หากจะเอ่ยถึงเรื่องของ “การวางแผนการเกษียณ” สำหรับบางคนอาจจะให้ความสำคัญ และเริ่มลงมือทำอย่างต่อเนื่องกันมาช่วงเวลาหนึ่งกันแล้ว ในส่วนที่บางคนอาจเพิ่งเริ่มต้น หรือเริ่มกันมาแล้วเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในขณะที่หลายๆคนอาจมองเป็นเรื่องไกลตัว จึงมองข้ามไปและยังไม่ได้คิดที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย
ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนนั้น ล้วนก็มีเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาให้เป็นข้อท้าทายกันในแต่ละวัน ปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามาและคอยสร้างแรงกดดันในชีวิตไม่เว้นแต่ละวันนั้น ทำให้บางคนมุ่งที่จะให้ความสำคัญแต่การแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันมากเสียจนเกินไป จนหลงลืมที่จะคิดถึงสถานการณ์ที่จะต้องเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคตค่ะ และด้วยการที่แต่ละคนจะยกให้เรื่องไหนเป็นเรื่องสำคัญของตัวเองนั้น ก็ล้วนเกิดขึ้นจากความคิด และทัศนคติภายในของแต่ละบุคคลนั่นเองค่ะ ว่าจะให้เรื่องใดเป็นสิ่งสำคัญของชีวิตเรา นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้คนเรามีการวางแผนการเกษียณของตัวเองที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
ในปัจจุบันมีถึง 54% ที่ยังต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นหลังเกษียณอายุกันอยู่ นับว่าเป็นจำนวนตัวเลขที่สูงกันเลยทีเดียวนะคะ สำหรับชีวิตเกษียณของคนเราที่ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในวันนี้เรามีบทความดีๆมาให้เพื่อนๆได้ติดตามกันค่ะว่า มีอะไรบ้างที่เป็นทัศนคติที่เป็นพิษต่อแผนเกษียณของคนเรา ที่พาให้คนเรานั้นครั้นถึงเวลาเกษียณจริงๆแล้วจำต้องพึ่งพาผู้อื่นอยู่
ไม่สำคัญนะ
การจัดลำดับความสำคัญและให้ความสำคัญแต่กับสิ่งปัจจุบัน สิ่งที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่เคยคิดโฟกัสไปที่เรื่องอนาคตไว้บ้างเลยนั้น เป็นด่านแรกที่คนเราส่วนใหญ่มักจะติดกับดักนี้ เป็นกับดักที่ถูกสร้างขึ้นจากความคิดของตัวเองที่สร้างพิษจนพาให้แผนการเกษียณเพื่ออนาคตของคุณพังลง เพราะความคิดที่เป็นพิษว่า วันนี้ต้องซื้อบ้านก่อน ซื้อรถก่อน ซื้อโน่นซื้อนี่ก่อน ซึ่งทุกสิ่งที่ทำล้วนเป็นเป้าหมายแค่ระยะสั้น พาให้คุณคิดและทำแต่เป้าหมายระยะสั้นนี้เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับในตอนนี้ก่อนเสมอ มันจึงเป็นเป็นเหตุให้คนเราส่วนใหญ่หมดเงินที่จะไปเก็บให้กับสิ่งสำคัญยิ่งในอนาคตของตนเองค่ะ
ความเป็นจริงนั้น “การวางแผนทางการเงินเรื่องการเกษียณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเป็นเป้าหมายแรกที่คุณควรเริ่มทำตั้งแต่เริ่มต้นชีวิตการทำงานและต้องทำอย่างต่อเนื่องจนถึงวันเกษียณ เพราะชีวิตเกษียณเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ และเป็นช่วงชีวิตที่มีแต่ค่าใช้จ่าย แต่กลับหารายรับได้ยากยิ่งไปตราบเท่าที่คุณหายใจอยู่“
ไม่เห็นต้องรีบร้อน
คนเราส่วนใหญ่ในทุกๆวันนี้ มักมีความคิดในการออมเงินเพื่อวางแผนการเกษียณแบบไม่ถูกต้อง นั่นคือรอจนอายุ 45-50 ปีแล้วค่อยเริ่ม หรือคิดแต่เพียงว่าไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย ใกล้ๆแล้วค่อยเริ่มก็ยังทัน ซึ่งความคิดแบบนี้นั่นเองที่ทำให้เป็นพิษต่อการวางแผนเกษียณของตัวเอง เมื่อคุณเกิดความคิดที่มันเป็นพิษ การตัดสินใจที่จะลงมือทำจึงไม่ได้เริ่มต้นขึ้นเสียที ผลัดวันประกันพรุ่งในการออมเรื่อยไป จนท้ายสุดแล้วจึงเป็นเหตุให้ยามเกษียณจำเป็นต้องพึ่งพาผู้อื่น เพราะเนื่องจากระยะเวลาการออมของคุณนั้นสั้นมากจนเกินไป พาให้เงินที่ออมนั้นมีไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่หลังเกษียณอายุค่ะ
ความเป็นจริงนั้น “การออมอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยควรเริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย จะทำให้คุณมีเวลาในการออมที่มาก และยิ่งคุณให้ระยะเวลาในการออมได้มากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งใช้จำนวนเงินน้อยในการออม ทำให้ไม่เกิดความกดดันในการออมทั้งในวันนี้และในอนาคต”
ยังทำงานอีกนาน กลัวอะไร
ในอดีตคนที่ทำงานประจำไม่ว่าจะทั้งภาครัฐหรือเอกชนนั้น มักรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน ซึ่งมักทำให้ไม่ค่อยกลัวเรื่องชีวิตหลังเกษียณกันสักเท่าไหร่ เพราะในสมัยนั้นมีการกำหนดการเกษียณอายุไว้ที่อายุ 60 ปี แต่ในปัจจุบันโลกเปลี่ยนไป การเกษียณอายุของคนที่ทำงานในสมัยก่อนที่เคยกำหนดไว้ที่อายุ 60 ปีนั้นในปัจจุบันนั้นก็กลับกลายเป็นอยู่เพียงแค่อายุ 50-55 ปี
อีกทั้งเรื่องของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้น จึงเป็นเหตุให้องค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนนั้นลดจำนวนแรงงานลงและหันมาใช้เทคโลยีกันแทน เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายขององค์กร ชีวิตผู้คนในเรื่องความมั่นคงในการทำงานทุกวันนี้จึงต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ความไม่แน่นอนในงานที่ทำอยู่มีมากขึ้นกว่าคนในสมัยก่อน การมีความคิดที่เป็นพิษที่ว่า “ยังทำงานอีกนาน ไม่เห็นต้องกลัวอะไร” จึงเป็นความคิดที่เป็นพิษ ที่จะทำลายแผนเกษียณของคุณที่สวนทางกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้อย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียวค่ะ
ความเป็นจริงนั้น “ไม่มีองค์กรไหนรับประกันได้ว่าจะเลี้ยงคุณให้ทำงานอยู่จนถึง 60 ปี เพราะเด็กรุ่นใหม่นั้นทำงานได้หนักกว่า ดีกว่า พัฒนาศักยภาพได้ง่ายกว่า แถมเงินเงินเดือนยังถูกกว่าเกิดขึ้นในทุกๆวัน”
ค่าเล่าเรียนลูกสำคัญสุด เรื่องตัวเองค่อยมาคิด
“ลูก” คือดวงใจสำหรับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคน หลายๆคนเชื่อว่า “การศึกษา” เป็นการลงทุนที่พ่อแม่สามารถมอบให้ลูกแล้วจะติดกับตัวลูกไปได้ตลอดชีวิตของเขาใช่ไหมคะ พ่อแม่บางคนยอมทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ลูกได้รับการศึกษาดีที่สุด มีชีวิตที่เติบโตอยู่ในโรงเรียนที่คิดว่ามีสังคมที่ดี ยอมทุ่มเทเงินทอง เงินเก็บที่มีทั้งหมดของตัวเองเพียงเพื่อจะยอมซื้อสังคมดีๆให้กับลูก ให้ลูกได้เติบโตและได้รับการศึกษาอยู่ในรั้วโรงเรียนดังๆที่มีชื่อเสียงถึงแม้จะหมดตัวก็ยอม ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกสำหรับหัวอกของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ค่ะ ที่จะยอมเสียสละทุกสิ่งได้เพื่อลูก แต่เชื่อไหมคะว่าการคิดที่จะให้ลูกได้รับการศึกษาดีๆ โดยที่ไม่ได้นึกถึงสภาพความเป็นจริงทางการเงินในปัจจุบันของคุณเองนั้น จัดได้ว่าเป็นความคิดที่เป็นพิษ ที่จะพาให้แผนเกษียณของคุณพังลงได้ในพริบตา เพราะคุณจะนำเงินเก็บที่มีค่อยๆทะยอยออกมาจนหมดเพื่อมาจ่ายค่าเล่าเรียนของลูกๆในแต่ละเทอมค่ะ
ความเป็นจริงนั้น ”การศึกษาของลูกเป็นสิ่งสำคัญที่คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นควรมอบให้แก่ลูกๆก็จริงอยู่ แต่อย่าลืมว่าให้คิดถึงตัวคุณเองในอนาคตซึ่งก็ต้องแก่ตัวลงด้วยเช่นกัน “
ให้ลูกเลี้ยงสิ กลัวอะไร
นี่เป็นความคิดของคนในสมัยก่อน ที่หวังว่าลูกๆจะมาเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่ชราลง ซึ่งความเป็นจริงในยุคปัจจุบันด้วยสภาพของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ครอบครัวของคนในยุคนี้โดยส่วนมากจะเป็นแบบครอบครัวเดี่ยว สภาพเศรษฐกิจที่บีบรัด และค่าครองชีพที่พุ่งสูงขี้นในทุกๆวันนี้ ทำให้ลักษณะการใช้ชีวิตแต่ละคนต้องดิ้นรนอย่างมากเพื่อเอาตัวรอด การใช้ชีวิตโดยส่วนใหญ่จะเป็นแบบต่างคนต่างอยู่ คนที่เป็นลูกเองก็มีภาระมากมาย ไหนต้องหาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงลูกตัวเอง หากคุณเองเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมคิดวางแผนเกษียณตัวเองด้วยเหตุผลนี้ ก็เท่ากับว่าคุณมีความคิดที่เป็นพิษในตัวเองอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะก่อผลเสียที่เกิดขึ้นในอนาคตทั้งกับตัวคุณเอง และลูกๆของคุณ เพราะตัวคุณนั้นต้องตกภาระของลูกๆในอนาคตค่ะ
ความเป็นจริงนั้น “หากคุณเป็นพ่อเป็นแม่ที่รักลูกจริงๆ การวางแผนเกษียณของตัวเองนับว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดจะช่วยทั้งตัวคุณเอง และลูกๆของคุณในวันข้างหน้า เพราะคุณสามารถอยู่ได้โดยที่ไม่ได้ไปสร้างภาระเพิ่มให้กับลูกๆของคุณนั่นเองค่ะ”
ลงทุนแล้วขาดทุนนะ
สิ่งที่คุณจะต้องเผชิญในการออมเงินเพื่อวันข้างหน้านั้นนั่นคือ “ภาวะเงินเฟ้อ” จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องหาแนวทางเอาชนะภาวะเงินเฟ้อนี้ควบคู่ไปกับการเก็บออมเพื่ออนาคต หลายๆคนมักกลัวกับการลงทุน เพราะกลัวการขาดทุน จึงเป็นเหตุให้เงินออมของคุณที่เก็บออมมานานก็ไม่มีความคืบหน้า หรืองอกเงยไปได้เท่าที่ควรจะเป็น แม้ว่าการลงทุนอาจจะมีบ้างที่ต้องเจอภาวะขาดทุน แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่คุณต้องกลัวจนไม่กล้าที่จะไปเลือกการลงทุนใดๆเลย เพราะฉะนั้นการที่เรากลัวการขาดทุนมากจนเกินไปนี้จึงเป็นความคิดที่เป็นพิษอีกอย่างหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าพิษจากข้อนี้อาจจะไม่ได้ทำให้แผนการเกษียณของคุณต้องพังลง แต่คุณจะมีไม่เพียงพอตลอดชีวิตหลังเกษียณ จนสุดท้ายแล้วคุณก็ไม่แคล้วที่จะต้องไปพึ่งพาคนอื่นอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะ
ความเป็นจริงนั้น “อย่ากลัวที่จะลงทุนเพราะแค่กลัวการขาดทุน คุณควรทำการศึกษาด้านการลงทุนเอาไว้บ้าง และเลือกการลงทุนในแบบที่คุณยอมรับความเสี่ยงได้ เพราะการเก็บออมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถสร้างความมั่งคั่งขึ้นได้ แต่การเลือกแหล่งลงทุนที่ดีต่างหากล่ะ ที่จะช่วยสร้างความมั่งคั่งในอนาคตได้ดีแบบที่คุณไม่ต้องอดออมอะไรให้มากมาย”
แก่แล้วไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเยอะหรอก
คนส่วนใหญ่มักมองขีวิตของคนในวัยเกษียณว่า “แก่แล้ว ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเยอะหรอก” กินก็น้อย วันๆก็ใช้ชีวิตอยู่บ้าน ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตเรียบง่าย ปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ สบายๆไปวันๆ ถ้าเรามองเผินๆแล้วมุมมองชีวิตของคนเกษียณดังที่กล่าวมานี้ก็อาจจะเป็นจริงอย่างนั้น แต่นั่นเป็นเพียงการมองแบบผิวเผินค่ะ แถมการมองในลักษณะแบบนี้นั้น ยังจะพาให้คุณมีความคิดที่เป็นพิษต่อตัวคุณเองอีกด้วย เพราะทำให้คุณไม่เกิดความกระตือรืนร้นที่คิดจะวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณเลย ซึ่งหากคุณมองให้ลึกลงไป คุณจะรู้ว่าจริงๆแล้วนั้น คนเรายิ่งแก่ลงมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะสิ่งที่เพิ่มขึ้นมานั่นคือ ค่ารักษาพยาบาล นั่นเอง ซึ่งหากคุณไม่ได้คิดวางแผนเกษียณมาเลย หรือวางแผนมาได้ไม่ดีพอ ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาลตรงนี้ จะตกเป็นภาระให้กับคนที่คุณรักในทันที โดยที่พวกเขามิอาจจะบ่ายเบี่ยงกันได้เลยล่ะค่ะ
ความเป็นจริงนั้น “สิ่งจำเป็นของชีวิตในยามชราตัวคุณเองรู้ดีอยู่แล้วว่าจำต้องมีอะไรบ้าง การเตรียมพร้อมจะรับมือกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคตเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ อย่าประเมินค่าใช้จ่ายของช่วงชีวิตยามชรานั้นต่ำจนเกินไป เพราะยิ่งคุณประเมินไว้ต่ำมากเท่าไร ภาระที่เหลือจะตกอยู่กับคนข้างหลังคุณมากขึ้นเท่านั้นค่ะ”
เปลี่ยนความความคิด สู่ชีวิตเกษียณสุข
การเรียนรู้ชีวิตจริงจากคนที่เกษียณแล้วสุข กับคนที่เกษียณแล้วทุกข์มีให้เราได้เลือกที่จะเรียนรู้กันอย่างมากมาย ซึ่งหากเรานำประสบการณ์ของพวกเขาเก็บนำมาคิดเป็นบทเรียนให้กับเรา มันจะสามารถช่วยให้เราเปลี่ยนทัศนคติของตัวเองในการวางแผนเกษียณของเราให้ดีมากขึ้น เพราะชีวิตในวัยเกษียณนั้นเราทุกคนไม่สามารถเลี่ยงได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะกำหนดชีวิตเราในวันข้างหน้าได้ว่าเราอยากเป็นคนหนึ่งที่เกษียณแล้วมีสุข หรือเป็นคนหนึ่งที่เกษียณแล้วมีทุกข์ค่ะ
Karn
ผมบอกเลยว่าทัศนะคติที่บทความนี้บอกมาอยู่ในความคิดผมหมดเลย เพราะผมไม่สนใจการวางแผนเพื่อเกษียณ คิดเสมอว่าจะรีบอะไรตอนนี้ผมเองก็พึ่งอายุ 22 เรียนจบใหม่หมาดๆ แต่พอมาอ่านบทความนี้แล้วก็เริ่มเปลี่ยนความคิดนะ ว่าคิดแบบนั้นมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดี๋ยวตอนแก่จะลำบากเอาได้ เริ่มหันมาดูตัวอย่างที่ไม่ดีของคนที่ไม่วางแผนเกษียณอย่างตากับยายผม ตอนนี้อยู่วัยเกษียณเต็มตัวแต่ไม่ได้เตรียมเงินอะไรไว้ค่อนข้างเดือดร้อนลูกหลานอยู่มากครับ
Chanchira
แม้แต่คนที่วางแผนจะเกษียณอายุในวัยทำงาน ก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงความคิดหรือทัศนคติที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นด้วย ก็เพื่อนที่ในอนาคตจะมีเงินไว้ใช้จ่าย วิธีจะช่วยให้วัยเกษียณสามารถช่วยเหลือตัวเองได้จากเงินของตัวเองแล้วไม่เดือดร้อนลูกๆหลานๆ ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนทัศนคติหรือเปลี่ยนความคิดตามแบบที่ได้กล่าวมาเลยนะครับ
น้ำฝน
การวางแผนการเงินเกี่ยวกับช่วงเวลาการเกษียณ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่ควรที่จะมองข้าม เพราะว่าถ้าเรามองข้ามผลกระทบก็คือตัวเราเองจะไม่มีเงินใช้ในอนาคตค่ะ ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก บทความนี้ทำให้ฉันเห็นว่ามีทัศนคติแบบไหนบ้างที่เราไม่ควรคิด ตอนที่เรากำลังคิดจะเก็บเงินไว้สำหรับวัยเกษียณ ไม่อย่างนั้นล่ะแย่แน่ๆ
ปาณิศา
ชอบชื่อบทความนี้มากเลยค่ะ ถึงขั้นเป็นพิษกันเลยทีเดียว555 ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้คิดเรืองวางแผนเกษียณเท่าไหร่ พอมาอ่านบทความนี้แล้ว ต้องเริ่มคิดใหม่แล้วละ บางอย่างเราก็ลืมไปหรือไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นจริงๆนะ บทความนี้มาชวนให้คิดมากขึ้น เรื่องหวังให้ลูกมาดูแลเนี่ย เดี๋ยวนี้หวังยากนะคะ ยิ่งเห็นข่าวลูกทิ้งพ่อแม่ไม่มาดูแล..เห็นแล้วเศร้าใจค่ะ
ริซ่า
เห็นลุงข้างบ้านแล้ว อยากเล่าให้ฟังเลย เจามีลูกตอนอายุ 45ปี ตอนนี้ เขาอายุ 60แล้ว แต่ก็ยังทำงานหนักอยู่ คือทำงานทุกอย่างเลย เขาบอกว่ามันต้องทำเพราะลูกกำลังเรียน เห็นแล้วน่าสงสารเลย คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ คงทิ้งลูกไม่ได้หลอก ยิ่งจะให้มาเก็บเงินไว้ใช้ตอนที่ตัวแก่กว่านี้ เราว่ายิ่งยากเลย แล้วคนที่เป็นแบบนี้ในบ้านเรา เราคิดว่ายังมีอีกมากนะ
แพนเค้ก
เราเองก็เห็นตัวอย่างของผู้ใหญ่ในบ้านเหมือนกันว่าการที่พวกเขาไม่วางแผนเกษียณมันทำให้เดือดร้อนลูกหลานยังไงบ้าง เราก็เลยสนใจเรื่องของการวางแผนเกษียณมากเลยตอนนี้ พยายามหาข้อมูลเพื่อวางแผนอย่างดีที่สุดเพื่อตัวเอง และคนในครอบครัวจะได้ไม่ลำบากค่ะ บทความนี้ก็ช่วยได้มากให้ขจัดความคิดที่ไม่ได้เรื่องการเกษียณออกไป อย่างหลายคนชอบบอกว่าไม่สำคัญ หรือไม่รีบอะไรแบบนั้น
นนท์
ก่อนหน้านี้ผมก็เคยคิดนะครับว่าการวางแผนสำหรับเกษียณยังไม่ค่อยสำคัญเพราะมันอีกตั้งหลายสิบปีแหนะ แต่พอเห็นข่าวในทุกวันนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งการวางแผนบางเรื่องไว้ตั้งแต่เนิ่นๆก็ดีกว่า ตอนนี้ผมเริ่มมองเห็นแล้วครับว่าการวางแผนสำหรับเกษียณในสำคัญ แต่ว่าไม่จำเป็นต้องรีบก็ได้ค่อยๆทำไปตั้งแต่ตอนนี้ แล้วก็ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีลูกพออ่านตรงนี้แล้ว ถ้ามีลูกดีๆสักคนก็ดีอยู่ไม่น้อยนะครับ
เด็กบ้าหน้าซอย
คำนี้แหละที่อันตรายที่สุด “ยังทำงานได้อีกนานไม่ต้องกังวล” เดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไปแล้วนะครับอย่าคิดอย่างนั้นครับ คนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ 30 ก็แทบจะหางานยากแล้ว บอกเลยว่าถ้าอายุ 40 ขึ้นไป เขาไม่ค่อยอยากจะเลี้ยงไว้ในบริษัทหรอกครับ เดี๋ยวนี้เขาอยากจ้างคนที่อายุน้อย ค่าจ้างถูกๆ อีกอย่างหนึ่งคนอายุน้อยก็ฝึกง่ายด้วย ไม่ได้ฝึกยากเหมือนคนที่อายุมาก
โตโต้
สองเรื่องแรกนี่ คนส่วนใหญ่มักบอกเลย ว่า ยังอีกนานค่อยเก็บก็ได้ หรือบางคน ก็บากว่าไม่เป็นไรยังทำงานได้อยู่ ค่อยว่างแผนก็ได้ คิดแบบนี้ผิดจริงๆนะครับ เวลามันผ่านไปเร็วมากกว่าเมื่อก่อนนะครับ ดูสิครับตอนนี้เราจะเข้าปีใหม่อีกแล้วนะครับ การที่เราชะล้าใจเกี่ยวกับเรื่องเวลามันจะส่งผลเสียนะครับแถมอาจตั้งตัวไม่ทันด้วยก็ได้
นิ่ม
ก็ยังทำงานอีกตั้งนานจะกลัวอะไรล่ะคะ เพิ่งจะรู้ว่าแนวคิดแบบนี้เป็นอันตรายต่อแผนวัยเกษียณด้วย เพราะว่าตัวเองแข็งแรง แล้วดูเหมือนว่ายังมีเวลาอีกนานที่จะเก็บเงินหรือทำการลงทุนกับกองทุนรวมหุ้นต่างๆ ก็เลยไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการเก็บเงินสําหรับวัยเกษียณค่ะ แต่ก็การมีความคิดแบบนี้ไม่ได้ดีเลยนะคะมีแต่จะบั่นทอนเงินที่จะมีไว้สําหรับวัยเกษียณค่ะ
Amma
@นิ่ม ทัศนคติแบบคุณนี่ไง ที่ทำให้หลายคนวางแผนช่วงเกษียณไม่ทัน ถ้าคิดว่ายังอีกไกล เพราะจริงๆแล้วเวลาผ่านไปเร็วมากนะคะในแต่ละวัน เหมือนบทความนี้บอกทรรศนะหลายอย่างเลยที่ทำให้หลายคนมีชีวิตการเงินที่ไม่มั่นคงตอนแก่ คนไทยหลายคนเป็นแบบนั้นนะคะก็เลยคาดหวังที่จะให้ลูกหลานต้องมาคอยเลี้ยงดูตอนแก่ ต่างจากคนต่างชาติ ที่มักจะดูแลตัวเองได้แล้วเป็นหลักมั่นคงให้ลูกหลานเสียด้วยซ้ำ
๋Jiraporn00
ด้วยความที่ยังทำงานไหวอยู่ บางทีเราก็คิดว่าตัวเองสามารถทำงานได้อีกนานเลยยังไม่ได้วางแผนเรื่องการเกษียณ ซึ่งอย่างที่รู้ว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก พอมาถึงวันที่เราใกล้จะเกษียณมากแล้วจริงๆ มันก็แบบอาจจะเตรียมตัวไม่ทันแล้วอะ มาอ่านบทความนี้แล้วก็ทำให้เราคิดถึงการเตรียมตัวและการวางแผนก่อนถึงวันเกษียณเหมือนกันนะคะ
อนุช
ที่บอกมาทั้งเจ็ดข้อมันช่างตรงใจเราจริงๆเลยคะ เราคนหนึ่งเลยคะที่คิดว่ายังมีเวลาในการทำงานอีกหลายปี ตอนนี้เราอายุ 40 นั้นแสดงว่าอย่างน้อยๆเราน่าจะทำงานได้อีกมากกว่า15ปี เราคิดว่าตอนนี้อยากได้อะไรอยากทำอะไรก็จัดไปก่อนเลยดีกว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลยคะ อ่านแบบนี้แล้วต้องมานั้งคิดแล้วก็ต้องจัดระเบียบตัวเองใหม่แล้วละคะ
เต็มTem
ในบทความนี้พูดถึงการเลี้ยงดูลูกให้เรียนในที่ดีๆ หรือให้อะไรหลายๆอย่างกับลูก คนที่เป็นพ่อแม่ก็ย่อมอยากให้ลูกได้สิ่งที่ดี แต่ก็น่าคิดครับว่าพ่อแม่ลืมเรื่องการเกษียณอายุของตัวเองไปเลย เงินทองที่มีก็ทุ่มให้กับลูกไปหมดแล้ว การคิดวางแผนเรื่องการเกษียณกับการจ่ายค่าใช้จ่ายๆต่างๆอย่างสมดุลเป็นเรื่องสำคัญจริงๆครับ
VVirada:)
ในปัจจุบันมีถึง 54% ที่ยังต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นหลังเกษียณอายุกันอยู่ ถือว่าเป็นจำนวนที่สูงเลยนะคนวัยเกษียณที่ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง นี่เป็นตัวเลขตอนที่เขียนบทความนี้ แล้งตอนนี้ล่ะตัวเลขจะสูงกว่านี้มั้ย ต้องลองอ่านบทความนี้แบบจริงจังอีกครั้ง เผื่อจะได้เตรียมตัวทำบางอย่างได้ ไม่อย่างนั้นจะเป็นหนึ่งใน 54% นั้นแน่เลย
AnuPongครับ
ก็จริงนะที่บทความนี้บอกว่า ความคิดที่ว่า "แก่แล้วไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเยอะหรอก" ถือเป็นพิษต่อแผนเกษียณ หลายคนคิดอย่างนี้นะ คิดว่าผู้สูงอายุไม่ต้องใช้เยอะ จะเอาเงินไปทำอะไรมากมายเพราะไม่ค่อยได้ไปไหน แต่คงลืมไปว่าผู้สูงอายุมีโอกาสเจ็บป่วยและเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายนะครับ เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ต้องใช้เงินอยู่ดี