คำถามยอดฮิต เกิดขึ้นแล้วว่า ‘นักศึกษาทำบัตรเครดิตได้ไหม?!’ เพราะทุกวันนี้ วัยรุ่นวัยเรียน ก็เล็งเห็นผลประโยชน์ที่มากกว่า ถ้าเรามีบัตรเครดิตไว้สักใบ คงช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายและง่ายขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการรูดจ่ายค่าสินค้าหรือบริการต่างๆ โดยไม่ต้องพกเงินสดช่วยป้องกันการสูญหายหรือโจรกรรมได้ดี หรือเรื่องการผ่อนจ่ายคืนทีหลังแบบปลอดดอกเบี้ย 0%  หากครบเดือนก็มีใบแจ้งยอดค่าใช้จ่ายให้เราตรวจสอบการใช้จ่ายได้เป็นระเบียบ แถมมีส่วนลดและโปรโมชั่นการชำระเงินที่มากกว่า เครดิตเงินคืนสำหรับการช็อปปิ้งออนไลน์ อย่างแอพพลิเคชั่นยอดฮิตทั้ง Lazada Shopee หรือการสะสมไมล์และสะสมคะแนนในแบบที่เงินสดก็ให้เราไม่ได้เมื่อจองตั๋วเครื่องบินหรือจองโรงแรมผ่าน Traveloka ที่มักตัดเงินจากบัตรเครดิต หรือ Grab และ Line Man ด้วย เพื่อให้ทันกับเทรนด์ดิจิทัลในสังคมเรา

แต่อย่างที่เรารู้ๆกันอยู่ ปกติแล้วการสมัครบัตรเครดิตแบบธรรมดาทั่วไป จะต้องมีคุณสมบัติของผู้สมัคร คือ มีงานประจำและรายได้ขั้นต่ำ 15000 บาท หรือมีเงินหมุนเวียนในบัญชีไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท ย้อนหลัง 6 เดือน สำหรับนักศึกษาอย่างเราคุณสมบัติคงไม่ผ่านและขอไม่ได้แล้วไหม?! ความจริงแล้ว ไม่ได้หมดหวังซะอย่างนั้นทีเดียว เพราะวิธีการทำบัตรเครดิตของนักศึกษาเป็นไปได้แล้ว ด้วยรูปแบบที่เหมาะกับวัยเรียนและตอบโจทย์ชีวิตวัยรุ่นได้มากกว่าด้วย มาดูกันเลย

บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน

บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน

บัตรเครดิตประเภทนี้ เป็นบัตรที่ธนาคารจัดทำขึ้น เพื่อเล็งกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น รวมถึงนักเรียนนักศึกษาด้วยที่อายุถึงเกณฑ์ โดยกำหนดว่า คุณสมบัติของผู้สมัครมีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 15000 บาทก็ทำได้ แค่มีรายรับเป็นเงินสด หรือมีพันธบัตรรัฐบาล, สลากออมสิน ที่เป็นหลักทรัพย์ ส่วนเงินที่ใช้ค้ำประกันจะไม่สามารถเบิกออกมาใช้จ่าย แต่เราจะได้รับดอกเบี้ยเงินฝากตามปกติ หรือบางธนาคารก็ออกแคมเปญมาเลยสำหรับนักศึกษาเป็นพิเศษ อย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา แค่เรานำบัตรนักศึกษามาเพื่อทำบัตรเครดิตแบบค้ำประกัน เพียงแค่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารตามวงเงินขึ้นต่ำที่กำหนดเพียง 10000 บาทเท่านั้น

และในปัจจุบัน บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกันนี้ ก็มีหลากหลายธนาคารที่เปิดโอกาสเข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารไทยพาณิชย์ , ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารกรุงเทพ หรือธนาคารธนชาติ ซึ่งอาจจะมีประเภทของบัตร ประเภทของบัญชีเงินฝาก และยอดเงินมาเป็นตัวกำหนดวงเงินอีกที แบบที่แตกต่างกันไป เราสนใจตัวไหน ก็สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนการสมัครได้ที่ธนาคารเหล่านั้นทุกสาขา

หากเราเป็นนักศึกษาคนนึงที่ยังไม่มีรายได้ และงานประจำแน่นอน ก็อย่างพึ่งถอดใจกันไป เพราะเราสามารถมีบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษาได้ โดยมีบัญชีธนาคารมาค้ำประกัน หรือบางคนพ่อแม่ก็โอนเงินมาผ่านทางธนาคารอยู่แล้ว หากสมัครบัตรเครดิตประเภทนี้ไป ก็สามารถกำหนดวงเงินที่ไม่มากจนเกินไปและเหมาะกับวัยเรียนอย่าเราได้ บางเดือนทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็อาจยิ่งช่วยให้ไม่ต้องรบกวนเงินของพวกท่านด้วยซ้ำ เราก็สามารถวางแผนการเงินของเราเพิ่มเติมได้ด้วย

บัตรเสริมที่ใช่สำหรับเรา

บัตรเสริมที่ใช่สำหรับเรา

ทางเลือกแรกๆ ที่หลายคนมีบัตรเครดิตมาไว้ในครอบครองแม้เป็นวัยรุ่นวัยเรียน ก็คงจะมาจากการสมัครบัตรเสริมจากบัตรหลักของคุณพ่อหรือคุณแม่นี่ล่ะ  โดยถ้าบัตรหลักเป็นบัตรเครดิตของคุณพ่อคุณแม่แล้ว การสมัครบัตรเสริมเพิ่มเติมเป็นชื่อของลูก ยิ่งดำเนินเรื่องได้ง่าย เราก็จะสามารถถือบัตรเครดิตได้เลยในส่วนของบัตรแบบเสริมนี้ แต่การใช้งานทุกอย่างก็ไม่ติดขัดหรือต่างจากบัตรหลักเลย มีทั้งสิทธิประโยชน์ เครดิตเงินคืน ส่วนลด ไปจนถึงคะแนนสะสมเหมือนบัตรหลักทั้งหมด

ในส่วนของวงเงินในบัตรเสริมนั้น จะเป็นวงเงินแบบเดียวกันกับบัตรหลัก คือวงเงินร่วม เช่น ถ้าบัตรหลักมีวงเงินอยู่ที่ 100,000 บาท บัตรเสริมนั้น ก็จะมีวงเงิน 100,000 บาทเช่นเดียวกัน แต่จะมีการใช้งานร่วม ก็คือ ถ้าบัตรหลักได้รูดใช้ไปแล้ว 50000 บาท บัตรเสริมก็จะมีวงเงินเหลือ 50000 บาทด้วย และยอดรายการการใช้จ่ายของบัตรเสริมนั้น ผู้ถือบัตรหลักก็จะสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้ทั้งหมด เอาเป็นว่าถ้าเราไม่มีความลับกับพ่อแม่ การถือบัตรเสริมแบบนี้ ก็ตอบโจทย์นักเรียนนักศึกษาได้ดีเหมือนกัน

แต่นักศึกษาที่ถือบัตรเครดิตแบบบัตรเสริมไว้อยู่นั้น เราก็ต้องมีวินัยในการใช้ แบบที่ไม่กระทบกระเทือนไปถึงคุณพ่อคุณแม่ผู้ถือบัตรหลักด้วย เช่น หากเรารูดซื้อสินค้าแล้วไม่จ่ายคืน หรือชำระค่างวด ทางธนาคารจะทวงถามมายังผู้ถือบัตรเสริมอย่างเราก่อน  แต่หากติดตามไม่ได้ ก็จะต้องทวงถามไปยังผู้ถือบัตรหลัก ถ้าเรารูดเพลินจนเกินตัวหรือวางแผนการใช้จ่ายไม่ดี คุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องมาชำระเงินคืนแทนพวกเราเอาได้ จึงควรมีการใช้จ่ายแบบที่หมาะสม และได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองก่อนจึงจะสมัครบัตรเสริมแบบนี้ได้

บัตรเดบิตก็ยังใช้ได้ดี

บัตรเดบิตก็ยังใช้ได้ดี

หลายคนอาจยังสับสนระหว่าง บัตรเครดิต กับ บัตรเดบิต หรือคิดว่าเหมือนกันด้วยซ้ำ! แต่ความจริงแล้ว บัตรเดบิตของหลายๆธนาคาร เราก็สามารถใช้รูดซื้อสินค้าและชำระค่าบริการต่างๆ ได้แทบไม่ต่างกับบัตรเครดิตเลย แต่ความแตกต่างจะอยู่ที่ ลูกค้าที่ถือบัตรเดบิต จะไม่ได้เครดิต ยอดเงินจึงถูกหักจากบัญชีธนาคารทันทีที่มีการรูดซื้อ หรือถ้าเรามียอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถรูดได้ด้วย

ถ้าเราที่เป็นนักศึกษา แต่ไม่ได้จำเป็นกับเรื่องของยอดเครดิต แต่ต้องการความสะดวกในการใช้งาน และมีสิทธิประโยชน์จากบัตรบ้างแล้วล่ะก็ การเลือกใช้บัตรเดบิต ก็ยังถือเป็นตัวช่วยที่ดี  โดยธนาคารชั้นนำในทุกวันนี้ ต่างพัฒนาบัตรเดบิตให้มีสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทำให้หลายคนก็หันกลับมาใช้บัตรแนวนี้กันเยอะขึ้น และสิ่งที่ถือเป็นข้อดีของบัตรเดบิต ก็คือ การไม่ต้องเป็นหนี้ เพราะเราไม่ได้มีเครดิตอยู่แล้ว ดังนั้น ก็เหมือนการใช้จ่ายเงินในบัญชีของเราผ่านบัตรเท่านั้นเอง

วิธีบริหารบัตรเครดิตในแบบที่เหมาะกับวัยรุ่น

วิธีบริหารบัตรเครดิตในแบบที่เหมาะกับวัยรุ่น

เพราะยุคนี้แล้ว การมีบัตรเครดิตสักใบ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีรายได้ประจำเท่านั้น เพราะมีหลายสถาบันการเงินจริงๆ ที่เปิดโอกาสในวัยรุ่นที่กำลังเรียนอยู่ มีบัตรเครดิตได้ โดยการใช้เงินฝากค้ำประกัน เช่น ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือธนาคารกสิกรและกรุงศรีอยุธยา แค่มีเงินฝากค้ำประกันขั้นต่ำ จำนวน  10000 บาท แต่จะได้วงเงินสูงสุดถึง 100 % ของจำนวนเงินค้ำประกันด้วย ถ้าเราเรียนจบก็ยังสามารถใช้บัตรนี้ได้ต่อไป หรือปรับสถานะให้เป็นเหมือนบัตรเครดิตแบบปกติก็ทำได้ง่ายนิดเดียว ตามเงื่อนไขการใช้ตามแต่ละแห่ง

เพราะบทบาทที่มากขึ้นในการใช้บัตรเครดิต แม้แต่ในชีวิตประจำวันของวัยรุ่นวัยเรียนอย่างเรา ยิ่งถ้าเรารู้จักเริ่มต้นบริหารจัดการการเงินของตัวเองอย่างดีได้ ยิ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายที่มากกว่าแน่ๆในการใช้จ่าย ทำให้การจ่ายค่าเทมอ , ค่าหน่วยกิต หรือการรูดซื้อสินค้า ยังได้รับในส่วนของคะแนนสะสม ส่วนลดกับร้านค้าต่างๆ ที่ร่วมรายการ  หรือสิทธิพิเศษดีๆในการช็อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย นอกจากไม่ต้องกังวลในการพกเงินสดเยอะๆ ที่เสี่ยงต่อการสูญหาย เรายังไม่เริ่มผ่อนสินค้าที่ต้องการด้วยตัวเองแบบไม่ต้องเสียดอกเบี้ยก็ทำได้ด้วย แต่เราจะ จัดการกับบัตรเครดิตนักศึกษาให้ฉลาดกว่ายังไงดี ไปเช็คลิสต์เพิ่มเติม ดังนี้

  • ต้องตรวจสอบเงื่อนไขและรายละเอียดการใช้บัตรเครดิตอย่างครบถ้วนในเรื่องสำคัญๆ อย่าง วงเงิน วิธีการชำระเงิน ระยะเวลาแบบปลอดดอกเบี้ย และการสะคมคะแนน
  • ระวังเรื่องการใช้จ่ายเกินตัว ใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเหมาะต่อกำลังซื้อของเรา เพื่อมีเงินพอในการจ่ายคืนตามกำหนดชำระด้วย
  • การสร้างวินัยทางการเงิน โดยการจดบันทึกว่าใช้จ่ายไปอย่างไรบ้าง ไม่รอแค่ใบแจ้งยอดเท่านั้น ทางที่ดีควรเก็บสลิปเพื่อตรวจสอบกับยอดตามที่แจ้งมาด้วย
  • เรื่องของการผ่อนสินค้าแบบ 0 % ไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องทำเสมอไป บางครั้งเก็บเงินก้อนไว้ใช้จ่ายยามจำเป็นอาจจะดีกว่า หรือการเก็บออมเพื่อรับผลตอบแทนในอนาคต ดีกว่าการใช้เงินในอนาคตเป็นไหนๆ
  • ไม่ใช่จ่ายจนเต็มวงเงินของบัตร เพราะควนกันวงเงินส่วนนึงเพื่อเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้แบบฉุกเฉินไว้ด้วยในแต่ละเดือน
  • การเตรียมเงินสดไว้จ่ายเมื่อครบกำหนดชำระเป็นเรื่องสำคัญ เพราะการชำระแบบเต็มจำนวน ช่วยให้เราไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม
  • เช็คคะแนนสะสมเป็นระยะๆ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร เพราะคะแนนเครดิตสามารถนำมาแลกรับส่วนลดและของรางวัลต่างๆได้ตามโปรโมชั่นของแต่ละบัตรด้วย

ในแง่ของสิทธิประโยชน์ บัตรแนวนี้ ก็ไม่ต่างกับบัตรเครดิตแบบทั่วไป แต่จะแตกต่างตรงเรื่องขั้นตอนการสมัครนี่ล่ะ เราสามารถทำบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษาได้ โดยไม่ต้องมีเอกสารแสดงรายได้กำกับ ใช้แค่เพียง บัตรนักศึกษาหรือบัตรนิสิต , บัตรประชาชน และบัญชีเงินฝากในกรณีทำแบบฝากค้ำประกัน แต่ข้อดีที่เราจะได้ ทั้งแบบบัตรเสริม หรือบัตรเดบิต ก็คือการ กำหนดวงเงินที่เหมาะสมได้ หากเรารู้จักพอประมาณ ไม่มากเกินไปตามเงินเก็บของเรา ไม่ลืมเทคนิคการจ่ายเงินคืนแบบเต็มจำนวนตามใบแจ้งยอด ก็ถือว่าเป็นการใช้บัตรเครดิตนักศึกษาอย่างชาญฉลาดและไม่ต้องเสียดอกเบี้ยด้วยล่ะ!

พกได้เก๋ๆ ด้วยบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษา ตัวช่วยดีๆ ที่เราควรมีไว้!

พกได้เก๋ๆ ด้วยบัตรเครดิตสำหรับนักศึกษา ตัวช่วยดีๆ ที่เราควรมีไว้!

คราวนี้ มันจะไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเราจะเจอคำว่า ‘ผ่อน 0 % 10 เดือน’ หรือ เครดิตรับเงินคืน พร้อม โปรโมชั่นพิเศษสำหรับบัตรเครดิต.. แล้วจะไม่ใช่ข้อจำกัดอีกต่อไป!! เพราะ ไม่ใช่ว่าบัตรเครดิตจะมีได้เฉพาะสำหรับคนที่ทำงานแล้ว หรือประกอบธุรกิจส่วนตัวเท่านั้น นักศึกษาก็ทำบัตรเครดิตได้  ดังนั้น  เมื่อเราไปร้านอาหารดินเนอร์กับแฟน หรือสังสรรค์กับเพื่อน ก็ไม่ต้องกังวลเพราะมีตัวช่วยที่ดีกว่าสำหรับวัยเจนฯใหม่ พกได้เก๋ๆ ด้วย ‘บัตรเคริดตสำหรับนักศึกษา’ ถือว่าเป็นตัวช่วยดีๆ หรือเป็นกลเม็ดนึงทางการเงินจากธนาคาร ที่จับกลุ่มลงมาเพื่อนักศึกษาสมัยใหม่ ทำให้เรามีตัวเลือกที่ดีในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

ถ้าหากเรามีการบริหารแบบที่เหมาะสมแล้วล่ะก็ ถือว่ายิ่งก่อประโยชน์มากเลยล่ะ ทั้งสิทธิประโยชน์ดีๆ เครดิตเงินคืนในการใช้จ่าย ที่นักศึกษาก็มีได้ เทียบเท่ารุ่นใหญ่อย่างพนักงานบริษัทหรือคนมีรายได้ประจำด้วยซ้ำ ด้วยการสมัครด้วยวิธีเด็ดๆ อย่างที่เราคุยกันไปในบทความนี้ ทั้งบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน มีเงินทิ้งไว้ในบัญชีขั้นต่ำเพียง 10000 บาท ก็ทำได้ง่ายๆแล้ว แถมยังเลือกได้จุใจ ทั้งแบบ VISA / MASTER CARD หรือ JCB ก็ยังมี รวมถึงการสมัครแบบบัตรเสริมจากคุณพ่อคุณแม่ ก็ยังใช่สำหรับเรา หรือ บัตรเดบิตที่ไม่ต้องเป็นหนี้ ก็ไม่ควรมองข้ามด้วยเช่นกัน

ว่าแล้ว ก็ไปมีในครอบครองสักใบตอนนี้กันเถอะ เพื่อชีวิตวัยรุ่นที่คิดมาดี เพราะทุกคน สามารถมีเป้าหมายและเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ใช่สำหรับตัวเองได้ ยิ่งบวกกับการได้ลองบริหารสุขภาพการเงินเร็วเท่าไหร่ ถือว่าประเทศชาติของเราจะยิ่งมีแรงขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาและก้าวสู่สังคมยุคใหม่ได้เร็วขึ้นไปอีกเท่านั้น แต่ก็ อย่าลืมด้วยว่าการใช้ง่ายจ่ายสะดวก มันก็เพลินเกินไปได้เหมือนกัน เราจึงต้องเริ่มให้ดีเรื่องวินัยการใช้จ่าย ไม่ก่อหนี้ฟุ่ยเฟือย ที่อาจทำให้ตัวเราหรือครอบครัวเดือนร้อนไปตามๆกันนั่นเอง