่านบัญชีหรือแม้กระทั่งรับเงินปันผลซึ่งโดยส่วนมากแล้วทางบัญชีธนาคาร กับ บลจ. ที่เราจะซื้อกองทุนด้วยนั้น ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเป็นที่เดียวกัน แต่อาจจะมีบางธนาคารที่กำหนดแน่ชัดมาเลยว่าต้องใช้บัญชีเงินฝากของแต่ละธนาคารนั้นโดยเฉพาะ และถ้าหากเราไม่มีธนาคารนั้น ก็สามารถเปิดบัญชีเงินฝากพร้อมกับบัญชีกองทุนได้ที่ธนาคารในครั้งเดียวกันได้เลยค่ะ
2.พร้อมแล้วก็ไปเปิดบัญชีกันเลย
โดยเราสามารถไปติดต่อได้ที่ บลจ. หรือธนาคารที่เป็นตัวแทนซื้อขายกองทุนนั้นๆได้เลย สำหรับการเปิดบัญชีครั้งแรกนั้น เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารเพิ่มเติมให้เรามากรอกข้อมูล เช่น ใบคำขอใช้บริการธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต(แนะนำว่าเปิดบริการนี้ไปด้วยจะดีมาก เพราะเราจะได้สะดวกเวลาซื้อ-ขายหน่วยลงทุนครั้งต่อไป เพราะครั้งต่อไปเราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้เลย) บัตรลายมือชื่อ ใบคำขอเปิดบัญชีกองทุน หรือแบบประเมินความเสี่ยงในการลงทุนและเอกสารอื่นๆ เอกสารเพิ่มเติมนั้นมีให้เรากรอกข้อมูลเยอะทีเดียว เพราะฉะนั้นเตรียมเผื่อเวลาไปไว้ด้วยก็ดีค่ะ เผื่อมีข้อผิดพลาด
3.สั่งซื้อกองทุน
เมื่อเราได้ทำการเปิดบัญชีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็สามารถซื้อกองทุนได้เลย โดยที่เรากรอกข้อมูลลงไปในคำขอซื้อ เมื่อกรอกข้อมูลอะไรครบเรียบร้อยแล้วก็จะได้สมุดบัญชีที่เป็นกองทุนมาอีก 1 เล่ม และเราสามารถไปเปิดบัญชีกองทุนไว้ล่วงหน้าก่อน แล้วค่อยมาซื้อตอนหลังก็ได้ ยิ่งถ้าเรานั้นได้เปิดบริการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ตไว้แล้ว และเมื่อเราได้รับ Username และ Password ก็สามารถคลิกไปซื้อในอินเทอร์เน็ตได้เลย จะเห็นได้ว่าสะดวกสบายและรวดเร็วมาก และจะทำการชำระเงินจากการหักจากบัญชีธนาคารค่ะ ในแต่ละกองทุนก็จะมีการกำหนดอัตราขั้นต่ำในการซื้อไว้ด้วยนะคะ อย่างเช่น ในบางกองทุนอาจจะกำหนดให้ ซื้อหน่วยลงทุนขั้นต่ำครั้งแรก 2,000 บาท แล้วส่วนในครั้งต่อๆไปซื้อได้ขั้นต่ำ 1,000 บาท ซึ่งตรงนี้สามารถสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ของธนาคารได้ค่ะ
และสุดท้ายนี้ในการเลือกซื้อกองทุน LTF นั้น ควรที่จะวางแผนเรื่องเวลาให้ดี และซื้อกองทุน LTF ให้ทันเพื่อที่เราจะได้ใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนภาษีของในปีนี้ และยิ่งใกล้ๆปลายปีจะเป็นช่วงที่ผู้คนต่างออกไปซื้อกองทุนในการลดหย่อนภาษีต่างๆมากมาย เพราะว่าถ้าหากเราซื้อกองทุนไม่ทันเราก็จะอดได้ใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษี เท่ากับว่าเราต้องรอไปอีกทีปีหน้าเลย ยังไงสำหรับใครที่ไม่เคยซื้อกองทุน LTF เลย แล้วกำลังซื้อเป็นครั้งแรกศึกษาข้อมูลให้ดีๆก่อนที่จะเลือกซื้อนะคะ สุดท้ายนี้ดิฉันหวังว่าบทความทีฉันเขียนจะมีประโยชน์แก่เพื่อนๆไม่มากก็น้อย หากสนใจสอบถามเพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญจาก MoneyDuck ได้ที่นี
Khunsoek
ถ้าคุณอยากลงทุนอะไรสักอย่างด้วยเหตุผลที่อยากจะนำมาลดหย่อนภาษีผมขอแนะนำการลงทุนอย่างอื่น เพราะถึงแม้ว่าการลงทุนใน LTF จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ก็จริงแต่มีข้อกำหนดและลดหย่อนภาษีได้อย่างจำกัด ต่อให้คุณลงทุนมากๆเพื่อได้รับผลตอบแทนเยอะแค่ไหนก็นำมาลดหย่อนภาษีไม่ได้ทั้งหมดของผลตอบแทนที่ได้ครับ ไม่ได้ทำให้เราได้รับเงืนคืนเท่าที่หวังไว้ครับ
Doug
การลงทุนกับLTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งนะครับที่น่าสนใจสำหรับคนที่ทำงานและมีเงินเดือน ถ้าอยากได้รับการลดหย่อนภาษี ก็ให้ทำการลงทุนกับหุ้นตัวนี้เลยครับแต่ว่า ข้อมูลจากบทความนี้ดีมากเลย ช่วยให้เห็นว่าหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจที่จะเล่นเกี่ยวกับกองทุนนี้ ผมคิดว่าผมจะลองลงทุนกับหุ้นแบบนี้ดูครับไม่เคยคิดมาก่อนเลย
น้ำตาล
สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้วการซื้อกองทุนรวมระยะยาว จะช่วยให้สามารถได้รับการลดหย่อนภาษี และยังสามารถเป็นประโยชน์ในตอนที่เกษียณมีเงินก้อนไว้ใช้ด้วย จะเลือกใช้บริการของกองทุนรวมLTF ก็ดีเหมือนกันนะคะ บทความนี้ช่วยให้มีความรู้เกี่ยวกับกองทุนรวมLTF มากขึ้น แล้วทำให้วางแผนได้ว่าจะซื้อกองทุนรวมแบบไหนสำหรับตัวเราเอง
ธนภัทร
ถ้าคิดจะลงทุนกับกองทุนรวม LTF คงไม่ได้หวังจะเอาไปลดหย่อนภาษีอย่างเดียวหรอกนะครับ กองทุนนี้น่าสนใจนะสำหรับคนที่อยากจะกระจายการลงทุนของตัวเอง วิธีเลือกกองทุนก็ตามที่บทความนี้แนะนำมาแล้ว ถ้าใครที่ไม่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงก็เลือกให้ดีนะครับ เลือกที่ต่ำลงมาหน่อยอย่าเผลอไปเลือกลงทุนกับอันที่มีความเสี่ยงสูงล่ะ เดี๋ยวตามไม่ทันนะ
พิราบขาว
แม้บทความนี้ บอกเคล็ดลับสำหรับคนที่เสียภาษีมากๆแล้วอยากได้ภาษีคืนด้วย แบบนี้ คนก็เอาไปตามเยอะเลยสิ เดียวนี้คนอยากได้ภาษีคืนกันเยอะมากซะด้วย การซื้อกองทุนระยะยาว ถือว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับคนพวกนี้จริงๆแถมซื้อแล้วได้เงินปันผล แถมยังได้เงินภาษีคืนด้วย แบบนี้เขาเรียกว่ากำไรสองเด้งเลยจริงๆ ใครมีเงินเยอะรีบเลยนะ ใกล้จะถึงวันจ่ายภาษีแล้วนะ
Blue
ผมว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มมากนะ เห็นด้วยกับพิราบขาวเลยครับ ได้ทั้งลดหย่อนภาษี และได้ผลตอบแทนจากการลงทุน แต่ก็ต้องสำหรับคนที่คิดจะลงทุนอยู่แล้ว หรือคนที่มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีเยอะนะ เพราะการลงทุนเพื่อได้การลดหย่อนภาษีที่พิเศษๆต้องมีหลักการและวิธีการลงทุนด้วยนะ ไม่ใช่ว่าลงยังไงก็ลงได้นะครับมันมีเทคนิคอยู่หน่อยๆ
ทัพ
การลงทุนกับกองทุนยังไงก็มีข้อดีและข้อเสียอยู่แล้ว ก็คิดดูถ้าคนที่ไม่อยากจะให้เงินเป็นกองในธนาคารมีเฉยๆก็เลือกเอาเงินมาลงทุนกับกองทุนเลยก็ยังดีกว่า เพราะการลงทุนกับกองทุนรวมหรือว่ากองทุน ltf แบบนี้เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่ยังได้รับผลตอบแทนอยู่ แถมเป็นการลงทุนระยะยาวไม่ค่อยเครียดกับการลงทุนเท่าไหร่ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องเลือกช่วงจังหวะในการลงทุนที่ดีแค่นั้นเอง
โมโม่
ส่วนตัวเราสนใจ LTFมากกว่า เพราะเคยลองศึกษาและลองหาข้อมูลของแต่ละที่แล้วมีข้อเสนอดีๆเยอะ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลายๆคน แต่ถ้าใครคิดจะลงทุนเราคิดว่าเรื่องเงินเดือนหรือรายได้แต่ละปีก็สำคัญนะ เพราะจะมีผลต่อการตัดสินใจในการที่เลือกกองทุน ว่าควรเลือกกองทุนประเภทไหนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด ยังไงก็ต้องรีบซื้อให้ทันกันนะคะ จะได้ไม่อดใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษี
ชัยชนะ
การลงทุนแบบนี้ ถ้าเป็นกลุ่มที่เสียภาษีรายปี ที่ไม่แพงมาก มักไม่ค่อยคุ้มค่าครับ คนที่ต้องเสียภาษีปีละเป็นแสนๆล้านๆ นะลงทุนในกลุ่มแบบนี้ครับ เห็นจากการคำนวนแล้วก็ลดได้หลายแสนเลยนะครับ แต่ดีนะครับที่กองทุนพวกนี้กำหนดเงินลงทุนเอาไว้ที่ 500,000บาท ครับไม่อย่างนั้นคนที่ต้องเสียภาษีมากๆก็ได้เปรียบแน่นอนครับ
เบน
กองทุน ltf เหมาะสมสำหรับคนที่มีเงินเดือนเยอะๆค่ะ ถ้าคิดถึงเกี่ยวกับเมื่อมีเงินเดือนเยอะๆและจำเป็นต้องเสียภาษีประจำปีรายได้บุคคล ต้องยื่นภาษีและเสียเงินในส่วนของภาษีไป เพื่อที่จะช่วยในการลดหย่อนภาษีได้ก็ต้องหากองทุนที่จะไปลดหย่อนค่า กองทุน ltf จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีเงินเดือนเยอะค่ะ แต่ถ้าถามว่าจะเลือกตัวไหนนั้นก็ต้องตัดสินใจเอาเอง
Dino
@ทัพ ผมก็เห็นด้วยกับคุณนะครับที่ว่าการลงทุนกับกองทุนเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ซึ่งเอาการลงทุนในหุ้นมาเทียบไม่ได้เลย แต่ก็เหมาะกับคนที่มีเงินเย็น แล้วสามารถรอผลตอบแทนระยะยาวได้ พยายามแบบนี้ถึงแม้ผลตอบแทนก็ได้แน่นอนแต่ก็ต้องรอหน่อย ใครอดใจไม่ไหวหรือใจไม่เย็นพอก็อาจจะต้องลงทุนกับกองทุนระยะสั้นไปก่อน
อดุลย์
กองทุนแบบนี้ถ้ามีเงินเป็นก้อนก็น่าลงทุนนะครับ ใครที่สามารถจัดสรรเงินเอามาลงทุนแล้วไม่กระทบกับส่วนอื่นๆ น่าลงทุนมากนะครับ แล้วถ้าหากองทุนตัวนี้แบบที่มีเงินปันผลด้วยก็เข้าท่าไปใหญ่เลยครับ ไม่ต้องถือกองทุนเป็นระยะเวลานานๆก็ได้เงินปันผลมาใช้แล้วละครับ ช่วงนี้ถ้าใครไม่เดือดร้อนจากโควิดแล้วไม่รู้จะลงทุนอะไร เอาเลยครับ
-4Panom
หากจะซื้อ LTF เพื่อการลดหย่อนทางภาษีอย่างเดียวคงไม่คุ้มมั้งครับ แต่ถ้าซื้อเพราะว่าอยากลงทุนอยู่แล้ว อยากจะเพิ่มเงินเก็บตัวเองให้มีมากขึ้น อย่างนี้ก็น่าซื้อครับ ยังไงก็ต้องดูรายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อตามที่บทความนี้บอกมา ก็ดีนะครับที่ช่วยให้คนที่สนใจทั้งเรื่องกองทุนและการลดหย่อนภาษีได้รู้ข้อมูลมากขึ้น
อนุช
ใช่การซื้อการลงทุนพวกนี้อย่างน้อยๆเราก็ต้องหวังได้กำไรกับเงินปันผลด้วยใช่ไหมคะ แต่ถ้าเป็นชาวบ้านอย่างเราๆที่ทำงานประจำเงินเดือนไม่มาก การลงทุนแบบนี้อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีแบบที่เพื่อนๆบางคนบอกก็ได้คะ เพราะการลงทุนแบบนี้ใช้เงินทุนที่ค่อนข้างมาก ถ้ามีเงินมากขนาดนั้นต้องเป็นเงินไม่ไม่ได้เอาไปใช้อะไรด้วย
เต็มTem
เคยได้ยินชื่อกองทุนนี้อยู่นะครับ จะมาคู่กันกับอีกตัวนึงนั่นแหละ มีความแตกต่างกันนิดหน่อย แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหนก็เลือกลงทุนกับกองทุนประเภทนั้น แต่ก่อนที่จะลงทุนต้องศึกษารายละเอียดให้ดีกันสักหน่อย การลงทุนนั้นจะได้เกิดผลอย่างที่ตั้งใจไว้ครับ แหม..เงินลงทุนก็ไม่ใช่น้อยๆ จะกี่บาทมันก็เงินของเรา ต้องระวังกันหน่อย
VVirada:)
นี่แค่คำถามตอนต้นบทความนะคะ "LTF นั้นคืออะไร ซื้อยังไงให้ลดหย่อนภาษีได้คุ้มเกินคุ้ม ใครบ้างที่ควรซื้อ แล้วซื้อได้มากแค่ไหน ต้องถือไว้นานแค่ไหนถึงขายคืนได้ ช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการซื้อ LTF จะซื้อ LTF ตัวไหนดี พอเลือกได้แล้วจะซื้อยังไง?" ถ้าจะให้คำตอบสำหรับคำถามมากมายขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่ซื้อเพื่อการนำไปลดหย่อนภาษีแล้วล่ะ
%5Dechtad
ดูจากคำอธิบายของ บทความนี้แล้ว การซื้อ LTF น่าสนใจนะครับ บทความนี้บอกว่า LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เน้นการลงทุนในหุ้นเป็นหลัก เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่มที่ต้องการลงทุนแต่อาจไม่มีเวลาในการติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด หรือไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น น่าจะลองลงทุนในกองทุนนี้ไว้บ้างนะครับ ไม่ต้องรีบร้อนดี