คำถามยอดฮิต เกิดขึ้นแล้วว่า ‘นักศึกษาทำบัตรเครดิตได้ไหม?!’ เพราะทุกวันนี้ วัยรุ่นวัยเรียน ก็เล็งเห็นผลประโยชน์ที่มากกว่า ถ้าเรามีบัตรเครดิตไว้สักใบ คงช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายและง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการรูดจ่ายค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ โดยไม่ต้องพกเงินสดช่วยป้องกันการสูญหายหรือโจรกรรมได้ดี หรือเรื่องการผ่อนจ่ายคืนทีหลังแบบปลอดดอกเบี้ย 0% หากครบเดือนก็มีใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายให้เราตรวจสอบการใช้จ่ายได้เป็นระเบียบ แถมมีส่วนลดและโปรโมชั่นการชำระเงินที่มากกว่า เครดิตเงินคืนสำหรับการช็อปปิ้งออนไลน์ อย่างแอพพลิเคชั่นยอดฮิตทั้ง Lazada Shopee หรือการสะสมไมล์และสะสมคะแนนในแบบที่เงินสดก็ให้เราไม่ได้เมื่อจองตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมผ่าน Traveloka ที่มักตัดเงินจากบัตรเครดิต หรือ Grab และ Line Man ด้วย เพื่อให้ทันกับเทรนด์ดิจิทัลในสังคมเรา
แต่อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ ปกติแล้วการสมัครบัตรเครดิตแบบธรรมดาทั่วไป จะต้องมีคุณสมบัติของผู้สมัคร คือ มีงานประจำและรายได้ขั้นต่ำ 15000 บาท หรือมีเงินหมุนเวียนในบัญชีไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ย้อนหลัง 6 เดือน สำหรับนักศึกษาอย่างเราคุณสมบัติคงไม่ผ่านและขอไม่ได้แล้วไหม?! ความจริงแล้ว ไม่ได้หมดหวังซะอย่างนั้นทีเดียว เพราะวิธีการทำบัตรเครดิตของนักศึกษาเป็นไปได้แล้ว ด้วยรูปแบบที่เหมาะกับวัยเรียนและตอบโจทย์ชีวิตวัยรุ่นได้มากกว่าด้วย มาดูกันเลย
บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน
บัตรเครดิตประเภทนี้ เป็นบัตรที่ธนาคารจัดทำขึ้น เพื่อเล็งกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น รวมถึงนักเรียนนักศึกษาด้วยที่อายุถึงเกณฑ์ โดยกำหนดว่า คุณสมบัติของผู้สมัครมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 15000 บาทก็ทำได้ แค่มีรายรับเป็นเงินสด หรือมีพันธบัตรรัฐบาล, สลากออมสิน ที่เป็นหลักทรัพย์ ส่วนเงินที่ใช้ค้ำประกันจะไม่สามารถเบิกออกมาใช้จ่าย แต่เราจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากตามปกติ หรือบางธนาคารก็ออกแคมเปญมาเลยสำหรับนักศึกษาเป็นพิเศษ อย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา แค่เรานำบัตรนักศึกษามาเพื่อทำบัตรเครดิตแบบค้ำประกัน เพียงแค่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารตามวงเงินขึ้นต่ำที่กำหนดเพียง 10000 บาทเท่านั้น
และในปัจจุบัน บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกันนี้ ก็มีหลากหลายธนาคารที่เปิดโอกาสเข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์ , ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารกรุงเทพ หรือธนาคารธนชาติ ซึ่งอาจจะมีประเภทของบัตร ประเภทของบัญชีเงินฝาก และยอดเงินมาเป็นตัวกำหนดวงเงินอีกที แบบที่แตกต่างกันไป เราสนใจตัวไหน ก็สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนการสมัครได้ที่ธนาคารเหล่านั้นทุกสาขา
หากเราเป็นนักศึกษาคนนึงที่ยังไม่มีรายได้ และงานประจำแน่นอน ก็อย่างพึ่งถอดใจกันไป เพราะเราสามารถมีบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษาได้ โดยมีบัญชีธนาคารมาค้ำประกัน หรือบางคนพ่อแม่ก็โอนเงินมาผ่านทางธนาคารอยู่แล้ว หากสมัครบัตรเครดิตประเภทนี้ไป ก็สามารถกำหนดวงเงินที่ไม่มากจนเกินไปและเหมาะกับวัยเรียนอย่าเราได้ บางเดือนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็อาจยิ่งช่วยให้ไม่ต้องรบกวนเงินของพวกท่านด้วยซ้ำ เราก็สามารถวางแผนการเงินของเราเพิ่มเติมได้ด้วย
บัตรเสริมที่ใช่สำหรับเรา
ทางเลือกแรกๆ ที่หลายคนมีบัตรเครดิตมาไว้ในครอบครองแม้เป็นวัยรุ่นวัยเรียน ก็คงจะมาจากการสมัครบัตรเสริมจากบัตรหลักของคุณพ่อหรือคุณแม่นี่ล่ะ โดยถ้าบัตรหลักเป็นบัตรเครดิตของคุณพ่อคุณแม่แล้ว การสมัครบัตรเสริมเพิ่มเติมเป็นชื่อของลูก ยิ่งดำเนินเรื่องได้ง่าย เราก็จะสามารถถือบัตรเครดิตได้เลยในส่วนของบัตรแบบเสริมนี้ แต่การใช้งานทุกอย่างก็ไม่ติดขัดหรือต่างจากบัตรหลักเลย มีทั้งสิทธิประโยชน์ เครดิตเงินคืน ส่วนลด ไปจนถึงคะแนนสะสมเหมือนบัตรหลักทั้งหมด
ในส่วนของวงเงินในบัตรเสริมนั้น จะเป็นวงเงินแบบเดียวกันกับบัตรหลัก คือวงเงินร่วม เช่น ถ้าบัตรหลักมีวงเงินอยู่ที่ 100,000 บาท บัตรเสริมนั้น ก็จะมีวงเงิน 100,000 บาทเช่นเดียวกัน แต่จะมีการใช้งานร่วม ก็คือ ถ้าบัตรหลักได้รูดใช้ไปแล้ว 50000 บาท บัตรเสริมก็จะมีวงเงินเหลือ 50000 บาทด้วย และยอดรายการการใช้จ่ายของบัตรเสริมนั้น ผู้ถือบัตรหลักก็จะสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ทั้งหมด เอาเป็นว่าถ้าเราไม่มีความลับกับพ่อแม่ การถือบัตรเสริมแบบนี้ ก็ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษาได้ดีเหมือนกัน
แต่นักศึกษาที่ถือบัตรเครดิตแบบบัตรเสริมไว้อยู่นั้น เราก็ต้องมีวินัยในการใช้ แบบที่ไม่กระทบกระเทือนไปถึงคุณพ่อคุณแม่ผู้ถือบัตรหลักด้วย เช่น หากเรารูดซื้อสินค้าแล้วไม่จ่ายคืน หรือชำระค่างวด ทางธนาคารจะทวงถามมายังผู้ถือบัตรเสริมอย่างเราก่อน แต่หากติดตามไม่ได้ ก็จะต้องทวงถามไปยังผู้ถือบัตรหลัก ถ้าเรารูดเพลินจนเกินตัวหรือวางแผนการใช้จ่ายไม่ดี คุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องมาชำระเงินคืนแทนพวกเราเอาได้ จึงควรมีการใช้จ่ายแบบที่หมาะสม และได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนจึงจะสมัครบัตรเสริมแบบนี้ได้
บัตรเดบิตก็ยังใช้ได้ดี
หลายคนอาจยังสับสนระหว่าง บัตรเครดิต กับ บัตรเดบิต หรือคิดว่าเหมือนกันด้วยซ้ำ! แต่ความจริงแล้ว บัตรเดบิตของหลายๆธนาคาร เราก็สามารถใช้รูดซื้อสินค้าและชำระค่าบริการต่างๆ ได้แทบไม่ต่างกับบัตรเครดิตเลย แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ ลูกค้าที่ถือบัตรเดบิต จะไม่ได้เครดิต ยอดเงินจึงถูกหักจากบัญชีธนาคารทันทีที่มีการรูดซื้อ หรือถ้าเรามียอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถรูดได้ด้วย
ถ้าเราที่เป็นนักศึกษา แต่ไม่ได้จำเป็นกับเรื่องของยอดเครดิต แต่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน และมีสิทธิประโยชน์จากบัตรบ้างแล้วล่ะก็ การเลือกใช้บัตรเดบิต ก็ยังถือเป็นตัวช่วยที่ดี โดยธนาคารชั้นนำในทุกวันนี้ ต่างพัฒนาบัตรเดบิตให้มีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทำให้หลายคนก็หันกลับมาใช้บัตรแนวนี้กันเยอะขึ้น และสิ่งที่ถือเป็นข้อดีของบัตรเดบิต ก็คือ การไม่ต้องเป็นหนี้ เพราะเราไม่ได้มีเครดิตอยู่แล้ว ดังนั้น ก็เหมือนการใช้จ่ายเงินในบัญชีของเราผ่านบัตรเท่านั้นเอง
วิธีบริหารบัตรเครดิตในแบบที่เหมาะกับวัยรุ่น
เพราะยุคนี้แล้ว การมีบัตรเครดิตสักใบ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีรายได้ประจำเท่านั้น เพราะมีหลายสถาบันการเงินจริงๆ ที่เปิดโอกาสในวัยรุ่นที่กำลังเรียนอยู่ มีบัตรเครดิตได้ โดยการใช้เงินฝากค้ำประกัน เช่น ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือธนาคารกสิกรและกรุงศรีอยุธยา แค่มีเงินฝากค้ำประกันขั้นต่ำ จำนวน 10000 บาท แต่จะได้วงเงินสูงสุดถึง 100 % ของจำนวนเงินค้ำประกันด้วย ถ้าเราเรียนจบก็ยังสามารถใช้บัตรนี้ได้ต่อไป หรือปรับสถานะให้เป็นเหมือนบัตรเครดิตแบบปกติก็ทำได้ง่ายนิดเดียว ตามเงื่อนไขการใช้ตามแต่ละแห่ง
เพราะบทบาทที่มากขึ้นในการใช้บัตรเครดิต แม้แต่ในชีวิตประจำวันของวัยรุ่นวัยเรียนอย่างเรา ยิ่งถ้าเรารู้จักเริ่มต้นบริหารจัดการการเงินของตัวเองอย่างดีได้ ยิ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายที่มากกว่าแน่ๆในการใช้จ่าย ทำให้การจ่ายค่าเทมอ , ค่าหน่วยกิต หรือการรูดซื้อสินค้า ยังได้รับในส่วนของคะแนนสะสม ส่วนลดกับร้านค้าต่างๆ ที่ร่วมรายการ หรือสิทธิพิเศษดีๆในการช็อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย นอกจากไม่ต้องกังวลในการพกเงินสดเยอะๆ ที่เสี่ยงต่อการสูญหาย เรายังไม่เริ่มผ่อนสินค้าที่ต้องการด้วยตัวเองแบบไม่ต้องเสียดอกเบี้ยก็ทำได้ด้วย แต่เราจะ จัดการกับบัตรเครดิตนักศึกษาให้ฉลาดกว่ายังไงดี ไปเช็คลิสต์เพิ่มเติม ดังนี้
- ต้องตรวจสอบเงื่อนไขและรายละเอียดการใช้บัตรเครดิตอย่างครบถ้วนในเรื่องสำคัญๆ อย่าง วงเงิน วิธีการชำระเงิน ระยะเวลาแบบปลอดดอกเบี้ย และการสะคมคะแนน
- ระวังเรื่องการใช้จ่ายเกินตัว ใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเหมาะต่อกำลังซื้อของเรา เพื่อมีเงินพอในการจ่ายคืนตามกำหนดชำระด้วย
- การสร้างวินัยทางการเงิน โดยการจดบันทึกว่าใช้จ่ายไปอย่างไรบ้าง ไม่รอแค่ใบแจ้งยอดเท่านั้น ทางที่ดีควรเก็บสลิปเพื่อตรวจสอบกับยอดตามที่แจ้งมาด้วย
- เรื่องของการผ่อนสินค้าแบบ 0 % ไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องทำเสมอไป บางครั้งเก็บเงินก้อนไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นอาจจะดีกว่า หรือการเก็บออมเพื่อรับผลตอบแทนในอนาคต ดีกว่าการใช้เงินในอนาคตเป็นไหนๆ
- ไม่ใช่จ่ายจนเต็มวงเงินของบัตร เพราะควนกันวงเงินส่วนนึงเพื่อเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้แบบฉุกเฉินไว้ด้วยในแต่ละเดือน
- การเตรียมเงินสดไว้จ่ายเมื่อครบกำหนดชำระเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการชำระแบบเต็มจำนวน ช่วยให้เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
- เช็คคะแนนสะสมเป็นระยะๆ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร เพราะคะแนนเครดิตสามารถนำมาแลกรับส่วนลดและของรางวัลต่างๆได้ตามโปรโมชั่นของแต่ละบัตรด้วย
ในแง่ของสิทธิประโยชน์ บัตรแนวนี้ ก็ไม่ต่างกับบัตรเครดิตแบบทั่วไป แต่จะแตกต่างตรงเรื่องขั้นตอนการสมัครนี่ล่ะ เราสามารถทำบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษาได้ โดยไม่ต้องมีเอกสารแสดงรายได้กำกับ ใช้แค่เพียง บัตรนักศึกษาหรือบัตรนิสิต , บัตรประชาชน และบัญชีเงินฝากในกรณีทำแบบฝากค้ำประกัน แต่ข้อดีที่เราจะได้ ทั้งแบบบัตรเสริม หรือบัตรเดบิต ก็คือการ กำหนดวงเงินที่เหมาะสมได้ หากเรารู้จักพอประมาณ ไม่มากเกินไปตามเงินเก็บของเรา ไม่ลืมเทคนิคการจ่ายเงินคืนแบบเต็มจำนวนตามใบแจ้งยอด ก็ถือว่าเป็นการใช้บัตรเครดิตนักศึกษาอย่างชาญฉลาดและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยด้วยล่ะ!
พกได้เก๋ๆ ด้วยบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษา ตัวช่วยดีๆ ที่เราควรมีไว้!
คราวนี้ มันจะไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเราจะเจอคำว่า ‘ผ่อน 0 % 10 เดือน’ หรือ เครดิตรับเงินคืน พร้อม โปรโมชั่นพิเศษสำหรับบัตรเครดิต.. แล้วจะไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป!! เพราะ ไม่ใช่ว่าบัตรเครดิตจะมีได้เฉพาะสำหรับคนที่ทำงานแล้ว หรือประกอบธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น นักศึกษาก็ทำบัตรเครดิตได้ ดังนั้น เมื่อเราไปร้านอาหารดินเนอร์กับแฟน หรือสังสรรค์กับเพื่อน ก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีตัวช่วยที่ดีกว่าสำหรับวัยเจนฯใหม่ พกได้เก๋ๆ ด้วย ‘บัตรเคริดตสำหรับนักศึกษา’ ถือว่าเป็นตัวช่วยดีๆ หรือเป็นกลเม็ดนึงทางการเงินจากธนาคาร ที่จับกลุ่มลงมาเพื่อนักศึกษาสมัยใหม่ ทำให้เรามีตัวเลือกที่ดีในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
ถ้าหากเรามีการบริหารแบบที่เหมาะสมแล้วล่ะก็ ถือว่ายิ่งก่อประโยชน์มากเลยล่ะ ทั้งสิทธิประโยชน์ดีๆ เครดิตเงินคืนในการใช้จ่าย ที่นักศึกษาก็มีได้ เทียบเท่ารุ่นใหญ่อย่างพนักงานบริษัทหรือคนมีรายได้ประจำด้วยซ้ำ ด้วยการสมัครด้วยวิธีเด็ดๆ อย่างที่เราคุยกันไปในบทความนี้ ทั้งบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน มีเงินทิ้งไว้ในบัญชีขั้นต่ำเพียง 10000 บาท ก็ทำได้ง่ายๆแล้ว แถมยังเลือกได้จุใจ ทั้งแบบ VISA / MASTER CARD หรือ JCB ก็ยังมี รวมถึงการสมัครแบบบัตรเสริมจากคุณพ่อคุณแม่ ก็ยังใช่สำหรับเรา หรือ บัตรเดบิตที่ไม่ต้องเป็นหนี้ ก็ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน
ว่าแล้ว ก็ไปมีในครอบครองสักใบตอนนี้กันเถอะ เพื่อชีวิตวัยรุ่นที่คิดมาดี เพราะทุกคน สามารถมีเป้าหมายและเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช่สำหรับตัวเองได้ ยิ่งบวกกับการได้ลองบริหารสุขภาพการเงินเร็วเท่าไหร่ ถือว่าประเทศชาติของเราจะยิ่งมีแรงขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาและก้าวสู่สังคมยุคใหม่ได้เร็วขึ้นไปอีกเท่านั้น แต่ก็ อย่าลืมด้วยว่าการใช้ง่ายจ่ายสะดวก มันก็เพลินเกินไปได้เหมือนกัน เราจึงต้องเริ่มให้ดีเรื่องวินัยการใช้จ่าย ไม่ก่อหนี้ฟุ่ยเฟือย ที่อาจทำให้ตัวเราหรือครอบครัวเดือนร้อนไปตามๆกันนั่นเอง
siripoom
เราให้ลูกใช้เป็นบัตรเสริมค่ะเพราะว่าลูกโตพอที่สามารถใช้ได้แล้ว แต่ก็กำหนดวงเงินให้เค้าเท่าที่เค้าจะพอใช้ในแต่ละเดือน ไม่ให้เยอะ ลูกจะได้ไม่เอาเงินไปใช้สะเปะสะปะ แล้วเวลารูดเราจะรู้ด้วยว่าลูกใช้เงินไปกับอะไรบ้าง? แล้วอีกอย่างสิ่งที่สำคัญเลยคือต้องสอนเค้าให้รู้จักการใช้เงินตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ ว่าต้องทำรายรับรายจ่ายยังงัย เพื่อให้เค้าใช้เงินให้เกิดประโยชน์ที่สุด
บุปผา
เหมือนจะเป็นเทรนด์ก็เหมือนนะ การที่มีบัตรเครดิตแล้วก็บอกว่า "ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบาย เอาไว้รูดจ่ายค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ ไม่ต้องพกเงินสด ป้องกันการสูญหายหรือโจรกรรม" แต่ถามจริงเถอะ มันจำเป็นต้องใช้เหรอ? แล้วพกเงินสดกันวันนึงเท่าไหร่ จะมีใครมาขโมย นอกจากลืมกระเป๋าไว้ที่ไหนสักแห่ง เฮ้อ!เอาที่สบายใจ ควบคุมตัวเองได้ก็แล้วแต่
สายป่าน
เดี๋ยวนี้แม้แต่นักเรียนนักศึกษาก็จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตกันหมดแล้ว เผื่อไว้สำหรับตอบโจทย์การใช้ชีวิตหรือการใช้เงิน และเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับพ่อแม่ที่จะตั้งขีดจำกัดการใช้เงินให้กับลูกลูกตอนที่เรียนหรือศึกษาอยู่ด้วย บทความนี้พูดได้ดีมากเลยค่ะที่พูดถึงเกี่ยวกับบัตรเครดิตที่เหมาะสมกับลูกที่อยู่ในวัยเรียน ว่าควรใช้บัตรเครดิตแบบไหนดีที่เหมาะกับลูก
ธัญชนก
อยากใช้บัตรอะไรก็ใช้กันไปเถอะค่ะ ใช้แล้วมีเงินจ่ายด้วยละกันอย่าให้ลำบากคนอื่นนะ ใครใช้คนนั้นก็ต้องจ่าย พ่อแม่บางคนก็ต้องระวังด้วยค่ะ ต้องรู้จักลูกของตัวเองว่าเขาสามารถจัดการการเงินและควบคุมค่าใช้จ่ายของตัวเองได้มากแค่ไหน รักลูก เป็นห่วงลูกน่ะดีค่ะแต่อย่าทำร้ายลูกด้วยการให้ทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าสอนแค่วิธีกินปลาควรสอนวิธีหาปลาให้ลูกด้วยค่ะ
หัวจุก
เออ มันจะดีเหรอ ครับที่ สนับสนุนให้เด็กพวกนี้มีบัตรเครดิต เราว่า มันไม่น่าจะใช่นะ ยังไม่ได้ทำงานอะไรเลย หัดให้เป็นหนี้ซะแล้ว เราว่า อย่าสนับสนุนเลยดีกว่านะ ให้อนาคตการงานของเขาดีกว่านี้ก่อน เราว่าวัยแบบนี้ ยัง ควบคุมเรื่องการใช้เงินยังไม่ได้หลอก เราเห็นมากะตัวเจอมากะตัว หลานสาวเราเลย วัยกำลังเรียน แต่ใช้เงินยังกะคนทำงานเดือนละ20,000 บาท
Yaya
ก็ไม่ใข่ว่าเป็นการสนับสนุนให้เด็กเป็นหนี้นะคะ แต่ถ้าบ้านไหนยังให้เงินลูกใช้จ่ายออยู่แล้วก็แทนที่จะให้เป็นเงินสดก็ให้เป็นบัตรเครดิตแทน มันก็ค่าเท่ากันค่ะ อย่าตัดสินว่ามีบัตรเครดิตแล้วจะเป็หนี้อย่างเดียวสิคะมันดูไม่ค่อยดีเลย คือในบัตรเครดิตมันก็มีวงเงินจำกัดที่พ่อแม่สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ลุกๆใช้เท่าไหร่ ก็เหมือนกำหนดว่าจะให้เงินสดเท่าไหร่นั่นแหละค่ะ แต่อันนี้สะดวกกว่าค่ะคุณหัวจุกคะ
สมชาย
ผมว่าสำหรับเด็กนักเรียนบางคนอาจจะยังไม่พร้อมที่จะถือบัตรเครดิตนะครับแต่ว่าถ้าเป็นบัตรเดบิตบัตรเอทีเอ็มนี้อาจจะพอได้เพราะเด็กๆสมัยนี้ไม่ค่อยยับยั้งชั่งใจการมีบัตรเครดิตไว้ในมืออาจจะเป็นการฝึกนิสัยสร้างหนี้ตั้งแต่เด็กก็ได้ แต่ถ้าเด็กคนไหนที่มีความรับผิดชอบเรื่องเงินอยู่แล้วการถือบัตรเครดิตสักไวก็อาจจะเป็นประโยชน์มากกว่าก็ได้ครับ
ทิวาราตรี
สำหรับเรา เราไม่สนับสนุนเลยที่จะให้เด็กมีบัตรเครดิต เพราะเด็กยังหาเงินเองไม่ได้ เค้าไม่เข้าใจเท่าไหร่หรอกว่าการเป็นหนี้เป็นยังไง...แต่สำหรับเราที่เป็นพ่อแม่ต้องมานั่งรับภาระจ่ายหนี้ให้ ตราบใดที่เขายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่ เขาไม่ทางเข้าใจได้หรอกค่ะว่าระเบียบวินัยทางการเงินเป็นยังไง สำหรับเราเราไม่กสนับสนุนให้เด็กมีบัตรเครดิตเลยค่ะ
Jennine
ขอเป็นอีกหนึ่งคนที่ค้านแนวคิดเรื่องการให้เด็กๆมีบัตรแบบนี้คะ เราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งคะที่จะให้เขาเข้าถึงการบริการเงินด่วนแบบนี้คะ เราเห็นว่าเด็กวัยนี้ยังไม่สมควรที่จะใช้คะ เพราะเขายังไม่มีความรับผิดชอบที่เพียงพอ บางครั้งตัดสินใจอะไรเร็วไปหน่อยโดยไม่คิดคะ การที่เขาเหล่านี้มีบัตรเครดิต ติดไว้ที่ตัวเขา เปรียบกับว่าเรากำลังเอายาพิษให้เขาเลยคะ
พลู
เดี๋ยวนี้มีบัตรเครดิตที่ออกแบบมาให้นักเรียนนักศึกษาได้ใช้กันแล้วนะคะโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินเดือน ตามกำหนดที่ธนาคารได้กำหนดแล้ว แต่เป็นการใช้วงเงินเพื่อค้ำประกันและออกบัตรเครดิต ในวงเงินที่เอามาค้ำประกันก็จะไม่สามารถเอาไปใช้จ่ายได้ ตอนนี้มีขั้นต่ำอยู่ที่ 1 หมื่นบาทเอง แต่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยกับไปแทน
Maji
พูดถึงการใช้จ่ายแบบสะดวกสบายจริงๆในทุกวันนี้นะ ใช้กระเป๋าตังค์ดิจิตอล พวก wallet ต่างๆคือสะดวกที่สุดแล้ว คือไม่ต้องพกเงินสดไม่ต้องพกกระเป๋าตังค์ด้วยซ้ำ ก็แค่โทรศัพท์มือถือเพราะปกติเราก็ใช้โทรศัพท์มือถือกันอยู่แล้ว คล้ายๆแบบนี้ไม่เป็นหนี้สบายใจด้วย ไม่ต้องควบคุมตัวเองมากเกินไปเพราะใช้เท่าที่มี มีเงินน้อยก็ใช้น้อยมีมากก็ใช้มากเป็นเงินของเรา
Finnee23-
เรื่องบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องภายในครอบครัวนะคะ อย่างเช่น การให้ลูกพกบัตรเครดิตทั้งที่ยังเรียนอยู่ สามารถเห็นได้จากคอมเม้นท์ด้านบนที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับพ่อ แม่และลูกๆของเขา ด้วยความหวังดีนะคะ ขอบอกแค่ว่า มั่นใจแล้วนะว่าลูกของคุณจะรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้
หลิว
หลายคนอาจจะบอกนะว่าเด็กๆหรือวัยรุ่นไหนยังไม่จำเป็นต้องมีบัตรเครดิตก็ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์นะ เราจะต้องส่งเงินให้เขาอยู่แล้วเป็นเงินสดให้เขาไปกดมาใช้ เราก็เลิกจะสมัครบัตรเครดิตให้เขาแทนเพราะว่าใช้จ่ายที่กรุงเทพฯใช้บัตรเครดิตสะดวกกว่าหลายๆเรื่อง ทั้งการเดินทางการซื้อของ แล้วก็ค่าใช้จ่ายรายเดือนต่างๆ ป้าก็เลยสมัครบัตรเครดิตให้ลูกค่ะ
Matin
เดี๋ยวนี้นะถ้าใครอ้างว่า อยากจะใช้บัตรเครดิต หรืออยากให้พ่อแม่สมัครบัตรเครดิตให้ อยากเอามาใช้แทนเงินสดมันสะดวกดี ผมว่าอ้างไม่ได้แล้วนะครับ ถ้าเกิดคนเป็นพ่อเป็นแม่ตามทันเทคโนโลยีใหม่ๆ เพราะว่าการไม่ใช้เงินสด มันมีวิธีอื่นอีกเยอะโดยที่ไม่ต้องเป็นหนี้ ก็ให้ลูกๆของคุณจ่ายผ่านแอปต่างๆ สมัครใช้กระเป๋าตังค์ดิจิตอล แบบนี้ก็สะดวกแล้วครับ
สุภาพร
ยังเรียนอยู่ แล้วจะทำบัตรเครดิตเหรอ คิดว่าไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอนคะ เพราะเอาง่ายๆเลย คนที่จะทำบัตรเครดิต เอาแบบทั่วๆไปเลยนะต้องมีเงินเดือนที่ 15,000 บาท คนที่เรียนอยู่ เงินเดือนน่าจะไม่ถึง 1หมื่นอย่างแน่นอน คิดว่าเรื่องทำบัตร อาจจะต้องรอให้เรียนจบ ป.ตรีก่อนไหมคะ ถึงค่อยไปคิดอีกทีว่าจะทำหรือไม่ทำดี